“ข้าบอกแล้วว่าไม่จำเป็น!” เฟิงเย่เสวียนเอ่ยปากอย่างแข็งกร้าว จ้องฮ่องเต้ตรงๆ “ให้เวลาข้าสามวัน ข้าจะตรวจสอบจนความจริงปรากฏแน่นอน!”คดีอาญา เรื่องเกี่ยวข้องกับราชวงศ์ เป็นเรื่องใหญ่โต ส่งผลกระทบต่อวงกว้าง เขารู้ว่าฉู่เชียนหลีไม่ใช่คนร้าย ไม่จำเป็นต้องไปรบกวนฉู่เชียนหลีช่วงที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ของเขากับฉู่เชียนหลีละเอียดอ่อนมาก ไม่อยากให้เรื่องจุกจิกเหล่านี้ไปรบกวนฉู่เชียนหลี“ตอนนี้ไม่ได้กำลังตรวจสอบคดีหรือ?” อ๋องเจวี๋ยถามกลับด้วยความสงสัย “เหตุใดเจ้าตรวจสอบก็เจอ พอศาลต้าหลี่ตรวจสอบก็ไม่เจอแล้ว?”เขาเอียงศีรษะ กล่าวอย่างอยากรู้อยากเห็น“เจ้ากับพระชายาอ๋องเฉินเป็นสามีภรรยา มีเพียงให้เสด็จพ่อตรวจสอบ จึงจะค่อนข้างยุติธรรมกระมัง?”อ๋องเฟิงก็หัวเราะแล้วกล่าว“น้องเจ็ด เจ้าก็บอกแล้วว่าฉู่เชียนหลีไม่ใช่คนร้าย เช่นนั้นตรวจสอบหน่อยจะเป็นอะไร? คนโบราณพูดได้ดี ประพฤติตนอย่างเปิดเผย ตรงไปตรงมา ไม่มีอะไรต้องกลัว มีเพียงคนที่เป็นโจรร้อนตัวเท่านั้นจึงจะตื่นตระหนก”เขายิ้มแย้ม คำพูดเหมือนจะปกป้อง แต่ก็มีความหมายลึกซึ้งอย่างอื่นแอบแฝงระหว่างพี่น้อง ไม่มีใครธรรมดา“ดูสภาพเจ้าในตอนนี้ มันใช้ไ
เดิมทีนางสงสัยฉู่เจียวเจียว แต่เฟิงเจิ้งหลีเป็นพยานให้ฉู่เจียวเจียว นางสับสนอีกครั้งระหว่างทางเข้าวัง นางคิดเรื่องนี้ตลอดตกลงคนร้ายเป็นใครกันแน่?คิดต้นตอไม่ออก และเป็นแพะรับบาปไม่ได้ เช่นนั้นก็มีเพียงวิธีเดียว…ฉู่เชียนหลีเงยหน้า “เสด็จพ่อ เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้เป็นการใส่ร้ายป้ายสี ใครที่ฆ่าคนแล้วจะเก็บอาวุธก่อเหตุไว้บ้าง? และยังเก็บไว้ในที่โจ่งแจ้งเช่นนั้น? ไม่เท่ากับรนหาที่ตายหรอกหรือ?”คำพูดนี้ทุกคนล้วนรู้แต่หลักฐานแน่นหนา จะอธิบายอย่างไร? นอกจากหาคนร้ายตัวจริงเจอ พระชายาอ๋องเฉินจึงจะสามารถหลุดพ้นความผิด“ที่จริง หม่อมฉันสงสัยว่า…องค์ชายใหญ่ฆ่าตัวตาย”“ฆ่าตัวตาย!?”เมื่อคำพูดนี้ออกมา ทุกคนตะลึงงันองค์ชายใหญ่ใช้มีดสั้นแทงตนเอง หลังจากนั้นค่อยโยนอาวุธก่อเหตุใส่จวนอ๋องเฉินเพื่อปรักปรำ?เหอๆนี่เป็นมุกตลกที่ฝืดที่สุดในปีนี้อ๋องเจวี๋ยยิ้มเล็กน้อย “นี่พระชายาเห็นทุกคนเป็นคนโง่หรือ?”ฉู่เชียนหลีกล่าวอย่างเย็นชา “แม้ว่าองค์ชายใหญ่ถูกส่งเข้าจวนเฟิงเหริน แต่เขาเคยมีผู้ใต้บังคับบัญชา! มีคนไม่น้อยที่จงรักภักดีต่อเขา ดังนั้นเมื่อวานเขาจึงสามารถหนีออกจากจวนเฟิงเหริน!”อาศัยกำ
