สายตาที่ลึกซึ้งเกินจะคาดเดาของลู่เจ๋อเดิมที เฉียวซุนรู้มาโดยตลอดว่าคืนนี้เขาต้องมาที่นี่ เขาก้าวไปข้างหน้าแล้วจับข้อมือของเฉียวซุนไว้ ก่อนที่เขาจะอยากพูดอะไร“อย่าแตะต้องฉัน!”เฉียวซุนใช้แรงผละออกไป เธอถอยหลังหนึ่งก้าวแล้วมองเขา “ลู่เจ๋อ คุณเคยบอกว่าจะไม่เจอเธออีก! คืนนี้คุณบอกว่าจะไปประชุมที่บริษัทแต่คุณกลับมาอยู่เป็นเพื่อนเธอตลอด คุณเห็นฉันเป็นอะไรงั้นเหรอ คุณคิดว่าการแต่งงานของเราคืออะไร คุณคิดว่าคำพูดเหล่านั้นของคุณ....คืออะไร? อากาศรึไง?”ลู่เจ๋อจับเธอเอาไว้อีกครั้ง เขาขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้นมาว่า “อย่าสร้างปัญหา!”เฉียวซุนยิ้มเยาะเธอยังไม่ได้ทำอะไรเลย แต่เขากลับบอกว่าเธอสร้างปัญหา เธอสร้างปัญหางั้นเหรอ?เธอมีสิทธิ์อะไรไปสร้างปัญหางั้นเหรอ?ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความชื้น เธอมองไปยังสามีของตัวเองพร้อมเอ่ยปากพูดเบาๆ “ลู่เจ๋อ ถ้าคุณไม่เคยพูดว่าชอบฉัน ไม่เคยพูดว่าอยากจะเริ่มต้นใหม่กับฉัน จริง ๆ ฉันไม่สนหรอกนะว่าคุณกับเธอจะมีความสัมพันธ์ลับ ๆ กันหรือว่าจะแสดงความรักกันต่อหน้าคนอื่นยังไง แต่คุณเคยพูดแล้วหนิ……คุณอาจจะไม่รู้ว่าเวลาฉันเห็นว่าคุณไปไหนมาไหนกับเธอ ทุกครั้งที่คุณกลับมาเข
เฉียวซุนส่ายหัวเธอมองไปที่ประตูลิฟต์ที่กำลังปิดลง พร้อมพูดเบาๆว่า “ถึงไม่มีการแต่งงาน ก็ไม่ควรจะทำให้การงานสูญเสียไปด้วยสิ! ฉันสบายดีพี่หลิน...ไปเถอะ!”งานเลี้ยงส่วนตัวในคืนนี้ประสบความสำเร็จอย่างน่าประหลาดใจเฉียวซุนเล่นเพลง "ผีเสื้อเริงรัก" นี่ทำให้เธอกลายเป็นนักดนตรีคลาสสิกหน้าใหม่และทำให้มีคนรู้จักเธอมากขึ้นเฉียวซุนดื่มไวน์แดงไปมากขากลับในรถ เธอรู้สึกไม่ค่อยสบาย มันรู้สึกเหมือนกับท้องของเธอถูกไฟไหม้อย่างไรอย่างนั้นคนขับรถพาเธอกลับบ้านพร้อมบอกกับคนรับใช้ที่บ้านว่าคุณนายไม่สบาย และให้พวกเขาต้มชาเพื่อสร่างเมาไปส่งที่ชั้นบนคนรับใช้ปฏิบัติต่อเฉียวซุนเป็นอย่างดี พอได้รับคำสั่งก็รีบไปจัดการทันทีแต่เมื่อพวกเขาไปถึงชั้นสองก็ได้เห็นว่าเฉียวซุนล้มตัวอยู่บนโซฟา หน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อและมือของเธอจับอยู่ที่ตรงท้องน้อยคนรับใช้รู้สึกหวาดกลัวจึงทำการเขย่าเฉียวซุนเบา ๆ ให้ตื่น “คุณนายไม่สบายตรงไหนคะ? ให้ฉันเรียกคุณผู้ชายกลับมาให้ไหม?”เฉียวซุนปวดมากจนพูดไม่ออกทรมาน... เธอรู้สึกทรมานมาก...เมื่อคนรับใช้เห็นเธอเจ็บปวดเช่นนี้ เลยรู้สึกตื่นตระหนกและสงสารจึงรีบโทรหาลู่เจ๋อ แต่โทรไปห
