เซนจัดเสื้อของตนให้เรียบร้อยโดยไม่มีสีหน้าเศร้าโสกสักนิดถ้าโซเร็นไม่ได้เห็นอาการนอนไม่หลับและวิตกกังวลของเซนเป็นการส่วนตัวในช่วงนี้ เขาคงไม่สามารถบอกอะไรได้จากสีหน้าของเซนได้โซเร็นแอบถอนหายใจ ตอนนี้เขาหวังว่าจะไม่พบศพของลินด์ซีย์ เพื่อที่เซนจะยังคงมีความหวัง“ช่วงนี้บริษัทเป็นยังไงบ้าง” จู่ ๆ เซนก็ถามขึ้นดวงตาของโซเร็นเป็นประกายขึ้นทันทีเมื่อได้ยินเรื่องนี้ เขารู้ดีกว่าใคร ๆ ว่าเซนหมายถึงอะไร ในที่สุดท่านประธานก็เริ่มตั้งสติได้สักทีดังนั้นเขาจึงกล่าวทันทีว่า "กิจการของบริษัทได้รับการจัดการโดยเควนตินแต่พอไม่มีคุณเขาก็มีปัญหา พวกคณะกรรมการกดดันเขาอยู่ตลอดเวลา ผมเกรงว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไปอีกไม่นานพวกเขาอาจจะปลดคุณออกจากตำแหน่ง”"เฮอะ! ไอ้แก่พวกนั้น!" เซนเยาะเย้ย “ส่งสูทของฉันมา ฉันจะไปที่ออฟฟิศตอนบ่ายนี้”ถ้าเป็นไปได้เซนต้องการสละทุกสิ่งที่เขามีเพื่อแลกกับความเป็นอยู่ที่ดีของเธอ แต่ถ้าเขาไม่มีอะไรเลย เธอจะยังกลับมาหาเขาอีกไหม?ถ้าเงินเท่านั้นที่ทำให้เขารักษาหัวใจของเธอไว้ได้ เขาก็จะไม่รังเกียจที่จะมอบความมั่งคั่งทั้งหมดในโลกให้กับเธอเพื่อที่เธอจะได้ไม่มองใครอีกเลยโซเร็นตื่นเ
ครึ่งปีให้หลังณ เมืองแอตแลนติกเควนตินจับเซนอย่างระมัดระวังที่ไหล่ของเขาก่อนที่จะกดปุ่มลิฟต์ชายคนนั้นพิงไหล่ของเขาพร้อมกับขมวดคิ้วแน่นพร้อมกุมฝ่ามือไว้ที่ท้อง พยายามบรรเทาความรู้สึกไม่สบายทางกายที่เป็นอยู่ในฐานะผู้ช่วยของเซน เควนตินยอมรับว่าเขาค่อนข้างต้องรับผิดชอบที่ยอมให้เซนดื่มจนเมา อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา เมื่อใดก็ตามที่เซนพบแอลกอฮอล์แบบใดก็ตาม เซนจะไม่ปฏิเสธเลยไม่ว่าใครจะชวนให้เขาดื่ม เควนตินไม่สามารถแม้จะหยุดเขาได้พอพาเซนเข้ามาในบ้านได้ เควนตินก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ จากนั้นเขาก็วางเซนลงบนเตียงและยัดหมอนสีขาวข้าง ๆ เขา จากนั้นเขาก็ปิดประตูออกไปอย่างระมัดระวังครั้งแรกที่เซนเมา เควนตินกังวลว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเขา ดังนั้นเขาจึงคอยดูแลเซนทำให้เควนตินตระหนักว่าเซนจะนอนหลับสบายเมื่อเขาเมา วันรุ่งขึ้นเมื่อเซนตื่นขึ้นมาเจอเขาอยู่ เซนดูเกรี้ยวกราดมากจนเควนตินไม่กล้าที่จะค้างคืนอีกต่อไปชายที่อยู่ข้างหลังกอดหมอนสีขาวไว้ในอ้อมแขนและดมกลิ่นจากหมอน ริมฝีปากบางของเขาแยกออกเล็กน้อยขณะที่เขาพึมพำอะไรบางอย่างมันเป็นเสียงพึมพำเบา ๆ ที่ไม่มีใครได้ยิน “ภรรยา...”เช้าวันรุ
