ชาร์ลีส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรเลยถ้าพี่ต้องทนทุกข์กับความยากลำบากอะไร พี่คิดว่าการฝ่าฟันความยากลำบากพวกนี้ก็เป็นเหมือนการฝึกฝนตัวเองอย่างหนึ่งเหมือนกัน”ควินน์พยักหน้าตอบอย่างจริงจัง ในขณะที่เธอกำลังขับรถออกจากลานจอดรถนั้นเธอก็พูดขึ้นมาว่า “พ่อเพิ่งพูดถึงพี่เมื่อวานนี้เอง ฉันบอกพี่แล้วใช่ไหมที่คุณหมอขอให้พ่อกลับเข้าไปรักษาในโรงพยาบาลอีกครั้ง? พ่อรู้ว่าสุขภาพและสภาพร่างกายของพ่อไม่ได้ดูดีขนาดนั้น พ่อจึงได้แต่ถอนหายใจในขณะที่พูดว่า ความเสียใจมากที่สุดในชีวิตของพ่อก็คือการไม่สามารถตามหาพี่ได้”ชาร์ลีรู้สึกสะเทือนใจมากและยิ้มในขณะที่พูดว่า “ไม่ต้องเป็นห่วงนะนานา อาโกลดิ้งจะต้องกลับมามีสุขภาพดีอีกครั้งอย่างแน่นอน”ควินน์ไม่รู้เรื่องความสามารถของชาร์ลี แล้วนับประสาอะไรกับฉายาของชาร์ลีในฐานะมังกรที่แท้จริงที่ชนชั้นสูงในโอลรัสฮิลล์ต่างรู้จักกันดี ดังนั้นเธอจึงไม่เชื่อว่าชาร์ลีจะมีวิธีรักษาอาการป่วยระยะสุดท้ายของพ่อได้ในเวลานี้เธอรู้สึกเพียงว่าพ่อของเธอจะต้องดีใจเป็นอย่างมากเมื่อได้เห็นชาร์ลี ถ้าพ่อมีอารมณ์ที่ดีขึ้นเธอก็เชื่อว่าสุขภาพของพ่อก็จะต้องดีขึ้นตามไปด้วยบ้านของควินน์อยู่ไม่ไ
ชายหญิงที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะอาหารนั้น แม้จะไม่ได้มองที่รูปลักษณ์ นิสัยใจคอ และชุดลำลองที่สวมใส่อยู่ ทั้งคู่ก็ดูหรูหราและมีรสนิยมมากชายคนนั้นดูซูบผอมนิดหน่อยและมีใบหน้ากับริมฝีปากที่ดูซีดเซียวเล็กน้อย เมื่อมองแค่แวบแรกก็เห็นได้ชัดว่าเขาป่วยมานานแล้ว ยิ่งกว่านั้นเขาดูเหมือนคนป่วยระยะสุดท้ายที่กำลังจะตายแต่ผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ เขานั้นกลับดูแลตัวเองเป็นอย่างดี เธอเป็นผู้หญิงที่สวยมาก ๆ รูปร่างหน้าตาของเธอดูคล้ายกับควินน์และดูเหมือนคนมีอายุแค่สามสิบกว่า ๆ เท่านั้นชาร์ลีจำคนทั้งสองได้ตั้งแต่เห็นแวบแรก นี่คืออาโกลดิ้งที่เขารู้จักตั้งแต่เด็ก ๆ และภรรยาของเขา… น้าโกลดิ้งในขณะที่ชาร์ลีจำได้ว่าพวกเขาเป็นใคร คนทั้งคู่นั้นก็จำเขาได้ทันทีเช่นกัน!ยูลมีสีหน้าตกใจสุดขีด ใบหน้าของเขาดูซูบเซียวเป็นอย่างมาก ตอนนี้ดวงตาของเขาเบิกกว้างและตัวสั่นเทาเหมือนอยากจะพูดอะไรแต่ก็พูดไม่ออกในเวลานี้ราเชลซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ เขาก็ตกตะลึงเช่นกัน เธอลุกขึ้นยืนก่อนจะใช้มือชี้ไปที่ชาร์ลี แล้วใช้มืออีกข้างหนึ่งปิดปากตัวเอง แล้วพูดออกมาว่า “เธอ… เธอ… เธอคือชาร์ลี… เธอคือชาร์ลี เวดใช่ไหม?”ชาร์ลีรู้สึกสะเทือนใจมากในเ
