“กระหม่อมรับทราบพ่ะย่ะค่ะ”อินชิงเสวียนพูดรับปาก แต่ในใจนางค่อนข้างพูดไม่ออกนานๆ จะได้วันหยุดสามวันในหนึ่งเดือน จะไม่ยอมให้ได้พักเลยหรือไรผู้ชายตัวโตที่มีมือมีเท้า แต่ต้องได้รับการปรนนิบัติช่วยถอดเสื้อผ้าแล้วพาเข้านอน เรียกได้ว่าไม่รู้จักดูแลชีวิตตัวเองเลยจริงๆตำหนิมาตลอดทาง สุดท้ายก็กลับมาถึงตำหนักเฉิงเทียนในตำหนักมีเพียงเสี่ยวฮว๋ายจื่อยืนอยู่ พร้อมกับขันทีน้อย คนอื่นๆ คงไปอาบน้ำกันหมดแล้วเสี่ยวฮว๋ายจื่อเหลือบมองอินชิงเสวียน และใช้หางตากวาดตามองเย่จิ่งอวี้ สายตาเอาแน่เอานอนไม่ได้อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงบางสิ่งในใจ เมื่อมองดูสายตาเช่นนี้ ดูคล้ายกับว่าไม่มีเจตนาที่ดีหากว่าเขามีเจตนาไม่ดี ตัวเองควรทำอย่างไร?ปล่อยให้เขาฆ่าเย่จิ่งอวี้ตาย หรือว่า...ไม่มีหรือว่าหากว่าเย่จิ่งเย่าขึ้นครองบัลลังก์ นางจะเป็นคนแรกที่ตายคนชั่วแบบนี้จะปล่อยนางไปได้อย่างไรระวังไว้คงดีที่สุดเมื่อคิดดูอีกครั้ง ฝ่าบาทน่าจะรู้ว่าเสี่ยวฮว๋ายจื่อไม่คู่ควร ในเมื่อเขาไม่พูด ก็หมายความว่าเขามีแผนในใจแล้วอย่างไรเสียก็อย่าเอาปัญหามาใส่ตัวจะดีกว่าระหว่างที่ครุ่นคิด เสี่ยว
เย่จิ่งอวี้ยื่นมือไปรับแก้วชา และบ้วนปากเสี่ยวฮว๋ายจื่อค้อมกาย ถวายอ่างน้ำด้วยความเคารพอินชิงเสวียนอดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ และมองดูมือของพวกเขาอยู่ตลอดในโทรทัศน์มักมีการแสดงทำนองนี้ นักฆ่าถือของบางอย่าง และกริชในมือของเขาถูกวางไว้ใต้อ่าง และเขาก็สังหารอย่างไม่มีผู้ใดคาดได้โชคดีที่มือทั้งสองของพวกเขาแสดงให้เห็นชัดเจนและไม่ได้ถืออะไรเลยอินชิงเสวียนจึงวางใจไม่แน่ว่าเสี่ยวฮว๋ายจื่ออาจพูดเล่นเท่านั้น เขาคงไม่มีความกล้ามากขนาดนั้นเย่จิ่งอวี้ล้างมือเสร็จก็พูดขึ้นเสียงเรียบ “ออกไปเถอะ เหลือเพียงเสี่ยวเสวียนจื่อคนเดียวก็พอ”“พ่ะย่ะค่ะ”เสี่ยวฮว๋ายจื่อค่อยๆ ถอยหลังไปสองสามก้าว สายตาแปลกๆ ของเขาก็ปรากฏขึ้นอินชิงเสวียนใจเต้น และเห็นฝ่าเท้าของเย่จิ่งอวี้สั่นคลอนเล็กน้อย“ฝ่าบาท!” อินชิงเสวียนเข้าพยุงเย่จิ่งอวี้โดยไม่ทันตั้งตัว เสี่ยวฮว๋ายจื่อพลิกคว่ำอ่างน้ำอย่างรุนแรง พร้อมหยิบมีดสามง่ามออกมาจากกลางอกของเขา และแทงลงไปยังหน้าอกของเย่จิ่งอวี้แม้อินชิงเสวียนจะเฝ้าระวัง แต่นางก็ยังคงลังเลอย่างน้อย เย่จิ่งอวี้ก็ยังตายไม่ได้จนกว่ารากฐานของนางจะมั่นคงทันใดนั้นก็เหล
