“โอ๊ย!”เฟิงเจิ้งอวี้ถูกตบจนกลิ้งไปกับพื้น ใบหน้าเจ็บจนชา แก้วหูเสียงดังวิ้ง ๆ ท่าทางงุนงงดูจากปฏิกิริยาตอบโต้ของฝ่าบาท เห็นได้ชัดว่าไม่รู้ความจริงเรื่องโรคระบาดเมืองตงหนิงหรือว่าเฟิงเย่เสวียนไม่ได้บอกฝ่าบาท?เป็นไปไม่ได้!เฟิงเย่เสวียนซื้อตัวอูหนู ขโมยความลับของห้องหนังสือของเขาไป มอบให้แก่ฝ่าบาท ตามหลักแล้ว ฝ่าบาทน่าจะรู้เรื่องโรคระบาด แต่ปฏิกิริยาตอบโต้แบบนี้...นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?!“ทำเรื่องเลวระยำแบบนี้ ยังอยากจะให้เรายกโทษให้เจ้า! เฟิงเจิ้งอวี้ เจ้ายังเป็นคนอยู่หรือไม่!” ฝ่าบาทสะบัดมือไปตบเข้าที่ใบหน้าอีกทีหนึ่งด้วยความโกรธบีบบังคับให้สละราชสมบัติ ขายแผนการทางทหาร สมคบคิดกับโจรภูเขา ทำร้ายพี่น้อง แพร่โรคระบาด...แต่ละเรื่อง แต่ละราว เป็นฝีมือของเขาทำอย่างนั้นหรือ?ช่างเป็นเดรัจฉานจริง ๆ!เรียกได้ว่าเป็นเหมือนสายลับที่แคว้นอื่นส่งตัวมา!เมื่อนึกถึงโรคระบาดขึ้นมา รวมทั้งชาวบ้านที่ตายอย่างไม่ได้รับความยุติธรรมนับพัน ฮ่องเต้ทั้งปวดใจ ทั้งโมโห ตอนนี้ ตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาดแล้ว“ใครก็ได้! องค์ชายใหญ่ขาดคุณธรรมอันดีงาม ไม่คู่ควรที่จะเป็นผู้นำ ปลดตำแหน่งและยึ
ฉู่เชียนหลีจ้องมองเขาที่ใบหน้าซีดขาวเล็กน้อย น่าจะเป็นตอนที่เฟิงเจิ้งอวี้พุ่งตัวเข้ามาเมื่อครู่นี้ กระแทกเข้ากับบาดแผลของเขาเฟิงเย่เสวียนกุมท้องเอาไว้ ริมฝีปากบางเม้มแน่น“ข้าไม่ตาย ที่นี่ไม่มีธุระอะไรแล้ว เจ้าไปเยี่ยมอ๋องหลีเถอะ”ฉู่เชียนหลี “...”เห็นได้ชัดว่า ประโยคนี้กำลังจงใจทำให้นางโมโหนางสาวเท้าแล้วเดินจากไปเฟิงเย่เสวียน “?”เมื่อเห็นหญิงสาวก้าวออกไปได้สี่ห้าก้าว แขนยาวก็รีบดึงกลับมาให้ตายเถอะ!ฟังไม่ออกว่าเขาประชดงั้นหรือ?นางจะต้องจงใจแน่!อยากให้เขาก้มหัวให้ไม่ใช่หรือ เขายอมก้มหัวให้แล้ว “เมื่อคืนข้าไม่ได้นอนทั้งคืน แล้วก็ไม่ได้กินอะไร ข้าเวียนหัว คันแผลอีก ข้าเกาจนแผลฉีก เลือดไหล”“...”ตอนที่แผลเริ่มมีเนื้อขึ้น จะคัน เกาได้อย่างไรกัน?แม้แต่เด็กน้อยก็ยังรู้ว่าห้ามเกา!ฉู่เชียนหลีโมโหอยากจะต่อว่าเขา แต่ทันทีที่มองเห็นหน้าตาที่เศร้าสร้อย ก้มหน้าก้มตา ท่าทางที่ไร้ชีวิตชีวา ก็ใจอ่อนอีก“ข้าจะตรวจให้เจ้า” นางทำท่าจะเลิกเสื้อของเขาขึ้นเขาก็จับมือเล็กของนางเอาไว้ กวาดสายตามองที่ห้องโถงหลัก“ตรงนี้หรือ?”ที่นี่จวนรัชทายาท เขาไม่มีความเคยชินที่จะถอดเสื้อในสถา