ในขณะที่กำลังพูดอยู่นั้น ยูลก็อดที่จะร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่ได้ในขณะที่พูดว่า “ตลอดหลายปีที่ผ่านมาอาไม่ได้ข้อมูลอะไรที่พอจะทำให้รู้ว่าเธออยู่ที่ไหนเลย อาก็เลยคิดว่าเธอคงไม่มีชีวิตอยู่แล้ว…”เมื่อถึงตอนนี้ยูลเม้นริมฝีปากแน่นแต่ไม่สามารถกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไปเขาอดกลั้นอยู่นานก่อนที่น้ำตาจะรินไหลจนทำให้สายตาของเขาพร่าเลือนไปในที่สุด หลังจากนั้นเขาก็ปล่อยโฮในขณะที่พูดว่า “พี่ใหญ่เวด! ถ้าพี่กำลังมองดูเราอยู่จากสรวงสวรรค์ พี่คงเห็นแล้วนะ! ลูกชายของพี่กลับมาแล้ว! เขากลับมาแล้ว! ในที่สุดผมก็มีหน้าไปพบพี่ได้เสียที…”ยูลรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยในขณะที่ยังคงร้องไห้ต่อไป ก่อนจะเริ่มไออย่างรุนแรงสองสามครั้ง ในเวลานี้ราเชลที่อยู่อยู่ข้าง ๆ ก็ปาดน้ำตาออกจากใบหน้าในขณะที่ตบหลังให้สามีอย่างระมัดระวัง ก่อนจะร้องไห้สะอึกสะอื้นแล้วพูดว่า “ยูล… เป็นเรื่องน่ายินดีจังเลยนะที่ในที่สุดชาร์ลีก็กลับมา อย่าร้องไห้อีกเลยนะคะ คุณควรรู้ว่าตอนนี้สุขภาพของคุณไม่ค่อยดีนัก คุณไม่ควรตื่นเต้นหรือแสดงอารมณ์มากเกินไปนะคะ”หลังจากยูลสงบสติอารมณ์ลงได้เล็กน้อย เขาก็พยักหน้าเบา ๆ ในขณะน้ำตายังไหลรินลงมาไม่หยุด หลังจากนั้นเขาก็จ
ยูลดึงชาร์ลีมานั่งข้าง ๆทันทีที่พวกเขานั่งลง ยูลก็พูดกับชาร์ลีอย่างอบอุ่นว่า “มาเถอะชาร์ลี มากินข้าวก่อน อาหวังว่าอาหารจะถูกใจเธอนะ หรือจะให้แม่ครัวทำอย่างอื่นมาให้เธอดี”ชาร์ลีรีบพูดว่า “ไม่เป็นไรครับอาโกลดิ้ง ผมกินจานที่ทำมาให้แล้วได้ครับ”ยูลพยักหน้าแล้วเริ่มถามชาร์ลีเกี่ยวกับสิ่งที่เขาทำในช่วงหลายปีที่ผ่านมาชาร์ลีไม่มีอะไรต้องปิดบังคนในตระกูลโกลดิ้งมากนัก ยกเว้นเรื่องคัมภีร์วันสิ้นโลกซึ่งเป็นความลับที่ฝังลึกอยู่ภายในใจ เขาเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้พวกเขาฟังตามความเป็นจริง รวมทั้งชีวิตในช่วงก่อนจะถึงอายุสิบแปดปี ประสบการณ์ชีวิตหลังอายุสิบแปดปี ความคุ้นเคยกับอดีตนายท่านวิลสัน การแต่งงานกับแคลร์ และชีวิตหลังแต่งงานยิ่งยูลและราเชลได้ฟังเรื่องราวในอดีตของชาร์ลีมากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งรู้สึกหัวใจสลายและเสียใจมากขึ้นเท่านั้น ในสายตาของพวกเขา… ไม่ว่าจะอย่างไรชาร์ลีก็เป็นทายาทสายตรงของตระกูลเวด ในตอนนั้นพ่อของเขาคือดาวรุ่งที่ส่องประกายสว่างไสวมากที่สุดของครอบครัว ถ้าพูดอย่างมีเหตุผลแล้ว ชาร์ลีควรจะมีชีวิตที่หรูหราและสุขสบาย แต่ในความเป็นจริงเขาต้องประสบกับความยากลำบากและความสิ้นหวังใน