สองคนสบตากันลู่เจ๋อเห็นเฉียวซุนสวมชุดคนป่วย ใบหน้าขนาดฝ่ามือที่ดูป่วย อีกทั้งดวงตาของเธอที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังและมองมายังเขาด้วยสายตาที่แปลกออกไปเมื่อไม่นานมานี้ เธอยังอยู่ในอ้อมแขนของเขาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนอยู่เลย ‘ลู่เจ๋อ ความชอบครั้งนึงที่ฉันเคยมีให้คุณ มันอาจใช้เวลาหลายปีหรือนานกว่าสิบปีกว่าจะเอามันกลับมาได้... จนถึงตอนนั้นคุณยังจะคงต้องการมันอยู่ไหม?’ตอนนั้นเขาบอกว่าเขาต้องการมัน ซึ่งเขาหมายความอย่างนั้นจริง ๆแต่เรื่องต่อมาที่เขาโยนหัวใจของเธอลงไปในโคลน นั่นก็เป็นเรื่องจริงเช่นกันเมื่อมองดูอยู่นาน...ในที่สุด ลู่เจ๋อก็พูดจนแทบสั่นว่า “เฉียวซุน!”เขาอยากจะจับมือเธอ แต่เธอก็ผลักเขาออกไปมีเสียงร้องคร่ำครวญที่มุมปากของเธอ คำพูดของเธอก็เหมือนจะออกมาจากท้องของเธออย่างไรอย่างนั้น เธอพูดว่า “ฉันนี่มันไร้เดียงสาจริง ๆ! ฉันคิดว่าคุณคงชอบฉันอยู่บ้าง! จนถึงตอนนี้คุณก็ยังคิดว่าวันนั้นฉันจงใจจะทำแบบนั้น ในใจของคุณฉันเป็นตัวอะไร ฉันยังจะคาดหวังไปอีกว่าคุณจะชอบฉันและยังคงหวังว่าการเริ่มต้นใหม่มันจะเป็นเรื่องจริง! ลู่เจ๋อ นี่มันช่างตลกสิ้นดี นี่คุณเป็นคนรอบคอบเกินไปหรือว่
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เฉียวซุนกลับมาถึงบ้านพัก ตอนลงจากรถเธอไม่ได้กางร่มและปล่อยให้ฝนตกกระทบร่างกายและใบหน้าของเธอ เธอรู้สึกว่าฝนคือสิ่งที่ล้างบาปสำหรับจิตวิญญาณและอารมณ์ของเธอ ... รองเท้าของเธอเหยียบลงบนพรมสีขาวสะอาดพร้อมทั้งทิ้งคราบน้ำจำนวนหนึ่งไว้คนรับใช้ไม่กล้าห้ามเธอ ทำได้แค่ทำซุปขิงให้เธอดื่มเพื่อคลายความหนาวก็เท่านั้นเฉียวซุนขึ้นไปชั้นบนและสิ่งที่ดึงดูดสายตาของเธอคือ "ภาพถ่ายงานแต่งงาน" ของพวกเขาถึงตอนลู่เจ๋อปฏิเสธที่จะถ่ายรูป เธอก็ยังหน้าด้านใช้เงินกว่า 800,000 ทำรูปนั้นขึ้นมา ครั้งหนึ่งเธอเคยจ้องมองรูปนี้หลายครั้งโดยหวังว่าสักวันหนึ่งลู่เจ๋อจะรักเธอแต่ในตอนนี้ แม้มองแค่เพียงแวบเดียวก็ยังรู้สึกน่าขัน!เฉียวซุนเหยียบเตียงขึ้นไปเพื่อเอารูปถ่ายลงมาด้านในของโครงเหล็กแหลมคมที่เธอหยิบมานั้นบาดมือ ทำให้เกิดรอยเลือดที่หลังมือของเธอ... เลือดสีแดงสดหยดลงมาทีละหยด เห็นแล้วสยดสยองแต่เฉียวซุนดูเหมือนจะไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรเลยเธอโยนกรอบรูปทิ้งลงพื้น!เธอเดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้งอีกครั้งพร้อมนั่งลงช้าๆ... ในกระจกสะท้อนให้เห็นท่าทางทุลักทุเลของผู้หญิงคนนึงเฉียวซุนมองดูตัวเองในกระ
