ฉู่เชียนหลีราวกับถูกกระบองตีเข้าที่ศีรษะ “?”เฟิงเย่เสวียน “?”ฮ่องเต้ยิ้มแย้ม เขาพึงพอใจกับชื่อนี้มาก “เจี้ยนกว๋อ เฟิงเจิ้งเจี้ยนกว๋อ นี่เป็นชื่อที่เราเปิดมาจากตำราโบราณ ผสมผสานศาสตร์ฮวงจุ้ย และให้ราชครูทำนาย จึงสรุปออกมาเป็นชื่อนี้”เจี้ยนกว๋อ หมายถึงหวังว่าหลังจากเด็กคนนี้เติบโต สามารถกลายเป็นคนที่มีรับผิดชอบ และกล้าแบกรับภาระอันใหญ่หลวง ปกป้องและพัฒนาบ้านเมือง เพื่อชาติเพื่อราษฎร จิตใจโอบอ้อมอารี ให้อภัยทั่วหล้า ความหมายหมื่นพันชื่อนี้ยอดเยี่ยมมาก!เขาพึงพอใจมาก!ด้วยเหตุนี้ ตบโต๊ะลุกขึ้นยืน “เอาชื่อนี้แหละ!”ฉู่เชียนหลีอึ้งไม่!มีเด็กที่ไหนใช้ชื่อนี้กัน!แม้ความหมายดีมาก แต่…แต่มักจะรู้สึกว่ามีตรงไหนที่ไม่ถูกต้อง?เจี้ยนกว๋อสองคำนี้พูดออกมา ไม่เหมือนองค์ชาย แต่เหมือนชายฉกรรจ์ตัวใหญ่ที่หยาบกระด้างมากว่า…“เจ้าเจ็ด เจ้าสามารถคุกเข่าลงขอบคุณพระกรุณาแล้ว เมียเจ้าเจ็ดตั้งครรภ์ ยกเว้นก็แล้วกัน” ฮ่องเต้โบกมืออย่างใจกว้าง สายตาเมตตามากฉู่เชียนหลีไม่กล้าโต้เถียง ยื่นมือไปข้างหลัง แอบสะกิดเฟิงเย่เสวียนทีหนึ่งเฟิงเย่เสวียน “...”เสด็จพ่อเป็นคนงมงาย เชื่อเรื่องไสยศาสตร์ การ
จวนอ๋องเฉินเมื่อกลับถึงจวน ก็เป็นเวลาช่วงบ่ายแล้ว พ่อบ้านและบ่าวไพร่คนอื่นเห็นทั้งคู่กลับมาอย่างปลอดภัย ต่างก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก อย่างไรก็ตามศาลต้าหลี่ไม่ใช่สถานที่ดีอะไรเฟิงเย่เสวียนอุ้มฉู่เชียนหลี เดินเข้าเรือนหานเฟิงโดยตรง“ใครก็ได้”ถีบประตูออก วางคนลงบนเก้าอี้นอนที่ปูด้วยฟูกนุ่มๆ อย่างอ่อนโยน ดึงผ้าห่มกำมะหยี่ที่หนาเตอะ ห่มให้ฉู่เชียนหลี“ท่านอ๋อง!” เยว่เอ๋อร์วิ่งเข้ามา พ่อบ้านก็วิ่งงกๆ ตามมาเช่นกัน“จุดเตาไฟให้แรงกว่านี้หน่อย หนึ่งวันสิบสองชั่วยามห้ามหยุด” เขาออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “แล้วปูพรมในห้องด้วย สิ่งของมีคมและแตกง่ายเอาออกไปให้หมด น้ำที่พระชายาดื่มต้องอุ่นเท่านั้น อาหารรสจืด ห้ามนอนดึก”เขาเอ่ยปาก พูดข้อควรระวังออกมาสิบกว่าข้อโดยไม่กะพริบตาแม้แต่ครั้งเดียวพ่อบ้านงงงวยโดยตรงแม้ว่าฤดูหนาวจะหนาวมาก แต่ก็ไม่จำเป็นต้องปกป้องอย่างทะนุถนอมถึงขั้นนี้กระมัง? พระชายาโตเช่นนี้แล้ว เหตุใดทำเหมือนเลี้ยงเด็กทารก?อีกอย่าง รสชาติที่พระชายาชอบก็คือเผ็ดไม่ใช่หรือ?ฉู่เชียนหลีประท้วงทันที “ถ้าหากกินเผ็ดไม่ได้ ไม่ต่างอะไรกับฆ่าข้า”“ฆ่าไม่ฆ่าอะไร” เขาก้มลงตบปากนางเบา
