เขามีจุดอ่อนอยู่ในมือนาง นางกลัวอะไร? เลวร้ายที่สุดก็แค่ตายทั้งสองฝ่าย ต่อให้ตาย ขอแค่ได้อยู่กับเขา นางก็ยินดีคนที่เสียเปรียบคือเขาหากพูดเรื่องนี้ออกไป แม่บุญธรรมของเขาจะต้องชดใช้แทนเขา ต้องตายแน่นอน เขาก็จะตายเช่นกัน ชื่อเสียงเสื่อมเสียหมื่นปี ตกเป็นที่ครหาของผู้คน ต่อให้ตายแล้ว ก็ไม่สามารถอยู่อย่างสงบเข่นฆ่าพี่ชาย นี่มันไม่ใช่คำพูดที่ดีอะไรกลิ่นอายบนตัวเฟิงเจิ้งหลีเย็นชาลง หนาวเย็นเหมือนอากาศของวันนี้ ลมหายใจที่พ่นออกมาก็เยือกเย็น เกือบแข็งตัวเป็นเกล็ดน้ำแข็งบางๆ บนใบหน้าหนึ่งชั้น สายตาที่จ้องฉู่เจียวเจียวแทบสามารถฆ่าคนเขาถูกข่มขู่แล้ว!ฉู่เจียวเจียวข่มความหนาวเย็นในใจ ฝืนรักษารอยยิ้มบนใบหน้าไว้นางรักเขาขอแค่ความรักของนางได้รับการตอบรับ ขอแค่เขาดีกับนาง ทำให้นางมีความสุข พวกเขาเป็นคู่สามีภรรยาที่รักใคร่ นางจะไม่พูดเรื่องนี้ออกไปตลอดชีวิตสายตาประสานกันจ้องอยู่นานมาก ผ่านไปพักใหญ่ เฟิงเจิ้งหลีจึงจะเอ่ยปากอย่างเย็นชา“พรุ่งนี้กลับเมื่อไร?”คืนนี้เฟิงเย่เสวียนนอนไม่หลับ สามารถเรียกได้ว่าเป็นคืนที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์เขากอดฉู่เชียนหลีนอน ครู่หนึ่งก็เปลี่ยนท่า
นางเป็นสุนัขบ้านนอกที่ไม่เคยเห็นหิมะจริงนั่นแหละปัดมือที่อยู่บนเอว “เจ้าปล่อยข้านะ ข้าจะออกไปเล่น! ถ้าหากสายแล้ว หิมะก็ถูกพวกเขาเหยียบจนสกปรกแล้ว!”แขนยาวของเฟิงเย่เสวียนโอบเอวนางไว้ รัดแน่นเหมือนห่วงเหล็ก ออกแรงอย่างไรก็งัดไม่ออกสายตาเหลือบลง พูดออกมาแค่สองคำ“ไม่อนุญาต”“ลูกของข้าไม่กลัวหนาว! แม่รู้จักลูกชายดีที่สุด วันนี้หากเจ้าไม่ให้ข้าเล่นหิมะ รอลูกชายโตแล้ว ข้าจะให้เขาเตะฝาโลงเจ้า!” ฉู่เชียนหลีประท้วงโอ้โฮนั่นมันสุดๆ จริง“เช่นนั้นก็รอเจ้าเด็กนี่โตแล้วค่อยว่ากัน วันนี้ข้าว่างพอดี สามารถเฝ้าเจ้าทั้งวัน” เขานั่งลง ยกคนขึ้นมาวางบนตัก เอนหลังพิงเก้าอี้อย่างสบายใจมองดูท่าทางของนางที่โมโหจนฟาดงวงฟาดงา ไม่ต้องพูดถึงว่าหนำใจเพียงใดเจ้าคนไร้มโนธรรม!เมื่อคืนทิ้งให้เขานอนคนเดียว บอกไปก็ไปเลย ไร้ความรู้สึกเช่นนั้น ไม่คำนึงถึงความรู้สึกเขาเลยสักนิดเช่นนั้นก็ได้ วันนี้อย่าคิดเล่นหิมะ เขาไม่มีความสุข นางก็อย่าคิดจะมีความสุขฉู่เชียนหลีกลัดกลุ้ม“ถ้าหากข้าอารมณ์ไม่ดี จะส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อพัฒนาการของลูก”“งบประจำปีกำลังจะถึง ภาษีที่ดินศักดินาปีนี้ของข้าสามารถเก็บประมา
