เดิมทีนางคิดว่าหลังจากมาถึงซั่วเป่ยแล้ว นางจะนึกถึงสามีผู้ล่วงลับที่ถูกฝังอยู่ในซั่วเป่ยแต่ความจริงแล้วนางไม่ค่อยนึกถึงสามีที่ล่วงลับไปเลย เวลาส่วนใหญ่ก็ล้วนกังวลแต่หยุนเจิงจะนึกถึงสามีที่ตายไปก็ต่อเมื่อรู้สึกผิดเป็นครั้งคราวสุดท้ายตนก็รักไอ้สารเลวนั่นอย่างเกินเยียวยาอยู่ดีแม้ว่าจะถูกผู้คนมากมายวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักก็ตาม...ขณะที่เยี่ยจื่อกำลังคิดไม่เรื่อยเปื่อย เสิ่นลั่วเยี่ยนก็มาถึงแถวๆ น้ำพุร้อนเมื่อเห็นกำแพงดินที่ล้อมรอบบ่อน้ำพุร้อน เสิ่นลั่วเยี่ยนก็เกิดความคิดอันกล้าหาญขึ้นมาไอ้สารเลวนั่นอยากจะอาบน้ำกับตนไม่ใช่หรือ?สถานที่เช่นนี้ ดูเหมือนว่าการอาบน้ำระหว่างคนสองคนจะกลายเป็นสิ่งที่น่าจดจำในอนาคตได้เพราะอย่างไร ใช่ว่าหยุนเจิงจะไม่เคยเห็นร่างของตนเสียหน่อยปกติไอ้สารเลวนั่นก็เอาเปรียบตัวเองไม่น้อยอยู่แล้วตนกับสารเลวนั่นเหลือแค่ขั้นสุดท้ายแล้ว!เพียงแต่ว่าการวิ่งเข้าไปอาบน้ำร่วมกับเขาด้วยตนเองเช่นนี้ จะดูง่ายไปหน่อยหรือไม่?แค่คิดก็รู้สึกอายแล้ว!เสิ่นลั่วเยี่ยนลังเล ตัดสินใจไม่ได้เสียที"อืม..."ขณะที่เสิ่นลิ่วเยี่ยนลังเลอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีเสียงแปลกๆ ดังขึ้น
หลังจากที่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เมี่ยวอินก็ออกไปก่อนแม้ว่านางจะร้อนแรงและกล้าหาญ แต่นางก็เขินเกินกว่าที่จะปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนพร้อมกับหยุนเจิงมิเช่นนั้น แม้ว่าเสิ่นลั่วเยี่ยนจะเขินอายที่จะพูด แต่คนอื่นๆ ก็จะคิดไปมั่วซั่วอยู่ดีหยุนเจิงแช่อยู่ในบ่อน้ำพุร้อน แล้วนึกถึงรสชาติอันแสนวิเศษเมื่อครู่นี้ด้วยสีหน้าพึงพอใจนี่สิถึงจะเรียกว่าชีวิต!หากไม่มีเรื่องเป่ยหวนเน่าๆ นี่ แล้วถูกเจ้าสามไอ้อ่อนนั่นหมายตาล่ะก็ ใครจะไปอยากยุ่งกับเรื่องแย่ๆ พวกนี้กัน!พาผู้หญิงของตนไปเที่ยวภูเขาเล่นน้ำไม่ดีหรอกหรือ?ต้องรีบจัดการเรื่องเน่าๆ พวกนี้ซะ!ข้ามภพมา หากไม่ได้เพลิดเพลินกับความรุ่งเรืองของโลก คงจะเสียดายน่าดูพอหยุนเจิงแต่งตัวพบกับเสิ่นลั่วเยี่ยนพวกเขาแล้ว เขายังไม่เดินเข้าไปหา เสิ่นลั่วเยี่ยนก็จ้องเขาด้วยสายตาดุเดือด ปากเล็กๆ ยังพึมพำไม่หยุดแม้ว่านางจะไม่ส่งเสียงใดๆ แต่หยุนเจิงก็สามารถรู้ได้ว่านางพูดอะไรจากการอ่านปากของนางไร้ยางอาย!เอาเถอะ!เขายอมรับว่าสิ่งที่เขาทำในวันนี้ค่อนข้างไร้ยางอายจริงๆแต่มันซะใจจริงๆ นะ!ต่อไปหากมีโอกาสจะต้องพาเสิ่นลั่วเยี่ยนแม่นางคนนี้ไร้ยางอายด้วยกันสักครั้