จวนอ๋องเฉิน เรือนหานเฟิงหลังจากเข้ามาในเรือน ฉู่เชียนหลีเป็นห่วงอาการบาดเจ็บของเขา เตรียมที่จะตรวจดูแผลให้เขาเขาดึงเสื้อลง กล่าวเสียงขรึม “มีผู้ใดถอดเสื้อที่ลานบ้านกัน? ไม่กลัวว่าจะมีคนนอกเห็นร่างกายอันเปลือยเปล่าของข้าหรือ”“...”ทำไมประโยคนี้ฟังดูแปลกไปหน่อย?เหมือนกับว่าเขาเป็นผู้หญิงยิงเรืออย่างนั้นฉู่เชียนหลีเม้มปาก ดึงเขาเข้าไปในห้อง พร้อมทั้งปิดประตู “ตอนนี้ถอดได้แล้ว”ในห้องไม่มีคนเขา “หนาว”นาง “?”เฟิงเย่เสวียนกวาดสายตามองห้องนอน สาวเท้าเดินไปที่ด้านหน้าเตียงนอน เลิกมุมหนึ่งของผ้าห่มออก นั่งลงไป พร้อมทั้งนำขาทั้งสองข้างยกขึ้นไปวาง จากนั้นนอนลงไป“เช่นนี้ถึงจะเหมือนผู้ป่วย”“...”เรื่องเยอะจริง ๆ!ฉู่เชียนหลีกลอกตาบนใส่เขาทีหนึ่ง เดินเข้าไปหาอย่างอารมณ์ไม่ดี คลายผ้าคาดเอวของเขาออก เปิดเสื้อออก แล้วเลิกขึ้นทั้งสองชั้นทันทีที่ก้มหน้าดูแผลล่ะ?เลือดล่ะ?เห็นแค่เพียงบาดแผลบริเวณเอวของชายหนุ่มที่สมานกันเรียบร้อยแล้ว รอยแผลเป็นเส้นยาวลักษณะเฉียงและอัปลักษณ์ ไม่มีแผลปริ ไม่มีเลือดไหล การฟื้นฟูดีมากทันใดนั้นฉู่เชียนหลีก็สังเกตว่าติดกับเข้าแล้วทำให้ลุกไม่ทัน ก
วันรุ่งขึ้นเช้าตรู่ในเมืองหลวง การวิพากษ์วิจารณ์อันร้อนแรงเกิดขึ้นไปทั่ว“ได้ยินข่าวหรือไม่ รัชทายาทกระทำความผิดใหญ่หลวง ถูกส่งตัวเข้าจวนเฟิงเหรินแล้ว! คุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่ที่เพิ่งแต่งเข้าช่างน่าสงสารจริง ๆ นางเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวงเชียวนะ!”“เพิ่งแต่งเข้าเรือนอะไรกัน? คุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่นางไม่ใช่พระชายารองรัชทายาทแล้ว! รัชทายาทปลดนางตั้งนานแล้ว!”“หา? นี่มันเรื่องอะไรกัน?”“เจ้ายังไม่รู้หรือ? หลังจากพระชายารองฉู่แต่งเข้าจวนรัชทายาท เป็นเพราะพระชายารัชทายาทริษยา รังแกนางมาตลอด ถึงขนาดทำให้นิ้วมือของนางพิการ! แม่นางผู้บริสุทธิ์ถูกเหยียดหยามจนสภาพดูไม่ได้ ฝ่าบาทถึงได้ทรงทวงความยุติธรรมคือให้คุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่...”ไม่รู้ว่าข่าวลือเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ยามเมื่อพระอาทิตย์ขึ้น ก็รู้กันทั่วเมืองแล้วจวนอัครมหาเสนาบดีที่โถงหลักอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่ที่เพิ่งกลับมาจากการประชุมขุนนาง นั่งอยู่ตรงนั้นอย่างเกียจคร้าน ใกล้ ๆ มือมีราชโองการม้วนหนึ่งวางอยู่ นั่นก็คือราชโองการตัวจริงของฉู่หงหลวนฮ่องเต้มีราชโองการชดเชย แก่ฉู่หงหลวนที่ได้รับความไม่ยุติธรรมที่จวนรัชทายาทในเวลา