หลิงเชียนอี้สองมือไพล่หลังเดินเข้ามากล่าว“ท่านน้า ท่านน้าสะใภ้ หรือไม่ลูกก็ชื่อเฟิงเจิ้งชุยเสวีย[1]แล้วกัน เป็นฤดูหนาวที่หิมะตกหนักพอดี ใช้ชื่อนี้ แค่ฟังก็รู้สึกว่ามีเรื่องราว”เขาเชิดคางขึ้นเล็กน้อย ท่าทางดูมีความรู้มากสีหน้าฉู่เชียนหลีไร้อารมณ์ : ข้าเชื่อเจ้าก็บ้าทำไมไม่ชื่อซีเหมินชุยเสวีย[2]? โปหลัวชุยเสวีย[3]เลยล่ะ?เฟิงเย่เสวียนก็ค่อนข้างรังเกียจชื่อนี้เช่นกัน มือข้างหนึ่งโอบเอวฉู่เชียนหลีอย่างเกียจคร้าน ยกเปลือกตาขึ้น“หลิงชุยเสวียก็ไม่เลว”“มีผู้หญิงที่ชอบหรือยัง? เจ้าก็ถึงวัยแต่งงานแล้ว คลอดเองเลยไป”อย่านำความวิบัติใส่ลูกของเขาหลิงเชียนอี้หน้าแดงเล็กน้อยเมื่อเอ่ยถึงผู้หญิงที่ชอบ เขาก็นึกถึง…ก้มหน้าลงอย่างเขินอาย พึมพำเสียงเบา “ชอบไม่ชอบอะไร อายุข้ายังน้อย ยังเป็นเด็ก ถ้าหากข้าแต่งงาน ท่านน้าสามารถใส่ซองให้ข้าหนึ่งแสนตำลึง มันก็ใช่ว่าจะไม่ได้…”เฟิงเย่เสวียน “ไสหัวไป”ฉู่เชียนหลี “ไสหัวไป”อยากหลอกล่ออวิ๋นอิงก็ช่างเถอะ ยังจะตั้งข้อเสนอไว้เสียสูง ขอค่าใส่ซองหนึ่งแสนตำลึง? นางว่าเขากำลังฝันกลางวัน“แหะๆ! เช่นนั้นก็ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว ไหนให้ข้าลองดูน้องของข้าหน่
บอกตามตรง อายุของนางชาติที่แล้วกับชาตินี้รวมกัน สามารถเป็นแม่ของเขาแล้ว แต่นางไม่ได้พูดออกมา“ท่านอ๋อง พระชายา ถงเฟยมาขอรับ!”พ่อบ้านวิ่งเข้ามาพร้อมกับรายงานอย่างรวดเร็ว เพิ่งพูดจบ เสียงของถงเฟยก็ดังมาแต่ไกลจากข้างนอก“ลูกแม่! ลูกแม่!”ยกชายกระโปรงขึ้น วิ่งมาไวมาก มวยผมส่ายไปส่ายมา ทั้งร้อนใจทั้งดีใจ ไม่มีมาดของพระสนมแม้แต่น้อยนางกำนัลที่ติดตามมาด้วยชินแล้ว ถ้าหากพระสนมเข้าร่วมการแย่งชิงของวังหลังอย่างจริงจัง ก็ไม่มีทางนั่งตำแหน่งนางสนมยี่สิบกว่าปีถงเฟยปลื้มปีติจนน้ำตาไหล “ลูกแม่ เจ้าจะมีลูกชายแล้วจริงๆ หรือ!”“เสด็จแม่ระวังหน่อยเจ้าค่ะ!” ฉู่เชียนหลีลุกขึ้นเดินไปข้างหน้า “หิมะยังตก เกาะเป็นน้ำแข็ง ระวังลื่นล้มเจ้าค่ะ”“คนที่ควรระวังคือเจ้าต่างหากเสียวฉู่!” ถงเฟยพลิกมือจับมือฉู่เชียนหลีไว้ ตื่นเต้นจนดวงตาแดงก่ำ เบ้าตาเปียกชุ่มตอนที่รู้ข่าวพระชายาอ๋องเฉินมีครรภ์ นางมีดีใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเมื่อก่อนอ๋องเฉินชนะสงคราม สร้างผลงานใหญ่ แต่งตั้งยศ นางก็ไม่เคยดีใจเช่นนี้มาก่อน“ข้ากำลังจะมีหลานชายแล้ว มีลูกดี ดี!” นางจับมือทั้งสองข้างของฉู่เชียนหลี ปากก็พึมพำไม่หยุด “มีลูกดี