ชาร์ลีรู้ว่ายูลพูดเช่นนี้ก็เพื่อประโยชน์ของตัวเขาเอง แต่ชาร์ลีส่ายหัวเบา ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังอย่างมาก “อาโกลดิ้งครับ ผมอยู่กับพ่อแม่แค่แปดปีเท่านั้นเอง ซึ่งเป็นระยะเวลาที่สั้นมาก แต่สายเลือดและจิตวิญญาณของผมก็สืบทอดมาจากพ่อแม่ ถ้าผมล้างแค้นให้พ่อกับแม่ไม่ได้ แล้วผมจะใช้ชีวิตต่อไปตามสายเลือดและจิตวิญญาณที่พ่อแม่ให้ผมมาได้ยังไงล่ะครับ?”ราเชลนิ่งเงียบไป เมื่อได้ยินดังนี้เธอก็ถอนหายใจ แล้วดวงตาก็เปลี่ยนเป็นสีแดง “ยูล ชาร์ลีมีนิสัยและการแสดงออกทางอารมณ์เหมือนพี่เวดมากเลย ย้อนกลับไปในตอนนั้น ถ้าพี่เวดฝืนทนต่อความไม่ยุติธรรมนั้นได้ เขาก็คงไม่ต้องออกจากอีสต์คลิฟฟ์พร้อมกับภรรยาและลูกชายอย่างเด็ดเดี่ยวและมั่นใจอย่างนั้นหรอก ตอนนั้นคุณไม่สามารถเกลี้ยกล่อมพี่เวดได้ แล้วตอนนี้คุณก็อาจไม่สามารถเกลี้ยกล่อมชาร์ลีได้เหมือนกัน”ยูลพยักหน้าอย่างหดหู่ใจ เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะมองไปที่ชาร์ลี จากนั้นก็มองไปที่ควินน์แล้วพูดว่า “ชาร์ลี เธอชะลอเรื่องอื่น ๆ เอาไว้ก่อนแล้วกันนะ ถ้าเธอต้องการเป็นศัตรูกับตระกูลเวดและบีบบังคับให้เขาต้องชดใช้ในสิ่งที่พวกเขาทำลงไปล่ะก็ เธอก็ต้องมีความแข็งแกร่งและวางรากฐ
ตอนนี้ยูลเริ่มไอออกมาสองสามครั้งด้วยความรู้สึกไม่สบาย เขาใช้เวลาทำให้อาการสงบลงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ชาร์ลี เธอใช้เวลาร่อนเร่อยู่ในโอลรัสฮิลล์อย่างไร้จุดหมายในช่วงสิบปีที่ผ่านมา เหมือนมังกรที่ว่ายอยู่ในน้ำตื้น ๆ ถึงเวลาแล้วล่ะที่มังกรที่แท้จริงจะได้กลับไปยังสถานที่อันเหมาะสมของตัวเอง!”จากนั้นเขาก็พูดต่ออย่างเศร้าใจว่า “ตระกูลโกลดิ้งอาจไม่มีความแข็งแกร่งพอจะทำให้เธอประสบความสำเร็จได้ในเวลาเพียงชั่วข้ามคืน แต่ด้วยการสนับสนุนของเรา เธอก็จะมีรากฐานที่ได้รับการหนุนหลังที่มั่นคง ถ้าเธอกตัดสินใจกลับมาที่ตระกูลเวดในอนาคต ด้วยการสนับสนุนของตระกูลโกลดิ้ง ถ้าเธอต้องการต่อสู้เพื่อรับการสืบทอดมรดกของตระกูลเวด เธอก็มีโอกาสประสบความสำเร็จสูงกว่ามาก!”ชาร์ลีรู้สึกละอายใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อได้ยินดังนี้เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าถึงแม้เขาจะออกจากตระกูลเวดและแต่งงานไปแล้ว และยูลและราเชลก็ยังยืนกรานที่จะปฏิบัติตามสัญญาแต่งงานที่ตกลงกันไว้เมื่อหลายสิบปีก่อน แล้วให้ควินน์ที่เป็นนักแสดงยอดนิยมได้แต่งงานกับเขายิ่งพวกเขากระตือรือร้นมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกเสียใจต่อควินน์และคนในตระกูลโ
