Share

บทที่ 15

สำหรับเขาแล้ว ทรัพย์สินทั้งหมดที่นางเอาติดตัวมาด้วยสมควรจะเป็นของเขา!

ไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องที่เขาเป็นคนเสนอยกนางให้แต่งงานกับจิ่งโม่เยี่ย เพราะการตายของนางจะสร้างประโยชน์มหาศาลต่อเขา แล้วเรื่องอะไรเขาจะยอมให้นางย้ายออกจากจวนสกุลหลินล่ะ?

เขาจึงรีบกล่าวว่า “เจ้าเด็กคนนี้ ทำไมต้องโมโหขนาดนี้ด้วยล่ะ?

“เจ้าลงมือทำร้ายคนในจวนแท้ๆ แบบนี้มันใช้ได้ที่ไหนกัน?”

เฟิ่งชูอิ่งมองเขาแล้วกล่าวว่า “ขอถามท่านลุง โจรที่บุกเข้าไปในเรือนของข้าเมื่อคืน จับตัวได้หรือยังเจ้าคะ?”

หลินชูเจิ้ง “...ยังจับตัวไม่ได้หรอก เขาหนีไปแล้ว”

เฟิ่งชูอิ่งแสยะยิ้ม “ข้าจะบอกความลับอะไรให้ท่านลุงฟังอย่างหนึ่ง เมื่อคืนตอนที่โจรคนนั้นบุกเข้ามาในห้องของข้า ข้ามองเห็นใบหน้าของเขาเจ้าค่ะ”

หลินชูเจิ้ง “!!!!!”

สีหน้าของเขาแข็งค้างอย่างฉับพลัน จนรู้สึกปวดใบหน้าเล็กน้อย

เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอีกว่า “ท่านลุง ข้าเชื่อมาตลอดว่าท่านเป็นคนยุติธรรม ดังนั้นถึงได้เชื่อใจว่าท่านจะจับตัวโจรที่แอบลอบเข้ามาในห้องของข้ากลางดึกได้

“ท่านลุงช่วยตอบข้าที ตอนนี้ลูกชายคนโตของบ่าวหญิงแซ่จูอยู่ที่ไหน?”

ใบหน้าหลินชูเจิ้งบิดเบี้ยวยิ่งกว่าเดิม หลังนางเอ่ยประโยคนั้นจบ เขาก็ตระหนักได้ว่านางเห็นหน้าคนที่บุกเข้าไปในห้องเมื่อคืนจริงๆ

เฟิ่งชูอิ่งยังกล่าวอีกว่า “รบกวนท่านลุงบอกให้บ่าวหญิงแซ่จูเรียกตัวลูกชายคนโตของนางมาที่นี่หน่อย ดูสิว่าดวงตาของเขาบาดเจ็บจากผงปูนขาวหรือไม่

“ผงปูนขาวเมื่อเข้าตาแล้ว ต่อให้ใช้น้ำมันพืชล้างออกทันที ก็ต้องใช้เวลาอีกหลายวันถึงจะหายเป็นปกติดี”

หลินชูเจิ้งมองเฟิ่งชูอิ่งด้วยสายตาพินิจพิเคราะห์มากกว่าเดิม ก่อนหน้านี้นางยังขี้ขลาดไม่เอาไหนอยู่แท้ๆ แต่หลังจากกลับจวนมาเมื่อวานก็ราวกับผีบ้าเข้าสิง

ที่ผ่านมาเขาไม่เคยเห็นนางอยู่ในสายตา เพราะเห็นว่านางเป็นคนขี้ขลาดตาขาว อะไรนิดอะไรหน่อยก็กลัวไปหมด

ถึงแม้เมื่อวานนางจะกล้าเอามีดจี้คอหลินหว่านถิงจนบาดเจ็บ เขาก็แค่คิดว่านางถูกบีบคั้นหนักเกินไป ถึงได้ทำเรื่องที่ผิดวิสัยเช่นนั้นออกมา

ทว่าเรื่องในวันนี้กลับบอกให้เขารู้ ว่านางก็เป็นคนมีหัวคิดอยู่เหมือนกัน

เขาเอ่ยถามบ่าวหญิงแซ่จู “ลูกชายคนโตของเจ้าล่ะ?”

บ่าวหญิงแซ่จูสะดุ้งเฮือก “เขาออกจากจวนไปตั้งแต่เมื่อคืน ยังไม่กลับเลยเจ้าค่ะ”

หลินชูเจิ้งจึงหันมาทางเฟิ่งชูอิ่ง “เมื่อคืนเจ้าคงจำผิดคนแล้วละ เขาไม่ได้อยู่ในจวนเสียหน่อย”

เฟิ่งชูอิ่งกัดไม่ยอมปล่อย “ถ้างั้นเขาไปอยู่ที่ไหนแล้วล่ะ? ข้าต้องการพบเขา”

หลินชูเจิ้งได้ยินดังนั้นก็ทราบทันทีว่านางไม่เชื่อใจเขาแล้ว ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องดีสำหรับเขาเลย

ฮว๋าซื่อรังแกเฟิ่งชูอิ่งอย่างเปิดเผยได้ แต่เขาทำไม่ได้ เพราะว่าเขาเป็นลุงแท้ๆ ของนาง ย่อมจะต้องรักษาหน้าตาเอาไว้บ้าง

เขาจึงหันไปบอกพ่อบ้านโจวทันที “เจ้าไปตามลูกชายคนโตของบ่าวหญิงแซ่จูกลับมา”

ทั้งสองคนแลกเปลี่ยนสายตากันเล็กน้อย พ่อบ้านโจวก็รับคำสั่ง

บ่าวหญิงแซ่จูตัวสั่นระริก นางไม่ใช่คนโง่ การที่หลินชูเจิ้งใช้พ่อบ้านโจวให้ไปตามตัวลูกชายคนโตของนาง นางรู้ดีเลยล่ะว่ามันหมายความอย่างไร

บ่าวหญิงแซ่จูเอ่ยเสียงสั่น “นายท่านโปรดเมตตาด้วย เขาออกจากจวนไปจัดการธุระให้นายท่านนะเจ้าคะ...”

“ข้ารู้” หลินชูเจิ้งตัดบทนาง “เขาออกไปทำธุระให้ข้า เอาไว้เขากลับมาเมื่อไหร่ก็ให้มาพบข้าแล้วกัน

“ชูอิ่งบอกว่าเขาคือโจรที่บุกไปปล้นทรัพย์สินในห้องนางเมื่อคืน เรื่องนี้อย่างไรก็ต้องสืบสวนให้กระจ่าง

“หากเขาพิสูจน์ตัวเองได้ว่าไม่ใช่โจรผู้นั้น ข้าก็ไม่คิดจะทำอะไรเขาหรอก”

บ่าวหญิงแซ่จูหวาดกลัวจับใจ ตอนแรกนางคิดว่าหลินชูเจิ้งจะช่วยออกหน้าให้นาง แต่ตอนนี้นางกลับไม่คิดว่าจะเป็นเช่นนั้นเสียแล้ว

เฟิ่งชูอิ่งเอ่ยด้วยตาแดงก่ำ “ท่านลุง แต่วันนี้บ่าวหญิงแซ่จูพาลูกชายคนรองมาหาเรื่องข้าถึงที่เรือนนอน แล้วยังคิดจะทุบตีข้าอีก ท่านลุงจะต้องลงโทษพวกเขาให้หนักนะเจ้าคะ!”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status