“ขอบพระทัยฝ่าบาท”อินชิงเสวียนโค้งคำนับและหนีไปได้อีกครั้งขอเพียงไม่ต้องรับใช้เย่จิ่งอวี้ ได้รับบาดแผลเล็ดน้อยก็ถือว่าคุ้มค่าข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่าเย่จิ่งอวี้ไม่ได้ใจร้าย คิดจะให้ตำแหน่งขุนนางฝ่ายใน และยังตบรางวัลเป็นบ้านหลังใหญ่ให้ ขอเพียงนางพยายามต่อไป ไม่แน่ว่าจะพาเสี่ยวหนานเฟิงออกไปได้เมื่อกลับถึงที่พักของขันที เสี่ยวอานจื่อและคนอื่นๆ ยังไม่กลับมาเมื่อคิดว่าพรุ่งนี้เป็นวันหยุด คืนนี้คงไปเล่นสนุกที่ไหนสักที่เหล่าขันทีไม่มีความบันเทิงใดๆ ในวังหลวง ความสุขเดียวที่มีก็คือการเดิมพันอินชิงเสวียนรู้ว่าเมื่อพวกเขาไม่มีอะไรทำก็จะมารวมกันเขย่าลูกเต๋า ไม่ถือเป็นเรื่องแปลกตาอีกแล้วเมื่อไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ ก็รีบหยิบมือถือสับปะรดออกมาเมื่อเปิดหน้าจอมือถือก็เห็นภาพกล้องวงจรปิดห้าภาพทันที รวมถึงมุมทั้งสี่ของวังเย็นและห้องโถงใหญ่ที่ตัวเองอาศัยอยู่ด้วยเสี่ยวหนานเฟิงกำลังนอนหลับสบายอยู่บนเตียง โดยมีหมัดเล็กๆ สองหมัดยกขึ้นเหนือศีรษะราวกับกำลังยอมแพ้ น่องเล็กๆ งอเหมือนกบตัวน้อย โดยให้ฝ่าเท้าหันเข้ากันคิดว่าคงมีแต่เด็กเท่านั้นที่ทำท่ายากๆ ได้ อินชิงเสวียนยิ้มด้วยความเ
อินชิงเสวียนาถึงหอสุ่ยอวิ้นแล้วขันทีน้อยที่เฝ้าประตูรู้ดีว่าอินชิงเสวียนเป็นคนโปรดข้างกายฮ่องเต้ จึงรีบไปรายงานทันทีเพียงครู่เดียว หานปิงก็เดินออกมาจากด้านใน“เสี่ยวเสวียนจื่อกงกง นายหญิงข้าเชิญท่านเข้าไปด้านใน”อินชิงเสวียนตอบกลับอย่างเกรงใจว่า “ขอบคุณพี่สาวมาก”หานปิงอมยิ้ม วิ่งก้าวเล็กเหยาะๆ จากไปอินชิงเสวียนไม่รู้ว่าเหตุใดนางจึงยิ้ม ตะลึงงันไปชั่วครู่ แล้วตามหานปิงไปยังตำหนักใหญ่สวีจือย่วนสวมใส่ชุดกระโปรงสีจืดมาก นั่งยืดตัวตรงอยู่บนเก้าอี้ ใบหน้าเรียบสะอาดแสดงความนิ่งสงบ มีกลิ่นอายของคนตระกูลใหญ่“บ่าวคารวะนายหญิง” อินชิงเสวียนค้อมกายเล็กน้อยสวีจือย่วนพูดอย่างอ่อนโยน “เสี่ยวเสวียนจื่อกงกงเชิญตามสบาย ได้ยินว่าวันนี้เป็นวันหยุดอาบน้ำ[footnoteRef:1] เสี่ยวกงกไม่หยุดพักหรือ” [1: วันหยุดอาบน้ำ ในสมัยโบราณ เจ้าหน้าที่หรือขุนนางจะมีเวลาพักอาบน้ำ 5 วันหรือ 10 วันครั้ง ] อินชิงเสวียนยิ้มตอบว่า “บ่าวมีเรื่องอยากจะถามนายหญิงขอรับ ไม่ทราบว่านายหญิงจะสะดวกหรือไม่”สวีจือย่วนประหลาดใจเล็กน้อย“เสี่ยวกงกงอยากสอบถามข้าเรื่องใดหรือ”อินชิงเสวียนมองไปที่สาวใช้ข้างกายทั้งสองคน
