สิ่งที่พวกเขาเห็นมีเพียงขาขาวคู่หนึ่งลอยไปมาแม้ว่าเหลิ่งซวงจะโกรธมาก แต่เธอก็ยังควบคุมตัวเองไม่ให้ใช้พละกำลังทั้งหมดเพื่อนร่วมชั้นต่างก็รู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นการกระทำของเหลิ่งซวงในเวลาไม่ถึงสิบนาที มีเรื่องน่าเหลือเชื่อมากมายเกิดขึ้นจนพวกเขาไม่สามารถแยกแยะความคิดของตนเองได้เลย“พี่ จะจัดการกับสิ่งเหล่านี้ยังไง?” เหลิ่งซวงถาม“ไอ้สารเลวสองคนนี้อยากจะมีเรื่องกับพี่สะใภ้เธอ” หลินเซียวชี้ไปที่จ้าวหู่และฟู่ตงฮุย แล้วพูดกับเหลิ่งซวงว่า“ทำให้พวกเขาหายไป ทำให้พวกเขารู้ว่ามีบางคนที่เขาลบหลู่ไม่ได้ "ใบหน้าของหลินเซียวมีท่าทีนิ่งสงบราวกับน้ำที่นิ่งเงียบ เขาเพียงแต่พูดด้วยถ้อยคำช้าๆ แต่ทุกคำพูดกลับดูน่าเกรงขามนี่เป็นครั้งแรกที่ซูหว่านเอ๋อร์เห็นหลินเซียวที่เย็นชาและเคร่งขรึมขนาดนี้ ในขณะนี้เขามีนิสัยที่น่าเกรงขาม แม้แต่เธอก็ยังมีความรู้สึกหลงใหลเขาเล็กน้อยคนอื่นไม่เข้าใจว่าหลินเซียวหมายถึงอะไร แต่เหลิ่งซวงเข้าใจในทันที "รับทราบค่ะ"ในฐานะราชามังกร หลินเซียวมีความเด็ดเดี่ยวในสนามรบและไม่เคยที่จะลังเลเหตุผลที่จะฆ่าจ้าวหู่และฟู่ตงฮุยให้หมดสิ้น ไม่เพียงเพื่อปกป้องซูหว่านเอ๋อร์เท่านั้
“ตอนนี้ยังไม่จองโรงแรม แต่ในวันแต่งงานพวกคุณสามารถไปที่บ้านซูก่อนได้นะ ถึงเวลานั้นผมจะให้คนขับรถมารับพวกคุณทั้งหมดไปที่โรงแรม” หลินเซียวไม่ได้เล่าถึงโรงแรมรุ่ยหลงโดยตรง ถ้าเขาบอกสถานที่จัดงานแต่ง ให้ทุกคนรอตอนนี้ การเซอร์ไพรส์ก็จะหายไป“ถ้าอย่างนั้นก็ตกลง ถึงเวลาเราจะไปบ้านซู และรอให้คุณไปรับหว่านเอ๋อร์กับเรา!”“งานแต่งงานกำลังจะมาถึงอีกไม่กี่วันแล้ว ฉันนับวันรออยู่เรื่อยๆ”“หว่านเอ๋อร์และฉันมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก ฉันจะมางานแต่งของเธอแน่นอน”……หลังจากที่ทุกคนทักทายกันไม่กี่คำ หลินเซียวก็ขับรถออกไปพร้อมกับซูหว่านเอ๋อร์และจางเหยา“หลินเซียว ถ้าคุณชวนเพื่อนร่วมชั้นของฉันมางานแต่งงาน คุณแน่ใจจริงๆ เหรอว่างานแต่งงานจะจัดขึ้นได้ดี” ซูหว่านเอ๋อร์ถาม“ที่รัก เกิดอะไรขึ้นกันนะ คุณยังไม่เชื่อใจผมหรอ?” หลินเซียวหัวเราะ“ไม่ใช่ว่าฉันไม่เชื่อคุณ ฉันแค่สงสัยนิดหน่อย” ซูหว่านเอ๋อร์ก็ลืมตาขึ้นในครั้งนี้ หลินเซียวไม่ใช่ผู้แพ้อย่างแน่นอน เขาซ่อนมันไว้อย่างลึกซึ้ง ในขณะนี้ ซูหว่านเอ๋อร์รู้สึกว่าหลินเซียวแปลกไปนิดหน่อย เธอถึงกับรู้สึกว่าเธอไม่เข้าใจหลินเซียวเลยจริงๆ“หว่านเอ๋อร์ ตอนนี้ฉันตั