ทั้งราเชลและยูลต่างตกใจสุดขีดชาร์ลีเพิ่งบอกว่าเขาสามารถรักษาอาการป่วยของยูลให้หายได้เหรอ?อย่างไร… จะรักษาให้หายได้อย่างไร?ครอบครัวนี้ได้เดินทางไปทั่วโลกเป็นเวลานานเพื่อค้นหาผู้เชี่ยวชาญที่เก่งที่สุด และใช้ทั้งยา ทั้งอุปกรณ์ทางการแพทย์ และวิธีรักษาที่ดีที่สุดให้เขา แต่ไม่มีใครมาหยุดยั้งอาการป่วยของยูลไม่ให้ทรุดโทรมลงอย่างรวดเร็วได้เลยสตีฟ จ๊อบส์ มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้งบริษัทแอปเปิลก็ป่วยเป็นโรคมะเร็งตับอ่อนเหมือนกัน เขาได้รับการรักษาอย่างดีที่สุดในอเมริกา แต่สุดท้ายเขาก็ต้องยอมแพ้ให้กับโรคนี้ไปไม่มีผู้เชี่ยวชาญคนไหนในโลกเชื่อว่ายูลจะมีโอกาสหายจากโรคมะเร็งนี้ได้ จริง ๆ แล้วผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่เชื่อว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ไม่ถึงหนึ่งปีหรือแม้แต่หกเดือนด้วยซ้ำไปเมื่อจู่ ๆ ชาร์ลีบอกว่าเขาอาจรักษายูลได้ นี่จึงฟังดูเป็นเรื่องเพ้อฝันสำหรับพวกเขาราเชลถอนหายใจและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ชาร์ลี น้ารู้ว่าเธอเป็นห่วงคุณอาโกลดิ้งของเธอมาก แต่อาการของเขา… อาการของเขาไม่ค่อยดีเลย…”ยูลพยักหน้า “ใช่แล้ว… ชาร์ลี อาการป่วยของอาไม่มีทางดีขึ้นได้หรอก โรคมะเร็งตับอ่อนนั้นร้ายกาจมากและมีอันตรายถึงชีว
หลังจากได้ยินน้ำเสียงเกรี้ยวกราดของราเชล ชายที่มีใบหน้าหยิ่งยโสซึ่งดูเหมือนจะเป็นหัวหน้ากลุ่มก็พูดอย่างเย็นชาว่า “นี่บ้านของพี่ชายคนโตของฉันนะราเชล ฉันต้องขออนุญาตก่อนเข้าบ้านของเขาด้วยเหรอ?”ราเชลพูดด้วยสีหน้าบึ้งตึง “เอเดรียน ฉันเป็นภรรยาของพี่ชายแก ซึ่งก็หมายความว่าบ้านหลังนี้เป็นของฉันครึ่งหนึ่ง ถ้าแกบุกเข้ามาโดยไม่ขออนุญาต เขาก็เรียกว่าเป็นการบุกรุกนะ!”เอเดรียนแสยะยิ้ม เขากวาดตามองราเชลแล้วพูดด้วยสีหน้าบูดบึ้ง “โอ้ ราเชล เธอยังจำได้ด้วยเหรอว่าเธอเป็นภรรยาของพี่ชายฉัน? แล้วเธอทำหน้าที่ภรรยาของเธอสำเร็จหรือยังล่ะ?”ยูลลุกขึ้นยืนด้วยความลำบากแล้วตำหนิติเตียนว่า “เอเดรียน แกพูดกับพี่สะใภ้อย่างนั้นได้อย่างไร? ‘ภรรยาของพี่ชายคนโตควรได้รับความเคารพแบบเดียวกับแม่’ แกรู้บ้างไหม?“ว่าไงนะ?” เอเดรียนทำเสียงเย้ยหยัน “พี่ชายอย่าลืมสิว่าเธอเป็นคนนอกของตระกูลโกลดิ้ง นอกจากนี้ในฐานะลูกสะใภ้คนโตของตระกูลโกลดิ้ง เธอไม่สามารถให้กำเนิดทายาทที่เป็นผู้ชายได้ ส่งผลให้ไม่มีหลานชายคนโตไปร่วมทำพิธีในงานศพของพ่อแม่ของเราได้! เธอเป็นตัวกาลกิณีของครอบครัวเรา!เมื่อได้ยินดังนั้น ใบหน้าของราเชลก็เปลี่ยนเป