จอภาพที่ค่อย ๆ ปรากฏภาพขึ้น....วิดีโอที่สั่นเล็กน้อย เห็นเป็นหญิงสาวร่างเพรียวระหงเปิดประตูเข้ามา ไฟในห้องรับแขกสว่างจ้าทำให้เห็นใบหน้าของเฉียวซุนอย่างชัดเจนร่างของเฉียวซุนเย็นยะเยือกไปทั้งร่างลู่เจ๋อบีบคางเธอเบาๆ “ไม่กล้าดูงั้นสิ?” หลังจากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงยิ้มเยาะ “ก็เธอยืนยันเองไม่ใช่เหรอว่าเปิดประตูห้อง 6201 งั้นก็ดูให้ถึงที่สุดสิ ดูให้มันชัด ๆ ว่าแท้จริงแล้วห้องที่เธอเปิดมันคือ 6201 หรือห้อง 6202!” ในวิดีโอ เฉียวซุนเดินตรงไปยังเตียงหลังใหญ่ เตียงหลังใหญ่หรูหราสีขาว ลู่เจ๋อเอนหลังดื่มเหล้าพักผ่อนอยู่อย่างเงียบ ๆ ด้วยฤทธิ์ที่รุนแรงของแอลกอฮอล์นอกจากอาการเมาค้าง ยังมีความรู้สึกอย่างหนึ่งที่ทำให้เขาลนลานจะหาผู้หญิงมาช่วยปลดปล่อยอารมณ์นั้น แต่ว่าเขาก็เป็นคนที่จิตใจดีคนหนึ่ง แม้ว่าจะอยู่ในแวดวงธุรกิจมานาน แต่เขาไม่เคยคิดจะสานสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนกับหญิงสาวคนไหนเลยลูกกระเดือกของลู่เจ๋อขยับขึ้นลงเบา ๆ ทันใดนั้น มือเรียวคู่หนึ่งค่อย ๆ ลูบใบหน้าของเขา ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายขึ้นลู่เจ๋อค่อย ๆ ลืมตาสีแดงก่ำ ใบหน้าแดงซ่านของหญิงสาวที่ค่อย ๆ เอนตัวลงจูบที่ริมฝีปากของเขา
เฉียวซุนรู้สึกอับอายอย่างมากลู่เจ๋อทำให้เธอรู้สึกว่า แม้ว่าเธอจะมีฐานะเป็นคุณนายลู่ แต่เธอเป็นแค่ผู้หญิงที่เขาเล่นด้วย เป็นได้เพียงแค่ของเล่นของเขาแต่เพียงผู้เดียวตั้งแต่เมื่อก่อนจนถึงตอนนี้ เขาไม่เคยให้เกียรติเธอเลยสักครั้งในใจของเขา เธอก็เหมือนกับโสเภณีราคาถูก!ในห้องโสตทัศนูปกรณ์มีพื้นที่ประมาณหนึ่งร้อยตารางเมตร เสียงขอร้องอ้อนวอนแสนหดหู่ของเฉียวซุนและเสียงหอบพักหายใจอย่างมีความสุขของลู่เจ๋อดังกึกก้องไปทั้งห้อง……เขาไม่ได้รู้สึกสบายแบบนี้มานานแล้ว!ลู่เจ๋อก้มหน้ามองเฉียวซุนเขามองไม่เห็นสีหน้าเธอ ทำให้รู้สึกไม่พอใจอย่างเลี่ยงไม่ได้ เขาจับผมสีดำของเธอเบา ๆ และเอียงศีรษะจูบเธอเฉียวซุนถูกเขาครอบครองด้วยความมึนงงเธอคว้ามีดปอกผลไม้ไว้ได้ด้ามหนึ่ง เพิ่งควานหาได้ในตอนที่กำลังต่อสู้ดิ้นรนเธอรู้สึกเศร้าเสียใจและรู้สึกไร้สาระในเวลาเดียวกันเธอรู้ดีว่าเมื่อเดินออกไปจากห้องนี้แล้วเธอก็จะต้องกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิม......เมื่อนั้นอาจดูเหมือนมีเกียรติ แต่กลับไม่มีร่องรอยความเป็นคุณนายลู่ของฉันเลย บางทีลู่เจ๋ออาจขังเธอไว้ในบ้าน ทำให้เธอกลายเป็นผู้หญิงที่น่าอับอายเฉียวซุนไม่อยากให้เป็