เมื่อนึกถึงสิ่งที่ตนเพิ่งคิด ใบหน้าสละสลวยของเยี่ยจื่อก็เปลี่ยนเป็นสีแดงทันทีเห็นเยี่ยจื่อหน้าแดงก่ำ หยุนเจิงก็รีบยกมือขึ้นทาบหน้าผาก “เป็นอะไรไป ไม่สบายตรงไหนหรือ?”หน้าผากเยี่ยจื่อร้อนมากหยุนเจิงอดไม่ได้ที่จะพึมพำในใจ ว่านางคงไม่ได้เป็นหวัดหรอกใช่ไหม?เมื่อสัมผัสถึงอุณหภูมิบนฝ่ามือของหยุนเจิง ใบหน้าของเยี่ยจื่อก็ยิ่งร้อนขึ้นอีกเมื่อเผชิญกับท่าทางที่ใกล้ชิดเช่นนี้ของหยุนเจิง นางก็ตบมือของหยุนเจิงออกโดยไม่รู้ตัวแต่ทว่าทันทีที่นางยกมือขึ้น ก็หยุดลงกะทันหัน“เจ้ารู้สึกไม่สบายตรงไหนกันแน่?”เมื่อเห็นพฤติกรรมแปลกๆ ของเยี่ยจื่อ หยุนเจิงก็รู้สึกกังวลมากขึ้นจึงรีบวางจอบในมือทันที “ช่างเถอะ ไม่ปลูกมันแล้ว ข้าจะพาเจ้าไปหาเมี่ยวอินให้ตรวจดู"พูดจบหยุนเจิงก็ดึงเยี่ยจื่อออกไปทันทีแต่เยี่ยจื่อกลับไม่ขยับเลย แถมใบหน้ายังเผยสีหน้าลำบากใจออกมาด้วยขณะที่หยุนเจิงกังวลสุดขีดนั้น ในที่สุดเยี่ยจื่อก็ตัดสินใจ จู่ๆ ก็ยกแก้มไปข้างหน้าแล้วประทับริมฝีปากสีแดงอุ่นไว้บนริมฝีปากของหยุนเจิงจูบกะทันหันนี้ทำให้หยุนเจิงถึงกับตะลึงในทันทีหยุนเจิงเบิกตากว้างอย่างโง่เขลาแทบไม่เชื่อในสิ่งที่เห็นนี่เ
หยุนเจิงเองก็ไม่คาดคิดเช่นกันว่าเพียงแค่มาแช่น้ำพุร้อน ไม่เพียงแต่ได้สัมผัสถึงความตื่นเต้นแสนพิเศษเท่านั้น แต่ยังทำให้เยี่ยจื่อเปิดใจอีกด้วยนี่เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงสำหรับหยุนเจิงด้วยความอารมณ์ดี หยุนเจิงเดินราวกับมีลมติดตัวด้วยเสิ่นลั่วเยี่ยนเองก็ไม่รู้ว่าตนเป็นอะไรไป เห็นใครก็รู้สึกแปลกไปหมดหยุนเจิงกับเมี่ยวอินก็แปลก พี่สะใภ้ก็แปลกๆ เช่นกันแม้แต่จางซูกับหมิงเย่ว์ก็แปลกนางไม่รู้ว่าเป็นเพราะนางมีปัญหาหรือว่าพวกเขาทั้งหมดมีปัญหาในเวลากลางคืนพวกเขาพักอยู่ในค่ายเมื่อได้กินผักดองเหล่านี้แล้ว หยุนเจิงก็อดไม่ได้ที่จะตั้งตารอเรือนกระจกบ่อน้ำพุร้อนของเขาเอง“คิดอะไรไม่ดีอีกล่ะ?”เมื่อเห็นหยุนเจิงนั่งเหม่อลอยขณะทานอาหาร เสิ่นลั่วเยี่ยนก็อดดุไม่ได้หยุนเจิงคีบหัวไชเท้าดองเส้นแล้วพูดอย่างขมขื่น "ข้ากำลังคิดถึงผักสดอยู่น่ะ!"“ไร้สาระจริงๆ! หากท่านสามารถปลูกผักสดได้ก็แปลกแล้ว!”เสิ่นลั่วเยี่ยนมองบนใส่เขา แล้วเอ่ยประชด "ท่านเอาเวลาทำเรื่องพรรค์นั้นไปคิดแผนการต่อไปดีกว่า! หากเป่ยหวนคิดจะเอาจริง เราจะซ่อนตัวดูเรื่องสนุกอยู่ในซั่วฟางไปตลอดไม่ได้”นี่ไม่ใช่ปัญหาว่าพวกเขาอยากดูเรื่อ
