หลังจากที่เซิ่งตงฉยงกลับไปถึงที่พักของตนแล้วก็ถอนหายใจ เดิมทีเขาคิดว่าอีกฝ่ายจะจัดการกับตระกูลไป๋ และปล่อยให้เมืองหวงจัดการกับหวังหยวน แต่ไม่คาดคิดเขาจะถูกเซียวฉู่ฉู่ขัดเสียก่อนแน่นอนว่าจุดที่สำคัญที่สุดก็คือการจัดการกับหวังหยวน เป็นเรื่องยากสำหรับเมืองหวงพวกเขาอยู่ห่างไกลจึงยืดมือไปไม่ถึง!ยิ่งไปกว่านั้นคือหวังหยวนยังอยู่ในต้าเป่ย หากมีปัญหากับตระกูลไป๋หวังหยวนก็คงจะไม่ยืนเฉย“หวังหยวนเอ๋ยหวังหยวน... ทำให้ข้าปวดหัวเสียจริง!”เซิ่งตงฉยงถอนหายใจแล้วเดินไปรอบ ๆ กลับมาเคร่งเครียดอีกครั้งแล้ว!ขณะนี้ต้องการโอกาสอย่างเร่งด่วน!โอกาสที่จะโจมตีหวังหยวนให้หนัก!โอกาสนี้สำคัญมาก ตราบใดที่มีอะไรเกิดขึ้นกับหวังหยวน แผนการของพวกเขาก็จะสามารถดำเนินไปได้อย่างง่ายดายแต่ว่า...จะแก้ปัญหาเรื่องหวังหยวนอย่างไร?นี่เป็นปัญหาหนัก!คนที่เขาสามารถพึ่งพาได้คือหงหยิ่งแต่หงหยิ่งยังไม่สามารถครอบงำเฉินอวิ๋นจื้อได้อย่างสมบูรณ์!ดูเหมือนว่าเขาจะต้องหาทางแก้ปัญหานี้ให้ได้!วิธีที่ง่ายที่สุดคือการสืบหาองค์กรเครือข่ายผีเสื้อของหวังหยวนในต้าอัน ตราบใดที่องค์กรเครือข่ายผีเสื้อของพวกเขาได้รับความเสียห
หวังหยวนย่อมไม่รู้เรื่องนี้ตระกูลไป๋เองก็ไม่รู้ว่าตระกูลเซิ่งกำลังเตรียมลงมือจัดการพวกเขาอยู่!เมื่อเทียบกับต้าเย่แล้ว ตระกูลไป๋ถือเป็นกองกำลังที่ต่อกรด้วยยากลำบากที่สุด!เพราะหากต้องการโจมตีตระกูลไป๋ คนแรกที่จะต้องโจมตีก็คือหวังหยวน!ตระกูลเซิ่งไม่เคยลังเลเลยในประเด็นนี้!แต่หวังหยวนนี้เปรียบเสมือนถังเหล็กที่ปิดสนิทจนเข็มยังไม่สามารถเข้าไปได้ และน้ำก็ไม่สามารถทะลุผ่านได้ จัดการได้ยากมาก!แม้ว่าเซิ่งตงฉยงจะมีคนเก่งอย่างหงหยิ่ง แต่เขาก็รู้ดีว่าเพียงเท่านี้นั้นไม่เพียงพอ!ดังนั้น...หลังจากคิดเรื่องนี้แล้ว เขาก็รู้สึกว่าเขาจำเป็นต้องใช้กลอุบายเพิ่มเติมกับหวังหยวน!ด้วยวิธีนี้เท่านั้นจึงจะสามารถรับประกันได้ว่าไร้ข้อผิดผลาด!แต่ยังไม่สามารถแทรกซึมเข้าไปในหมู่บ้านต้าหวังแห่งนี้ได้เลย!แต่เซิ่งตงฉยงก็ไม่มีทางเลือกอื่น!ตระกูลไป๋และหวังหยวนนั้นต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน และเชื่อใจซึ่งกันและกัน ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือการหว่านความขัดแย้ง!ตราบใดที่มีความขัดแย้งระหว่างตระกูลไป๋และหวังหยวนก็จะจัดการได้ง่ายขึ้น!จะดีกว่านี้ถ้าทั้งสองฝ่ายจะต่อสู้กันเอง!เซิ่งตงฉยงมีสายตาเย็นชาขณ