อินชิงเสวียนหน้านิ่วคิ้วขมวด สีหน้าไม่พอใจแล้วนึกขึ้นได้ว่าสิ่งที่จำเป็นต้องพูดก็พูดไปหมดแล้ว อยู่ต่อไปก็เปล่าประโยชน์ จึงพยักหน้ากล่าวว่า “ได้ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้ ถ้ามีผู้ใดมาถาม ก็บอกว่าข้ามาขอทำนองเพลง”สวีจือย่วนกัดริมฝีปาก“ข้ารู้แล้ว เช่นนั้น...พวกเราไว้ค่อยต่อกันใหม่วันหลัง เจ้าวางใจ เรื่องนั้นถึงตายข้าก็ไม่พูด”“ขอบใจเจ้ามาก”อินชิงเสวียนประกบมือคำนับ แล้วเดินออกจากหอสุ่ยอวิ้นอย่างรวดเร็วนางเชื่อว่าสวีจือย่วนจะไม่พูดออกไป ถึงอย่างไรการให้ที่พักพิงแก่กบฏก็มีโทษมหันต์ นอกจากนี้ หากสวีจือย่วนไม่แสดงออกว่าสนใจตระกูลอินหลายต่อหลายครั้ง อินชิงเสวียนคงไม่กล้าผลีผลามมาเช่นนี้นี่นับว่าเป็นการเดิมพันครั้งใหญ่ถ้าชนะ นางก็จะได้ข่าว ถ้าแพ้ ศีรษะของนางก็จะหลุดร่วงสู่พื้น...เมื่อมาถึงหน้าประตูหอสุ่ยอวิ้น ก็เห็นกงกงน้อยที่หน้าตาดูไม่คุ้นเขาพูดอย่างสุภาพ “เจ้าคือเสี่ยวเสวียนจื่อกงกงใช่หรือไม่ ฝ่าบาทให้ข้ามาเชิญเจ้าไปที่ตำหนักชิงฮว๋า”อินชิงเสวียนถามด้วยสีหน้าไม่สบายใจ “เกิดอะไรขึ้น”ขันทีน้อยตอบตามตรง “องค์หญิงอยากได้ว่าว บอกว่าเสี่ยวเสวียนจื่อกงกงมีว่าวขอรับ”เมื่อนั้นอินชิงเสว
“เสี่ยวเสวียนจื่อ ตามข้าไปห้องหนังสือ”เย่จิ่งอวี้กล่าวเรียบๆ จากนั้นก็ออกจากตำหนักชิงฮว๋าไปตอนนี้เย่ไห่ถังกำลังเล่นอย่างสนุกสนาน จึงไม่สนใจเสด็จพี่ใหญ่ของนางอินชิงเสวียนจึงเดินตามหลังเขา แล้วก็แอบชูนิ้วกลางเงียบๆ เซ็งชะมัดประมาณสิบห้านาทีต่อมา ห้องหนังสือก็อยู่เบื้องหน้าแล้ว“ให้ท่านโหวเหนือเข้าวัง”เย่จิ่งอวี้กางเสื้อคลุมออกแล้วนั่งบนเก้าอี้มังกร ขันทีน้อยที่ทำงานรับใช้ก็กระวีกระวาดยกน้ำชาเข้ามาอินชิงเสวียนไม่มีอะไรทำ จึงยืนนิ่งอยู่ข้างหลังของเย่จิ่งอวี้หลังจากนั้นไม่นานก็แว่วเสียงฝีเท้าสม่ำเสมอดังเข้ามา แล้วชายผู้หนึ่งก็เดินหน้าเชิดเข้ามาอินชิงเสวียนเกือบจะส่งเสียงหัวเราะออกมา เมื่อก่อนคิดมาโดยตลอดว่าคนโบราณมีผมดกหนา แต่ความจริงได้พิสูจน์แล้วว่าสิ่งที่ปรากฏทางโทรทัศน์ไม่เป็นความจริงซึ่งบุคคลที่อยู่เบื้องหน้านี้มีผมเพียงครึ่งศีรษะ เส้นผมบนบริเวณกลางศีรษะเบาบาง เผยให้เห็นหนังศีรษะ แต่ก็เพราะมีผมน้อยเกินไป ปิ่นกลัดมวยผมสีทองจึงถูกกลัดแบบเอียงๆ บนศีรษะของเขา ทำให้ดูน่าขันมากภายใต้เส้นผมประปรายก็คือใบหน้ารูปสี่เหลี่ยม ไหล่กว้าง พุงกลม ยามที่ก้าวเท้าเดินก็มีเสียงฮืด