บ่าวไพร่ทุกคนจดจำอย่างจริงจัง ยิ่งทำงานของตนเองอย่างระมัดระวังเด็กรับใช้คนหนึ่งวิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าพ่อบ้าน ยิ้มอย่างร่าเริง “อาจารย์ เหตุใดวันนี้จึงกะทันหันเช่นนี้? เมื่อก่อนก็ไม่เคยเห็นท่านอ๋องพูดว่าต้องทำเช่นนั้นเช่นนี้ มีเรื่องดีอะไรใช่หรือไม่?”ทั้งชีวิตพ่อบ้านไม่เคยแต่งงาน อายุเกินครึ่งร้อย อยู่ลำพังคนเดียว เขาจึงรับเด็กคนนี้เป็นลูกศิษย์เด็กคนนี้มองสีหน้าคนเก่ง ทำงานกระฉับกระเฉง ไม่จำเป็นต้องห่วง ได้ใจเขาอย่างมากเขาสองมือไพล่หลัง เหลือบมองเขาแวบหนึ่ง กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “จวนอ๋องกำลังจะมีนายน้อยเพิ่มมาอีกหนึ่งคน เจ้าว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่หรือไม่?”“อะไรนะ? ความหมายของท่านคือพระชายาตั้งครรภ์แล้ว!”“แล้วไม่ใช่หรือ? แต่งงานกันตั้งนานแล้ว ต่อให้ตั้งครรภ์นาจาก็ตั้งครรภ์นานแล้ว ถ้าหากพระชายายังไม่ตั้งครรภ์ ข้าตั้งใจว่าปีหน้าจะไปหาสูตรยามีบุตร…”จุดที่ไม่ไกลนักฝีเท้าของเซียวจือฮว่าที่เดินผ่านมาชะงักกะทันหัน ฟังบทสนทนาของทั้งคู่เข้าไปในหูทั้งหมดฉู่เชียนหลี…ท้องแล้ว!?ข่าวที่มาอย่างกะทันหันทำให้สีหน้านางเปลี่ยนไปเล็กน้อย ยิ่งมีความบิดเบี้ยวสายหนึ่งพุ่งพรวดเข้ามาในใจ
เขามีจุดอ่อนอยู่ในมือนาง นางกลัวอะไร? เลวร้ายที่สุดก็แค่ตายทั้งสองฝ่าย ต่อให้ตาย ขอแค่ได้อยู่กับเขา นางก็ยินดีคนที่เสียเปรียบคือเขาหากพูดเรื่องนี้ออกไป แม่บุญธรรมของเขาจะต้องชดใช้แทนเขา ต้องตายแน่นอน เขาก็จะตายเช่นกัน ชื่อเสียงเสื่อมเสียหมื่นปี ตกเป็นที่ครหาของผู้คน ต่อให้ตายแล้ว ก็ไม่สามารถอยู่อย่างสงบเข่นฆ่าพี่ชาย นี่มันไม่ใช่คำพูดที่ดีอะไรกลิ่นอายบนตัวเฟิงเจิ้งหลีเย็นชาลง หนาวเย็นเหมือนอากาศของวันนี้ ลมหายใจที่พ่นออกมาก็เยือกเย็น เกือบแข็งตัวเป็นเกล็ดน้ำแข็งบางๆ บนใบหน้าหนึ่งชั้น สายตาที่จ้องฉู่เจียวเจียวแทบสามารถฆ่าคนเขาถูกข่มขู่แล้ว!ฉู่เจียวเจียวข่มความหนาวเย็นในใจ ฝืนรักษารอยยิ้มบนใบหน้าไว้นางรักเขาขอแค่ความรักของนางได้รับการตอบรับ ขอแค่เขาดีกับนาง ทำให้นางมีความสุข พวกเขาเป็นคู่สามีภรรยาที่รักใคร่ นางจะไม่พูดเรื่องนี้ออกไปตลอดชีวิตสายตาประสานกันจ้องอยู่นานมาก ผ่านไปพักใหญ่ เฟิงเจิ้งหลีจึงจะเอ่ยปากอย่างเย็นชา“พรุ่งนี้กลับเมื่อไร?”คืนนี้เฟิงเย่เสวียนนอนไม่หลับ สามารถเรียกได้ว่าเป็นคืนที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์เขากอดฉู่เชียนหลีนอน ครู่หนึ่งก็เปลี่ยนท่า
