เขาพิงเธอ และพึมพำอย่างเย้ายวน “เมื่อคืนไม่มีอารมณ์ แล้วคืนนี้ก็ไม่ใช่วันไข่ตก......เฉียวซุน นี่คุณจงใจแกล้งผมอยู่เหรอ? คุณคิดว่าต้องรอให้ถึงช่วงไข่ตกผมถึงจะแตะต้องคุณ ผมถึงจะทำเรื่องอย่างว่ากับคุณอย่างงั้นเหรอ? ”“ใช่! ”เฉียวซุนตอบกลับอย่างเด็ดขาดเธอผลักลู่เจ๋อออกไป สงบใจลงเล็กน้อย และพูดอย่างชัดเจนกับเขา “ฉันย้ายมาที่นี่ก็เพื่อเจ้าหนูลู่เหยียน ไม่ใช่เพื่อกลับมาคบกับคุณ! ใช่ ข้างกายฉันยังไม่มีใคร แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะยอมรับคุณ! ”ลู่เจ๋อรู้สึกเศร้าเมื่อได้ยินแบบนั้น แต่เขาก็ไม่ได้แสดงความไม่พอใจใด ๆ ออกมาที่เฉียวซุนปฏิบัติต่อเขาแบบนี้ มันก็สมควรแล้วเขาไม่ได้บังคับเธอ......แต่ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสอง ยังคงดูเย็นชาอยู่ดีเสิ่นชิงดูสถานการณ์ออก เธอกลัวว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะส่งผลกระทบต่อเจ้าหนูลู่เหยียน เฉียวซุนพูดอย่างใจเย็น “ลู่เจ๋อ ต่อหน้าลูก คุณก็หัดยับยั้งชั่งใจบ้างนะ! ”อันที่จริง เธอเองก็รู้สึกได้ว่า ลู่เจ๋อต้องการชดใช้ให้เธอจริง ๆแต่เธอ......กลับไม่อยากยอมรับ!เฉียวซุนลดงานให้น้อยลง เธอพาเจ้าหนูลู่เหยียนไปที่สวนสนุกตอนเช้ามีเด็กค่อนข้างน้อย ซึ่งค
ชายคนนั้นแต่งตัวเรียบง่าย แต่ต่อให้เขาจะกลายเป็นขี้เถ้าไปแล้ว แต่เธอก็ยังจำเขาในนามของลู่เหวินหลี่ได้อยู่หลังจากหลายปีผ่านไปในที่สุดเขาก็กลับมา!อดีตสามีภรรยามองหน้ากัน กระทั่งตอนนี้พวกเขาก็ยังคงเป็นสามีภรรยากันอยู่ ปีนั้นตอนที่เขาจากไป ก็ไม่ได้ทำการหย่าอย่างเป็นทางการ......ใบหน้าของคุณหญิงลู่เต็มไปด้วยน้ำตา เธอไม่สามารถแบกรับการเปลี่ยนแปลงที่กะทันหันนี้ได้ ในใจของเธอ ลู่เหวินหลี่ได้ตายจากเธอไปแล้ว ไม่งั้นทำไมเขาถึงไม่อยู่กับสองแม่ลูกเฮ่อหยุนล่ะ?ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่าเธอมีโอกาสตั้งมากมาย แต่เธอกลับไม่เคยถามเฮ่อหยุนเลยสักครั้งเพราะความหยิ่งทะนงริมฝีปากของเธอสั่น เธอมองดูผู้ชายที่เธอทั้งรักทั้งเกลียดมาทั้งชีวิต แล้วบ่นพึมพำ “คุณมันโหดร้ายมาก! ”ลู่เหวินหลี่ก้าวไปข้างหน้าแต่นางลูกลับก้าวถอยหลังด้วยสีหน้าที่ว่างเปล่า แล้วก็เดินโซเซจากไปในใจของเธอ สามีของเธอเสียชีวิตในต่างประเทศไปนานแล้ว......ที่ทางเข้าของสวนชิงเจ้าหนูลู่เหยียนยังเล่นไม่พอ เธอปฏิเสธที่จะไปนอน เธออยากเล่นบนสนามหญ้าในลานบ้านให้นานกว่านี้เสิ่นชิงชินกับนิสัยของเด็กน้อย เธอจึงพูดของเฉียวซุนว่
