วินน์ร้องไห้ด้วยความหงุดหงิด เธอกระทืบเท้าและกลับไปที่ห้องนอนของเธอ จากนั้นเธอก็ปิดประตูกระแทกอย่างแรกมาร์ธาอึ้ง เธอส่ายหัวและรู้สึกพอใจกับตัวเองจากนั้น เธอมองดูชาร์ลส์เหมือนว่าเธอกำลังโอ้อวด เธอลุกขึ้นยืนด้วยรอยยิ้มชั่วร้ายบนใบหน้า เธอเอาทุกอย่างกลับไปที่ห้องอย่างมีความสุขหลังจากนั้น มาร์ธาจำได้ว่ามีบางอย่างแปลกไปเกี่ยวกับฟิลิปคุณซัมเมอร์เซ็ทให้ของขวัญราคาแพงมากมายแก่พวกเขาโดยไม่มีเหตุผล และนอกจากนี้เมื่อพิจารณาจากปฏิกิริยาของวินน์พวกเขาต้องปิดบังบางอย่างกับเธอ“ชาร์ลี คุณคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับฟิลิป? ทำไมคุณซัมเมอร์เซ็ทถึงส่งของแพง ๆ มาให้เราด้วย?” มาร์ธาถามเธอคิดถึงคุณซัมเมอร์เซ็ทอยู่ตลอดเวลาถ้าแค่เพื่อนธรรมดา ทำไมถึงส่งของราคาแพงมากมายมาให้พวกเขา?ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของฟิลิปและคุณซัมเมอร์เซ็ทจะไม่ธรรมดาแล้วชาร์ลส์กำลังพินิจงานทัศนศิลป์ตรงหน้าอย่างไม่วางตา เขาตอบว่า “คุณควรถามวินน์ เธออาจจะรู้”มาร์ธาเม้มริมฝีปากเข้าหากันและเดินออกจากห้องนอนของเธอ เธอบังเอิญเห็น วินน์เดินออกจากห้องพอดี เธอเรียก “วินน์ ลูกจะไปไหน? แม่มีมีเรื่องจะถาม”วินน์ไม่สนใจต่อมาร์ธา เธอผลัก
คู่หมั้นของฟิลิป? วินน์รู้สึกได้ว่าหัวใจของเธอเต้นระรัว เธอกำชายกระโปรงแน่น เธอมองไปที่โคลอี้อย่างไม่อยากจะเชื่อ ก่อนจะลดสายตาลงมา ริมฝีปากของเธอสั่นระรัวนี่มันเกิดอะไรขึ้น? เธอเคยเป็นคู่หมั้นของฟิลิปทำไมฟิลิปไม่เคยบอกเธอเรื่องนี้?ในขณะนั้น วินน์รู้สึกว้าวุ่นใจเป็นที่สุด เป็นเรื่องยากที่จะทำใจให้สงบนิ่ง เธอกระวนกระวายเป็นอย่างมากจนต้องจิบกาแฟอึกใหญ่เพื่อช่วยให้สติของเธอสงบลงโคลอี้ยิ้มเยาะอย่างเย็นชา เธอรู้สึกพอใจในตัวเองเป็นอย่างมาก สังเกตได้จากรอยยิ้มเยาะบนใบหน้า เธอพูดต่อ “ฟิลิปกับฉันเราเป็นคู่รักในวัยเด็กกัน รู้จักกันมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เมื่อเจ็ดปีก่อนเขาหายตัวไปจากงานหมั้นของเราโดยไม่บอกอะไรสักคำ ฉันไม่ได้คิดว่าเขาจะแต่งงานและมีลูกสาวคนนึงเจ็ดปีหลังจากนั้น” โคลอี้พูดช้า ๆ แต่ละคำที่เธอพูดออกมาทำให้วินน์รู้สึกราวกับเป็นคนผิดเธอเองก็รู้จักฟิลิปมาเป็นเวลานาน พวกเขาเป็นคู่รักในวัยเด็กเช่นกัน วินน์ก็เป็นผู้หญิง ดังนั้นเธอจึงเข้าใจความเจ็บปวดที่ถูกผู้ชายทิ้งไปโดยไม่บอกอะไรสักคำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นงานเลี้ยงวันหมั้นระหว่างพวกเขานั่นเป็นเรื่องที่น่าอับอายขายหน้าสำหรับผู