ลู่เจ๋อเคาะนิ้วและแตะโต๊ะเครื่องแป้งเฉียวซุนเอาไดอารี่ไปแล้ว!ทันใดนั้น ก็มีกลิ่นจาง ๆ ลอยมาเหนือระเบียง กลิ่นของบางสิ่งที่กำลังไหม้... ร่างกายของลู่เจ๋อสั่นสะท้าน เขาตระหนักถึงบางสิ่ง จึงรีบเดินออกไปที่ระเบียงจากนั้นเขาจึงเห็นเฉียวซุนเผาภาพถ่ายงานแต่งงานของพวกเขาแล้วก็ยังเห็นไดอารี่ที่ถูกเฉียวซุนเผาเช่นกันเฉียวซุนนั่งดูเงียบ ๆ ราวกับว่ากำลังเผาสิ่งที่ไม่สำคัญ"คุณบ้าไปแล้ว!"ลู่เจ๋อก้าวไปข้างหน้าพร้อมคว้าไดอารี่มาโดยไม่ต้องคิด เขาถึงกับจับมันด้วยมือเปล่าโดยไม่มีการป้องกันใด ๆ ... เขาไม่มีเวลาคิดว่าทำไมเขาถึงทำแบบนี้! คิดแค่ว่ามันคือไดอารี่เล่มเดียวเท่านั้นไฟดับไปแล้ว แต่ไดอารี่เหลือเพียงแค่ครึ่งเดียวลู่เจ๋อไม่สนใจฝ่ามือที่โดนไฟไหม้เลยแม้แต่น้อย เขาเปิดดูไดอารี่อย่างเร่งรีบและหน้าที่เขาเปิดก็มีประโยคเขียนอยู่ว่า "ลู่เจ๋อจะไม่มีวันชอบฉัน!" หัวใจของลู่เจ๋อสั่นไหว!เขาเงยหน้าขึ้นอีกครั้งพร้อมจ้องมองเฉียวซุน "การที่คุณเผามันแบบนี้ หมายความว่าความชอบตั้งกี่ปีที่คุณเคยมีคือคุณไม่ต้องการมันแล้วเหรอ?""ไม่ต้องการแล้ว!"ดวงตาของเฉียวซุนแดงก่ำ พวกเขาจ้องมองกันราวกับสัตว์สองตั
“ฉันคิดว่า ตอนที่คุณกอดฉันแล้วดูฉันถลำลึกเข้าไปกับความทุกข์แบบนั้น! คุณคงได้ใจสินะ คุณคงคิดว่า เธอมันไร้ค่า แค่กวัก ๆ มือก็หลอกได้แล้ว!”“ลู่เจ๋อฉันเคยชอบคุณก็จริง แต่หลังจากนี้ฉันจะไม่ชอบแล้ว!”……ขณะที่เฉียวซุนพูด เขารู้สึกงุนงงและปวดใจเป็นอย่างมากลู่เจ๋ออ่อนระโหยโรยแรงมากแล้วเขาไม่ใช่คนอารมณ์ดีขนาดนั้น เฉียวซุนไม่ได้ซาบซึ้งกับอากัปกริยาของเขาในตอนนี้เลยด้วยซ้ำ เขาจึงขยี้ปลายตาพร้อมถามเธอว่า "งั้นคุณจะเอายังไง? จะปฏิบัติต่อกันด้วยความเคารพหรือจะหย่ากับฉัน เฉียวซุนคุณอย่าลืมว่าพี่ชายของคุณยังคาดหวังให้เมิ่งเยียนหุยช่วยเขาฟ้องร้อง คุณจะทิ้งผมไปได้เหรอ?”เฉียวซุนนอนลงบนหมอน เงียบเสียงอยู่พักหนึ่งลู่เจ๋อเดาว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เธอต้องการหย่าต้องการทิ้งเขา คิดแม้กระทั่งว่าจะไม่ติดต่อกับอีกเขาตลอดไป แม้แต่ไดอารี่ของเธอเองก็เผาทิ้งไปแล้วด้วยซ้ำ แล้วเธอจะเหลือความรู้สึกอะไรให้เขาอีกล่ะ?แต่เธอมีจุดอ่อน!เฉียวสือเยี่ยนคือจุดอ่อนของเธอเมื่อเห็นว่าเธอยังเงียบ ลู่เจ๋อก็อารมณ์เสีย เขาจับไหล่ของเธอแล้วหมุนตัวเธอกลับมา...ผมยาวสีดำสยายไปทั่วหมอน บนใบหน้าสวยของเธอมีร่องรอยที่ผ่านการร้
