เสี่ยวหยวนเป่าตะโกนอย่างมีความสุขทันที “แม่นางอินเก่งกล้า จัดการพวกโง่เง่านี้ให้ตายซะ”อินชิงเสวียนมองไปที่คนเหล่านั้นอย่างเย็นชา“หากใครยังต้องการถามหาความยุติธรรมอีก ให้ไปที่หอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ เจ้าสำนักจะให้คำอธิบายแก่พวกเจ้าเอง ชายทะเลเป็นสถานที่สำคัญในการต่อสู้กับศัตรู ถ้าทุกคนไม่มีอะไรแล้ว เชิญกลับไปเถอะ”แม้ว่าการโจมตีของอินชิงเสวียนจะไม่หนักหน่วง แต่ก็ไม่สามารถพูดได้ว่าเบา มีหลายคนกระอักเลือดออกมาแล้วทุกคนจึงรู้ว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอินชิงเสวียน ได้แต่ถลึงตามองอย่างดุเดือด แล้วประคองกันออกไปจากชายทะเลอินชิงเสวียนหยิบขวดกระเบื้องเคลือบออกมาจากอกเสื้อ ซึ่งมีน้ำพุวิญญาณบรรจุอยู่ในนั้น เดิมทีจะเก็บไว้ให้เย่จิ่งหลานดื่ม ตอนนี้เมื่อเห็นว่าเฮ่อฉางเฟิงได้รับบาดเจ็บเพราะปกป้องตัวเอง จึงรู้สึกผิดแล้วจึงยื่นขวดกระเบื้องเคลือบให้เขา“นี่คือน้ำพุยาที่ข้านำมาจากบ้านเกิด ถ้าคุณชายเฮ่อไม่รังเกียจ ก็ดื่มสักหน่อย มันมีประโยชน์ต่อบาดแผลของเจ้า”เฮ่อฉางเฟิงรับไว้ด้วยความตื่นเต้นดีใจ“สิ่งที่แม่นางอินมอบให้ ข้าน้อยจะรังเกียจได้อย่างไร”จากนั้นเขาดึงฝาขวดอันประณีตออก กำลังเอาเข
ขณะมองไปที่ทิศทางที่ฮั่วเทียนเฉิงออกไป เฮ่อฉางเฟิงได้ตกอยู่ในห้วงภวังค์การแข่งขันวรยุทธ์ระหว่างทั้งสองสำนักจะเริ่มขึ้นในไม่ช้า คนจากตำหนักเทพหอทองคำน่าจะฝึกฝนภายในสำนักจึงจะถูก ทำไมถึงมาปรากฏตัวที่นี่เมื่อคิดถึงข่าวลือทั้งหมดเกี่ยวกับตำหนักเทพหอทองคำ ดวงตาของเฮ่อฉางเฟิงฉายแววรังเกียจเล็กน้อยครั้นละสายตา ก็เห็นขวดที่อินชิงเสวียนมอบให้ตัวเอง เมื่อนึกถึงที่คนผู้นั้นที่ร้องขอน้ำซ้ำๆ ก็ขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้หรือว่าที่เขามาที่นี่ เกี่ยวข้องกับน้ำในขวดนี้?เมื่อหันกลับมา เห็นอินชิงเสวียนกำลังมองมาที่ตัวเอง เขาไอแห้งๆ แล้วพูดว่า “สมแล้วที่เป็นจอมยุทธ์ผู้กล้า ท่านผู้นั้นวรยุทธ์ล้ำเลิศจริงๆ!”อินชิงเสวียนกล่าวอย่างเห็นด้วย “ใช่แล้ว ท่านผู้นั้นเคยช่วยชีวิตข้าและสามีข้าไว้ เป็นผู้ที่ไม่ธรรมดาจริงๆ”เฮ่อฉางเฟิงตอบว่าโอ้“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้น่ะเอง มิน่าแม่นางอินถึงได้รู้จักกับเขา แม่นางเป็นสตรีอยู่ในสถานที่ถูกผิดเช่นเป่ยไห่ ควรระมัดระวังให้มาก จะได้หลีกเลี่ยงศึกภายในและภายนอก รับมือซ้ายขวาไม่ทัน”อินชิงเสวียนกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “คุณชายเฮ่อไม่ต้องกังวลเรื่องศิษย์เหล่านั้น พิณการเวกเป็นของ