นางเป็นสุนัขบ้านนอกที่ไม่เคยเห็นหิมะจริงนั่นแหละปัดมือที่อยู่บนเอว “เจ้าปล่อยข้านะ ข้าจะออกไปเล่น! ถ้าหากสายแล้ว หิมะก็ถูกพวกเขาเหยียบจนสกปรกแล้ว!”แขนยาวของเฟิงเย่เสวียนโอบเอวนางไว้ รัดแน่นเหมือนห่วงเหล็ก ออกแรงอย่างไรก็งัดไม่ออกสายตาเหลือบลง พูดออกมาแค่สองคำ“ไม่อนุญาต”“ลูกของข้าไม่กลัวหนาว! แม่รู้จักลูกชายดีที่สุด วันนี้หากเจ้าไม่ให้ข้าเล่นหิมะ รอลูกชายโตแล้ว ข้าจะให้เขาเตะฝาโลงเจ้า!” ฉู่เชียนหลีประท้วงโอ้โฮนั่นมันสุดๆ จริง“เช่นนั้นก็รอเจ้าเด็กนี่โตแล้วค่อยว่ากัน วันนี้ข้าว่างพอดี สามารถเฝ้าเจ้าทั้งวัน” เขานั่งลง ยกคนขึ้นมาวางบนตัก เอนหลังพิงเก้าอี้อย่างสบายใจมองดูท่าทางของนางที่โมโหจนฟาดงวงฟาดงา ไม่ต้องพูดถึงว่าหนำใจเพียงใดเจ้าคนไร้มโนธรรม!เมื่อคืนทิ้งให้เขานอนคนเดียว บอกไปก็ไปเลย ไร้ความรู้สึกเช่นนั้น ไม่คำนึงถึงความรู้สึกเขาเลยสักนิดเช่นนั้นก็ได้ วันนี้อย่าคิดเล่นหิมะ เขาไม่มีความสุข นางก็อย่าคิดจะมีความสุขฉู่เชียนหลีกลัดกลุ้ม“ถ้าหากข้าอารมณ์ไม่ดี จะส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อพัฒนาการของลูก”“งบประจำปีกำลังจะถึง ภาษีที่ดินศักดินาปีนี้ของข้าสามารถเก็บประมา
หลิงเชียนอี้สองมือไพล่หลังเดินเข้ามากล่าว“ท่านน้า ท่านน้าสะใภ้ หรือไม่ลูกก็ชื่อเฟิงเจิ้งชุยเสวีย[1]แล้วกัน เป็นฤดูหนาวที่หิมะตกหนักพอดี ใช้ชื่อนี้ แค่ฟังก็รู้สึกว่ามีเรื่องราว”เขาเชิดคางขึ้นเล็กน้อย ท่าทางดูมีความรู้มากสีหน้าฉู่เชียนหลีไร้อารมณ์ : ข้าเชื่อเจ้าก็บ้าทำไมไม่ชื่อซีเหมินชุยเสวีย[2]? โปหลัวชุยเสวีย[3]เลยล่ะ?เฟิงเย่เสวียนก็ค่อนข้างรังเกียจชื่อนี้เช่นกัน มือข้างหนึ่งโอบเอวฉู่เชียนหลีอย่างเกียจคร้าน ยกเปลือกตาขึ้น“หลิงชุยเสวียก็ไม่เลว”“มีผู้หญิงที่ชอบหรือยัง? เจ้าก็ถึงวัยแต่งงานแล้ว คลอดเองเลยไป”อย่านำความวิบัติใส่ลูกของเขาหลิงเชียนอี้หน้าแดงเล็กน้อยเมื่อเอ่ยถึงผู้หญิงที่ชอบ เขาก็นึกถึง…ก้มหน้าลงอย่างเขินอาย พึมพำเสียงเบา “ชอบไม่ชอบอะไร อายุข้ายังน้อย ยังเป็นเด็ก ถ้าหากข้าแต่งงาน ท่านน้าสามารถใส่ซองให้ข้าหนึ่งแสนตำลึง มันก็ใช่ว่าจะไม่ได้…”เฟิงเย่เสวียน “ไสหัวไป”ฉู่เชียนหลี “ไสหัวไป”อยากหลอกล่ออวิ๋นอิงก็ช่างเถอะ ยังจะตั้งข้อเสนอไว้เสียสูง ขอค่าใส่ซองหนึ่งแสนตำลึง? นางว่าเขากำลังฝันกลางวัน“แหะๆ! เช่นนั้นก็ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว ไหนให้ข้าลองดูน้องของข้าหน่