“พู่!”ฉู่เชียนหลีหลุดหัวเราะ โชคดีที่ไม่ได้อมน้ำในปาก ไม่เช่นนั้นคงพ่นใส่หน้าถงเฟยเฟิงเย่เสวียน “...”เสด็จแม่ ท่านสุภาพหรือ?“แล้วก็กินของเปรี้ยวเยอะๆ เปรี้ยวผู้ชาย เผ็ดผู้หญิง” ถงเฟยกล่าวต่อ “เดินเยอะๆ ออกกำลังกายบ้าง เด็กผู้ชายชอบขยับ เด็กผู้หญิงชอบอยู่เงียบๆ”“ใช่แล้ว แล้วก็เจ้าต้องสวมถุงเท้าผ้าฝ้ายก่อน ค่อยสวมรองเท้าผ้าฝ้าย ไม่สวมรองเท้าผ้าฝ้ายก็ไม่สามารถให้กำเนิดลูกชายตัวอ้วน”“ใช่แล้ว ข่าวที่เจ้าท้องได้แพร่กระจายออกไปแล้ว อาจมีคนไม่รู้เท่าไรจ้องลูกในท้องของเจ้าอยู่ อย่าออกจากบ้านคนเดียว ไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องระวังไว้ก่อน”“ใช่แล้ว แล้วก็…”มีลูกแล้ว ถงเฟยทั้งดีใจ ทั้งกังวลเกิดในราชวงศ์ เจ้าโกหกข้าหลอกลวง มีเด็กมากเท่าไรที่ตายตอนเป็นทารกและในท้องแม่ก่อนจะได้เกิด มีเยอะจนกลายเป็นเรื่องปกตินางกำชับสิ่งที่นางคิดได้ ยี่สิบกว่าประโยคในรวดเดียว ความรักนั้นเหนือคำบรรยายฉู่เชียนหลีอุ่นใจ ฟังอย่างอดทน จดจำไว้ทั้งหมดทีละอย่าง“เสด็จแม่ ท่านวางใจได้ มีลูกอยู่ รับรองว่าไม่เกิดปัญหาอะไรแน่นอน” เฟิงเย่เสวียนรับประกันด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมถงเฟยเงยหน้าขึ้น เขม่นเขาแวบหนึ่ง“ก็เพ
ทันใดนั้น สายตาที่เย็นชาของจิ่งอี้กวาดมองไปทางจางเฟย “มีอะไรวางไม่ลง”น้ำเสียงก็เย็นชาเช่นกัน “วาสนาที่เกิดขึ้นเพราะความผิดพลาด ข้าแค่ยังไม่ได้ปรับสภาพจิตใจของตัวเองก็เท่านั้น แม้ข้าชอบนางไม่ได้ แต่คนที่ควรปกป้อง ก็ยังคงจะปกป้องตลอดไป” ในฐานะของผู้ใต้บัญชาเพื่อนพ้องน้องพี่เขายกเท้าเดินไปทางจวนอ๋องเฉิน ริมฝีปากบางเผยอขึ้น น้ำเสียงเยือกเย็นดั่งหิมะ“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ห้ามพูดถึงเรื่องที่เจ้าสำนักคนเก่าเป็นพ่อข้า และเรื่องกำหนดลูกสะใภ้ภายในอีก ถ้าหากคุณหนูรู้แม้แต่คำเดียว ข้าเอาชีวิตสุนัขเจ้า!”พลันคอจางเฟยหด หนาวจนตัวสั่น สองมือถูแขน รีบเพิ่มความอบอุ่นพูดก็พูดสิ จะดุอะไรนักหนา?เจ้าเด็กน้อยคนนี้ พอโตแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะหันมาดุเขาที่เป็นผู้อาวุโสเขาพึมพำเสียงเบาอย่างน้อยใจ “อะไรกัน ว่าก็ว่าไม่ได้แล้วจริงๆ? ข้าเลี้ยงเจ้าโตมากับมือนะ นึกถึงตอนนั้น แม่ที่ไร้ความรับผิดชอบเพิ่งคลอดเจ้า ก็ทิ้งเจ้าแล้ว หากไม่ใช่เพราะข้าเก็บเจ้ากลับมา…”สายตาที่เยือกเย็นเหมือนธนูของจิ่งอี้ยิงมาฉับพลันร่างจางเฟยสั่นสะท้าน รีบหุบปาก ถอยหลังสามก้าวทันทีนี่คือขีดจำกัดและพื้นที่ต้องห้ามของจิ่งอี้
