พออ่านใจได้ ท่านอ๋องก็จู่โจมชายาแพทย์ทุกวัน ฉินเหย่สุดยอดผู้เชี่ยวชาญทั้งการแพทย์และพิษวิทยาแห่งศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด ทะลุมิติไปเป็นพระชายาเฉินที่ทั้งอัปลักษณ์และไม่เป็นที่โปรดปราน ความปรารถนาเดียวชั่วชีวิตของนางก็คือ หย่าขาด! ชายารองประจบสอพลอ นางคอยยื้อแย่งความโปรดปรานในทุกทาง แต่ในใจ 'ฉันสะอิดสะเอียนนายแทบตายแล้ว หย่ากับฉันไวๆ เถอะ!' อ๋องเฉินป่วย ต่อหน้านางรักษาเขา แต่ในใจ 'ฉันจะวางยาพิษให้ท่อนล่างนายหมดสภาพไปเลย!' อ๋องเฉินถูกใส่ร้าย ต่อหน้านางร้อนใจ แต่ในใจ 'ฮ่องเต้กรุณามีราชโองการตัดหัวตาบ้านี่ทีเถอะ!' ทางอ๋องเฉินที่ได้ยินความใจของนางทั้งหมดต้องเดือดดาลคลุ้มคลั่ง ทั้งผลักทั้งดันนางเข้าผ้าห่ม กัดฟันพูด “ชายาที่รัก ควรเข้านอนได้แล้ว!” ครึ่งปีต่อมา นางมองท้องป่องกลมๆ ของตน ร่ำไห้อย่างหมดคำพูดว่า “ขอสวรรค์เปิดตา ให้ตาบ้านี่หมดแรงตายทีเถอะ!”
ดูเพิ่มเติมยามดึก หนาวมาก บนถนนไม่มีชาวบ้านนานแล้ว สายลมพัดผ่าน แสงเทียนสั่นไหว เงาสรรพสิ่งพลิ้วไหว เงียบสงบเป็นพิเศษในคืนที่ฝนตก ทันใดนั้นมีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงวิ่งผ่านอย่างรวดเร็วพั่บๆๆ…เงาคนหลายสายถูกสะท้อนไปที่กำแพง พวกเขาสวมชุดเกราะ ถือหอกยาวหรือกระบี่ยาว เดินประชิดทิศทางหนึ่งอย่างรวดเร็ว…วังหลวงประตูวังลงกลอนนานแล้ว ผู้คนในวังต่างก็พักผ่อนแล้ว มีเพียงทหารรักษาพระองค์ยืนท่ามกลางสายฝน เชิดหน้ายืดอกเฝ้าพระราชวังฝนตกหนักมากขึ้นทุกทีซ่า!ฝนสาดกระเซ็นลงมา หมอกที่มืดครึ้มลอยขึ้น นอกรัศมีเจ็ดแปดเมตรมองเห็นไม่ชัดเจน ราวกับในสายฝนอันยุ่งเหยิง เหมือนมีเสียงบางอย่างปะปนอยู่หูของทหารรักษาพระองค์ที่เฝ้าประตูขยับ เหมือนรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง เช็ดฝนบนใบหน้าทิ้ง มองไปทางบนถนนที่อยู่ไกลออกไปบนถนน มีหมอกปกคลุม มองเห็นภาพไม่ชัดเจน ทว่าในความคลุมเครือ เหมือนมีของสีดำกลุ่มหนึ่ง ค่อยๆ เข้าใกล้ราวกับกระแสน้ำขึ้น…ขยี้ตา มองอีกครั้งคลื่นน้ำ?ไม่ได้ตาฝาด!ทหารรักษาพระองค์สะกิดคนข้างๆ “นี่ จางโก๋ว เจ้าดูที่ถนนนั่นสิ มีอะไรบางอย่างใช่หรือไม่?”ทหารรักษาพระองค์ที่ชื่อจางโก๋วหันไปมอง เขาโบกมือ