อินชิงเสวียนได้ยินเย่จิ่งอวี้บอกว่า ตอนที่อยู่ในเมืองเติงหลงน่าจะเป็นพวกเขาสองคนที่ช่วยอินสิงอวิ๋นไว้ จึงประกบมือคารวะพวกเขาทันที“แม่นางเก่อ จื่ออวี๋”ต่งจื่ออวี๋คารวะตอบอย่างยินดี ถามว่า “แม่นางอินไปชายทะเลหรือ”อินชิงเสวียนตอบว่าใช่ และถามว่า “สองวันที่แล้วพวกเจ้าไปที่เมืองเติงหลงมาหรือไม่”ต่งจื่ออวี๋พยักหน้าและกล่าวว่า “ใช่ ยังได้พบกับผีแคระตงหลิวด้วย”“แล้วเจ้าช่วยคนขับรถม้าหรือเปล่า”“เจ้ารู้ได้อย่างไร หรือว่าเจ้ารู้จักคนผู้นั้น?”เก่อหงยวนมองไปที่อินชิงเสวียน พลางบีบผมเปียตัวเองอย่างไม่พอใจทำไมชายหนุ่มรูปงามทุกคนในโลกถึงรู้จักอินชิงเสวียน?อินชิงเสวียนยิ้มและพูดว่า “ขอบคุณเจ้าสองคนที่ช่วยเหลือ คนที่ขับรถม้าคือพี่ชายของข้าเอา”“ฮะ เขาเป็นพี่ใหญ่ของเจ้าหรือ แซ่อินด้วย?”เก่อหงยวนประหลาดใจ แล้วถามอีกว่า “แล้วพี่ใหญ่ของเจ้าแต่งงานแล้วหรือยัง”อินชิงเสวียนยิ้มละไม “แต่งงานกันแล้ว คนในรถม้า คือพี่สะใภ้ของข้า!”ทันใดนั้นเก่อหงยวนก็หรี่ตาลง บุรุษรูปงามในฝันก็พังทลายอีกครั้งต่งจื่ออวี๋กลับไม่ได้สนใจอารมณ์ของนาง ถามอย่างระมัดระวัง “ได้ยินมาว่าพิณการเวกถูกทำลายแล้ว นี่เป็น
หอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์เย่จิ่งอวี้กำลังถามอินสิงอวิ๋นเกี่ยวกับเรื่องในราชสำนักแม้ว่าเขาจะอยู่ในเป่ยไห่ แต่ใจยังคิดถึงเมืองหลวงอยู่เสมอโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการปฏิรูปกำลังใกล้เข้ามา กลัวว่าจะมีคนหย่อนยาน ทำให้ความพยายามอย่างหนักของสาวน้อยต้องสูญเปล่าแม้ว่าอินสิงอวิ๋นเคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าทุกอย่างเป็นไปในทิศทางที่ดี เย่จิ่งอวี้ก็ยังคงต้องการถามอย่างละเอียดในขณะที่พูด ก็เห็นอินชิงเสวียนและเย่จิ่งหลานเดินเข้ามาจากประตู เย่จิ่งอวี้ลุกขึ้นยืนทันที“ไปที่ชายทะเลมาหรือ ขาของจิ่งหลาน...หายเร็วมากขนาดนี้เลยหรือ”“ขอบคุณพี่ใหญ่ที่เป็นห่วงขอรับ ตอนนี้ขาของข้าหายดีแล้ว”เย่จิ่งหลานกลับสู่ภาพลักษณ์ความเป็นเด็กอีกครั้งเย่จิ่งอวี้เดินออกจากศาลา วางมือบนไหล่ของเย่จิ่งหลานและตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วน“งั้นก็ดีแล้ว โบราณกล่าวไว้ว่าการบาดเจ็บเส้นเอ็นกระดูกต้องรักษาร้อยวัน ทางที่ดีพักผ่อนเยอะๆ ดีกว่า ถ้าคราวหน้าอยากออกไปข้างนอกก็ขี่ม้า เดินให้น้อยหน่อย”“ขอบคุณขอรับพี่ใหญ่ ข้ารู้แล้ว เช่นนั้นข้าจะกลับไปพักผ่อนก่อน”เย่จิ่งหลานกวักมือเรียกหวังซุ่น จากนั้นก็กลับไปที่ห้องของตัวเองส่วนอ