เฉียวซุนมีบางอย่างค้างคาอยู่ในใจ และรู้สึกตกใจอยู่ครู่หนึ่งลู่เจ๋อเปิดไฟแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “ผมเอง! เป็นอะไรเหรอ? ”ภายใต้แสงสีเหลืองสลัว ๆเฉียวซุนไม่ได้พูดอะไร เธอมองตรงไปที่เขา ไม่รู้ว่าจะพูดเรื่องนั้นกับเขายังไงดียากมากที่สีหน้าของเธอจะดูอ่อนโยนแบบนี้ และลู่เจ๋อก็อดไม่ได้ที่จะกอดเธอ ผลักตัวเธอไปที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง และจูบเธอ......เฉียวซุนพยายามต่อต้านแต่แสงจากโคมไฟสว่างเกินไป เธอกลัวว่าจะทำให้ลูกตื่น เลยทำได้แค่ยื้อยุดฉุดกระชากอยู่อย่างนั้นเธอมักจะเหม่อลอยอยู่เสมอ......ลู่เจ๋อหยุดการกระทำลง กดริมฝีปากของเธอ เปิดปากแล้วถามว่า “เป็นอะไรรึเปล่า? ”เฉียวซุนเอนตัวพิงโต๊ะเครื่องแป้งเบา ๆ ชุดนอนผ้าไหมบนตัวก็ถูกลู่เจ๋อฉีกเป็นชิ้น ๆ ไปแล้ว ในเวลานี้ อารมณ์ของเธอค่อนข้างจะเดือดดาลพอสมควร แต่เธอก็ไม่สนใจเรื่องนี้ เธอมองเข้าไปในดวงตาของเขา แล้วพูดเบา ๆ “ฉันเพิ่งจะเจอกับใครบางคน น่าจะเป็นพ่อของคุณ! ”เกือบจะในทันที สีหน้าของลู่เจ๋อก็หยุดนิ่งลงดวงตาสีเข้มของเขาจ้องมองไปที่เฉียวซุน ราวกับว่าต้องการจะยืนยันในสิ่งที่เธอพูด เฉียวซุนพูดเบา ๆ อีกครั้ง “น่าจะเป็นลู่เหวินหล
ทำไมเขาถึงไม่มองไม่ออกเลยว่าในใจของเฉียวซุนยังคงรู้สึกต่อเขาอยู่ ก็แค่ส่วนใหญ่เธอเกลียดเขามากกว่าก็เท่านั้น ก็แค่เธอไม่อยากยอมรับก็เท่านั้น......ถ้าเธอไม่รักเขาจริง ๆ เธอก็คงจะปล่อยให้เขาทำแบบนี้กับเธอหรอกแต่แค่สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงสิ่งที่สามารถรับรู้ได้โดยที่ไม่ต้องพูดก็เท่านั้น!......พอกลับมานอนบนเตียงอีกครั้ง เฉียวซุนก็ยังคงนอนอยู่ข้าง ๆ เจ้าหนูลู่เหยียนนานมากแล้วที่เธอไม่ได้นอนดี ๆ สักทีเธอรู้ด้วยว่าคืนนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขามีการเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอไม่ค่อยเต็มใจที่จะยอมรับมันเท่าไหร่......ลู่เจ๋อไม่ได้พูดถึงมัน และเธอเองก็จะไม่ได้พูดออกมาเช่นกัน เธอคิดเอาไว้แล้วว่า ยังไงเธอก็จะจากไปอยู่ดีเธอไม่ใช่สาวน้อยที่เธอเคยเป็นตั้งนานแล้วระหว่างเธอกับลู่เจ๋อ มีทั้งความสุขและความเศร้ามากมายขั้นกลางเอาไว้อยู่ แค่ความสุขทางกายไม่กี่ครั้ง จะทำให้ทั้งคู่กลับมาคบกันได้ยังไง......มือของเธอถูกจับเอาไว้......เป็นลู่เจ๋อภายใต้ความมืด เขาถามเธอด้วยเสียงที่แหบแห้ง “คุณกำลังคิดอะไรอยู่? ”เฉียวซุนส่ายหัวเบา ๆ “ฉันไม่ได้คิดอะไร! นี่ก็ดึกมากแล้ว......คุณนอนเถอะ