คืนนี้ ฝนตกปรอยๆ ลมเย็นพัดผ่านเย็นเข้ากระดูก หนาวเย็นราวกับเข้าสู่ฤดูหนาวในชั่วค่ำคืนจวนอ๋องเฉิน“ฮัดชิ้ว…” เสียงจามที่ชัดเจนทำลายความเงียบของจวนอ๋อง“พระชายา คืนนี้หนาวเป็นพิเศษ รีบคลุมเสื้อคลุมให้ดี ระวังเป็นหวัดนะเจ้าคะ” เยว่เอ๋อร์คลุมเสื้อคลุมขนจิ้งจอกให้ฉู่เชียนหลีอย่างเอาใจใส่มือทั้งสองข้างของฉู่เชียนหลีซุกอยู่ในแขนเสื้อ นางสูดน้ำมูก เดินเข้าไปในเรือนหานเฟิง“ไปเรียกคนมาสองคน ยกเฟิงเย่เสวียนออกไป ข้าจะนอนเตียงของเขา”เยว่เอ๋อร์ “?”มึนงงครู่หนึ่ง “เพราะ เพราะอะไร?”“เพราะเขานอนอยู่บนเตียงหลายวันแล้ว อุ่นผ้าห่มเรียบร้อยแล้ว ต้องอุ่นแน่นอน”เยว่เอ๋อร์ “...”“นอนกับข้าไม่อุ่นกว่าหรือ?”ภายในห้อง เฟิงเย่เสวียนหยอกล้อด้วยรอยยิ้มฉู่เชียนหลีเงยหน้าขึ้น เบิกตากว้าง “เจ้าลงจากเตียงทำไม?!”เห็นเพียง เฟิงเย่เสวียนที่นอนอยู่บนเตียงสามวันสามคืน เวลานี้ยืนอยู่ข้างโต๊ะ เขาใช้สองมือยันโต๊ะ พยุงร่างกายไว้ แม้สีหน้าซีดเซียวเล็กน้อย แต่สามารถฝืนยืนได้อย่างมั่นคงแล้วหานเฟิงตั้งสติยืนอยู่ข้างๆ อย่างตื่นตัว ยกสองมือขึ้น อยู่ในท่าพร้อมยก หากนายท่านโซเซยืนไม่มั่นคง เขาสามารถเข้าไปพยุงท
หาไม่เจอต่อให้ขุดดินห้องหนังสือลึกลงไปสามฟุต พลิกฟ้าพลิกแผ่นดินก็หาไม่เจอ“นายท่าน ไม่มีขอรับ”“ทางนี้ก็ไม่มีขอรับ…”“ไม่มีขอรับ…”ภายในห้องหนังสือที่ยุ่งเหยิง เฟิงเจิ้งอวี้ยืนอยู่ตรงใจกลางสุด อยู่ท่ามกลางความยุ่งเหยิง สองมือไขว้หลัง ดวงตาปิดสนิทมาโดยตลอดเขาประมาทเกินไป!ตอนนั้น หลังจากเหตุการณ์โรคระบาดในเมืองตงหนิงถูกเปิดเผย เขาก็ไม่ควรเก็บอูหนูไว้แล้ว หากฆ่าอูหนูทิ้งตั้งแต่แรก ก็จะไม่ก่อให้เกิดปัญหาในวันนี้หรือจดหมายฉบับนั้นยังอยู่ในมืออูหนู?หรืออูหนูอยากข่มขู่เขา?เป็นไปไม่ได้ ถ้าหากจะข่มขู่ อูหนูก็ปรากฏตัวนานแล้ว และไม่จำเป็นต้องรอถึงตอนนี้ทันใดนั้น มีบางอย่างแลบเข้ามาในสมองเฟิงเจิ้งอวี้เงยหน้ากะทันหัน พุ่งออกไปกระชากคอเสื้อองครักษ์ลับคนหนึ่ง เสียงที่ตั้งคำถามสั่นเล็กน้อย“วันนั้น ห่อผ้าที่สกัดกั้นตรงประตูวัง แน่ใจนะว่าขวางไว้ทั้งหมดแล้ว?”ความหมายของเขาคือ ขวางห่อผ้าลับไว้หนึ่งใบ ยังมีใบอื่นอีกใช่หรือไม่? ความหมายของเขาคือ จวนอ๋องเฉินไม่ได้ส่งห่อผ้าออกไปแค่หนึ่งใบ แต่เป็นสองใบ สามใบ หรือมากกว่านั้น?องครักษ์ลับนึกถึงความเป็นไปได้นี้ย้อนหลัง พลันตื่นตระหนก“