กลัวแค่ว่าจะไม่ยื้อเวลาจนเป่ยหวนตาย แต่ทำให้กองทหารมณฑลฝ่ายเหนือตายแทนฝูงชนเจรจาเรื่องนี้กันอยู่นาน แต่ก็ไม่สามารถหาข้อสรุปได้สุดท้ายทุกคนก็ล้มเลิกการสนทนา“จริงสิ ท่านอยากกินคนเก้าพันคนที่เฝ้าหุบผาชันช่องลมไม่ใช่หรือ? เหตุใดถึงไม่มีการเคลื่อนไหวเลยล่ะ?”ทันใดนั้น เมี่ยวอินถามขึ้นกะทันหัน"อย่าพูดถึงเลย"พูดถึงเรื่องนี้แล้วหยุนเจิงก็รู้สึกหดหู่ใจอย่างมากเขาวางแผนกับคนเก้าพันคนนั่นมาตลอดแต่น่าเสียดายที่อีกฝ่ายไม่ให้โอกาสพวกเขาเลยคนเก้าพันคนเหล่านั้นนำโดยไอ้อ่อนชื่อหยวนเลี่ยได้ยินหลูซิ่งบอกว่า หยวนเลี่ยค่อนข้างโด่งดังในหมู่กองทหารมณฑลฝ่ายเหนือตามชื่อของเขา หยวนเลี่ยนั้นดุร้ายดุจไฟและต่อสู้เหมือนคนบ้า ดังนั้นเขาจึงมีชื่อเล่นว่าหมาบ้าหยวนยิ่งไปกว่านั้น หยวนเลี่ยยังมีความสัมพันธ์เป็นญาติกับเว่ยเหวินจงหลูซิ่งไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องกันอย่างไร ตัวหยวนเลี่ยเองก็ไม่ค่อยพูดถึงหลูซิ่งเคยส่งเนื้อไปหุบผาชันช่องลมมาแล้วสองครั้ง ปริมาณค่อนข้างมากด้วยหยวนเลี่ยไอ้สารเลวนั่นก็ค่อนข้างใจเด็ด รับทุกสิ่งที่พวกเขาให้แต่ไอ้สารเลวคนนี้รับแต่ของ ไม่ยอมให้ผ่านประตูค่ายด้วยซ้ำ ทำให้พวกเขาท
วันรุ่งขึ้น ทุกคนถึงจะเดินทางกลับซั่วฟางหยุนเจิงเพิ่งกลับถึงซั่วฟาง ก็ได้รับข่าวจากตู้กุยหยวนทันทีว่า คนทั้งสี่กลุ่มที่หยุนเจิงส่งไปมีกลุ่มหนึ่งกลับมาแล้ว!คนไม่ได้เป็นอะไรมาก เพียงแต่ทั้งเหนื่อยทั้งง่วง จะต้องพักผ่อนสักหน่อยสำหรับหยุนเจิงแล้ว คนทั้งแปดคนนี้ล้วนแต่เป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ ดังนั้นจะพักอย่างไรก็ไม่มีปัญหา!สมควรแล้ว!บัดนี้เหลือเพียงกลุ่มสุดท้ายแล้ว!หากกลุ่มนั้นกลับมาอย่างปลอดภัยเช่นกันล่ะก็ ศึกหุบเขามรณะครั้งนี้ก็สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริงแล้วแต่ทว่าตอนนี้หยุนเจิงเองก็ไม่สามารถไปตามหาคนกลุ่มนั้นเช่นกันเป็นไปได้ว่าเป่ยหวนอาจจะเดิมพันด้วยชีวิตจริงๆ ดังนั้นเขาจำเป็นต้องเตรียมตัวไว้ถึงแม้จะไม่สามารถจำลองชัยชนะครั้งใหญ่ของหุบเขามรณะได้อีกต่อไป แต่ก็ต้องพยายามลดจำนวนคนบาดเจ็บและเสียชีวิตให้ได้มากที่สุดเช่นกันพวกเขามีกำลังคนทั้งหมดเพียงเท่านี้ ไม่สามารถสูญเสียต่อไปได้อีกสองสามวันต่อจากนี้ หยุนเจิงก็เริ่มยุ่งขึ้นมาระหว่างนั้น คนกลุ่มสุดท้ายก็กลับมาถึงแล้วซึ่งเท่ากับว่า หยุนเจิงกำจัดคนเป่ยหวนหลายหมื่นคนด้วยอัตราการสูญเสียเท่ากับศูนย์น่าเสียดายที่รายละเอียดการ