อาหารในเวสต์วิงส์นั้นดีสมกับการรีวิว อาหารทุกจานบนโต๊ะเป็นของที่ลินด์ซีย์ จูลคุ้นเคย แต่เธอกินไม่รู้รสสักนิด แอลลี่ วิลฟอร์ดกำลังกินอาหารบนโต๊ะอย่างมีความสุข เธอต้องลองทุกจานในเมนู แล้วบอกให้ลินด์ซีย์ลองชิมดูบ้างเมื่อเจอของอร่อย ลินด์ซีย์ไม่ได้กินอะไรมากมายแต่เธอกลับรู้สึกแน่นท้องแล้ว “ฉันจะไปห้องน้ำหน่อยนะ” ลินด์ซีย์กล่าวพลางวางช้อนส้อมลง แอลลี่แต่งรูปที่เธอถ่ายมาเพื่อที่จะโพสต์บนโซเชียลมีเดีย เธอเลยพยักหน้ารับง่าย ๆ "ได้สิ" ลินด์ซีย์เช็ดมือด้วยกระดาษทิชชู่บนโต๊ะ ก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องส่วนตัว เมื่อเธอไปถึงทางเดิน ทันใดนั้นก็มีเสียงมาจากมุมตรงข้ามฉากกั้น "ประธานกุกเกนไฮม์ คุณเป็นเด็กหนุ่มที่ดูท่าทางดี ไม่เหมือนลูกชายที่ไร้ความสามารถของผม ที่ทำให้ผมโกรธได้ทุกวี่ทุกวัน" เมื่อได้ยินชื่อนั้น เท้าของลินด์ซีย์ก็หยุดชะงักอยู่กับที่ ในแอตแลนติกซิตี้ทั้งหมด จะมีใครอีกบ้างที่ถูกเรียกว่า "ประธานกุกเกนไฮม์" นอกจากเซน กุกเกนไฮม์? "ขอบคุณสำหรับคำชมครับ" เสียงที่คุ้นเคยและเย็นชาดังขึ้น มันยืนยันความคิดของลินด์ซีย์ แม้ว่าเวลาจะผ่านไปถึงครึ่งปี แต่ภาพในวันนั้นยังอยู่ตรงหน้าของเธ
“นายคิดว่าเลียม วิลฟอร์ดจะปล่อยให้คู่หมั้นและน้องสาวของเขากลับมาจากต่างประเทศเพื่อมาดูแลบริษัทแค่นั้นรึเปล่า?” เควนตินตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า "ไม่ครับ" แววตาเซนหม่นลง ‘ผู้หญิงปริศนาคนนี้คือใคร?’ จู่ ๆ ก็มีความหวังเกิดขึ้นในใจอย่างควบคุมไม่ได้ ทั้งที่เขารู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้เลย ดูเหมือนเควนตินจะคิดอะไรบางอย่างออก เขาพูดว่า "ท่านประธานครับ เรามีความร่วมมือกับวิลฟอร์ด คอร์ปอเรชั่น ตัวแทนฝ่ายผลิตภัณฑ์ของพวกเขาจะมาในวันนี้เพื่อรับตัวอย่างทดสอบครับ" เซนวางมือของเขาลงบนโต๊ะอย่างสบาย ๆ ก่อนจะค่อยพูดว่า "เราลองไปดูกันดีกว่า" แอลลี่ วิลฟอร์ดรู้สึกตื่นเต้นกับทุกอย่างที่เธอเห็น เมื่อเธอมาถึงสำนักงานเดนาริอุส เธอมองไปรอบ ๆ ในขณะที่ผู้จัดการแผนกผลิตภัณฑ์กำลังจัดการเรื่องงาน สำนักงานในเดนาริอุสมีความเป็นมืออาชีพมาก ไม่มีใครถามสักคนว่าเธอมาทำอะไรเมื่อพวกเขาเห็นเธอ เพราะงั้นแอลลี่เลยรู้สึกเบื่อนิดหน่อย เธอกำลังจะกลับ แต่จู่ ๆ เธอก็ได้ยินเสียงที่จริงจังดังใกล้ ๆ “สวัสดีครับท่านประธาน” 'ประธานแห่งเดนาริอุสเหรอ?' ฝีเท้าของแอลลี่หยุดลง เธอเคยได้ยินชื่อเดนาริอุสซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำในอุตสาหกร
