“เสี่ยวฟาน ลิ่งหูเสี่ยวคงไม่ใช่หนอนบ่อนไส้หรอกนะ? มีแต่เขาที่อยู่ในพื้นที่ภัยพิบัติ และรู้เรื่องของพวกเราทั้งหมด ถ้าคิดจะดำเนินเรื่องนี้จริงก็ง่ายยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือ”อู่จ้านเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชาหลังจากพิจารณาครู่หนึ่ง ฉินอวิ๋นฟานยังลังเลอยู่เล็กน้อย แต่ไหนมาเขาใช้คนไม่สงสัย สงสัยไม่ใช้คน แต่เรื่องของลิ่งหูเสี่ยวทำให้เข้าลำบากใจเล็กน้อยจริง ๆ เขาเอ่ยถามอีกครั้ง “อิทธิพลของตระกูลผังเป็นยังไง?”“อิทธิพลธรรมดา เวลานี้ทุกคนในตระกูลผังและพวกนักเลงหัวไม้อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของตระกูลเซี่ยง ขอเพียงรัชทายาทออกคำสั่ง ตระกูลเซี่ยงก็จับกุมพวกเขาทั้งหมดได้ทุกเมื่อ”อีกฝ่ายเอ่ย“อื่ม เจ้ากลับไปบอกคนตระกูลเซี่ยงหน่อย เช้าวันมะรืน ข้าต้องการพบพวกเขาที่ตำหนักว่านฉง ตระกูลเซี่ยงต้องเตรียมตัวให้ดี”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก“ไม่มีปัญหา! แต่ยังมีอีกเรื่องที่จำเป็นต้องรายงานให้ท่านทราบ” อีกฝ่ายเอ่ยปากอีกครั้ง“อ้อ? เรื่องอะไร?” ฉินอวิ๋นฟานถามด้วยความสงสัย“เมื่อครู่ข้าน้อยเพิ่งได้ข้อมูลมา พวกหัวโจกของชาวบ้านประสบเคราะห์ที่ก่อเรื่องเมื่อตอนกลางวันถูกฆ่าหมดแล้ว และคนของค่ายทางหลางพวกท่านก็ถูกฆ่าไปห
หลังจากชายแปลกหน้าออกไป อู่จ้าน มู่หรงจิ่นและคนอื่น ๆ ก็งุนงงกันเป็นแถว ชายผู้สวมใส่ชุดเรียบง่ายกลับรู้เรื่องในครั้งนี้เป็นอย่างดี เขาเป็นใครกันแน่? ความรู้สึกแปลกใจอัดแน่นอยู่เต็มอกของทุกคน“พ่อลูกเขยคนดีของข้า เขาเป็นใครกันแน่? ทำไมถึงรู้เยอะอย่างนี้? ช่องทางลับช่องนี้เจ้าก็กล้าบอกเขาง่าย ๆ หรือ?”มู่หรงซื่อควานเห็นชายแปลกหน้าไปแล้วจึงรีบเปิดปากถาม เรื่องเกี่ยวกับความเป็นความตายของบุตรชายตัวเอง เขาอดรนทนไม่ไหวนานแล้ว“ใช่ เสี่ยวฟาน นี่มันยังไงกันแน่?”ยามนี้อู่จ้านเต็มไปด้วยความแปลกใจ กลิ่นอายของคนผู้นี้ดูไม่เหมือนคนในวัง กลับมีกลิ่นของคนในยุทธภพ แต่ฉินอวิ๋นฟานเพิ่งคืนสติสัมปชัญญะเมื่อไม่นานมานี้ ทำไมถึงรู้จักกับคนในยุทธภพที่ลึกลับและคู่ควรเชื่อถือเช่นนี้ได้?เห็นทุกคนฉงนฉงายอย่างหนัก ทั้งเรื่องนี้ยังอยู่ในการควบคุมทุกอย่าง ฉินอวิ๋นฟานจึงเลือกเฉลยตามจริงไม่ปกปิดอีก“อาจ้าน ตอนแรกที่ข้าให้ท่านไปสืบเรื่องนี้ก็เพื่อส่งเสียงบูรพาฝ่าตีประจิม[1] ไม่ได้หวังว่าท่านจะสืบได้อะไรหรอก”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ย“อ้าว?! เอาไปมาเอาข้าเป็นตัวรับกระสุนรึ?”อู่จ้านสีหน้าแข็งทื่อ ไม่สบายไปทั้งตัวทันที