“นายท่าน ท่านใจเย็นๆ ก่อน! พระชายารักท่านมากนะขอรับ ไม่ว่าจะทำอะไร ในใจก็มีท่านเสมอ” หานเฟิงรีบกล่าวปลอบใจ“อย่างเช่นเรื่องของหอบำเรอชิงเฟิง นางไม่เพียงไถ่ตัวชายรับใช้ข้างกายให้ตัวเองหนึ่งคน ยังได้ไถ่ตัวชายรับใช้ข้างกายให้ท่านอีกคนด้วย เอาใจใส่มากเลยใช่ไหมล่ะ?”เฟิงเย่เสวียน “?”พลันหายใจไม่ทัน สองมืออ่อนแรง หมดสติไปโดยตรง“นายท่าน! ท่านไม่เป็นอะไรกระมัง?”“นายท่าน!”เฟิงเย่เสวียนไม่รู้ว่าตนเองไปทำเวรทำกรรมอะไรไว้ แต่ว่าพลางหักนิ้ว พลางครุ่นคิด เหมือนเขาจะไม่ได้ทำอะไรผิดนะ ฉู่เชียนหลีโกรธอะไรเขา?เด็กผู้หญิงคนนี้ ชาติที่แล้วเป็นปลาปักเป้ากระมัง?พูดอะไรไม่ถูกใจนิดหน่อยก็ระเบิดหนามรอนางกลับมา จะต้องทำให้นางรู้ว่า ในบ้านนี้ใครใหญ่สุด!รุ่งเช้าระหว่างกึ่งหลับกึ่งตื่น ได้ยินเสียงที่คลุมเครือ…“แหม อวิ๋นอิงของเราเก่งจริงๆ ดูวิชากระบี่นี่ รูปร่างนี่ วีรสตรีผู้กล้าหาญชัดๆ ต่อไปคนที่ไม่ทนกระทืบ ไม่มีใครกล้าแต่งงานกับเจ้าแล้ว”“เยว่เอ๋อร์ฉลาดจริงๆ ขนมนี่ยิ่งทำยิ่งอร่อยแล้ว…”“อ๊ะ…”เฟิงเย่เสวียนค่อยๆ ตื่นขึ้น สมองวิงเวียนและหนักอึ้ง ยังรู้สึกมึนงงเล็กน้อย นอนนานเกินไป เสียเลือด
นางชูมือยอมจำนน ยืนห่างออกไปหลายก้าวโดยดี แต่สายตาที่ยิ้มลึกนั่นจับจ้องมาที่เฟิงเย่เสวียนตลอด ไม่เพียงไม่ถ่อมตน กลับยิ่งดูสนใจมากขึ้นอูหนูออกไปเฟิงเย่เสวียนเก็บมีด โยนไปที่โต๊ะเล็กๆ ข้างเตียง แล้วคว้าจอกเหล้าขึ้นในแววตา มีประกายที่เหี้ยมโหด “พี่ใหญ่ ท่านต้องชอบของขวัญที่ข้าเตรียมไว้ให้ท่านอย่างพิถีพิถันนะ!”เงยหน้า เหล้าลงท้อง เผ็ดร้อนมาก และทำให้แผลที่ท้องชา ไม่เจ็บเลยสักนิด แต่ก็ยังไม่สามารถลุกขึ้นยกจอกเหล้า “ใครก็ได้!”หานเฟิงวิ่งเข้ามา “นายท่าน”“พระชายาล่ะ?”“พระชายาไปเดินตลาดแล้วขอรับ ตอนนี้ยังไม่กลับมา”เฟิงเย่เสวียนขมวดคิ้ว กวาดมองท้องฟ้านอกหน้าต่างแวบหนึ่ง นี่ก็ดึกมากแล้ว เวลานี้ยังเดินตลาด? ไม่ควรเป็นห่วงสามีที่รักที่บาดเจ็บสาหัส นอนอยู่บนเตียง ขยับตัวไม่ได้เสียหน่อยหรือ?“พระชายากลับมาแล้วบอกข้าด้วย”“ขอรับ!”นอนลง หลับตา ทว่ากระปรี้กระเปร่ามาก ไม่ว่าจะนอนอย่างไรก็นอนไม่หลับ ระหว่างยามว่าง รู้สึกเบื่อหน่ายก็เริ่มทำท่าออกกำลังกายที่ฉู่เชียนหลีสอนขยับแขน ขยับขา แกว่งคอ จะไม่เป็นบ้าหลังจากทำหลายรอบ เหมือนสบายขึ้นเล็กน้อยยามจื่อ[footnoteRef:1] [1: ยามจื่
