ตอนเย็น เฉียวซุนสั่งให้คนรับใช้ทำความสะอาดภายในและภายนอกวิลล่าหลังจากเสร็จงาน เธอก็รู้สึกปวดเอวเล็กน้อยเธอแช่น้ำอยู่ราวครึ่งชั่วโมง แต่ก็ยังรู้สึกอึดอัดอยู่นิดหน่อยตอนที่ไปทานอาหารชั้นล่างแล้ว คนรับใช้ก็ถามขึ้นอย่างระมัดระวัง “คุณอยากจะรออีกสักหน่อยไหมคะ? บางทีคุณผู้ชายอาจจะกลับมาทานอาหารเย็น?”ขณะที่เขาพูดจบ นาฬิกาก็มีเสียงดังเจ็ดครั้งตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งทุ่มแล้ว เฉียวซุนพูดอย่างใจเย็น “กินข้าวกันเถอะค่ะ ไม่ต้องรอหรอก!”คนรับใช้รู้ว่าเธออารมณ์ไม่ดี เลยพูดอย่างกระตือรือร้นตอนเสิร์ฟอาหาร “ปลาเปรี้ยวหวานแมนดารินนี้เป็นของโปรดของคุณนายเลยนะคะ! แต่มีเพียงปลาแมนดารินในฤดูกาลนี้เท่านั้นที่อวบอิ่มขนาดนี้ คุณนายลองชิมดูสิ”เฉียวซุนตอบอืมเล็กน้อย ก่อนจะตักปลามาชิ้นหนึ่งเพื่อลิ้มรสแต่พอเข้าปากก็รู้สึกคลื่นไส้ เธอปิดปากแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำ แต่เธอก็อ้วกไม่ออกสักที...คนรับใช้รู้สึกประหม่าเล็กน้อยเลยเคาะประตูจากข้างนอก “คุณผู้หญิง ไม่สบายหรือเปล่า?”“ฉันไม่เป็นไร!”เฉียวซุนอยู่ในนั้นนานพอสมควรก่อนจะเดินออกไปนั่งที่โต๊ะอาหารอีกครั้ง เธอไม่มีความอยากอาหารเลย อาหารบนโต๊ะก็มีแต่ของเลี่ยน
เขาถอดเสื้อคลุมออกแล้วเดินเข้าไปในห้องนอนที่มืดมิดลู่เจ๋อนอนลงด้านหลังเฉียวซุน เขากอดเธอเอาไว้ เขาไม่พูดอะไรเลยแต่ลูกกระเดือกที่ข้างคอของเธอก็ยังเคลื่อนไหว!หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ดึงผ้าห่มออกจากเธอ แล้วดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาร่างกายของเขาร้อนมาก!เฉียวซุนไม่ส่งเสียงและเธอก็ไม่ได้ผลักเขาออกไป เธอได้ยินเสียงแหบห้าวของเขา “ผมไม่ได้ชอบเธอคนนั้นนะ! ผมแค่ชอบมองตาของเธอ สายตาที่เธอมองผมมันเหมือนกับคุณสมัยก่อนไม่มีผิด...สายตาแห่งความสิ้นหวังนั่น! เฉียวซุน ไม่เคยมีใครที่หักอกผมและทำให้ความภาคภูมิใจทั้งหมดของผมพังทลายลงเหมือนคุณ แต่ผมก็ยังทนปล่อยคุณไปไม่ได้! ผมเคยคิดจริง ๆ ว่าปล่อยเรื่องนี้ไปซะก็พอแล้ว ผมคิดว่าก็แค่ผู้หญิงคนเดียวทำไมผมต้องทน!”เขากอดเธอแน่นแล้วใช้ฝ่ามือลูบไปตามเอวบางของเธอเขากดตัวเธอเข้ามาแนบตัวของเขา หน้าผากของทั้งสองแตะกันสนิท เขาหลับตาสีเข้มของเขาแล้วพึมพำ “เฉียวซุน ผมเจ็บปวดจริง ๆ! ตอนที่ไม่รู้ตัว ผมก็ทั้งรักทั้งเกลียดเธอไปแล้ว...”รักทุกอย่างที่เป็นเธอและเกลียด ที่เธอมีคนอื่นในใจตอนที่ลู่เจ๋อพูดจบ เขาก็เอาปากแนบริมฝีปากแดงระเรื่อของเฉียวซุน เขาจูบเธออย่าง