ยามราตรีมาเยือนอย่างรวดเร็วเหลาสุราได้กลายเป็นสถานที่รวมพลของจอมยุทธ์ผู้กล้าอีกครั้งวัตถุประสงค์ของการสนทนาในวันนี้กลายเป็นหัวข้อเรื่องพิณการเวกเมื่อรู้ว่าพิณถูกทำลาย ทุกคนต่างพร่ำบ่นอยู่ในใจอย่างไรก็ตามเมื่อเห็นซูถูเสียชีวิตไปก่อนหน้า ก็ไม่มีใครกล้าไปสอบถามที่หอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ด้วยฌานตบะของเจ้าสำนักเซี่ยว การจัดการกับพวกเขานั้นง่ายเหมือนกับการบีบมดให้ตายแต่ถึงไม่กล้าไป ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่กล้าพูด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากซดน้ำเมาไปสองสามถ้วย ทุกคนก็พูดคุยกันอย่างกระตือรือร้นมากขึ้น กระทั่งหลังคาของเหลาสุราก็แทบจะพลิกคว่ำฉุยอวี้รู้สึกหงุดหงิดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อได้ยินเสียงเอะอะของคนเหล่านี้ ก็อดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นยืน ขณะที่กำลังจะแผลงฤทธิ์ ก็ได้ยินบริกรด่าว่า “คนชั้นต่ำอย่างเจ้า ไม่รู้หรือว่าใครเป็นเจ้าของเหลาสุราแห่งนี้ กล้าดีอย่างไรมาชักดาบค่าอาหารที่นี่”มีเสียงดังปัง ชายหนุ่มร่างผอมคนหนึ่งถูกเตะออกไปหลายจั้ง และกลิ้งไปหยุดที่ปลายเท้าของฉุยอวี้“ไอ้เด็กเปรตนี่ รีบจ่ายเงินมาเร็ว ไม่งั้นอุ้งมือทั้งสองข้างของเจ้าก็ไม่ต้องเอาแล้ว”บริกรเดินบีบเข้าไปใกล้ สีหน้าข
“เจ้าเป็นใคร เหตุใดถึงรู้จักเพียวเมี่ยวอิ๋นเฉิง”ฮั่วเทียนเฉิงมองไปที่คนในชุดดำคนผู้นั้นกำลังเผชิญหน้ากับฉุยอวี้ แต่ยังมีพลังเหลือเฟือ ตอบอย่างใจเย็น “เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องนี้ แม้ว่าเพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิงและตำหนักเทพหอทองคำจะเป็นปฏิปักษ์ต่อกันมานานหลายปี แต่ก็แค่ประลองยุทธ์กันเท่านั้น หวังว่าทั้งสองท่านจะปล่อยคนผู้นี้มาให้ข้า อย่าให้คนผู้เดียวมาทำลายไมตรีระหว่างสองสำนักเลย”สายตาของฮั่วเทียนเฉิงยังคงจับจ้องไปที่คนชุดดำ เห็นฝ่ามือของเขาตกลงมาอย่างแผ่วเบาสง่างาม แต่มีพลังรัศมีที่ลุกโชน ดวงตาก็ค่อยๆ เยียบเย็น“เพียวเมี่ยวสิบสามท่า ที่แท้เจ้ามาจากเพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิงจริงๆ เช่นนั้นก็ควรถูกฆ่า!”น้ำเสียงของฮั่วเทียนเฉิงเย็นชา เหาะขึ้นไปในอากาศ ก่อเกิดพลังงานสีม่วงในฝ่ามือ และรวบตัวคนชุดดำไว้ด้วยวิชาฝ่ามือทันที“ฉุยอวี้ เจ้าพาคนผู้นี้ออกไปก่อน ข้าจะสกัดไว้ข้างหลังเอง”ฉุยอวี้พยักหน้า ถ้าเฮิ่นเทียนเป็นคนทรยศของเพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิงจริงๆ เช่นนั้นก็เป็นประโยชน์กับนางมากนางแกล้งสับขาหลอก และเหาะถอยออกมา จากนั้นก็หิ้วร่างของเฮิ่นเทียนกลับไปที่สำนักเซียวเหยา อย่างรวดเร็วคนชุดดำยิ้มเยา