ความสุขของฌอนมองเห็นได้อย่างชัดเจน “ฌอน คราวนี้ฉันมีเรื่องจะถามพี่หน่อย” "อะไรเหรอ?" “พี่รู้ไหมว่าเจนนี่ เลนิคอยู่ที่ไหน?” หลังจากลินด์ซีย์เดินทางกลับมาที่ประเทศนี้ เธอสังเกตเห็นว่าเจนนี่ เลนิคไม่ได้อยู่ในเดนาริอุสแล้ว ไม่ว่าจะยังไงก็หาหล่อนไม่พบ ถ้าเซนตั้งใจจะซ่อนใครสักคน เขาสามารถทำได้โดยไม่มีใครค้นพบ ฌอนไม่แปลกใจเลยที่ลินด์ซีย์จะถามคำถามนี้ หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็พูดว่า "พี่ได้ยินมาว่าเจนนี่มีปัญหาทางจิต เซนเลยส่งเธอไปโรงพยาบาลจิตเวช" เมื่อลินด์ซีย์ได้ยินเช่นนั้น เธอก็หัวเราะเยาะ "เซน กุกเกนไฮม์พยายามหนักมากจริง ๆ ที่จะช่วยเจนนี่ เลนิคหนีกฎหมาย" ลินด์ซีย์คิดว่ามันคงจะลำบาก ถ้าเซนตั้งใจจะซ่อนเจนนี่จริง ๆ เธอคงจะต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการตามหาหล่อน เธอไม่เชื่อว่าเซนจะเต็มใจส่งเจนนี่ไปโรงพยาบาลจิตเวช บางทีเขาอาจซ่อนผู้หญิงแสนล้ำค่าของเขาไว้ที่อื่น หลังจากการกลับมาของลินด์ซีย์ เธอตระหนักว่าเฮเมร่าและเดนาริอุสไม่มีความร่วมมือใด ๆ อีกต่อไป แถมพวกเขายังกลายเป็นคู่แข่งที่ดุเดือด “อย่าซาบซึ้งใจและอย่าบอกให้พี่ระวังตัวเองอีก เซน กุกเกนไฮม์ทำให้พี่หงุดหงิดตลอดเลย”
“ขออภัยค่ะ เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งค่ะ…”เสียงตอบรับในโทรศัพท์ดังขึ้นเหมือนเดิมเป็นหมื่นครั้งในขณะที่ลินด์ซีย์ จูลนั่งยอง ๆ พร้อมกับกำโทรศัพท์ในมือของเธออยู่ริมถนนอย่างสิ้นหวังลินด์ซีย์หันไปมองดูตึกกุกเกนไฮม์ที่ตั้งอยู่ด้านหลังของเธอและนึกถึงคำพูดที่แม่ของเธอได้พูดในโทรศัพท์เมื่อเช้านี้ “ถ้าลูกไปขอความช่วยเหลือจากเซน กุกเกนไฮม์ไม่ได้ ลูกจะถูกไล่ออกจากตระกูลจูล!”แต่ท้ายที่สุด ลินด์ซีย์ก็ต้องเข้าไปในห้องทำงานภายในตึกพร้อมกับกัดฟันของเธอ“คุณคะ ไม่ทราบว่าคุณมาพบใครเหรอคะ?”“ฉันมาหาเซน กุกเกนไฮม์”“ท่านประธานกุกเกนไฮม์เหรอคะ?”พนักงานต้อนรับมองดูผู้มาเยือนพร้อมกับยิ้มอย่างมืออาชีพและพูดต่อ “คุณได้นัดไว้หรือเปล่าคะ?”ลินด์ซีย์เม้มริมฝีปากและพูดขึ้นอย่างลังเล “...ฉันเป็นภรรยาของเขา”พนักงานต้อนรับชะงักและบอกเธอให้คอยในขณะที่เธอใช้โทรศัพท์บนโต๊ะของเธอลินด์ซีย์ จูลค่อนข้างกังวล ตั้งแต่ที่ตระกูลจูลบังคับให้เซนแต่งงานกับเธอเมื่อสามปีที่แล้วเนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลจูลและปู่ของเขา ทั้งหมดที่เขารู้สึกกับเธอมีเพียงแค่ความขยะแขยงเท่า