“เจียงตงหลิวถวายพระพรท่านอ๋อง!”เจียงตงหลิวหอบพุงใหญ่ๆ เตรียมที่จะคุกเข่าลง“ท่านโหวโปรดลุกขึ้นเถิด”เย่จิ่งเย่าก้าวฉับๆ ช่วยพยุงเขาลุกขึ้น“ท่านโหวไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทในวังแล้วรึ”เจียงตงหลิวขมวดคิ้วพูดว่า “เข้าวังแล้ว แต่ได้รับข่าวมาไม่รู้ว่าจะเป็นข่าวดีรึข่าวร้าย”เจียงตงหลิวเงยหน้าขึ้น สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเขาเห็นเส้นสีดำที่หางตาของเย่จิ่งอวี้เจียงซิ่วหนิงก็เห็นเช่นกัน อดไม่ได้ที่จะกัดริมฝีปาก ก้มหน้าลงแล้วพูดว่า “เชิญท่านพ่อกับท่านอ๋องคุยกันเถอะ ลูกขอตัวก่อน”เย่จิ่งเย่าไม่สังเกตเห็นความผิดปกติบนใบหน้าของเขา จึงถามทันที “ข่าวอะไรรึ”เจียงตงหลิวไอแห้งๆ และพูดซ้ำคำพูดของเย่จิ่งอวี้หลังจากได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของเย่จิ่งเย่าก็หม่นแสงลง พูดอย่างเคียดแค้น “เย่จิ่งอวี้เจ้าชาติสุนัข เห็นชัดว่าต้องการส่งพวกเราไปตายที่เจียงวู”เจียงตงหลิวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “คงไม่เป็นเช่นนั้นเสียทีเดียว หากสามารถทำให้เจียงวูสงบลงได้จริง ไม่เพียงแต่ท่านอ๋องจะสามารถกลับคืนสู่ราชสำนัก แต่กระหม่อมยังสามารถกลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับซิ่วหนิงที่เมืองหลวงได้”เย่จิ่งเย่าคำราม “ข้าได้ยินมาว่าเจ
สีหน้าของอินชิงเสวียนเย็นลง“เจ้าอย่าทำเกินไปนัก!”คุณชายน้อยกวนพูดด้วยสีหน้าเยาะเย้ย “ข้าจะทำเกินไป เจ้าจะทำไม”สีหน้าของฉินเทียนก็หม่นแสงลงเช่นกัน“ถ้าคุณชายน้อยยืนกรานที่จะไม่ยอมแพ้ เช่นนั้นพวกเราก็จะได้เห็นดีกัน”คุณชายน้อยกวนถ่มน้ำลายและพูดว่า “เจ้าคิดว่าข้ากลัวเจ้ารึ อาโฉ่ว สั่งสอนเจ้าพวกขันทีเวรนี่หน่อยซิ”ชายน่าเกลียดที่มีนามว่าอาโฉ่วเดินออกมาจากด้านข้างของคุณชายน้อยกวน เงื้อมือขึ้นต่อยฉินเทียนทันทีวรยุทธ์ของฉินเทียนก็ไม่ได้ด้อยเลย เขาหลบหมัดของอาโฉ่ว แล้วต่อยสวนออกไปอาโฉ่วถูกฉินเทียนต่อยล้มลงไปกองกับพื้นคุณชายน้อยกวนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งปกติอาโฉ่วจะมีฝีมือร้ายกาจ สู้กับคนอื่นแบบหนึ่งต่อสี่หรือห้าก็ไม่ใช่ปัญหา วันนี้กลับล้มลงด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียวเขาก้าวไปเตะอาโฉ่วอย่างอดไม่ได้ พลางด่าทอด้วยความโกรธ “เศษสวะ เลี้ยงเปลืองข้าวสุกของตระกูลเปล่าๆ”อาโฉ่วกระตุก กอดไหล่ตัวเองแล้วพูดว่า “คุณชายน้อยกวนโปรดอภัยด้วย เป็นบ่าวที่ด้อยฝีมือ เต็มใจถูกลงโทษ”เมื่อเห็นผู้ติดตามที่น่าเกลียดของเขาล้มลงในทันที อินชิงเสวียนแค่นเสียงด้วยความดูถูก“คนของเจ้ายอมแพ้แล้ว ยังไม