มู่หรงจิ่นกรอบตาแดงระเรื่อ ซบบ่าของฉินอวิ๋นฟานหลังจากคลุกคลีอยู่ด้วยกันมาเป็นเวลานาน นางรู้ว่าฉินอวิ๋นฟานมีนิสัยใจคออย่างไร ไม่นึกว่าเพื่อไม่ให้นางเสียใจ เพื่อช่วยพวกพี่ชาย เขาถึงกับเลือกอ่อนแอ นี่เพียงพอให้เห็นความสำคัญของนางในใจของอีกฝ่าย“เฮ้อ! ดูท่าหอวั่งเจียงจะน่ากลัวมากจริง ๆ แค่วันเดียวก็สืบต้นสายปลายเหตุและคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้กระจ่างหมดแล้ว มิน่าไท่ซั่งหวงถึงให้เจ้าไปเดิน ๆ ที่หอวั่งเจียงมากหน่อย”อู่จ้านถอนหายใจ รู้สึกทึ่งกับวิธีการลึกลับของหอวั่งเจียง ถ้าไม่ใช่เพราะฉินอวิ๋นฟานเตรียมทางหนีทีไล่เอาไว้ น่ากลัวว่าพวกเขาจะร้ายมากกว่าดีจริง ๆ แล้ว“มีตระกูลเซี่ยงคอยช่วยอยู่ลับ ๆ พวกเราวางใจได้เลย”จากนั้นฉินอวิ๋นฟานก็พูดขึ้นด้วยท่าทางฮึกเหิม “จิ่นเอ๋อร์ เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่นะ เดี๋ยวข้าเสร็จธุระแล้วจะมารับเจ้ากลับวังด้วยกัน อาจ้าน ตามข้าไปตระกูลฮั่ว”“ดึกดื่นอย่างนี้จะไปตระกูลฮั่ว? เจ้าแน่ใจนะว่าไม่ได้พูดผิด?”ตอนที่ฉินอวิ๋นฟานบอกว่าจะไปตระกูลฮั่ว อู่จ้านงุนงงหนักกว่าเดิม ก่อนหน้านี้ไม่นานฉินอวิ๋นฟานเพิ่งบีบจนแม่ทัพผู้เฒ่าฮั่วต้องคุกเข่า ตอนนี้ดึกดื่นเที่ยงคืนจู่ ๆ ไปเ
“ก็ได้!”ถูกพ่อตาตำหนิ ฉินอวิ๋นคังอึดอัดใจนัก แต่เขาก็รู้ดีเหมือนกัน ที่พ่อตาขึ้นมาสูงระดับนี้ได้ ไม่เพียงแต่มีความสามารถและตระกูลที่น่ากลัวอย่างยิ่ง คือยังมีสติปัญญาล้ำเลิศซึ่งเป็นสิ่งสำคัญยิ่งกว่า ดังนั้นเขาจึงได้แต่ตามก้นไปต้อย ๆ“ขอต้อนรับการมาเยือนของรัชทายาท ช่างเป็นเกียรติของตระกูลฮั่วเราโดยแท้ เชิญด้านใน!ฮั่วเจิ้นหลงพาฉินอวิ๋นคังสาวเท้าเร็วมาถึงหน้าประตูใหญ่ ค้อมตัวคำนับฉินอวิ๋นฟาน ต้อนรับด้วยรอยยิ้มฉินอวิ๋นคังเห็นฉากนี้แล้วพลันปากอ้าตาค้าง ไหนว่าแค่ออกมาต้อนรับไง?! ต้องวางตัวต่ำถึงขั้นนี้เลยรึ? นอบน้อมกับรัชทายาทที่กำลังจะถูกปลดติดคุกอยู่รอมร่อ?!“อื่ม!”ฉินอวิ๋นฟานพยักหน้าเล็กน้อยด้วยท่าทีเฉยเมย ไม่เกรงใจสักนิด ยังคงยืนมือไพล่หลังเหมือนเดิม จากนั้นจึงย่างเท้าเข้าตระกูลฮั่วไป“ไม่ทราบว่ารัชทายาทมาเยือนตระกูลฮั่วยามวิกาลกะทันหันเช่นนี้ด้วยเรื่องอันใดหรือ?”หลังจากนั่งลงแล้ว ฮั่วเจิ้นหลงก็ถามเปิดประเด็นทันที“ขอบอกตามตรง ที่ข้ามาก็เพราะอยากขอให้พี่ใหญ่ช่วยเหลือนี่แหละ” ฉินอวิ๋นฟานเอ่ย“ฮ่า ๆ ๆ ขอให้ข้าช่วย? น้องเจ็ด เจ้าคิดว่าข้าจะช่วยหรือไม่?!”พอองค์ชายใหญ่ได้ยินฉ