ทันใดนั้น ห้องทรงพระอักษรเกิดความวุ่นวายอ๋องเฉินจะลงมือ อ๋องเจวี๋ยถูกกดไว้ อ๋องติ้งรีบพาคนเข้ามาแยก อ๋องอันห้ามปรามอยู่ข้างๆ อ๋องเฟิงอยากอยากแทรกแต่แทรกไม่เข้า ได้แต่เติมเชื้อไฟอยู่ข้างๆ เหล่าขันทีสะดุ้งตกใจ ร้อนรนจนเดินวนอยู่ข้างๆ“พอได้แล้ว อย่าทะเลาะกันเลย ท่านอ๋องทั้งหลายใจเย็นๆ ก่อน! ฝ่าบาทยังอยู่ตรงนี้นะ!”“ที่นี่คือห้องทรงพระอักษรนะ!”“อย่าทะเลาะกันเลย!”“พอได้แล้ว!”“เฟิงเย่เสวียน!”เจ้าพูดคำ ข้าพูดคำ เสียงของทุกคนปะปนรวมกัน แยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร วุ่นวายไปหมดฮ่องเต้ยืนอยู่ข้างๆ สีหน้าน่าเกลียดเหมือนกินแมลงวันเข้าไปเจ้าพวกคนไม่เอาถ่านกลุ่มนี้ เพื่อผู้หญิงคนหนึ่ง ถึงกับลงไม้ลงมือ ทะเลาะกันในห้องทรงพระอักษรถึงขั้นนี้ ยังเห็นเขาที่เป็นเสด็จพ่อคนนี้อยู่ในสายตาหรือไม่?!ฉู่เชียนหลีอยากห้าม แต่ห้ามปรามสองประโยค พบว่าไม่มีใครฟังนาง แต่เป็นเช่นนี้ต่อไป มีแต่จะทำให้เรื่องราวบานปลายมากขึ้น หากเผยแพร่ออกไป เรื่องที่องค์ชายใหญ่ตายก็ปิดไม่อยู่แล้วดูเหมือนวันนี้หาคนร้ายไม่เจอ ไม่เลิกราแน่นอนจวนอ๋องเฉินไม่มีทางเป็นแพะรับบาปหาคนร้ายไม่เจอชั่วคราว ก็ให้คำอธิบายไม่ได้ ได้แต่คิ
หมอหลวงกล่าว “พระชายาอ๋องเฉินเพิ่งมีครรภ์หนึ่งเดือนกว่า ทารกในครรภ์ยังไม่มั่นคง ร่างกายนางผอมบาง บวกกับก่อนหน้านี้น่าจะได้รับความตกใจ จึงเป็นหมดสติพ่ะย่ะค่ะ”“บำรุงครรภ์! ใช้ยาบำรุงครรภ์ที่ดีที่สุดเดี๋ยวนี้!” ฮ่องเต้โบกมือทันที ดวงตาที่มองท้องของฉู่เชียนหลีเปล่งประกายแสงจ้าห้าพันวัตต์ อยากมองทะลุเข้าไปในท้องเสียเดี๋ยวนี้“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หมอหลวงไปตรวจชีพจรที่จวนอ๋องเฉินทุกๆ สามวัน ประทานยาบำรุงหนึ่งร้อยชุด ต้องดูแลเด็กในครรภ์พระชายาอ๋องเฉินให้ดี จนกว่าจะคลอดออกมาอย่างปลอดภัย”ดูจากคำพูดและการกระทำของเขา มองเห็นความรักและความปรารถนาที่เขามีต่อทายาทราชวงศ์ได้ไม่ยากเกือบห้าสิบปีมานี้ มีเพียงหลานสาวสองคน ไม่มีหลานชายสักคน ตาแก่คนอื่นที่อายุไล่เลี่ยกัน มีลูกหลานเต็มบ้านนานแล้วเจ้าลูกชายไร้ประโยชน์ทั้งเจ็ดคนนี้! ลูกชายเจ็ดคนไม่มีหลานชายแม้แต่คนเดียว!ไร้ประโยชน์!เด็กที่อยู่ในครรภ์พระชายาอ๋องเฉิน ต้องเป็นผู้ชายแน่นอน!“พ่ะย่ะค่ะ!” หมอหลวงรับบัญชา รีบกลับสำนักหมอหลวงเพื่อปรุงยาบำรุงทันทีอ๋องเจวี๋ยเห็นแล้ว รีบก้าวออกไป “เสด็จพ่อ แล้วเรื่องของพี่ใหญ่…”“เสด็จพ่อ เชียนหลีเพ