บอกตามตรง อายุของนางชาติที่แล้วกับชาตินี้รวมกัน สามารถเป็นแม่ของเขาแล้ว แต่นางไม่ได้พูดออกมา“ท่านอ๋อง พระชายา ถงเฟยมาขอรับ!”พ่อบ้านวิ่งเข้ามาพร้อมกับรายงานอย่างรวดเร็ว เพิ่งพูดจบ เสียงของถงเฟยก็ดังมาแต่ไกลจากข้างนอก“ลูกแม่! ลูกแม่!”ยกชายกระโปรงขึ้น วิ่งมาไวมาก มวยผมส่ายไปส่ายมา ทั้งร้อนใจทั้งดีใจ ไม่มีมาดของพระสนมแม้แต่น้อยนางกำนัลที่ติดตามมาด้วยชินแล้ว ถ้าหากพระสนมเข้าร่วมการแย่งชิงของวังหลังอย่างจริงจัง ก็ไม่มีทางนั่งตำแหน่งนางสนมยี่สิบกว่าปีถงเฟยปลื้มปีติจนน้ำตาไหล “ลูกแม่ เจ้าจะมีลูกชายแล้วจริงๆ หรือ!”“เสด็จแม่ระวังหน่อยเจ้าค่ะ!” ฉู่เชียนหลีลุกขึ้นเดินไปข้างหน้า “หิมะยังตก เกาะเป็นน้ำแข็ง ระวังลื่นล้มเจ้าค่ะ”“คนที่ควรระวังคือเจ้าต่างหากเสียวฉู่!” ถงเฟยพลิกมือจับมือฉู่เชียนหลีไว้ ตื่นเต้นจนดวงตาแดงก่ำ เบ้าตาเปียกชุ่มตอนที่รู้ข่าวพระชายาอ๋องเฉินมีครรภ์ นางมีดีใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเมื่อก่อนอ๋องเฉินชนะสงคราม สร้างผลงานใหญ่ แต่งตั้งยศ นางก็ไม่เคยดีใจเช่นนี้มาก่อน“ข้ากำลังจะมีหลานชายแล้ว มีลูกดี ดี!” นางจับมือทั้งสองข้างของฉู่เชียนหลี ปากก็พึมพำไม่หยุด “มีลูกดี
“พู่!”ฉู่เชียนหลีหลุดหัวเราะ โชคดีที่ไม่ได้อมน้ำในปาก ไม่เช่นนั้นคงพ่นใส่หน้าถงเฟยเฟิงเย่เสวียน “...”เสด็จแม่ ท่านสุภาพหรือ?“แล้วก็กินของเปรี้ยวเยอะๆ เปรี้ยวผู้ชาย เผ็ดผู้หญิง” ถงเฟยกล่าวต่อ “เดินเยอะๆ ออกกำลังกายบ้าง เด็กผู้ชายชอบขยับ เด็กผู้หญิงชอบอยู่เงียบๆ”“ใช่แล้ว แล้วก็เจ้าต้องสวมถุงเท้าผ้าฝ้ายก่อน ค่อยสวมรองเท้าผ้าฝ้าย ไม่สวมรองเท้าผ้าฝ้ายก็ไม่สามารถให้กำเนิดลูกชายตัวอ้วน”“ใช่แล้ว ข่าวที่เจ้าท้องได้แพร่กระจายออกไปแล้ว อาจมีคนไม่รู้เท่าไรจ้องลูกในท้องของเจ้าอยู่ อย่าออกจากบ้านคนเดียว ไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องระวังไว้ก่อน”“ใช่แล้ว แล้วก็…”มีลูกแล้ว ถงเฟยทั้งดีใจ ทั้งกังวลเกิดในราชวงศ์ เจ้าโกหกข้าหลอกลวง มีเด็กมากเท่าไรที่ตายตอนเป็นทารกและในท้องแม่ก่อนจะได้เกิด มีเยอะจนกลายเป็นเรื่องปกตินางกำชับสิ่งที่นางคิดได้ ยี่สิบกว่าประโยคในรวดเดียว ความรักนั้นเหนือคำบรรยายฉู่เชียนหลีอุ่นใจ ฟังอย่างอดทน จดจำไว้ทั้งหมดทีละอย่าง“เสด็จแม่ ท่านวางใจได้ มีลูกอยู่ รับรองว่าไม่เกิดปัญหาอะไรแน่นอน” เฟิงเย่เสวียนรับประกันด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมถงเฟยเงยหน้าขึ้น เขม่นเขาแวบหนึ่ง“ก็เพ