เมื่อคิดว่าลูกชายของเขาจะค่อย ๆ เติบโตขึ้น หวังหยวนจึงคิดที่จะทำผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กด้วยเพื่อให้เด็กทุกคนในแผ่นดินนี้เติบโตได้แข็งแรงสมวัยในอนาคต!สิ่งแรกที่เขาคิดจะผลิตย่อมเป็นผ้าอ้อมเด็ก!สิ่งนี้เหมือนกับพวกโซฟี เพียงแต่เป็นผ้าอ้อมแบบกางเกงที่ขยายขนาดขึ้นเท่านั้น!อย่างที่สองคือสบู่เด็ก!ต้องสกัดมาจากพืชบริสุทธิ์ และจะต้องแปรรูปอย่างพิถีพิถันในทุกขั้นตอน!ด้วยเหตุนี้หวังหยวนจึงเริ่มลงมือทำ!เขาใช้เวลาทั้งวันอยู่ในโรงงานแห่งนี้!ในอีกด้านหนึ่ง เซิ่งตงฉยงกำลังคิดถึงวิธีหว่านความขัดแย้งระหว่างหวังหยวนและตระกูลไป๋หลังจากครุ่นคิดมานานเขาก็มีวิธีแล้ว!อย่างเดียวเกี่ยวกับหวังหยวนที่เขาสามารถเข้าไปยุ่งได้ในตอนนี้ คือเส้นทางการค้า!รวมไปถึงกลุ่มโจรที่หวังหยวนควบคุมที่เขาไม่สามารถควบคุมทุกคนอย่างทั่วถึงได้!เพราะเขามีคนจำนวนจำกัดในอาณาจักรต้าเป่ย!คนเหล่านี้ยังคงเป็นตัวหมากรุกที่ซุ่มซ่อนมานาน!“ดังนั้นเรามาเริ่มกันที่เส้นทางการค้ากันเถอะ!”เซิ่งตงฉยงเรียกคนสนิทของเขาสองคนมาทันที!“เจ้าสองคน ไปที่อาณาจักรต้าเป่ย รวบรวมกองกำลังของเรา แต่งตัวเป็นโจรแล้วปล้นพ่อค้าที่ผ่านไปมา จำไว้
บนถนนสายหลักของเมืองหยางมีกองคาราวานกลุ่มหนึ่งขับเกวียนบรรทุกผ้าไปข้างหน้าช้า ๆสีหน้าของคนที่เดินนำเต็มไปด้วยรอยยิ้มขณะพูดกับผู้คนรอบกายอย่างร่าเริง “ฮ่าฮ่า ถนนสายหลักในเมืองหยางสายนี้เรียบร้อยดีจริง ๆ!”“ใช่ ข้าจำได้ว่าเมื่อก่อนถนนสายนี้วุ่นวายมาก มีโจรอยู่ทุกหนทุกแห่งที่อยากจะกระโดดออกมาขโมยของและปล้นทรัพย์ ตอนนี้เราทุกคนมาถึงจุดที่ทุกอย่างราบรื่นได้แล้ว!”“ดูเหมือนว่าตอนนี้พวกโจรจะกลับใจแล้ว ไม่เพียงแต่พวกเขาจะหยุดปล้นเท่านั้น แต่ยังช่วยพาเราไปส่งถึงที่หมายด้วย!”แต่ชายที่สวมผ้าไหมแพรมีสีหน้าไม่พอใจขณะพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “ข้าไม่คิดว่ามันจะดีตรงไหนเลย แม้ว่าพวกเขาจะพาเราไปส่งก็จริง แต่เรายังต้องจ่ายเงินจำนวนหนึ่งให้พวกเขา!”ชายที่สวมจี้หยกหัวเราะเบา ๆ ก่อนโบกมือแล้วพูดว่า “ฮ่าฮ่า เป็นเช่นนี้ก็ดีมากแล้ว เงินที่พวกเขาต้องการก็ไม่ได้มากมายนัก เราสูญเสียเงินเพียงเล็กน้อย แต่หลีกเลี่ยงหายนะได้ก็ถือเป็นบุญของเราแล้ว!”“หากเราไม่ให้เงินจำนวนนี้แก่พวกเขา แล้วหากพวกเขาโกรธและปล้นทรัพย์ของเราทั้งหมด ความสูญเสียของเราจะไม่หนักหนาไปกว่านี้หรอกหรือ?”เมื่อชายในชุดผ้าไหมแพรได้ยินดังนั้นก็อ