ในเวลาเดียวกัน นอกเมือง ในจุดที่ลับตาห่างออกไปหลายเมตรกลางดึก มืดมิดในความมืด กระโจมเป็นหลังๆ ผุดขึ้นจากพื้นดิน เหล่าทหารถืออาวุธ ยืดอกเชิดหน้า สามก้าวยืนหนึ่งคน ท่าทางที่เงียบสงัดและน่าเกรงขามนั่น สะท้อนให้ป่าในคืนที่มืดมิด แลดูขึงขังเป็นพิเศษ“รายงาน…”ทันใดนั้น องครักษ์ลับคนหนึ่งคนหนึ่งวิ่งเข้ากระโจมหลังหนึ่ง ฝีเท้ายุ่งเหยิง สีหน้าร้อนใจ“นาย นายท่าน แย่แล้ว…ราย รายงานจากจวน ช่วงบ่ายวันนี้ อูหนูเคยไปที่จวนรัชทายาท เข้าห้องหนังสือของท่าน หลังจากนั้น หลังจากนั้น…ก็ไปจวนอ๋องเฉิน…”“อะไรนะ?!”บนเก้าอี้หลัก เฟิงเจิ้งอวี้ลุกขึ้นฉับพลัน สีหน้าเปลี่ยนไปโดยตรงอูหนู ห้องหนังสือ จวนอ๋องเฉิน…ทุกอย่างในห้องหนังสือล้วนเป็นความลับ! และยังมีสิ่งของหลายอย่างที่คนเห็นไม่ได้!อูหนูไปเข้ากับเฟิงเย่เสวียนแล้ว?บ้าจริง!หญ้าบนกำแพง[footnoteRef:1]! [1: หญ้าบนกำแพง เปรียบเปรยหญ้าที่คล้อยไปตามสายลม] สีหน้าเฟิงเจิ้งอวี้มืดมน จ้ององครักษ์ลับด้วยความโกรธ “เรื่องที่เกิดขึ้นตอนบ่าย ทำไมถึงเพิ่งรายงานตอนนี้!”“ไร้ประโยชน์!”พุ่งพรวดออกไปก็ถีบ ทำเอาองครักษ์ลับหน้าหงายกลิ้งสองตลบองครักษ์ลับไ
“ซือเอ๋อร์ พวกเราไป!”พระชายารัชทายาทหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งออกจากแขนเสื้อ พลางเช็ดสองมือ หลังจากเช็ดจนสะอาดแล้ว โยนใส่หน้าฉู่หงหลวน จับมือเล็กๆ ของเฟิงเจิ้งซือคนทั้งกลุ่มจากไป“คุณหนู!”ในที่สุดไฉ่เตี๋ยที่ถูกจับกดไว้ก็ได้รับอิสรภาพ นางกระโจนเข้ามาพร้อมกับเสียงร้องไห้“คุณหนู ท่านเลือดออกแล้ว…ว้าย…เลือดเยอะมาก…พระชายารัชทายาททำเกินไปแล้ว! นางรังแกท่านเช่นนี้ได้อย่างไร!”“รัชทายาทรักท่านเช่นนั้น นางกล้า…”ใบหน้า มือ เสื้อผ้าของฉู่หงหลวน แทบไม่มีที่ใดอยู่ในสภาพสมบูรณ์ สะบักสะบอมมากนางอดทนต่อความเจ็บปวดทั่วร่าง ใช้มือที่เปื้อนเลือด เก็บหนังสือปลดขึ้นอย่างสั่นเทา เปิดออกข้างในมีตราประทับส่วนตัวของรัชทายาท หนังสือปลดฉบับนี้มีผลหากรัชทายาทสู้อ๋องเฉินไม่ได้ ถึงเวลา นางอาศัยหนังสือปลดฉบับนี้ สามารถเลี่ยงความสัมพันธ์กับจวนรัชทายาทหากรัชทายาทชนะอ๋องเฉิน อาศัยความรักที่รัชทายาทมีต่อนาง และเรื่องที่นางได้รับบาดเจ็บ สามารถแว้งไปกัดพระชายารัชทายาท ไม่แน่อาจสามารถทำให้รัชทายาทปลดพระชายารัชทายาท แต่งตั้งนางแทนไม่ว่าจะรุกหรือรับก็ทำได้นางพับหนังสือปลด ใส่เข้าไปในอกอย่างระมัดระวั