“เชิญรัชทายาทกล่าวมาได้” ฮั่วเจิ้นหลงเอ่ย“คืออย่างนี้ วันมะรืนข้ามีสหายสองสามคนต้องเข้าวัง ถึงตอนนั้นหวังว่าพี่ใหญ่จะเปิดทางสะดวกหน่อย อย่างไรเสีย ครึ่งหนึ่งของทหารพิทักษ์เมืองทั้งต้าเฉียนก็อยู่ในความดูแลของท่าน ค่อนข้างสะดวกจะปล่อยคน”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยปากโดยตรง“ฮ่า ๆ ๆ รัชทายาทต้องการเพียงเท่านี้เองหรือ?”พอฮั่วเจิ้นหลงได้ยินพลันหัวเราะลั่น เขามั่นใจมากขึ้นแล้ว ฉินอวิ๋นฟานต้องมีวิธีการพอแก้แผนร้ายขององค์ชายรองแน่ เขารู้สึกโชคดีมากที่ตัวเองยืนอยู่ฝั่งฉินอวิ๋นฟานได้ทันกาล“รัชทายาท นี่ไม่นับว่ายาก แค่ให้คนของท่านถือป้ายคำสั่งของท่านก็เข้าวังได้ทุกเมื่อแล้ว ไม่จำเป็นต้องเจาะจงขอความช่วยเหลือจากองค์ชายใหญ่หรอก”โดยรวมฮั่วเจิ้นหลงมั่นใจได้ว่าฉินอวิ๋นฟานอยากใช้ประโยชน์จากพวกเขา นี่คือการยืมกำลังอย่างที่พบเจอได้ง่ายและเวลานี้เขามีทางเลือกสำคัญสองทาง หนึ่งคือขัดขวางเป็นฉินอวิ๋นฟานให้มาก ให้เขาล้มเหลวโดยสมบูรณ์ ถีบเขาออกจากรายชื่อผู้ชิงบัลลังก์ หากไม่มั่นใจว่าเขาจะมีทางหนีทีไล่หรือไม่สองคือรับปากฉินอวิ๋นฟาน ร่วมมือกับเขา บั่นทอนกำลังขององค์ชายรอง หากพูดจากมุมผลประโยชน์ องค์ชายรองคือภ
“เจ้าเดรัจฉาน เจ้าเดรัจฉาน!!!”“อดีตฮ่องเต้ต้าเฉียนเราเพิ่งสวรรคตได้แค่เจ็ดวัน พรุ่งนี้ก็เป็นวันที่รัชทายาทจะขึ้นครองราชย์แล้ว คิดไม่ถึงว่าวันนี้เขาจะปีนขึ้นเตียงของหยางกุ้ยเฟย อดสู มันคือความอดสูอย่างยิ่ง!”“ราชวงศ์ต้าเฉียนเราก่อตั้งมาสามร้อยกว่าปี ยึดหลักขงจื๊อโดยตลอด พิธีรีตอง ครองตัว รู้ยางอาย คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องผิดศีลผิดธรรม ผิดต่อหลักการเป็นคนต่ำช้าเช่นนี้ เกียรติของราชวงศ์ต้าเฉียนต้องสิ้นเพราะรัชทายาทแล้ว...”“หากอดีตฮ่องเต้ยังอยู่ จะต้องละอายจนกริ้วแน่ ประหารพวกมั่วโลกีย์ต่อหน้าสาธารณชนเพื่อเป็นเยี่ยงอย่างแน่นอน!”......ในตำหนักจื่อหลัวของราชวงศ์ต้าเฉียน บรรดาชายหญิงเด็กชราต่างมุงล้อมหน้าตั่งนอนทรงกลมที่ยุ่งเหยิงดูไม่จืด โจมตีชายร่างเปลือยเปล่าตรงหน้าด้วยวาจาและตัวหนังสือ โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เคืองแค้นในความไม่เป็นธรรมเต็มประดา เสียงเซ็งแซ่แต่ละเสียงทำให้ฉินอวิ๋นฟานที่กำลังหลับสนิทค่อย ๆ ลืมตาทั้งคู่ขึ้นอย่างงัวเงียขมุกขมัว“เชี่ย แค่ความฝันทำไมเสียงดังขนาดนี้ล่ะ”ยามนี้ฉินอวิ๋นฟานปวดหัวจนแทบจะระเบิด มึนงงหนัก ๆ เขาส่ายหน้าแรง ๆ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยความหงุดหงิด “น่ารำค