“อวิ๋นอิง!”“อวิ๋นอิง!”เสียงตะโกนสายหนึ่งทำลายความสงบของจวนอ๋องเฉิน เห็นเพียงร่างเงาสีน้ำเงินสายหนึ่งพุ่งพรวดเข้ามาด้วยความเร็วที่ราวกับจะรีบไปเกิดใหม่“แค่ก!”อวิ๋นอิงที่กำลังดื่มยาสะดุ้งตกใจจนสำลักยาในลำคอ ไออย่างโขลกสองสามครั้ง เงยหน้าขึ้นมองหลิงเชียนอี้ที่สีหน้าร้อนใจแวบหนึ่ง“ยัยหูตึง เจ้าทำอะไรของเจ้า? เจ้าไม่เป็นอะไรกระมัง!”ตอนรู้รับข่าวอวิ๋นอิงได้รับบาดเจ็บ หลิงเชียนอี้ติดปีกบินตรงมายังจวนอ๋องเฉินโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นพุ่งพรวดเข้าไปเบียดฉู่เชียนหลีออก แล้วจับมือทั้งสองข้างของอวิ๋นอิง ท่าทางที่ร้อนใจนั่น เหมือนกับ ‘พ่อเฒ่า’ คนหนึ่งฉู่เชียนหลีที่ถูกเบียดออกไป “...”เยว่เอ๋อร์เห็นสถานการณ์ ปิดปากแอบหัวเราะอวิ๋นอิงรีบเช็ดยาที่มุมปากออก วางถ้วยลง “ท่านโหวน้อย ท่านมาได้อย่างไร? ข้าไม่เป็นอะไรนี่ ก็แค่ตอนฝึกยุทธ์ไม่ระวังบิดโดนเอว นอนสักสองวันก็หายดีแล้ว”หลิงเชียนอี้กวาดมองนางตั้งแต่หัวจรดเท้า เมื่อเห็นว่าสีหน้าของนางยังใช้ได้ สภาพจิตใจก็ยังดี จึงจะโล่งอกเล็กน้อยจากนั้นก็ทำหน้านิ่ง จ้องนาง ถามอย่างจริงจัง“เจ้ารู้หรือไม่ว่าคนที่โกหกข้าจะมีจุดจบอย่างไร?”อวิ๋นอิงชะง
อวิ๋นอิงโดนหยอดจนต้านทานไม่ไหวเล็กน้อย ฉู่เชียนหลียืนอยู่ข้างๆ กลับเผยให้เห็นสายตาที่อิจฉา : เจ้าเด็กน้อยหลิงเชียนอี้คนนี้ ใช้ได้เลยทีเดียว…สมกับเป็นคนที่มีประสบการณ์ดื่มกินเที่ยวเล่นมานานหลายปี…ฝีปากนี่ คารมนี่ เด็กผู้หญิงคนใดไม่ชอบบ้าง?หากเฟิงเย่เสวียนสามารถมีหนึ่งในสิบของหลิงเชียนอี้ นางนอนฝันก็ยังยิ้ม“คำนับท่านอ๋อง” นอกประตู เสียงคำนับดังขึ้น พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มาเฟิงเย่เสวียนกลับจากประชุม ได้ยารักษาแผลมาจากหมอหลวงในวังหนึ่งขวด มอบให้อวิ๋นอิงหลังจากทายา อวิ๋นอิงพักผ่อน หลิงเชียนอี้อยู่เป็นเพื่อน ส่วนฉู่เชียนหลีตามเฟิงเย่เสวียนออกไป“ได้ยินข่าวลือที่ข้างนอกแล้ว?” นางเอ่ยปาก หมายถึงเรื่องของฉู่หงหลวน “เจ้าเชื่อ?”หากฉู่หงหลวนเป็นสาวพรหมจรรย์ นางยอมเด็ดศีรษะของตนเองลงมาเฟิงเย่เสวียนส่ายศีรษะ “อ๋องอันเป็นคนขอความเมตตา”“อ๋องอัน?”องค์ชายหกที่ขึ้นชื่อว่าเป็นขี้โรค สุขภาพไม่ดีตั้งแต่เด็ก? เขาพูดแทนฉู่หงหลวน?ฉู่หงหลวนเป็นลูกสาวที่อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่ให้ความสำคัญที่สุด ไม่มีทางล้มง่ายๆ เกรงว่าต่อไปต้องก่อปัญหาอีกแน่นอน“วันมะรืน พวกพี่น้องเชิญไปร่วมสังสรรค์ด้วยกัน