ความผิดร้ายแรง ถูกตีตราไว้บนศีรษะฉู่หงหลวนทันทีสาวใช้ไฉ่เตี๋ยรีบวิ่งเข้ามากล่าวอธิบาย “พระชายารัชทายาท ไม่ใช่เช่นนี้นะเจ้าคะ! เมื่อครู่คุณหนูของบ่าวไม่ได้แตะต้ององค์หญิงซือเอ๋อร์เลย นางล้มเอง…”“ข้ากำลังพูด เจ้ามีสิทธิ์พูดแทรกตั้งแต่เมื่อไร!”“อ๊า!”พระชายารัชทายาทเหวี่ยงหลังมือออกไปอย่างแรง ตบจนไฉ่เตี๋ยเซไปชนโต๊ะพลิกคว่ำ จาน อาหาร ชุดน้ำชาและอื่นๆ ตกกระจายเกลื่อนพื้นเฟิงเจิ้งซือหลบอยู่ในอ้อมกอดของมารดา ดวงตาที่เบิกกว้างกะพริบปริบๆ มองไปทางฉู่หงหลวนอย่างมีเจตนาร้ายยื่นมือออกไปชี้“ท่านแม่ นางตีข้า ข้าจะบอกเสด็จปู่ จะเอาชีวิตสุนัขนาง!”ฉู่หงหลวนเม้มมุมปาก “ข้าไม่ได้ทำ”นางไม่ยอมรับ “เมื่อครู่เข้าไม่ได้แตะ…”เพียะ!พระชายารัชทายาทเหวี่ยงฝ่ามือออกไปโดยตรง “บังอาจ!”“ความหมายของเจ้าคือ เด็กห้าขวบโกหกหรือ?” นางกล่าวด้วยความโกรธ “ซือเอ๋อร์เป็นองค์หญิง สถานะสูงศักดิ์ แม้เจ้าเป็นลูกสาวของอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่ แต่ก็เป็นแค่ข้าราชบริพาร เป็นสุนัขรับใช้ตัวหนึ่งของราชวงศ์เท่านั้น เจ้าใจกล้ายิ่งนัก!”เสียงที่โกรธเคืองและดุร้ายดังขึ้นเรื่อยๆชี้ชัดความผิดร้ายแรงโดยตรงฉู่หงหลวนถ
เซียวจือฮว่าเม้มปาก ตอนที่สะบัดแขนเสื้อกำลังจะเดินจากไป มีเสียงหัวเราะที่อ่อนโยนของผู้หญิงดังขึ้นจากข้างหลัง“คิดว่าท่านนี้ก็คือเพื่อนตั้งแต่วัยเด็กของอ๋องเฉิน คุณหนูเซียวกระมัง?”ฝีเท้านางชะงัก หันกลับไปมองภายในห้อง มีหญิงงามวัฒนธรรมต่างถิ่นคนหนึ่งเดินออกมา รูปร่างเค้าโครงของนางชัดเจน อวัยวะสัมผัสทั้งห้าลึกล้ำ รูปร่างสูง แต่งตัวสะดุดตา ใบหน้าที่สวยงามนั่น ทำให้เห็นแค่ปราดเดียวก็ไม่สามารถลืมนางสวยกว่าฉู่เชียนหลีพันเท่า หมื่นเท่าจริงๆ นะผู้หญิงคนนี้ปรากฏตัวข้างกายอ๋องเฉิน หาใช่คนที่ฉู่เชียนหลีสามารถชนะหรือ?ครั้งหนึ่ง ฉู่เชียนหลีชนะนาง ตอนนี้ มีศัตรูตัวฉกาจคนหนึ่งมา เกรงว่าอีกไม่นาน ฉู่เชียนหลีก็จะได้ลิ้มรสความพ่ายแพ้แล้ว!เซียวจือฮว่าพลางวางแผนในใจ แค่คิดถึงภาพนั้น ก็รู้สึกหายแค้นแล้ว นางแอบหัวเราะอย่างเย็นชา บนใบหน้าเผยให้เห็นรอยยิ้มที่สง่างาม“เจ้าคือ…”“ข้าชื่ออูหนู มาจากเหมียวเจียงอันห่างไกล” ผู้หญิงคนนั้นเดินออกมา เครื่องเงินบนร่างกายกระทบกัน เสียงใสไพเราะดังชัดเจน เครื่องเงินอันประณีตสะท้อนแสงภายใต้ดวงอาทิตย์ ขับผิวที่เรียบเนียนของนางให้ขาวเหมือนหิมะ ไม่ต้องพูดถึงว่