เฉียวซุนเปิดวีแชท เป็นเอกสารที่เมิ่งเยียนหุยส่งมาให้เธอปริ้นเธอพักเรื่องนี้ไว้ก่อนและเงยหน้าขึ้นมอง เธออยากคุยกับลู่เจ๋อลู่เจ๋อกำลังเดินขึ้นไปชั้นบนแล้วพูดอย่างใจเย็น “ถ้ามีธุระ รอผมกลับมาจากต่างประเทศก่อนค่อยพูด”แดดฤดูใบไม้ผลิกำลังดี แต่ร่างกายของเฉียวซุนกลับเย็นเฉียบเธอมองดูสามีของเธอ มองดูแผ่นหลังที่สง่างามของเขา แล้วพูดเบา ๆ ว่า “ลู่เจ๋อ คุณชอบพูดอยู่ตลอดว่าฉันไม่เห็นคุณเป็นสามี แล้วคุณถือว่าฉันเป็นภรรยาของคุณหรือเปล่าคะ? คุณกับผู้หญิงข้างนอกพวกนั้น ความคลุมเครือระหว่างคุณกับหลีชิงเฉิง คุณรู้ดีที่สุดว่าไป๋เซียวเซียวเคยเล่นบทบาทอะไรในชีวิตแต่งงานของเรา ในใจของคุณก็ชัดเจน ตอนนี้คุณไปต่างประเทศเพื่อไปอยู่กับเธอ แค่เวลาจะฟังฉันซักประโยคยังไม่มีเลย…”ลู่เจ๋อชะงักชั่วคราวหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็หันกลับมามองเธออย่างเงียบๆ “งั้นคุณอยากคุยอะไร”ตอนนั้นเฉียวซุนกำลังจะพูด โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นในกระเป๋าของเขาลู่เจ๋อรับสายโดยไม่ได้หยุดคิดเลย น่าจะเป็นสายจากต่างประเทศ เขาเหลือบมองเฉียวซุนแล้วก็ขึ้นไปชั้นบน...ในห้องอาหาร เฉียวซุนนั่งอยู่คนเดียวคนรับใช้พูดอย่างอ่อนโยน “คุณ
ลู่เจ๋ออยู่ในห้องหนังสืออยู่นานเขาหยิบแผ่นฟิลม์ที่หักแตกออกมา มองดูสักพักแล้วโยนมันลงในถังขยะ เขาทรุดตัวลงบนโซฟาแล้วเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย กลับรู้สึกว่าแสงมันแสบตาเขาเลยเอามือมาบังความเจ็บปวดบนฝ่ามือของเขา ทำให้เขาเพิ่งนึกได้ว่าเขาลงแรงหนักแค่ไหนนี่เขาตบหน้าเฉียวซุนไปจริง ๆ ...ลู่เจ๋อหลับตาลง สิ่งที่เขาเห็นต่อหน้ามีเพียงรอยยิ้มอ่อนโยนครั้งสุดท้ายของเฉียวซุน รอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยน้ำตา...เธอมีภูมิหลังที่สูงส่ง ตระกูลเฉียวเลี้ยงดูเธอมาอย่างดีจนโต ไม่เคยโดนตบตีเลยสักครั้ง เขาบอกว่ารักเธอแล้วก็ยังตบหน้าเธอ!ตอนนี้โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น เป็นสายของเลขาฉิน “ประธานลู่ผมอยู่ชั้นล่างแล้ว ตอนนี้จะลงมาเลยไหมคะ?”เสียงของลู่เจ๋อเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา “ช่วยผมเลื่อนออกไปวันหนึ่ง”เลขาฉินไม่ได้คิดมาก “แต่ทีมผู้เชี่ยวชาญรอแค่คุณลู่คนเดียวนะครับ!”เสียงของลู่เจ๋อเย็นชา ไม่มีอารมณ์ใดๆ “ผมบอกว่าเลื่อนออกวันหนึ่งยังไง!”หลังจากที่เขาวางสาย เลขาฉินชั้นล่างดูโทรศัพท์ของเขาแล้วถามคนรับใช้เขาเบาๆว่า “คุณลู่กับคุณนายทะเลาะกันหรอ?”เธอรู้สึกว่ามันไม่ควรจะเป็นแบบนี้!เพราะตอนนั้นที่พวกเขาแต่งงานก