วันนี้ ท่านอ๋องทั้งหลายของราชวงศ์ เนื่องจากเกิดเรื่องขององค์ชายใหญ่เฟิงเจิ้งอวี้ พี่น้องทั้งหลายถือเป็นบทเรียน จึงนัดหมายรวมตัวกันตอนเช้าตอนออกจากจวน เฟิงเย่เสวียนยัดของบางอย่างใส่มือฉู่เชียนหลีอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นหันหน้าหนี ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นฉู่เชียนหลีหยิบขึ้นมาดูด้วยความสงสัยยันต์กระดาษ…สีเหลืองสดที่พับเป็นสามเหลี่ยม?นางประหลาดใจ“นี่คือ?”“ไม่มีอะไร เจ้าพกติดตัวเอาไว้ อย่าทำหายล่ะ นอกจากอาบน้ำ เวลาอื่นต้องพกติดตัวตลอด” เขาพูดอย่างฉับไวยันต์คุ้มภัย?เขางมงายกับเรื่องแบบนี้ด้วย?ฉู่เชียนหลีหลุดหัวเราะ “อยากให้ข้าไปร่วมสังสรรค์กับเจ้า ก็พูดตรงๆ เถอะ ต้องเอาของแบบนี้มาเอาใจข้าด้วยหรือ?”ให้ของขวัญยังจะยึกยักทำเป็นหยิ่ง ใครจะหัวเราะเยาะเขาหรืออย่างไร?จริงๆ เลยถ้าเขาได้ครึ่งหนึ่งของหลิงเชียนอี้ ตอนกลางคืนนางฝันก็ยังจะยิ้มจนตื่น“นี่คือยันต์หัวใจเดียวกัน” เขาหยุดฝีเท้า จ้องมองนาง คำพูดแต่ละคำ กล่าวอย่างจริงจังพิเศษ “นี่เป็นของที่ข้าไปขอมาจากวัดเทียนหลิง เจ้าพกหนึ่งแผ่น ข้าพกหนึ่งแผ่น ความหมายคือเกื้อหนุนกันและกัน หัวใจเป็นหนึ่งเดียวตลอดไป”วัดเทียนหลิงม
พระชายาอ๋องเจวี๋ยได้ฟังแล้ว ทักษะการแพทย์ของหมอประจำจวนจะสู้ฉู่เชียนหลีได้อย่างไร? อีกอย่าง ก็แค่ตรวจชีพจร ไม่ใช่ว่าเนื้อบนร่างกายจะน้อยลงเสียหน่อยนางมองพระชายาอ๋องติ้งอย่างไม่พอใจ “น้องสะใภ้สี่ เจ้าพูดเช่นนี้ดูห่างเหินเกินไปกระมัง?”“เจ้า…”“พี่อวี๋” ฉู่เชียนหลีเรียกเสียงเบา พร้อมกับกระตุกแขนเสื้อของนาง แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร “พี่สะใภ้สาม วันนี้ไม่ได้นำอุปกรณ์มาด้วย ครั้งหน้าไว้มีเวลาว่าง จะตรวจให้ท่านอย่างละเอียดแน่นอน”“เช่นนี้ค่อยว่าไปอย่าง”คำพูดไม่กี่คำ ก็ไล่คนไปแล้วมีปัญหาเพิ่มขึ้นหนึ่งเรื่อง ไม่สู้มีปัญหาน้อยลงหนึ่งเรื่อง ไม่ได้พูดอะไรมากอีก ทุกคนนั่งลง คนสิบกว่าคนนั่งจนเต็มโต๊ะ บวกกับองครักษ์ที่รออยู่ข้างนอกหลายสิบคน แลดูเอิกเกริกมากตอนแรกทักทายถามไถ่ตามมารยาก่อน คุยไปคุยมา ก็พูดถึงเรื่องขององค์ชายใหญ่พูดถึงองค์ชายใหญ่ จึงจะเข้าสู่ประเด็นหลักของวันนี้รัชทายาทถูกปลด ส่งตัวเข้าจวนเฟิงเหริน ไม่มีโอกาสพลิกฟื้นกลับมาอีก ปัจจุบันตำแหน่งของรัชทายาทถูกเว้นว่าง ฮ่องเต้ก็อายุห้าสิบกว่าปีแล้ว ไม่แน่อีกไม่นานก็จะแต่งตั้งรัชทายาทอีกครั้ง…องค์ชายมีทั้งหมดหกคน แต่ต