อวิ๋นอิงชักมือกลับฉับพลัน ถอยหลังสามก้าวราวกับเห็นผี ดวงตาทั้งสองข้างแทบถลนออกมานางชอบเขา?บ้าบออะไร?เหมือนว่านางไม่ได้ทำอะไร และไม่ได้พูดอะไรเลยนะ เหตุใดพอคำพูดนี้ออกจากปากของเขา ความหมายก็เปลี่ยนไปแล้ว?มือหลิงเชียนอี้จิกแขนเสื้อ “อวิ๋นอิง…”แก้มของเขาแดงเล็กน้อย แสดงสีหน้าที่ ‘ข้าเข้าใจ’ ออกมา“เจ้าเป็นเด็กผู้หญิง เขินอายเล็กน้อยเป็นเรื่องปกติ แต่ว่าเจ้าวางใจได้ พวกเราอยู่ด้วยกันอย่างเปิดเผย พวกเราบริสุทธิ์ใจ ไม่มีใครหัวเราะเจ้าหรอก”“?”บ้าไปแล้ว!ท่านโหวน้อยบ้าไปแล้วแน่ๆ!อวิ๋นอิงรู้สึกว่าหลิงเชียนอี้ถูกพิษ ยิ่งกว่านั้นพิษแทรกซึมเข้าอวัยวะภายในแล้ว อาการหนักมาก นางส่ายศีรษะ หมุนกายก็หนีไปแล้ว“อวิ๋นอิง!”หลิงเชียนอี้รีบสับขาไล่ตาม “อวิ๋นอิงเจ้าไม่ต้องอายจริงๆ ข้าไม่ใช่คนนอก!”อวิ๋นอิงที่อยู่ข้างหน้าเท้าสะดุด เกือบล้มหน้าทิ่มกะทันหันกัดฟัน ลุกขึ้นยืน“ท่านโหวน้อย ท่านโปรดอย่าเอาข้ามาล้อเล่นไร้สาระเช่นนี้ ข้าไม่ใช่ของเล่นของท่าน ข้าไม่สนใจเลยสักนิด!”กล่าวจบ ก้าวเท้าเดินจากไปหลิงเชียนอี้รีบไล่ตาม “ข้าไม่ได้ล้อเล่น! ข้าจริงจังนะ!”“อวิ๋นอิง เจ้าชอบข้าไม่ใช่เรื่อ
“จิ่งอี้ เจ้าเด็กเวร รอข้าด้วย…”ฝีเท้าของจิ่งอี้ไม่ได้เร็ว แต่เป็นเพราะเขาสูงเกือบหนึ่งเมตรเก้า ขายาว เท้าที่ก้าวออกไปจึงยาว แรงข่มขวัญที่ปลดปล่อยออกมาก็รุนแรงมากเช่นกันเขาเดินอยู่ข้างหน้า ทุกสิ่งที่เข้าตาล้วนเป็นภาพหิมะ หิมะที่ขาวบริสุทธิ์สะท้อนเข้าตา กลายเป็นการปลดปล่อยเห็นนางมีความสุข ก็เพียงพอแล้วขอแค่นางมีชีวิตที่ดี ไม่มีโรคไม่มีภัย คนทั้งครอบครัว นั่งล้อมตะเกียง เขาก็ไม่จำเป็นต้องนึกถึงกฎที่พ่อที่ล่วงลับไปแล้วตั้งไว้อีกต่อไปกฎเป็นของตาย มนุษย์เป็นของเป็นเขาก้าวเท้ายาวเดินจากไป เมื่อเดินผ่านตรงหัวมุมของโถงทางเดิน ก็เจอกับคนที่กำลังเดินมา“คุณ…คุณชายจิ่ง?!”เยว่เอ๋อร์เบิกตากว้าง ประหลาดใจมากเมื่อเห็นผู้มา หลังจากนั้นหนึ่งวินาที ก็กลายเป็นความปลื้มปีติที่เปี่ยมล้นดูลักษณะท่าทางนี้ของคุณชายจิ่ง น่าจะเพิ่งออกมาจากเรือนหานเฟิง นางไปชงชาให้พระชายาที่ห้องครัว หากไม่ใช่เพราะเจอระหว่างทางกลับมา ก็คงไม่รู้เรื่องที่คุณชายจิ่งเคยมาเมื่อประมาณเวลา นางรีบกล่าว“คุณชายจิ่ง ท่านน่าจะเพิ่งมาไม่นานกระมัง? เหตุใดจึงไม่นั่งอีกสักครู่? พระชายาตั้งครรภ์แล้ว ต่อไปน่าจะออกจากจวนน้อยลง