เมื่อครู่นี้พวกเขาเพิ่งยกย่องว่าโจรบนถนนสายนี้ล้วนเป็นคนมีคุณภาพแล้ว จะไม่ปล้นสินค้าตามใจชอบ แต่จะปกป้องความปลอดภัยของพวกเขาด้วยแต่ตอนนี้โจรกลุ่มนี้กลับกระโดดออกมาตะโกนว่าจะปล้น นี่มัน...เกิดอะไรขึ้นกันแน่!ชายในชุดผ้าไหมแพรพยายามควบคุมสติอย่างหนัก สายตาของเขาเต็มไปด้วยความกังวล แต่เขาก็ยังพยายามฝืนยิ้มขณะเจรจากับพวกโจรอย่างเต็มที่ “พี่ใหญ่ทุกคน ข้ารู้ว่าพวกท่านต้องการอะไร มาเลยท่านทั้งหลาย ข้าจะให้เกียรติพวกท่าน!”ชายสวมชุดผ้าไหมแพรหยิบถุงเงินออกมายื่นให้โจรทันใดนั้นใบหน้าของโจรก็กลายเป็นดุร้ายมาก เขาปัดถุงเงินออกจากมือของชายสวมชุดผ้าไหมแพร แล้วชี้หน้าด่าทอเสียงดัง “เจ้าคิดว่าข้าเป็นแค่ขอทานหรือ ข้าต้องการสินค้าของพวกเจ้า!”เมื่อชายในชุดผ้าไหมแพรได้ยินดังนั้นก็ตื่นตระหนกทันทีเขารีบอธิบายทันที “ท่านทั้งหลาย พวกข้า... พวกข้าทุกคนไม่ได้ขัดขืนไม่ใช่หรือ ข้าจะให้เงินท่าน ท่านก็ต้องไม่ปล้นพวกเรา และปล่อยพวกเราไป!”“เหลวไหล ใครบอกว่าเห็นด้วยกับพวกเจ้า รีบขนสินค้ามาวางให้ข้า ไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าข้าหยาบคายกับพวกเจ้า!”หลังจากพูดจบ กลุ่มโจรก็เข้ามารุมล้อมแบ่งสินค้าในเกวียนกัน!หลา
ในไม่ช้าชายสวมจี้หยกและชายสวมชุดผ้าไหมแพรก็มาถึงหน้าศาลาว่าการ ด้วยเนื้อตัวที่เต็มไปด้วยฝุ่นทั้งสองคนตีกลองร้องทุกข์ จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็พาพวกเขาเข้าไปในศาลาว่าการเพื่อรายงานต่อเจ้าหน้าที่“ท่านผู้พิพากษา โปรดให้ความเป็นธรรมด้วยขอรับ ข้าน้อยกำลังคุ้มกันสินค้าไปตามถนนสายหลัก ตอนแรกก็เดินทางราบรื่นดี แต่จู่ ๆ กลุ่มโจรที่สวมชุดดำก็กระโดดออกมา!”“หลังจากที่พวกเขาทุบตีพวกข้าน้อยแล้วก็ขโมยสินค้าไปจนหมด แล้วจากไปด้วยท่าทีหยิ่งผยองยิ่งนักขอรับ!”ชายสวมจี้หยกและชายสวมชุดผ้าไหมแพรทรุดตัวลงกับพื้นพลางร้องไห้ ขณะรายงานพฤติกรรมเลวร้ายของพวกโจรเมื่อผู้พิพากษาได้ฟังดังนั้นก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปทันทีสินค้าถูกโจรขโมยไปหรือ?นี่ไม่น่าจะเป็นไปได้ พวกโจรตามท้องถนนหยุดทำเรื่องเช่นนี้มานานแล้ว พวกเขาไม่มีเหตุผลที่จะทำเช่นนี้ เพราะมันไม่มีประโยชน์กับพวกเขาเลย!ผู้พิพากษาครุ่นคิดเรื่องนี้แล้วก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็ค่อย ๆ ถาม “พวกเจ้าสองคนมีรายละเอียดใดที่ยังไม่ได้อธิบายให้พวกข้าฟังหรือไม่?”“มีขอรับ!”ชายสวมจี้หยกรีบคำนับแล้วพูดอย่างกระตือรือร้น “หลังจากที่เรา