มีลูกค้าบางคนในโรงแรมได้ยินเสียงการต่อสู้กัน ก็เลยโทรหากรมกำกับดูแลกรมกำกับดูแลเมื่อทราบเรื่องว่ามีคนทะเลาะวิวาทต่อยตีกัน จึงได้ส่งคนมายังสถานที่เกิดเหตุพอมาถึงที่ห้องวีไอพี คนของกรมกำกับดูแลก็เห็นภาพตรงหน้าอันโหดร้าย รอยเลือดบนพื้นยังไม่ทันแห้งดี ลูกน้องของเหลิ่งซวงกำลังควบคุมตัวของจ้าวหู่และฟู่ตงฮุยอยู่ลูกน้องของเหลิ่งซวงสวมใส่เสื้อผ้าธรรมดา คนของกรมกำกับดูแลไม่มีทางรู้ตัวตนของพวกเขาเลย คิดว่าคงจะเป็นคนที่ทะเลาะวิวาทต่อตีกันธรรมดาคนของกรมกำกับดูแลไม่มีการลังเลแต่อย่างใด ควักปืนออกมาจ่อไปยังพวกของเหลิ่งซวงลูกน้องของเหลิ่งซวงก็ก้าวออกมา และจ่อปืนกลับไปเช่นกัน บรรยากาศของทั้งสองฝ่ายเปลี่ยนไปตึงเครียดเล็กน้อยสีหน้าคนของกรมกำกับดูแลตกตะลึง คนพวกนี้เป็นใครกันแน่ คิดไม่ถึงเลยว่าจะพกปืนกันด้วย!“พวกแกไม่มีทางให้หนีแล้ว ตอนนี้วางอาวุธลงซะ ยังมีโอกาสผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ ถ้าขัดขืนล่ะก็ โดนยิงตายกันหมดนี้แน่!” หัวหน้าทีมพูดขึ้น“ทุกท่านใจเย็นกันก่อนสิ มีอะไรเข้าใจผิดกันแล้ว คุณดูนี่สิว่าคืออะไร ….” เหลิ่งซวงก็คิดไว้แล้วว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้น เธอจึงเตรียมการไว้พร้อมตั้งแต่แรกอยู
“อย่า! ฉันยังไม่อยากตาย!” จ้าวหู่ข้อร้องวิงวอนขึ้น“ไว้ชีวิตหมาตัวนี้ด้วยเถอะนะนะครับ ผมก็แค่ปากพล่อยไป ไม่ได้คิดจะทำอะไรคุณผู้หญิงของราชามังกรเลยนะครับ!” ฟู่ตงฮุยหวาดกลัวจัดเมื่ออยู่ต่อหน้าความตาย จ้าวหู่และฟู่ตงฮุยก็กลัวจนขี้ราดเยี่ยวราดพวกเขาปล้นฆ่าคนจริง และก็ถือได้ว่าโหดร้ายทารุณเป็นอย่างมาก แต่เมื่อตนเองต้องอยู่ต่อหน้าสถานการณ์แบบนี้ ในใจก็เต็มไปด้วยความกลัวถึงขีดสุดตอนนี้จ้าวหู่เสียใจที่ทำเรื่องพวกนี้ลงไป ตัวเองไม่ควรมีความคิดชั่วๆ ต่อภรรยาของหลินเซียวเลย ตอนนี้แม้แต่ชีวิตต่ำต้อยก็รักษาไว้ไม่ได้แล้วฟู่ตงฮุยก็เสียใจอย่างที่สุดเช่นกัน ตนยังไม่ได้ทำอะไรเลยแท้ แค่ไปงานเลี้ยงกับเสวียลี่ลี่และอยากโชว์พาวเอาหน้า จากนั้นก็คิดไม่ดีกับภรรยาของหลินเซียวแค่นั้นเอง สุดท้ายก็ตาย!“ลงมือ!” เหลิ่งซวงออกคำสั่ง“ปังปังปัง!”เสียงปืนดังกึกก้องจ้าวหู่และฟู่ตงฮุยได้ตายไป……หลินเซียวได้ส่งจางเหยามาถึงใต้ตึกของคอนโดจางเหยายังเป็นกังวลว่าหลินเซียวจะไม่มีทางจัดงานแต่งได้ทัน ก็เลยพูดขึ้นไปว่า: “หลินเซียว ถ้าคุณมีปัญหาด้านทุนทรัพย์ก็บอกฉันได้นะคะ ฉันก็อยากจะให้หว่านเอ๋อร์มีเงินแต่งงานท