เนื่องจากพระชายาอ๋องเฉินตั้งครรภ์ การตายขององค์ชายใหญ่จึงถูกเลื่อนออกไปชั่วคราว ปล่อยให้ศาลต้าหลี่จัดการ ความสนใจของฮ่องเต้โอนเอนไปทางทายาทราชวงศ์หลังจากนั้นประมาณหนึ่งชั่วยามฉู่เชียนหลีที่ ‘เป็นลม’ พอประมาณแล้ว ‘ค่อยๆ’ ฟื้น“อืม…”นางลืมตาขึ้นอย่างอ่อนแรง มือเล็กจับศีรษะ พึมพำอย่างไร้เรี่ยวแรง “ข้า…ข้าเป็นอะไร…”“รีบนอนลง” ฮ่องเต้ที่ยืนอยู่ข้างเตียงมาโดยตลอดรีบก้าวออกมา กล่าวตำหนิ “เจ้านี่นะ ตั้งครรภ์แล้วยังไม่รู้ตัวอีก และยังเข้าวังมาแต่ไกล เป็นแม่คนอย่างไรกัน!” หากแพ้ท้อง กระทบกระเทือนท้อง เด็กเป็นอะไรไป เขาจะลงโทษนางแน่นอนสวรรค์รู้ เขาอยากมีหลานชายคนหนึ่งมากจริงๆปีนี้เขาอายุห้าสิบปีแล้ว!คนอื่นอายุห้าสิบปี หลานชายรู้จักเรียก ‘ท่านปู่’ แล้ว!“ตั้ง…ตั้งครรภ์?” ฉู่เชียนหลีถลนตา ‘อึ้ง’ โดยตรง ก้มหน้าลงอย่างตะลึงงัน พลางลูบท้องที่แบนราบ “หม่อม…หม่อมตั้งครรภ์แล้วหรือเพคะ?”ฮ่องเต้นั่งลง ห่มผ้าห่มให้นาง “ดีใจมากเลยใช่หรือไม่?”“ดีใจมากเลยใช่หรือไม่? คาดคิดไม่ถึงใช่หรือไม่?” มองดูท่าทางที่ดีใจจน ‘อึ้ง’ ของฉู่เชียนหลี ฮ่องเต้มีความสุขจนหุบมุมปากไม่ลง“หมอหลวงตรวจชีพจรแล้
“พ่ะย่ะค่ะ!”พลันเฟิงเย่เสวียนยืดหลังตรง เสียงหนักแน่นมีกำลัง ราวกับกำลังจะลงสนามรบไม่ต้องให้ฮ่องเต้เป็นห่วง เขาก็จะทุ่มเททุกอย่างเพื่อปกป้องลูก ปกป้องฉู่เชียนหลี ปกป้องครอบครัวของพวกเขาเมื่อก่อนเขาให้ความสำคัญกับอำนาจ อุทิศตนเพื่อขยายอำนาจของตนเอง ฝึกทหาร หาพรรคหาพวก กุมอำนาจ หารือเรื่องต่างๆปัจจุบัน ทำงานเสร็จก็คิดแค่อยากกลับบ้านเร็วๆ ไม่ว่าจะไปถึงที่ไหนก็จะคิดถึงยัยหนูที่มักจะชอบต่อปากต่อคำกับเขา ยัยหนูกำลังจะให้กำเนิดเด็กน้อยแล้ว หัวใจของเขายิ่งถูกครอบครองมากขึ้น“อืม” ฮ่องเต้พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ทันใดนั้นนึกถึงอะไรบางอย่าง กล่าวเสริมอีกหนึ่งประโยค“ใช่แล้ว ต้องคลอดลูกชายให้เรา…ไม่ใช่สิ หลานชาย”ฉู่เชียนหลี “?”คลอดลูกชายหรือลูกสาวเลือกได้ด้วยหรือ?แม้รู้ความกระหายที่อยากจะได้หลานชายของฮ่องเต้ แต่เรื่องนี้ไม่สามารถทำตามความปรารถนาของใครคนใดคนหนึ่ง จะเป็นชายหรือหญิงล้วนขึ้นอยู่กับสวรรค์เฟิงเย่เสวียน “จะพยายามอย่างเต็มที่”“ไม่ใช่พยายามอย่างเต็มที่ แต่จำเป็น!” ฮ่องเต้ทำหน้านิ่ง กล่าวอย่างมีคุณธรรม “คลอดลูกชาย เราช่วยเจ้าพิสูจน์เรื่องขององค์ชายใหญ่ หากคลอดลูกสาว ทำให