วินน์เดินลงมาจากชั้นบนสุดอย่างไร้เรี่ยวแรงและห่อเหี่ยวทำไม? ทำไมฟิลิปต้องปิดบังเรื่องพวกนี้กับเธอด้วย? เธอรู้สึกเจ็บปวดและถูกหักหลังอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนวินน์เริ่มตั้งคำถามกับตนเองว่า หรือเธอจะเป็นแค่ของเล่นของฟิลิปจริง ๆ ? เธอรู้สึกว่าโคลอี้นั้นดูจะอยู่เหนือเธอมากเกินไป ไม่ใช่คู่แข่งของเธอแม้แต่น้อยเธอจะทำยังไงดี? เธอจะเผชิญหน้ากับปัญหานี้ยังไง? วินน์รู้สึกเหนื่อยล้า เธอออกเดินไปโดยไร้จุดหมายและในตอนนั้นเอง กลุ่มชายที่ดูเหมือนนักเลงอันธพาลก็ตามหลังเธอมา พวกเขาได้รับสัญญานให้ลงมือและเฝ้ารออยู่ที่ชั้นหนึ่งเป็นเวลาสักพักแล้ว พวกเขามองหน้ากันก่อนจะถูกำปั้นไปมาและเข้าไปประชิดตัววินน์“ว่าไงจ๊ะ คนสวย เธอนี่สวยไม่เบาเลยนะ ผิวขาวผ่อง แถมขายังเรียงสวยอีก ป๊ะป๋าชอบผู้หญิงแบบนี้สุด ๆ ทำไมไม่มีหนุ่มเดินด้วยละจ๊ะ? เธออยากจะมาดื่มกับฉันและพวกหนุ่ม ๆ หน่อยไหม?” “ทำไมสาวสวยอย่างเธอถึงร้องไห้อยู่ล่ะ? ใครมันกล้ารังแกเธอ? บอกฉันสิ เดี๋ยวฉันจะฆ่ามันให้เธอเอง” พวกกลุ่มตามวินน์มาและพูดจาแทะโลมเธอ พวกเขายังพยายามจะแตะต้องตัวเธอและพาเธอไปที่ห้องส่วนตัวอีกด้วยลูกค้าและพนักงานสองสาม
ฟิลิปโอบกอดวินน์ในอ้อมแขนของเขา สายตาอันน่าสะพรึงกลัวของเขาสะท้อนถึงความเยือกเย็นที่อาจสร้างหายนะขึ้นมาได้เขาอาจจะอาละวาดออกมาได้ในวันนี้เขาจะให้คนพวกนี้ได้ชดใช้อย่างงามจนพวกเขาไม่อาจจะคาดคิดได้เชียวแหละ! “วินน์รอผมก่อนนะ ให้ผมจัดการเรื่องนี้แล้วเราค่อยกลับไปคุยกันตกลงไหม?” สายตาอ่อนโยนของฟิลิปจับจ้องไปที่ใบหน้าของวินน์“ก็ได้” วินน์พูดขึ้นพร้อมพยักหน้า สายตาเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นในตัวฟิลิปชายคนนี้เป็นสามีของเธอ เขาเป็นผู้พิทักษ์ปกป้องเธอตลอดชีวิตนี้ทำไมเธอจะไม่เชื่อเขา? หรือเธอควรจะหวั่นไหวไปกับสิ่งที่โคลอี้พูด? วินน์ไม่ได้อยากรู้ว่าเมื่อก่อนฟิลิปเป็นอย่างไรหรือตระกูลคลาร์คมีอาชีพอะไรตราบใดที่ฟิลิปอยู่กับเธอ ทุกอย่างก็จะดีเอง ถึงแม้ฟิลิปจะไม่อยากบอกเธอ เธอก็จะไม่บังคับเขาเขาเองก็คงจะลำบากใจเช่นกันเธอเต็มใจที่จะรอวันที่ฟิลิปเปิดใจกับเธอเอง “ดั๊ก? ดั๊ก? นายเป็นอะไรหรือเปล่า?” เหล่าลูกน้องลุกขึ้นและมาล้อมรอบดั๊กไว้ จากนั้นพวกเขาจึงช่วยให้เขาลุกยืนขึ้นฟันหน้าของเขาหัก เลือดกลบปาก จมูกก็มีเลือดไหลย้อยจากการปะทะ“แม่งเอ๊ย! แกยืนทำอะไรอยู่อีก? ฆ่ามันซะ!” ดั๊กจั