“เฮ้อ ถ้ารู้ว่าเธอจะมีวันนี้นะ ฉันก็คงจะไม่ทำกับเธอแบบนั้นหรอก” ตอนนี้ท่านย่าซูเสียใจอย่างถึงที่สุดเธอพูดขึ้นต่ออีกว่า: “เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ไม่ว่ายังไงก็ต้องให้เธอช่วยเหลือตระกูลซูสักหน่อย”“ท่านย่าครับ ตอนแรกที่ท่านย่าไล่ซูหว่านเอ๋อร์กับหลินเซียว หลินเซียวเหมือนจะบอกว่า ถ้ามีเรื่องอะไรก็อย่ามาขอให้ซูหว่านเอ๋อร์ช่วยเหลือ ตอนนี้พวกเราไปขอร้องเธอ งั้นศักดิ์ศรีของท่านย่าก็จะ…..” ซูจื้อเฉียงพูดขึ้น“ฉันอายุปูนนี้แล้ว จะไปขอร้องเธอด้วยตัวเองได้ยังไง เรื่องนี้ให้พวกเธอสองคนพี่น้องไปจัดการจะดีกว่า ถ้าหว่านเอ๋อร์ช่วยตระกูลซูของเราได้จริงๆ พวกเธอสองคนก็จะถือว่าได้ทำผลงานชั้นยอดให้กับตระกูล”“แต่ว่านะครับท่านย่า ตอนแรกผมเอ่ยปากออกไปแล้วว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะไปขอให้เขาช่วย ถ้าตอนนี้กลับคำ มันดูขายขี้หน้ามากเหมือนกันครับ ผมไม่อยากไปเลย” ซูจื้อเฉียงพูดขึ้นด้วยอาการร้อนรนเล็กน้อย“ใช่ค่ะ หนูก็ไม่อยากไป แค่คิดว่าเธอต้องใช้โอกาสนี้ทำให้หนูต้องอับอาย หนูก็รู้สึกว่ามันไร้ศักดิ์ศรีมากเลยค่ะ” ซูชิงเอ๋อร์ก็ไม่อยากไปขอร้องซูหว่านเอ๋อร์เช่นกัน“ศักดิ์ศรี? ศักดิ์ศรีมันกินไม่ได้นะหลาน ตอนนั้นใครให้พว
“แน่นอนอยู่แล้วครับ ถึงตอนนั้นผมจะขับรถที่หรูที่สุดไปให้หมดเลยครับ!” เฉียนว่านชิงพูดขึ้น“อย่าว่าแต่รถหรูเลย ขับเฮลิคอปเตอร์ไปผมก็ทำได้เหมือนกันนะครับ!” ซุนเฟิงพูดขึ้น“เรื่องอวดรวยน่ะ ผมถนัดเลยล่ะ” โจวเจิ้งคุนพูดขึ้น“รถในโรงรถของผมฝุ่นเขรอะไปหมดแล้ว ครั้งนี้เป็นโอกาสที่ดีจะได้ขับออกมซักอดี” ลู่หงพูดขึ้น“เดิมทีเรื่องนี้ก็ไม่ต้องใช้พวกคุณหรอก แต่คุณหนูรองของตระกูลซูต้องการแข่งกับราชามังกรว่างานแต่งของใครยิ่งใหญ่กว่ากัน งานแต่งของพวกเขาทั้งสองจัดขึ้นในวันเดียวกันพอดี ดังนั้นถึงได้ให้พวกคุณทุกคนไปช่วยเชิดหน้าชูตาในงานแต่งที่เมืองหนานหู และเป็นถึงงานแต่งงานของราชามังกรจะแพ้ให้กับคนอื่นได้ยังไงกัน” เหลิ่งซวงพูดขึ้นทุกคนในเมืองรู้เรื่องนี้กันหมดแล้ว“มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ? กบในกะลาของเมืองหนานหูก็อยากแข่งกับราชามังกรด้วย? มันช่างหน้าไม่อายซะจริง!”“คุณหนูรองของตระกูลซูเพี้ยนไปแล้วหรือเปล่า?”“รอให้ถึงวันนั้น พวกเราต้องทำให้คุณหนูรองของตระกูลซูเสียหน้าอย่างแน่นอน!”คุณชายทุกคนได้แสดงท่าทีของตัวเองแล้ว“พอได้แล้ว หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว ฉันยังมีธุระที่ต้องไปทำ พวกคุณก็เป็นคนมีหน้า