ห้องผู้ป่วยไม่ได้เงียบอีกต่อไป หมอทั้งสองท่านกำลังคุยกับลู่เจ๋อ“เสียเลือดมากเกินไป!”“การถ่ายเลือดออกไปแปดร้อยมิลลิลิตรถือว่าไม่มีปัญหา ต้องดูว่าเมื่อไหร่ที่คุณนายลู่จะยอมฟื้นขึ้้นมา…...อ๋อ ใช่ครับสภาพจิตใจในการใช้ชีวิตอยู่ต่อก็ไม่ได้หนักแน่นเท่าไหร่นัก”“อย่างช้าที่สุดคือพรุ่งนี้เช้าครับ! ถ้าตอนเช้ายังไม่ฟื้น ผมแนะนำให้คุณนายลู่รับการตรวจร่างกายครับ”……หมอทำหน้าที่อยู่ในห้องชั่วครู่ จากนั้นก็ได้เดินจากห้องพักคนไข้ไปลู่เจ๋อส่งแขกจากนั้นก็ปิดประตูห้อง เมื่อหันกลับมาก็พบว่าเฉียวซุนฟื้นแล้วใบหน้าเล็กที่แนบเอียงไปกับหมอนสีขาวดุจหิมะขาว ผมสลวยสีดำที่ทิ้งตัวสยายลงบนหมอน ร่างกายที่ถูกสวมด้วยชุดคนไข้อย่างหลวม ๆ อาการเจ็บไข้ที่ว่าจึงแฝงไปด้วยความงดงามที่แลดูเปราะบางลู่เจ๋อยืนมองอย่างเงียบ ๆ ผ่านไปไม่นาน ก่อนที่จะเดินไปเขานั่งลงข้างเตียงคนไข้ เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สุดแสนอ่อนโยน “เธออดข้าวไปตั้งห้าชั่วโมง! หิวรึเปล่า ฉันได้ให้คนส่งอาหารมาให้เธอทาน!”เฉียวซุนซุกหน้าลงกับหมอน ไม่อยากมองหน้าและไม่อยากจะคุยกับเขา ลู่เจ๋อรู้ดีว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ จึงพูดต่อว่า “เสิ่นซิงออกมาแล้ว ตอนน
ลู่เจ๋อเอาโจ๊กกลับมาด้วย เขาวางของลงบนโต๊ะกลมเล็ก และกำลังจะอุ้มเฉียวซุนมาทานอาหารเฉียวซุนพิงหัวเตียงแล้วพูดเบา ๆ ว่า :“ไม่เหมือนกัน!”ลู่เจ๋อตกใจเล็กน้อยครู่ใหญ่ ๆ เขาถึงจะเข้าใจว่าเธอพูดอะไรเฉียวซุนมองเขา เสียงของเขาอ่อนลงบ้างแล้ว : “ลู่เจ๋อมันไม่เหมือนกันนะ เมื่อก่อนฉันรักคุณ ดังนั้นต่อให้ฉันไม่เต็มใจ ฉันก็ต้องอดทน นั่นเพราะว่าฉันอยากให้คุณมีความสุข”“แล้วตอนนี้ล่ะ”ภายใต้แสงไฟนุ่มนวล ลู่เจ๋อมองไปที่ใบหน้าเล็กที่ขาวราวกับหยกของเธอ ถามด้วยเสียงที่อ่อนลงเช่นกัน : “ตอนนี้ไม่รักแล้วใช่มั้ย? เฉียวซุน ฉันไม่รู้ว่าคุณรักฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ฉันก็ไม่สนใจหรอก สมัยนี้ความรักไม่สำคัญแล้ว!”ลู่เจ๋อเป็นนักธุรกิจเขาไม่เชื่อในความรัก!ในแวดวงธุรกิจไม่มีใครพูดถึงความรัก สิ่งที่ผู้ชายสนใจมากที่สุดก็คือลาภยศและอำนาจ ภรรยาและลูกและแม้กระทั่งคนรักล้วนเป็นเพียงเครื่องประดับแห่งอำนาจเท่านั้นหลังจากพูดจบเขาก็ไปอุ้มเธอแล้วเดินไปที่โซฟาร่างของเฉียวซุนสั่นเทิ้มแขนที่พันด้วยผ้าพันแผลสีขาวก็ขดไปอยู่ด้านหลังโดยที่ไม่รู้ตัว......การกระทำโดยที่ไม่รู้ตัวแบบนี้ ก็แสดงให้เห็นว่าเธอรู้สึกต่อต้านแ