เฟิงเอ้อร์เหนียงตกใจ“หรือว่าเลือกธิดาเทพคนใหม่แล้ว?”ฮั่วเทียนเฉิงกล่าวว่า “มิได้”ฉุยอวี้แค่นเสียงหึพูดว่า “คงพบคนที่คล้ายกับพี่หญิงใหญ่กระมัง...”เมื่อพูดถึงตรงนี้ นางก็นึกถึงอินชิงเสวียน จึงรีบหุบปากทันทีฮั่วเทียนเฉิงไม่ได้ปฏิเสธ แต่พูดเสียงเรียบ “นี่คือการตัดสินใจของเจ้าตำหนัก เจ้าและข้าไม่มีสิทธิ์ปริปาก”จากนั้นเขาก็กล่าวอย่างทอดถอนใจ “คิดไม่ถึงว่าจะมีคนหน้าตาคล้ายกันมากถึงเพียงนี้ หลายวันนี้ข้าได้พบกับแม่นางแซ่อินผู้หนึ่ง ดูคล้ายกับพี่หญิงใหญ่ของพวกเจ้ามาก”ฉุยอวี้และเฟิงเอ้อร์เหนียงต่างก็พูดพร้อมกันทันที “ไม่เหมือนเลยสักนิด”เฟิงเอ้อร์เหนียงไอแห้งๆ แล้วพูดว่า “แม่นางอินงดงามหยาดเยิ้มเกินไป ไม่เหมือนพี่หญิงใหญ่ที่สวยบริสุทธิ์ดุจเทพธิดาบนสรวงสวรรค์”ฮั่วเทียนเฉิงกล่าวว่า “ข้ากลับคิดว่านางดูคล้ายมาก แม่นางอินสวยแต่ไม่ธรรมดา มีเสน่ห์แต่ไม่เย้ายวน ท่วงท่าสง่างามดุจดอกกล้วยไม้ บุคลิกผ่าเผย สุขุมเยือกเย็น สตรีเช่นนี้หาชมได้ยากจริงๆ”ครั้งแรกที่ฮั่วเทียนเฉิงเห็นอินชิงเสวียนชัดเจน คือตอนที่นางหมดสติ ซึ่งทำให้เขาตกใจมาก แต่ก็แค่ตกใจเท่านั้นโลกใหญ่ไพศาล ไร้พิสดารไม่มี มนุษย์ใ
วันถัดไปเสียงหัวเราะของเสี่ยวหนานเฟิงปลุกอินชิงเสวียนให้ตื่นเมื่อลุกขึ้นจากเตียง ก็เห็นสองพ่อลูกกระโดดเล่นบนเตียงทันทีเย่จิ่งอวี้ก็กระโดดขึ้นลงบนเตียงเหมือนเด็กตัวใหญ่ เสี่ยวหนานเฟิงถูกเขย่าจนล้มหงายหลัง อ้าปากหัวเราะไม่หยุดอินชิงเสวียนยกมุมปากยิ้มอย่างอดไม่ได้ ไม่คาดคิดว่าฮ่องเต้หนุ่มจะมีด้านที่เป็นเด็กเช่นนี้ ผู้ชายเป็นเด็กเสมอ คำพูดนี้ว่าไว้ไม่มีผิดเลย”นางแปรงผม สวมรองเท้า แล้วเดินลงพื้น“พวกเจ้าตื่นนานแล้วหรือ”เย่จิ่งอวี้หยุดทันที“พวกเราปลุกเสวียนเอ๋อร์หรือเปล่า”อินชิงเสวียนเหลือบมองนาฬิกาเรือนใหญ่ที่แขวนอยู่บนร้านค้าสะสมคะแนน ตอนนี้เป็นเวลาเก้าโมงแล้ว“เปล่า สายป่านนี้แล้ว ถ้าข้ายังไม่ตื่น คงกลายเป็นหมู”เย่จิ่งอวี้ก้มลงอุ้มเสี่ยวหนานเฟิงขึ้นมา ทันทีที่ดีดปลายเท้า คนก็มาอยู่ตรงหน้าอินชิงเสวียนแล้ว“ในโลกนี้มีหมูที่น่ารักเหมือนเสวียนเอ๋อร์ด้วยหรือ ถ้ามี ข้าอยากจะเลี้ยงไว้สักตัว”“เชอะ ไม่สนใจท่านแล้ว”อินชิงเสวียนร้องเชอะ แล้วนึกในใจ จากนั้นทั้งหมดก็ออกมาอยู่ในห้องบนโต๊ะมีกับข้าวสี่อย่างและโจ๊กสองชามตอนนี้ยังร้อนๆ อยู่ ดูเหมือนว่าเพิ่งถูกส่งมาไม่นานนี้เอง