ฉินอวิ๋นคัง “...”ฉินอวิ๋นฮุย “...”ทุกคน “...”ครั้นถ้อยคำนี้โพล่งออกมา สถานที่แห่งนั้นก็เงียบกริบ!นี่มันอะไรกัน?ไม่ใช่ว่ารัชทายาทใช้กำลังลบหลู่หยางกุ้ยเฟยแล้วทุกคนพากันตำหนิการกระทำอันต่ำทรามของรัชทายาทหรือ?เหตุไฉนคนที่ถูกกล่าวหาจึงกลายเป็นคนกล่าวหาเสียเล่า? ดำกลับกลายเป็นขาว?หยางกุ้ยเฟยที่เป็นผู้เคราะห์ร้ายกลายเป็นตัวการ ส่วนรัชทายาทกลายเป็นผู้เคราะห์ร้าย?แบบนี้ก็ได้ด้วยรึ?“ล่อลวงรัชทายาท?”ครั้นได้ยินวาจานี้ หยางกุ้ยเฟยก็ลนลานทันที นี่คือจะให้นางเป็นแพะรับบาปหรือ หากพิสูจน์ได้ว่าเป็นความจริง วันนี้นางต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย หรือว่าจะให้นางเป็นเครื่องสังเวยศึกชิงความเป็นใหญ่ขององค์ชาย?“ข้าไม่ได้ล่อลวงรัชทายาทนะ ข้าไม่ได้ทำจริง ๆ องค์ชายใหญ่ ท่านต้องคืนความเป็นธรรมให้ข้านะ รัชทายาทให้ร้ายข้า”องค์ชายใหญ่และองค์ชายรองคือผู้กำกับเรื่องนี้และเป็นที่พึ่งของหยางกุ้ยเฟยด้วย จู่ ๆ รัชทายาททึ่มทื่อดันโยนความผิดทั้งหมดมาที่นาง นางก็ไม่ต้องยอมรับอยู่แล้วเวลานี้หัวใจขององค์ชายใหญ่และองค์ชายรองก็รัดแน่นเหมือนกัน...“น้องเจ็ด นี่เจ้าจะไร้ยางอายเกินไปแล้วกระมัง?”องค์ชายใหญ
อะไรนะ...การที่หยางกุ้ยเฟยถูกสังหารทำให้คนทั้งหมดในที่นั้นร้องอุทานขึ้นมา ใบหน้าของทุกคนมีแต่ความครั่นคร้าม เขาคือรัชทายาท สังหารหัวหน้าหมอหลวงก็ช่างเถอะ แต่กระทั่งนางสนมที่อดีตฮ่องเต้โปรดปรานที่สุดก็กล้าฆ่าแกงตามอำเภอใจหรือ?“น้องเจ็ด เจ้า เจ้าจะเหิมเกริมไปแล้วนะ แม้แต่หยางกุ้ยเฟยก็ยังฆ่าหรือ?”องค์ชายใหญ่ก็ตกตะลึงกับการกระทำที่เด็ดขาดแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยของฉินอวิ๋นฟานเหมือนกันผิดหูคำเดียวก็ฆ่า แววตาหนักแน่นและท่าทางที่ไม่หวั่นกลัวต่อสิ่งใด กลับทำให้เขามีความรู้สึกเหมือนราชันมาถึง“น้องเจ็ด เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่?”เวลานี้องค์ชายรองหน้าตามืดมนจนจะจับตัวเป็นน้ำหยดติ๋งได้อยู่แล้ว เดิมนึกว่าพวกเขาจะจัดการรัชทายาทโง่ได้ตามปรารถนา คิดไม่ถึง ในช่วงเวลาสำคัญกลับกลายเป็นเขาเล่นเด่นอยู่คนเดียวท่าทางเด็ดขาดฉับไว ท่วงทำนองแลมองเบื้องล่างและแววตาดูแคลนใต้หล้านั้นกลับทำให้เขาชักจะหวั่น ท่วงทำนองนี้ เขาเคยเห็นจากเสด็จพ่อผู้เป็นอดีตฮ่องเต้เท่านั้น“ข้าเคยบอกแล้ว ผู้ที่ป้ายมลทินให้ข้า ตายไม่เว้น!”ต่อหน้าเหล่าขุนนางและองค์ชายทั้งหลาย ฉินอวิ๋นฟานใจเย็นเป็นธรรมชาติ ความเผด็จการเ