เซน กุกเกนไฮม์เอื้อมมือของเขาออกมาพร้อมกับแกะมือที่เกาะอยู่ที่แขนเสื้อของเขาออกและเดินจากไปโดยไม่หันหลังกลับมามองประตูของรถไมบัคที่จอดอยู่ที่ประตูทางเข้าเปิดออก แต่ก่อนที่เซนจะได้เข้าไป กลับมีมือเล็ก ๆ ลากเขากลับมา“คุณกุกเกนไฮม์คะ ตราบใดที่คุณสามารถช่วยตระกูลจูลได้ ฉันยอมทุกอย่างเลยค่ะ”เซนขมวดคิ้ว พร้อมกับปัดมือของเธอออกด้วยความรังเกียจและเยาะเย้ย“เธอจะทำทุกอย่างเหรอ? เธอมีอะไรแลกเปลี่ยนล่ะ? ตัวเองเหรอ?”ใบหน้าเล็ก ๆ ของลินด์ซีย์ จูลซีดลงจนเธอพูดไม่ออก“อย่างรังเกียจฉันเลยลินด์ซีย์ จูล! เธอคิดว่าทำไมวันนี้ธุรกิจของครอบครัวเธอถึงตกลงมาอยู่ในจุดนี้ได้ล่ะ?”“เธอสงสัยหรือเปล่าว่าทำไมหลาย ๆ บริษัทที่ลงทุนกับตระกูลจูลมาหลายปีถึงอยู่ ๆ มาปฏิเสธที่จะลงทุนทำธุรกิจต่อ? ทำไมนักลงทุนถึงยกเลิกการลุงทุนของพวกเขาทีละคน? เธอคิดว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้กันล่ะ?”“ลินด์ซีย์ จูลฟังดี ๆ นะ ถ้าตอนนั้นเธอไม่ได้เข้าตาจน จนต้องแต่งงานกับฉัน ฉันก็คงไม่ต้องแก้แค้นตระกูลจูล! จนถึงตอนนี้เธอยังขอร้องให้ฉันช่วยเธออีกเหรอ? เธอไม่คิดว่ามันตลกไปหน่อยรึไง?”ลินด์ซีย์ได้ยินทุกคำที่เซนพูดอย่างชัดเจ
ณ ศูนย์การเงินระหว่างประเทศหลังจากที่เซน กุกเกนไฮม์ประชุมทางไกลผ่านระบบวิดีโอในวันนั้นเสร็จ เลขาของเขาก็มาเคาะประตูและเข้ามาด้านในห้อง“ท่านประธานคะ คุณมีสายเข้าจากคฤหาสน์ค่ะ พวกเขาบอกว่าคุณไม่ได้กลับไปนานแล้ว เขาเลยอยากให้คุณกลับไปทานมื้อค่ำคืนนี้ค่ะ”มือของเซนที่กำลังพลิกเอกสารหยุดกลางคัน ในขณะที่เขานึกถึงครั้งสุดท้ายที่เขากลับไปเมื่อครึ่งเดือนที่แล้วในเมื่อไม่มีการพูดถึงลินด์ซีย์ จูลจากคฤหาสน์ เขาจึงยอมรับคำเชิญผู้หญิงคนนี้คงไม่ได้อยู่รอบ ๆ อีกนาน ทำให้ไม่จำเป็นต้องแสดงละครต่อหน้าคุณปู่อีกในเวลาค่ำ รถไมบัคสีดำสนิมจอดลงที่ทางเข้าของคฤหาสน์สิ่งแรกที่เซนเห็นคือร่างของลินด์ซีย์ที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟาและหัวเราะไปพร้อมกับปู่ของเขา เขากำลังจะรีบหันหลังกลับแต่เขากลับถูกปู่ของเขาหยุดไว้ก่อน“เซนกลับมาแล้ว! นั่งลงสิ มาคุยกัน”เซนไม่มีทางเลือกนอกจากทำตามคำเขา เขายื่นของที่เขาซื้อมาให้กับแม่บ้านและนั่งลงข้าง ๆ ปู่ของเขา“พวกเธอ…ไม่ได้มาเยี่ยมฉันมาครึ่งเดือนแล้ว แถมยังไม่โทรหาฉันด้วย! แต่ลินด์ซีย์ เธอยังน่ารักเหมือนเดิมเลยนะ ฉันเป็นตาเฒ่าขี้เหงาและฉันรู้สึกดีที่เธอมาอยู่เป็นเพื่อนฉ