ลู่เจ๋อนั่งอยู่ในรถ เขาเงยหน้าไปมองที่ชั้นสอง ถามเบาๆว่า “คุณนายอยู่บ้านไหม”คนรับใช้พูดๆหยุดๆว่า “ท่านย่าร่างกายไม่สบาย คุณนายเลยไปดูแลที่นั่น เธออยู่ที่นั่นหลายวันติดต่อกันแล้วค่ะ”สีหน้าของลู่เจ๋อเผยความอ่อนโยนขึ้นเขาให้คนรับใช้ยกกระเป๋าเดินทางขึ้นไปชั้นบน แล้วเขาก็ขับรถไปที่บ้านตระกูลเฉียว...ครึ่งชั่วโมงต่อมา รถก็จอดอยู่ที่ลานจอดรถของบ้านตระกูลเฉียวลู่เจ๋อไม่ให้คนใช้ไปบอก เขาเดินตรงเข้าไปในห้องนอนของคุณย่า ห้องนอนที่เงียบสงัด คุณย่าหลับตาเอนตัวพิงนอนอยู่บนหมอน ส่วนเฉียวซุนก็นอนอยู่บนเตียง... ดูเหมือนกำลังหลับอยู่ลู่เจ๋อไม่ได้ปลุกคุณย่าเขานั่งข้างเฉียวซุนแล้วเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าของเธอ เธอดูผอมลงมาก ใบหน้าที่เล็กอยู่แล้วของยังเล็กกว่ามือของเขาอีก...เฉียวซุนตื่นขึ้นมา มองไปที่ร่างที่ดูเหน็ดเหนื่อยของเขาโดยไม่พูดอะไรเธอไม่สุขไม่ทุกข์!เธอไม่ยอมถูกเขาสัมผัส เลยถอยหลังไปเล็กน้อย แต่ลู่เจ๋อก็จับหลังคอของเธอไม่ให้เธอหนี เสียงของเขาต่ำแต่ก็แฝงไปด้วยความอ่อนโยน “ยังเจ็บอยู่หรือเปล่า?”น้ำเสียงของเฉียวซุนนิ่งมาก “ฉันจะไปล้างหน้าหน่อยค่ะ!”พูดจบเธอก็ผลักเขาออกไป ลุกขึ้นเด
ในรถที่มืดมิด ทั้งสองหายใจเร็วขึ้นเฉียวซุนยังคงนั่งอยู่ตักของเขา ผิวขาวของเธอดูนุ่มนวลและละเอียดอ่อนเมื่ออยู่บนกางเกงขายาวสีเทาของเขา...ถุงน่องบาง ๆ ที่เขาถอดออกแล้วแขวนไว้บนข้อเท้าเรียวยาวทำให้ดูน่าค้นหาหลังจากนั้นไม่นาน ลู่เจ๋อก็ได้สติกลับมา...เขากำลังจะเป็นพ่อคนแล้ว!เขาตั้งตารออยู่นาน บางที อาจจะเป็นเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ก็ได้แต่ในขณะนี้ ตัวเขาไม่มีความกล้าแม้แต่จะกอดเธอด้วยซ้ำ เขาจำได้ เมื่อเดือนที่แล้วเธอมีเรื่องที่อยากจะบอกเขา เขาก็รีบวิ่งไปต่างประเทศเลยไม่ได้ให้เธอพูด พวกเขาทะเลาะกันเพราะไป๋เซียวเซียว ......สุดท้าย เขาก็ตบเฉียวซุนเฉียวซุนท้องอยู่แล้วยังถูกเขาตบ!ลูกกระเดือกของลู่เจ๋อก็สั่นเล็กน้อย เขาใช้นิ้วเรียวลูบใบหน้าของเธอ มันเรียบเนียนไม่มีรอยแผลเป็น แต่เขายังคงถามอีกครั้งด้วยเสียงแหบห้าว “ยังเจ็บอยู่ไหม”เฉียวซุนไม่ตอบแต่พูดอย่างใจเย็น “คุณให้ฉันกลับไปนั่งเถอะ” ลู่เจ๋อหรี่ตาลงเล็กน้อยเขาจับจ้องมอง แต่เห็นได้ชัดว่าเฉียวซุนไม่อยากให้เขามอง เธอหันหน้าไปทางด้านข้างแล้วพูดอีกรอบว่า “ปล่อยฉันลง”ลู่เจ๋อวางมือไปที่เธอหลังคอของเธอแล้วกดให้เธออิงเข้ากับหัวไหล่ของเขา