เขาหันไปด้านข้าง แล้วมองไปที่ลู่เจ๋อ “ประธานลู่ครับ เป็นคุณผู้ชาย......คุณอยากจะพบเขาไหมครับ?”ใบหน้าของลู่เจ๋อไร้ความรู้สึก “นายหมายถึงลู่เหวินหลี่เหรอ? ”คนขับไม่กล้าพูดอะไรลู่เจ๋อลดหน้าต่างลง แล้วมองไปยังด้านข้างของรถ......จากนั้นเขาก็เห็นลู่เหวินหลี่ชายคนนั้นอายุมากกว่าที่เขาจำได้เล็กน้อย เขาจำได้ว่าตอนที่เขาจากไปในปีนั้น เขายังอายุไม่ถึง 40 ปี ซึ่งเป็นอายุที่ลงตัวที่สุดสำหรับผู้ชายมีแค่กระจกรถที่กั้นระหว่างพ่อลูกเท่านั้น แต่กลับเป็นเหมือนคนที่ไม่รู้จักกันลู่เหวินหลี่มองไปที่ลูกชายของตัวเองเช้าวันนี้ ลู่เจ๋อจะต้องไปประชุมผู้ถือหุ้น เขาสวมชุดสูททำมือสุดหรูสไตล์อังกฤษ มีใบหน้าที่หล่อเหลา บนตัวของเขาได้สลัดทิ้งคราบของเด็กชายเมื่อตอนยังเป็นเด็กไปจนหมด สายตาของเขาเย็นชาอย่างมาก ราวกับกำลังมีคนแปลกหน้ามองมาที่ตัวเองอยู่มือของลู่เหวินหลี่เริ่มสั่นเขาอยากที่จะเรียกชื่อลู่เจ๋อ แต่ลู่เจ๋อกลับไม่เปิดโอกาสให้เขาเลย ลู่เจ๋อมองเขาอย่างเย็นชา แต่เสียงของเขาก็เย็นชายิ่งกว่า “ในเมื่อคุณเลือกที่จะจากไปแล้ว ทำไมคุณถึงยังกลับมาอยู่อีก? เป็นเพราะแก่แล้ว......เลยอยากได้คนเลี้ยงดูยามแก่
แต่ตรงหัวของก้านทดสอบ มีเส้นสีแดงแค่ขีดเดียวเฉียวซุนตกตะลึงอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่จะค่อย ๆ นั่งลงตรงขอบของชักโครก เธอรู้สึกรับไม่ได้......แต่เธอก็ยังคงต้องยอมรับความจริงข้อนี้อยู่ดีเธอยังไม่ท้อง!ซึ่งหมายความว่า เธอกับลู่เจ๋อเหลือเวลาอีกแค่สองเดือนเท่านั้น และสองเดือนต่อจากนี้เธอจะต้องมีลูกให้ได้เฉียวซุนตกอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างมากเธออยู่ในห้องน้ำอยู่พักใหญ่ ก่อนที่จะออกไปลู่เจ๋อที่กำลังเล่นกับเจ้าหนูลู่เหยียน เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมอง จากนั้นเขาก็จ้องมองไปที่ใบหน้าของเฉียวซุน เฝ้ารอฟังผลอยู่ทุกวินาที แต่เพราะตอนนี้เขาเองก็กลายเป็นพ่อคนแล้ว เลยมีบางคำที่ไม่เหมาะที่จะพูดต่อหน้าเด็กหลังจากที่เจ้าหนูลู่เหยียนหลับไปแล้ว ลู่เจ๋อก็ไปอาบน้ำ ตอนที่เขาเดินออกมา เฉียวซุนก็นั่งอยู่ตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งหวีผมยาวของเธออยู่ภายใต้แสงสีเหลืองสลัว ๆร่างกายของเธอผอมบาง และเธอดูไม่เหมือนกับคนที่เพิ่งคลอดเลยหลู่เจ๋อเดินเข้าไป โน้มตัวลงบนโต๊ะเครื่องแป้งแล้วถามเธอเบา ๆ “คุณทดสอบดูแล้วเหรอ? ไม่ท้องใช่ไหม? ”เฉียวซุนพยักหน้า “อืม ฉันยังไม่ท้อง! ”เธอยังคงหวีผมยา