ฉู่เชียนหลีราวกับถูกกระบองตีเข้าที่ศีรษะ “?”เฟิงเย่เสวียน “?”ฮ่องเต้ยิ้มแย้ม เขาพึงพอใจกับชื่อนี้มาก “เจี้ยนกว๋อ เฟิงเจิ้งเจี้ยนกว๋อ นี่เป็นชื่อที่เราเปิดมาจากตำราโบราณ ผสมผสานศาสตร์ฮวงจุ้ย และให้ราชครูทำนาย จึงสรุปออกมาเป็นชื่อนี้”เจี้ยนกว๋อ หมายถึงหวังว่าหลังจากเด็กคนนี้เติบโต สามารถกลายเป็นคนที่มีรับผิดชอบ และกล้าแบกรับภาระอันใหญ่หลวง ปกป้องและพัฒนาบ้านเมือง เพื่อชาติเพื่อราษฎร จิตใจโอบอ้อมอารี ให้อภัยทั่วหล้า ความหมายหมื่นพันชื่อนี้ยอดเยี่ยมมาก!เขาพึงพอใจมาก!ด้วยเหตุนี้ ตบโต๊ะลุกขึ้นยืน “เอาชื่อนี้แหละ!”ฉู่เชียนหลีอึ้งไม่!มีเด็กที่ไหนใช้ชื่อนี้กัน!แม้ความหมายดีมาก แต่…แต่มักจะรู้สึกว่ามีตรงไหนที่ไม่ถูกต้อง?เจี้ยนกว๋อสองคำนี้พูดออกมา ไม่เหมือนองค์ชาย แต่เหมือนชายฉกรรจ์ตัวใหญ่ที่หยาบกระด้างมากว่า…“เจ้าเจ็ด เจ้าสามารถคุกเข่าลงขอบคุณพระกรุณาแล้ว เมียเจ้าเจ็ดตั้งครรภ์ ยกเว้นก็แล้วกัน” ฮ่องเต้โบกมืออย่างใจกว้าง สายตาเมตตามากฉู่เชียนหลีไม่กล้าโต้เถียง ยื่นมือไปข้างหลัง แอบสะกิดเฟิงเย่เสวียนทีหนึ่งเฟิงเย่เสวียน “...”เสด็จพ่อเป็นคนงมงาย เชื่อเรื่องไสยศาสตร์ การ
จวนอ๋องเฉินเมื่อกลับถึงจวน ก็เป็นเวลาช่วงบ่ายแล้ว พ่อบ้านและบ่าวไพร่คนอื่นเห็นทั้งคู่กลับมาอย่างปลอดภัย ต่างก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก อย่างไรก็ตามศาลต้าหลี่ไม่ใช่สถานที่ดีอะไรเฟิงเย่เสวียนอุ้มฉู่เชียนหลี เดินเข้าเรือนหานเฟิงโดยตรง“ใครก็ได้”ถีบประตูออก วางคนลงบนเก้าอี้นอนที่ปูด้วยฟูกนุ่มๆ อย่างอ่อนโยน ดึงผ้าห่มกำมะหยี่ที่หนาเตอะ ห่มให้ฉู่เชียนหลี“ท่านอ๋อง!” เยว่เอ๋อร์วิ่งเข้ามา พ่อบ้านก็วิ่งงกๆ ตามมาเช่นกัน“จุดเตาไฟให้แรงกว่านี้หน่อย หนึ่งวันสิบสองชั่วยามห้ามหยุด” เขาออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “แล้วปูพรมในห้องด้วย สิ่งของมีคมและแตกง่ายเอาออกไปให้หมด น้ำที่พระชายาดื่มต้องอุ่นเท่านั้น อาหารรสจืด ห้ามนอนดึก”เขาเอ่ยปาก พูดข้อควรระวังออกมาสิบกว่าข้อโดยไม่กะพริบตาแม้แต่ครั้งเดียวพ่อบ้านงงงวยโดยตรงแม้ว่าฤดูหนาวจะหนาวมาก แต่ก็ไม่จำเป็นต้องปกป้องอย่างทะนุถนอมถึงขั้นนี้กระมัง? พระชายาโตเช่นนี้แล้ว เหตุใดทำเหมือนเลี้ยงเด็กทารก?อีกอย่าง รสชาติที่พระชายาชอบก็คือเผ็ดไม่ใช่หรือ?ฉู่เชียนหลีประท้วงทันที “ถ้าหากกินเผ็ดไม่ได้ ไม่ต่างอะไรกับฆ่าข้า”“ฆ่าไม่ฆ่าอะไร” เขาก้มลงตบปากนางเบา