คนรับใช้หยุดพูดติดๆขัดๆ “คุณท่านกับคุณย่าไม่รู้ว่าคุณหญิงท้อง! คุณผู้ชายต้องบอกข่าวนี้ให้พวกท่านทราบ ไม่อย่างนั้นคุณท่านจะยุยงคุณกับคุณหลี่! เธอลืมไปแล้วว่าคุณผู้ชายเป็นคนที่มีภรรยาแล้ว แล้วอีกไม่นานจะเป็นพ่อคนแล้วอีกด้วย!”ลู่เจ๋ออารมณ์ดีขึ้น เขาพูดอย่างเย็นชา “ฉันรู้แล้ว!”เขาดับบุหรี่จากนั้นกำลังจะขึ้นไปชั้นบน ก็เห็นลูกบอลตุ๊กตาหิมะสีขาววิ่งลงบันไดไป นั่นมันเจ้าเซี่ยลี่ตัวน้อย... เซี่ยลี่ตัวน้อยไม่ได้เจอหน้าลู่เจ๋อนาน หมาเจ้าตัวเล็กคิดถึงเขามาก มันเห่าเขาอยู่หลายครั้งลู่เจ๋อก้มตัวไปอุ้มมันขึ้นมาแล้วขึ้นไปชั้นสองด้วยกันเขาอาบน้ำให้เจ้าเซี่ยลี่ตัวน้อย เป่าขนจนสะอาดหมดจดแล้วเอากลับไปที่ห้องนอนเฉียวซุนอาบน้ำแล้วเธอสวมชุดนอนผ้าไหมเอนตัวที่หัวเตียงเพื่ออ่าน 《คู่มือตั้งครรภ์》เธออ่านมันอย่างใจจดจ่อโดยไม่ได้สังเกตเห็นว่าลู่เจ๋อเดินเข้าไปในห้องนอนลู่เจ๋อยกมือขึ้นปลดกระดุมเสื้อแล้วมองดูภรรยาด้วยสีหน้านิ่งๆ เขารู้สึกว่าเธอไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปใช่ เธอค่อนข้างเย็นชาแต่ดูเหมือนว่าเธอยังเย็นชาไม่พอ อย่างน้อยยังสนใจเขาบ้าง!ไม่รู้ว่าหนังสือเล่มไหนคนเขียนว่า ผู้หญิงที่เลิกพยายาม แสด
อพาร์ทเมนต์ของเฉียวซุนเสิ่นชิงรู้ว่าเธอจะมา ตอนเช้าจึงไปซื้อกระดูกข้อหมูกับหน่อไม้สดที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต หั่นเป็นชิ้นต้มซุปเพื่อการบำรุงร่างกายของเธอเฉียวซุนที่กำลังล้างผลไม้อยู่ เสิ่นชิงเห็นเข้าเลยตะโกน “คนกำลังท้องกำลังไส้ ไปนั่งพักผ่อนให้สบายๆเถอะ! ฉันล้างให้คุณเองโอเคไหม"เฉียวซุนยิ้มเบาๆ แล้วพูดว่า “ลูกแค่อายุสามเดือน ไม่เป็นปัญหาอะไรหรอก!”พอพูดถึงลูก เสิ่นชิงก็ชะงักไปครู่หนึ่งเธอยื่นแอปเปิลให้เฉียวซุน เธอลังเลก่อนที่จะถามว่า “คุณวางแผนอย่างไร ครั้งที่แล้วฉันได้ยินหลินเซียวพูดถึง ว่าคุณกำลังจะเปิดร้านในเมืองเซียง นี่มันเกิดอะไรขึ้นเหรอ”เฉียวซุนกัดแอปเปิ้ลที่มีรสเปรี้ยวหวานจากนั้นไม่นานเธอก็พูดเบาๆว่า “ฉันมีแผนนี้! ฉันมีเพื่อนคนหนึ่งในเมืองเซียงที่คุณนายหลี่แนะนำดูน่าเชื่อถือ... เมื่อพี่ชายของฉันออกมาเราจะย้ายไปปักหลักที่เมืองเซียง ฉันได้ยื่นขอพาสปอร์ตที่นั่นไว้”เรื่องเธอกับลู่เจ๋อ เสิ่นชิงก็เดาว่า “แต่ลู่เจ๋อเขา...ไม่มีทางไปใช้ชีวิตที่เมืองเซียง”เฉียวซุนตอบอืมคำเดียวเสียงของเธอเบาลง “ใช่ เขาจะไม่ไป!”……ตอนเย็นลู่เจ๋อเลิกงานก็ตั้งใจมารับเฉียวซุนเขาได้รับการต้อ