หลินเซียวที่กำลังทำอาหารอยู่ก็ได้ยินที่สองพี่น้องตระกูลซูคุยกับซูหว่านเอ๋อร์ เดิมทีรู้สึกว่าถ้าสองพี่น้องนี้ยอมสักหน่อย และทำตัวดีสักหน่อย ก็จะให้โครงการกับพวกเขาเลย ในเมื่อตัวเองก็ไม่ใช่คนที่จะไปคิดเล็กคิดน้อยจนเกินเหตุอยู่แล้วใครจะไปรู้ว่าสองคนนี้จะไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ไม่ได้ทำตัวเหมือนคนที่มาขอร้องให้คนอื่นช่วยเลยด้วยซ้ำ พูดแค่ไม่กี่ประโยคก็ทำหน้าบึ้งตึงใส่แล้วสะบัดก้นเดินหนีไปซะอย่างนั้นหลินเซียวก็ขี้เกียจจะไปยุ่งเรื่องแบบนี้ ถึงยังไงฝ่ายที่เสียหายก็คือตระกูลซูของพวกเขา“หลินเซียว คุณสนิทกับประธานของหนานหูกรุ๊ปไม่ใช่เหรอ? ฉันมีเรื่องที่อยากจะขอร้องให้คุณไปคุยกับเขาให้ช่วยตระกูลซูหน่อยได้ไหม?” ซูหว่านเอ๋อร์เดินไปถึงห้องครัวและพูดกับหลินเซียวหลินเซียวคิดไม่ถึงว่าสองพี่น้องซูชิงเอ๋อร์ทำกับเธอขนาดนี้แล้ว ซูหว่านเอ๋อร์กลับที่จะต้องการช่วยเหลือพวกเขา“พวกเราเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันก็จริง แต่คุณเพิ่งเข้ารับตำแหน่งแล้วทำมาแบบนี้ มันทำให้คนอื่นคิดว่าคุณใช้ประโยชน์จากตำแหน่งของตัวเองเพื่อช่วยตระกูลซูอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อีกอย่าง พี่น้องสองคนนี้ทำตัวเหมือนกำลังขอร้องคนอื่นให้ช่วยซะที่ไ
“หลินเซียวบอกว่าจะจัดงานแต่งให้ยิ่งใหญ่อลังการกว่างานของเธอใช่ไหม? ตอนนี้ให้ตระกูลหวังไปเหมาจองโรงแรมซันแอนด์มูนให้หมด ถ้าตระกูลหวังคิดว่าแพง เงินก้อนนี้เดี๋ยวตระกูลซูของเราจะเป็นคนออกเอง! ฉันยังต้องการให้เจ้าสัวทางธุรกิจทั้งเมืองหนานหูมาอวยพรงานแต่งของพวกเธอด้วย ฉันจะดูสิว่าหลินเซียวมันจะชนะได้ไหม!” ท่านย่าซูพูดขึ้นด้วยความโกรธ“ท่านย่าคะ วิธีนี้ดีเลยค่ะ! หนูจะโทรหาหวังเทียนเฟิงตอนนี้เลยค่ะ และให้ตระกูลหวังแจกการ์ดเชิญเยอะๆหน่อย” ซูชิงเอ๋อร์พูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น เดิมทีตัวเธอเองก็แค่คิดจะใส่ร้ายซูหว่านเอ๋อร์สักหน่อย ไม่คิดว่าท่านย่าจะทำเรื่องที่เธอคิดไม่ถึงแบบนี้ เพียงเท่านี้ตัวเองก็ไม่ต้องออกเงินจัดงานแต่งสักบาท นี่มันช่างคิดไม่ถึงเลยจริงๆ “ก่อนหน้านี้หลินเซียวเคยบอกว่างานแต่งของมันถ้าไม่ยิ่งใหญ่อลังการกว่างานแต่งของเธอ ก็จะยอมหย่ากับซูหว่านเอ๋อร์ ฉันจะให้คนร่างหนังสือข้อตกลงหย่าร้างเอาไว้ซะก่อน รอให้ถึงวันงาน เอาให้พวกมันเซ็นตรงนั้นเลย แล้วให้หลินเซียวไสหัวไปซะ! “ ท่านย่าซูพูดขึ้นอีกครั้ง“แบบนี้แล้ว งานแต่งของพี่กลับกลายเป็นสถานที่เซ็นใบหย่า แค่ลองคิดดูก็รู้สึกอับอายแล้ว”