“แก…ไอ้เวรเอ๊ย! แกกล้าดียังไงมาอัดฉัน! รนหาที่ตายเเล้ว!” ดั๊กมองที่ฟิลิปด้วยความหวาดกลัว เขาพูดกับฟิลิป “พี่ชายของฉันคือมิคาเอล โมสบี้! เขาเป็นผู้จัดการของร้านนี้เว้ย!” ตุ๊บ!ฟิลิปเตะเขาอีกครั้ง ครั้งนี้เขาเตะไปที่ท้อง อีกฝ่ายร้องโหยหวนออกมาพร้อมกับม้วนตัวกุมท้องด้วยความเจ็บปวด สีหน้าของเขาแดงก่ำสุด ๆ ตับของดั๊กครึ่งหนึ่งกำลังจะแตกออกเพราะแรงเตะนี้“ฉันจะถามแกอีกครั้ง ใครสั่งให้แกทำเรื่องนี้?” สีหน้าของฟิลิปถมึงทึง เขาดึงผมดั๊กพร้อมกับคำรามใส่หน้าดั๊กยังคงดื้อด้าน เขาหัวเราะออกมาสองสามครั้งพร้อมกับเลือดที่กลบปาก และพูดขึ้น “ฮี่ฮี่ ไม่มีใครสั่งฉัน ฉันแค่เห็นเมียสาวสุดสวยของแกและอยากได้เธอ แล้วมันจะทำไม?” เพี๊ยะ! ฟิลิปง้างมือขึ้นและตบหน้าดั๊กอีกครั้ง หลังจากนั้นดั๊กเริ่มรู้สึกหัวหมุน“ใครสั่งแกมา?” ฟิลิปตะโกนอีกครั้ง สายตาของเขาบ่งบอกชัดเจนว่าอยากจะฆ่าคนตรงหน้าเสียเหลือเกินดั๊กก็ยังคงดื้อด้านไม่ยอมบอก เขาเงยหน้าขึ้นก่อนจะหัวเราะออกมา “เมียแกมันโคตรน่ากิน หุ่นของเธอยั่วยวน ฉันเชื่อว่าแกทำให้เธอมีความสุขไม่ได้หรอก ใช่ไหม? ทำไมเราไม่ร่วมมือกันละ?”ปึก! ฟิลิปทุบตีดั๊กต่อไป
ตาของมิคาเอลกระตุก คนทั้งคู่มาพลอดรักต่อหน้าเขา นั่นมันไม่ให้เกียรติเขาแม้แต่น้อย!บ้าเอ๊ย! กล้าดียังไงมาดูถูกเขาแบบนี้?มิคาเอลโกรธจัด เขาชี้หน้าฟิลิปและตะโกนออกมา “ไอ้หนู อย่าหาว่าฉันทำร้ายเด็กก็แล้วกัน แกทำตัวแกเองนะ! ไป! จัดการมันให้ร่วงและเอาตัวผู้หญิงมา!” ลูกน้องของมิคาเอลกว่าสิบคนมุ่งตรงเข้าไปหาฟิลิปพร้อมรอยยิ้มเยาะคน ๆ เดียวจะสู้คนสิบได้ยังไงกัน? ประเมินค่าความสามารถของเขาสูงเกินไปแล้วผู้คนสองสามคนพากันส่ายหัวและถอนหายใจหย่างหมดหวังนั่นมันจบแล้ว เจ้าเด็กนั่นตายแน่แล้วนั่นมันมิคาเอล โมสบี้ เขาขึ้นชื่อลือชาว่าเป็นคนเหี้ยมโหด เมื่อไหร่ก็ตามที่มีคนทำให้เขาไม่พอใจนั่นจะเป็นราวกับว่าคน ๆ นั้นไปทำให้หมาบ้าโกรธเลยแหละ เขาจะตามกัดไม่ปล่อยแน่อย่างไรก็ตาม ฟิลิปยังคงนิ่งเฉยต่อเหตุการณ์นี้ เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาและกดเบอร์โทรออก พูดขึ้นด้วยเสียงเย็น “จิม เมื่อไหร่นายจะมาถึงที่นี่ ฉันถูกผู้จัดการร้านอาหารของนายล้อมตัวไว้อยู่เนี้ย” ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ชายวัยกลางคนในชุดสูทสีดำที่กำลังวิ่งมายังประตูทางเข้าร้านอาหารหลังจากลงมาจากรถแลนด์โรเวอร์ของเขา พูดขึ้นอย่างลนลาน “นายน้อย