แบบนั้น ช่างยวนใจจริง ๆลู่เจ๋อเดินเข้ามาอย่างระงับอารมณ์และคำพูด รับผ้าขนหนูไปจากในมือเธอ น้ำเสียงไม่ค่อยดีนัก “ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วเหรอ? หมอบอกแล้วไงว่าคุณต้องนอนนิ่ง ๆ อยู่บนเตียงอย่างน้อยสองวัน”เฉียวซุนหันหลังมา ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ฉันอยากเช็ดตัวหน่อย!”ลู่เจ๋อค่อย ๆ คิด ก็เข้าใจว่าทำไมเธอถึงอยากเช็ดตัว ตอนที่อยู่โรงแรมแม้พวกเขาจะไม่ได้ทำเสร็จ แต่เขาก็จัดการเธอไปประมาณราว ๆ สิบนาที ความเป็นเจ้าของอันแสนลึกซึ้งเหล่านั้น แม้ว่าเธอจะต่อต้านอีกแค่ไหนก็ยังมีปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกายอยู่ดีลู่เจ๋อจำได้ ราว ๆ อยู่นานมาก ๆ ที่ไม่ได้ตอบสนองกลับมา ทั้งสองคนต่างเละเทะไปหมด ดุเดือดจนใกล้จะถึงจุดวิกฤติแล้วเมื่อนึกถึงเรื่องเหล่านั้นเขาก็จิตใจฟุ้งซ่านเล็กน้อย ร่างกายเองก็เช่นกันเขากอดเอวของเธอจากด้านหลัง คางพาดอยู่บนไหล่บาง ๆ แสนหอมของเธอ น้ำเสียงแหบพร่าจนราวกับแฝงไปด้วยเม็ดทรายร้อนระอุจากแดดสาดจำนวนหนึ่ง เซ็กซี่เป็นอย่างมาก “บนร่างกายมีกลิ่นของผมอยู่ ใช่ไหม?”เฉียวซุนชะงักไปครู่หนึ่งลู่เจ๋อจับเธอหันมา เขาก้มศีรษะมองเธอใต้แสงไฟ นัยน์ตาดำลึกซึ้งจนยากจะคาดเดาหาก
ตอนที่ลู่เจ๋อจัดการเรื่องของบริษัทเสร็จ เวลาก็ปาเข้าไปเจ็ดโมงเช้าแล้วเขาเก็บข้าวของอย่างลวก ๆ พลางเตรียมตัวจะเดินออกไปเลขาฉินจ้องมองใบหน้าอันหล่อเหลาของเจ้านาย สภาพจิตใจไม่ค่อยสมดุลเท่าไหร่ เพราะเธอเองก็ทำงานมาทั้งคืนเหมือนกัน ใบหน้าของเธอซีดลงไปไม่น้อย เติมแป้งไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่ลู่เจ๋อกลับยังคงหล่อเหมือนเดิมพอดีกับในห้องประชุมยังมีหัวหน้าระดับสูงอยู่ด้วยอีกสองสามคนเพื่อให้ดูเหมือนว่าเลขาฉันใกล้ชิดกับลู่เจ๋อ เธอจงใจใกล้ชิดและใช้น้ำเสียงที่เป็นกันเอง พูดเบา ๆ ออกไปว่า “ประธานลู่คะ คุณอยากทานอาหารเช้าก่อนหรือจะกลับบ้านเลยดีคะ? ฉันสั่งขนมฝูหรงซูของโปรดคุณไว้ให้แล้วค่ะ”ฝูหรงซู.....ลู่เจ๋อไม่เคยชอบกินขนมหวานเลยสักนิด ขนมฝูหรงซูที่เขาเคยชมออกไปครั้งเดียวว่าอร่อยนั้น จริง ๆ แล้วเพราะเฉียวซุนเป็นคนทำต่างหาก แต่เลขาฉินกลับไม่รู้เรื่องนี้ เธอไปคิดเองว่า อาจารย์ร้านไดคิรินเป็นคนทำขนมตัวนี้ เพราะงั้นเธอเลยซื้อมาให้เขาตั้งหลายรอบ สุดท้ายเขาก็ให้คนขับรถจัดการกับขนมพวกนั้นแล้วตอนนี้เลขาฉินกลับพูดถึงขนมนั่นอีกลู่เจ๋อนึกขึ้นได้ว่า เฉียวซุนดูเหมือนไม่ได้ทำขนมให้เขากินมานานแล้