ฝ่ามือตบลงที่ใบหน้าลู่เจ๋อไปหนึ่งทีลู่เจ๋อหยุดพร้อมก้มศีรษะลงเพื่อจ้องมองคนบนหมอน เฉียวซุนใจเต้นแรง ตอนนี้ชุดนอนผ้าไหมไหลลงมาถึงไหล่เผยให้เห็นไหล่ที่บางและกลมสวยยิ่งกว่าแสงของฤดูใบไม้ผลิ ทั้งตัวเธอนั้นละเอียดอ่อนอีกทั้งยังเปราะบาง "ตีคนเป็นแล้วสิ?"ผ่านไปสักพัก ลู่เจ๋อเอาลิ้นเข้าปากของเธอ ดวงตาสีเข้มเต็มไปด้วยอารมณ์ที่บอกไม่ถูก แต่น้ำเสียงกลับอ่อนโยนมากเขาจับมือเธอแล้วกดไว้บนหมอนสีขาวราวหิมะอย่างแน่นหนา...ขยับไม่ได้เลยแม้แต่น้อยจมูกของเฉียวซุนแดงระเรื่อเธอเงยหน้าขึ้นมองลู่เจ๋อพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง "ลู่เจ๋อ ตอนนี้คือคุณจะบังคับฉันหรือจะเอายังไงกันแน่ ถ้าคุณไม่ได้จะบังคับ งั้นก็ปล่อยฉันไป!"ลู่เจ๋อไม่ยอมปล่อยเธอเขาจ้องมองรูปร่างที่เปราะบาง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงแหบห้าว "ตอนนั้นที่ผมบอกว่าจะเริ่มต้นใหม่ คือจริงจังนะ!"เฉียวซุนหันหน้าหนีใบหน้าเล็ก ๆ ของเธอยังคงฝังลึกอยู่ในหมอนและพึมพำ "ระหว่างเราจะไม่มีการมีลูก แล้วก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่นเลย! นี่ไม่ใช่เล่น ๆ นะ! ลู่เจ๋อ... เราจบกัน!"หลังพูดจบเธอก็หยุดดิ้นเธอนอนอยู่ใต้ร่างของเขาอย่างเปราะบางและไร้แรงต้านท
"คุณก็เตรียมเองสิ!" เสียงของเฉียวซุนแหบเล็กน้อย "ลู่เจ๋อ จากนี้ไปฉันจะไม่ช่วยดูแลชีวิตส่วนตัวของคุณ ส่วนเรื่องจัดเสื้อผ้าและเครื่องประดับคุณก็จ้างคนมาจัดการแล้วกัน ถ้าไม่โอเคคุณก็จ้างเลขาฉินมาช่วยแล้วค่อยจ่ายเงินให้เธอ”ลู่เจ๋อขมวดคิ้วพร้อมพูดว่า "ผมไม่ชอบให้คนอื่นมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัว!"ในห้องนอนเกิดความเงียบจากนั้นไม่นาน เสียงของเฉียวซุนก็ดังขึ้น "ถ้าคุณไม่ชอบงั้นก็โอเค! ฉันก็จะไม่ทำ... ถ้าคุณคิดว่าการเลี้ยงดูฉันมันเปลืองเงินมากคุณก็หย่ากับฉันได้เลย ฉันเองก็ไม่ได้จะอยากเป็นคุณนายลู่นักหรอกนะลู่เจ๋อ!”ลู่เจ๋อยืนเงียบ ๆเขาคิดว่าเขาเข้าใจว่าเฉียวซุนหมายถึงอะไร เธอจะอยู่และเป็นคุณนายลู่แต่เธอจะไม่ดูแลเขาอีกต่อไปแล้ว เธอไม่สนใจด้วยซ้ำว่าเลขาฉินจะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับชีวิตของพวกเขาไหม... แต่เธอไม่ได้มองว่าเขาเป็นสามีจริง ๆ! ในใจเธอกำลังคิดว่าเขาเล่นกับผู้หญิง จะมีมากหรือน้อยก็คงจะไม่สนแล้ว!ลู่เจ๋อตะคอกอย่างเย็นชาออกไปว่า "คุณคิดได้นี่!" พูดจบ เขาก็เข้าไปในห้องรับฝากของและเปลี่ยนเสื้อผ้าตอนจากไปเฉียวซุนไม่ได้มองเขาเลย……ลู่เจ๋อไปอยู่โรงพยาบาลไม่นานนักไป๋เซียวเซี