ผู้พิพากษามณฑลโบกมือสั่งลูกน้องรินชาให้พวกเขา แล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “วันนี้ข้าเพิ่งได้รับรายงานจากประชาชนมาว่าพวกเขาถูกปล้นขณะกำลังขนส่งสินค้าบนถนนสายหลัก”“ปล้นหรือ?”หัวหน้าโจรเกือบสำลักน้ำลายตัวเองโดยยังไม่ทันได้จิบชาเขารีบโบกมือแล้วอธิบายด้วยน้ำเสียงกระวนกระวาย “เป็นไปไม่ได้หรอกท่านผู้พิพากษา พวกข้าได้วางมือมาตั้งนานแล้ว จึงไม่ได้ทำการปล้นมานานมากแล้ว! ““ใช่แล้วท่านผู้พิพากษา มันเป็นความเข้าใจผิด ทั้งหมดนี้เป็นเพียงความเข้าใจผิด ท่านเข้าใจหรือเปล่าขอรับ?”สายตาของผู้พิพากษาเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม ขณะพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก “เช่นนั้นเป็นฝีมือของใครกัน คนเหล่านั้นไม่ได้โกหก พวกเขาถูกปล้นจริง ๆ เนื้อตัวสกปรกไปหมดและสภาพแย่มาก”ผู้พิพากษาจ้องมองไปยังหัวหน้าโจรคนหนึ่งแล้วพูดอย่างเคร่งขรึม “เป็นไปได้หรือไม่ว่าพวกเจ้าไม่ได้ดูแลกวดขันลูกน้องดีพอ พวกเขาจึงออกไปปล้นเพื่อทำกำไรด้วยตนเอง?” เมื่อทุกคนได้ฟังดังนั้นก็ส่ายหน้าอย่างกังวลทันทีสายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความวิตกกังวลขณะรีบอธิบายทันที “ท่านผู้พิพากษา เราไม่ทำเรื่องผิดศีลธรรมอีกต่อไป เรามีกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดและจะไม่ปล้นผู้อื่น
“เพราะบางทีพวกเขาอาจจะแค่จำนนเมื่ออยู่ต่อหน้าเรา แต่แอบจัดกำลังคนอยู่เบื้องหลัง เพื่อแอบซ่องสุมทำการอะไรสักอย่างก็เป็นได้ขอรับ”“หรือบางทีลูกน้องบางคนอาจไม่ซื่อสัตย์จึงแอบทำเรื่องชั่วร้ายบางอย่างอยู่ ซึ่งในฐานะลูกพี่โจรนั้นก็ไม่ง่ายเลยที่จะล่วงรู้”“ท่านผู้พิพากษา ข้าคิดว่าเรายังไม่สามารถฟังเรื่องราวของพวกเขาแล้วเชื่อได้ในตอนนี้ เรายังคงต้องตรวจสอบอย่างรอบคอบเพื่อค้นหาความจริงขอรับ”“อืม สิ่งที่เจ้าพูดนั้นสมเหตุสมผล”สีหน้าของผู้พิพากษาเคร่งขรึมมาก เขาขมวดคิ้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าสามารถส่งคนไปเพิ่มอีกสองสามคนเพื่อแอบจับตาดูพวกเขาไว้”“เมื่อพวกเขามีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ไม่ดี จะต้องรีบหยุดพวกเขาทันทีแล้วแจ้งข้า เราต้องแก้ไขเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด เข้าใจหรือไม่?”“ขอรับ ท่านผู้พิพากษา ข้าจะจัดกำลังคนไปจัดการเรื่องนี้บัดเดี๋ยวนี้เลยขอรับ!”ที่ปรึกษาพยักหน้า สีหน้าของเขากลายเป็นจริงจังทันที เขาทำความเคารพผู้พิพากษา จากนั้นจึงออกไปทำงานทันทีในไม่ช้าคนที่ที่ปรึกษาส่งมาก็เริ่มดำเนินการครั้งนี้มีผู้รับผิดชอบไม่มากนัก มีทั้งหมดสิบกลุ่ม แต่ละกลุ่มมีเจ้าหน้าท