ลู่เจ๋อรู้ดี เฉียวซุนไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากอาหาร แต่เป็นเพราะเขาต่างหาก!เป็นเพราะว่าเขาไม่ยอมหย่า เธอจึงรู้สึกหดหู่ ไม่อยากพูดคุยกับใครเขาไม่ได้หันกลับมามอง พูดอย่างเย็นชาออกไปว่า “ผมรู้แล้ว” พยาบาลไม่กล้าพูดอะไรมาก ได้แต่เดินจากไปอย่างรวดเร็วจริง ๆ แล้ว ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ในโรงพยาบาลต่างก็พากันแพร่ข่าวซุบซิบนินทากันอยู่ตลอด บางคนก็บอกว่า ประธานลู่มีเมียน้อยอยู่ข้างนอก คุณนายลู่รับไม่ได้ ก็เลยพยายามฆ่าตัวตาย บางคนก็บอกว่าประธานลู่รักคุณนายลู่มากจนเกินไป จนคุณนายลู่รู้สึกอึดอัดใจจึงได้เป็นโรคซึมเศร้า......แม้ว่าจะเป็นการซุบซิบนินทา แต่เรื่องที่เฉียวซุนกรีดข้อมือนั้น คงไม่มีใครกล้าพูดออกไปลู่เจ๋อสูบบุหรี่ที่ในมือเสร็จ ถึงกลับไปที่ห้องพักผู้ป่วยหลังจากพักผ่อนไปสามวันนอกจากรอยแผลเป็นบนข้อมือแล้ว เฉียวซุนก็สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระแล้วตอนที่ลู่เจ๋อเข้ามา เธอกำลังพิงหัวเตียงและอ่านหนังสืออยู่ ผมสีดําสยายไปตามไหล่บาง ๆ ชุดผู้ป่วยสีน้ำเงินหลวม ๆ ตัวเธอยังคงมีอารมณ์โกรธหลงเหลืออยู่เล็กน้อยลู่เจ๋อมองไปที่โต๊ะกลมเล็ก ๆ และเห็นว่าอาหารเช้าไม่ไ
ลู่เจ๋อได้ขับรถกลับไปที่วิลล่าคนรับใช้ประหลาดใจมากที่เห็นเขากลับมา พวกเขาไม่รู้เรื่องที่เฉียวซุนอยู่โรงพยาบาล คงคิดแค่ว่าเจ้านายเดินทางไปทำธุระที่ต่างจังหวัดแล้วคนรับใช้เปิดประตูรถ “คุณผู้ชายกลับมาทานข้าวเหรอคะ? พ่อครัวไม่รู้ว่าคุณผู้ชายจะกลับมา หากตอนนี้เริ่มทำ ก็คงต้องใช้เวลาสักประมาณหนึ่งชั่วโมงถึงจะเสร็จค่ะ”ลู่เจ๋อมีสีหน้าที่อ่อนเพลียเล็กน้อย “ทำอาหารง่าย ๆ ไม่กี่อย่างก็ได้พอ”คนรับใช้ก็รีบไปจัดการทันทีทันทีที่ลู่เจ๋อลงจากรถ ก็เดินตรงเข้าไปยังห้องโถงของวิลล่า คนรับใช้ที่บ้านเอาใจใส่ดีมาก เขาไม่ได้กลับบ้านมาหลายวันแล้ว แต่ห้องพักยังคงสะอาดสะอ้านเป็นระเบียบลู่เจ๋อยุ่งทั้งคืน และกำลังจะขึ้นไปชั้นบนเพื่ออาบน้ำ แต่เมื่อเขาเปิดประตูห้องนอนใหญ่ เขาก็เห็นรูปถ่ายงานแต่งงานขนาดใหญ่ที่แขวนอยู่ข้างเตียงในภาพถ่าย เฉียวซุนยิ้มได้ละมุนและดึงดูดใจมากตอนนั้นพวกเขาแต่งงานกันอย่างเร่งรีบ อีกอย่างเขาก็ไม่ชอบเธอ จึงไม่ยอมถ่ายรูปคู่กับเธอ ภาพถ่ายนี้เฉียวซุนได้จ้างคนทำขึ้นมาในราคาสี่ล้านบาทลู่เจ๋อหัวเราะเยาะที่เธอหลอกตัวเอง แต่เฉียวซุนกลับบอกว่าเขาหล่อเวลาที่เธอชมว่าเขาหล่อ แววตาจะเป