จิมไม่อยากมาที่ร้านอาหารเท่าไหร่นัก โดยส่วนมากแล้วเขาจะให้มิคาเอลจัดการที่ร้านไปเลยเนื่องจากอยู่ไกลจากที่นี่ จิมจึงไม่ได้มาคอยควบคุมมิคาเอล ทำให้มิคาเอลแผ่ขยายอำนาจบารมีในร้านอาหารมากขึ้นไปเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตามสำหรับจิมแล้ว เขาก็เป็นแค่เด็กน้อยคนนึง “โอ้ไม่นะ มิสเตอร์วิงเกอร์มาที่นี่แล้ว!” “ฮิ ฮิ ฉันเชื่อว่าเจ้าหนุ่มนั่นไม่มีทางหนีไปได้แน่งานนี้ ช่างโง่ยิ่งนัก!” “ใครสั่งใครสอนให้เขาทำตัวอวดดีขนาดนี้? เขาอาจจะลองแก้ปัญหานี้ด้วยการขอโทษและยอมจ่ายเงินชดเชย แต่ฉันเชื่อว่ามิสเตอร์วิงเกอร์คงไม่ยอมยกโทษให้เขาหรอกดั๊กถูกพยุงขึ้นจากพื้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเลือด เมื่อเขาเห็นจิม เขาทำท่าราวกับได้เห็นผู้ช่วยชีวิต เขาโอดครวญขึ้นมา “ท่านครับ ท่านต้องช่วยผมนะ! เจ้าเด็กนั่นมันทำให้ผมเป็นแบบนี้ เขาป่าเถื่อนเกินไปแล้ว!” อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นกลับเหนือความคาดหมายของทุกคน จิมไม่ได้สนใจพี่น้องโมสบี้เลย ใครคือดั๊กและมิคาเอล โมสบี้กัน? พวกเขาเป็นแค่ขยะของเสียสำหรับเขาในตอนนี้ จิมไม่ลังเลที่จะลงโทษใครก็ตามที่มาทำให้นายน้อยไม่พอใจ ถึงแม้คน ๆ นั้นจะเป็นคนในครอบครัวเขาก็ตามพวกเขาไม
จิมรู้สึกเย็นเข้าไปถึงกระดูกดำหลังจากได้ยินประโยคนั้นนายน้อยโกรธจัด จิมพยักหน้าอย่างฉุนเฉียว สีหน้าดูกังวลในขณะที่พูดขึ้น “เข้าใจแล้วครับ!” จากนั้นเขาหันไปเตะเข้าที่ท้องของมิคาเอล มิคาเอลล้มหน้าคว่ำลง จิมตะโกนใส่มิคาเอลอย่างไม่แยแส “มิคาเอล โมสบี้ จากนี้ไปนายไม่ใช้ผู้จัดการร้านอาหารของฉันอีกต่อไป!” มิคาเอลโกรธจัด เขาตัวสั่นไปทั้งตัว“เวรเอ๊ย! จิม วิงเกอร์ อย่าคิดว่าฉันจะไม่ทำอะไรแกเพราะแกไล่ฉันออกนะ! ฉันมีลูกน้องมากกว่าสิบคนอยู่ที่นี่ แกคิดว่าแกจะรับมือได้งั้นเหรอถ้าพวกเราอาละวาดขึ้นมา?” มิคาเอลป่าเถื่อน เขาพึ่งพาลูกน้องที่อยู่แวดล้อมเขา จากนั้นเขาจึงลุกขึ้นยืนจากพื้นและลูบท้องของตัวเองเมื่อเขาพูดเช่นนั้น ลูกน้องของเขาก็เดินเข้ามา พวกเขาพยายามที่จะบังคับให้เขายอมจำนนสีหน้าของจิมเคร่งขรึมในขณะที่เขาตะโกนใส่ลูกน้องของมิคาเอล “พวกแกตาบอดงั้นเหรอ? พวกแกไม่รู้เหรอว่าฉันคือใคร? ฉัน จิม วิงเกอร์! ถ้าพวกแกกล้าก้าวเท้าเข้ามาอีกแม้แต่ก้าวเดียวฉันจะฆ่าโคตรเหง้าตระกูลพวกแกให้หมด!” สีหน้าของจิมเยือกเย็นแต่ประกายในตาลุกโชนถ้าไม่สามารถทำให้นายน้อยเห็นว่าเขาควบคุมสถานการณ์ได้ เขาคงต