ลู่เจ๋อบีบคางของเธอ แล้วป้อนลิ้นตัวเองเข้าไป ลูกกระเดือกก็ขยับ แล้วเสียงของเขาก็แหบแห้งและเซ็กซี่ “ที่นี่คือลานจอดรถใต้ดิน ที่นี่ก็เป็นเหมือนถนนรถแล่นส่วนตัวของผม ไม่มีใครผ่านมาทางนี้อยู่แล้ว...... แต่ถ้าคุณไม่ชอบ พวกเราก็ไปที่บริษัท ไม่ก็โรงแรม”เขาพูดออกมาอย่างง่ายดาย แต่ร่างกายของเขากลับแสดงออกมาในท่าทีที่สวนทางกับคำพูดเขาแทบจะทนรอไม่ไหว!กระทั่งเขาจับมือเธอเพื่อมาปลดเข็มขัดให้ตัวเอง ครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อลูก แต่เพื่อความต้องการของพวกเขาเอง เป็นสิ่งที่ต่างฝ่ายต่างก็มีความปรารถนาทางร่างกายเหมือนกัน......เขาพูดข้างหูเธอว่า เขาคิดถึงเธอบ่อยมาก คิดถึงจนร่างกายของเขาเจ็บปวดแทบทนไม่ไหวเขาบอกว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เขามักจะคิดถึงเธอในทุก ๆ คืน......คำพูดหลัง ๆ ของเขาฟังดูไม่น่าอภิรมย์เท่าไหร่ แต่ทุกครั้งที่ผู้ชายพูดเรื่องพวกนี้ออกมา ก็เหมือนเป็นการพูดเล้าโลม พูดออกมาตั้งหลายครั้งแล้วแท้ ๆ เขากลับรู้สึกว่าครั้งนี้เธอตอบสนองได้เร็วมาก ๆ“ลู่เจ๋อ...... ”เฉียวซุนกัดไหล่ของเขาผ่านเสื้อ ไม่ยอมให้เขาพูดอะไรอีก......เธอแต่งหน้าเบา ๆช่วงนี้เธอค่อนข้างชอบสีโทนร้อน สีส้มอิฐนั้นแอบแต้มไ
แม้ว่าเวลาจะผ่านไปหลายปี แม้ว่าเรื่องพวกนั้นจะผ่านมานานมากแล้วก็ตาม แต่เธอจะลืมลูกที่เธอเคยตั้งท้องด้วยคนนั้นได้อย่างไร และเธอจะลืมได้อย่างไรว่าเคยสูญเสียเด็กคนนั้นไปอย่างน่าสังเวชแค่ไหน......น่าขันสิ้นดี ตอนนี้ลู่จิ้นเซิงและหนิงหลินกลับมีลูกด้วยกัน!เธอปล่อยวางไม่ได้......เฉียวซุนเองก็เห็นคู่รักอยู่ที่ประตูเช่นกัน เธอจับมือหลินเซียวอย่างอ่อนโยน และคอยปลอบโยนเธออย่างเงียบ ๆหนิงหลินเดินเข้ามา......บางทีช่วงนี้ลู่จิ้นเซิงอาจจะปฏิบัติกับเธอดีไม่น้อย ถึงได้ทำให้โรคประสาทแดกของเธอกำเริบกลับมาอีกแล้วหนิงหลินมองไปที่หลินเซียว เธอยังคงรังเกียจที่ในใจของสามีเธอยังคงมีผู้หญิงคนนี้อยู่ ดังนั้นเธอจึงพูดประชดออกไปว่า “ช่างบังเอิญจริง ๆ นะคะ คุณหลิน พวกเราพบกันอีกแล้ว! ”หลินเซียวจ้องไปที่เธอ เกลียดจนแทบจะแล่เนื้อเถือหนังของเธอออกมาเฉียวซุนนิ่งสงบกว่าเธอ เธอมองไปที่หนิงหลิน แล้วหัวเราะด้วยสีหน้าที่ดูราบเรียบ “การพบกันโดยบังเอิญก็ยังดีกว่าการเชิญมาไม่ใช่เหรอคะ! ดูท่าช่วงนี้คุณนายลู่จะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขสักทีนะคะ”สีหน้าของหนิงหลินแข็งทื่อก่อนหน้านี้เธอทะเลาะกับจิ้นเซิงอย่างดุเดือด