ทหารส่งสาร์นรีบหยิบป้ายอาญาสิทธิ์ออกมาพลางเอ่ยจริงจังว่า “กองทหารใหญ่หนึ่งแสนห้าหมื่นนายของเป่ยหวนได้ข้ามโขดแม่น้ำไป๋สุ่ยขณะที่ฟ้ายังสว่างเมื่อวาน และได้โจมตีกองทหารใหญ่ที่ประจำการอยู่ที่โขดแม่น้ำ บัดนี้เหล่าทหารได้ล้อมรอบป้อมเมืองสุยหนิงแล้ว! แม่ทัพใหญ่จึงมีคำสั่งให้ทุกฝ่ายของซั่วฟางเตรียมพร้อมรบเสมอ! ส่วนแม่ทัพหลักของแต่ละฝ่ายให้รีบกลับไปยังฐานค่าย! ผู้ใดที่ช้าให้ประหารทันที!”ได้ยินคำพูดของทหารส่งสาร์นแล้ว ฝูงชนพลันหน้าเปลี่ยนไปในบัดดลเป่ยหวนเริ่มโจมตีแล้วจริงๆ!โจมตีป้อมเมืองฝ่ายหน้าของเป่ยหยวนโดยตรง!กองทหารใหญ่หนึ่งแสนห้าหมื่นนายล้อมรอบป้อมเมืองสุยหนิง!กองทหารใหญ่หนึ่งแสนห้าหมื่นนายเชียวนะ!เป่ยหวนไปเอากำลังพลมากมายเพียงนี้มาจากไหนกัน?“หยุนเจิงรับคำสั่ง!”หยุนเจิงรีบรับป้ายอาญาสิทธิ์มาพร้อมถามทหารส่งสาร์นว่า “กองทหารใหญ่หนึ่งแสนห้าหมื่นนายของเป่ยหวนมีการจัดวางแนวรบอย่างไร? แล้วทหารป้อมเมืองฝ่ายหน้าของข้าเป็นอย่างไรบ้าง?”ทหารส่งสาร์นตอบ “กองทหารใหญ่สามหมื่นนายที่ประจำการอยู่ที่เป่ยหยวนของเราเสียชีวิตไปมากกว่าครึ่ง เป่ยหวนเองก็เจ็บหนักไม่แพ้กัน…”การสูญเสียของเป่ยหวน
“เว่ยเหวินจงไอ้ระยำนี่ทำสงครามอะไรของมัน?”“ตำแหน่งสำคัญอย่างโขดเป่ยหยวนนั่น เขากลับส่งไปแค่สามหมื่นนาย?”“ข้าสงสัยจริงๆ ว่าไอ้ระยำนั่นเป็นไส้ศึกของเป่ยหวน!”ระหว่างทางสู่ค่ายเหนือ เสิ่นลั่วเยี่ยนพลางก่นด่าเว่ยเหวินจงไม่หยุดเท่าที่นางดูแล้ว ในสถานการณ์ที่รู้ว่าเป่ยหวนคิดจะเดิมพันด้วยชีวิตนั้น เว่ยเหวินจงควรจะส่งกำลังพลไปที่โขดเป่ยหยวนจำนวนเจ็ดแปดหมื่นนาย เช่นนั้นถึงคนของเป่ยหวนจะไม่กลัวตายอย่างไร ก็ไม่สามารถโจมตีผ่านเข้ามาได้บัดนี้ป้อมเมืองสุยหนิงถูกล้อม ซั่วฟางสุ่มเสี่ยงล้วนแต่เป็นฝีมือของเว่ยเหวินจงทั้งนั้นหยุนเจิงส่ายศีรษะกล่าว “เรื่องนี้ โทษเว่ยเหวินจงไม่ได้จริงๆ”“เหตุใดถึงไม่ได้?”เสิ่นลั่วเยี่ยนกล่าวด้วยน้ำเสียงโมโห “ท่านยังจะช่วยไอ้ระยำนั่นแก้ต่างอีก?”“ไม่ได้แก้ต่างให้เขา แต่เราต้องพูดตามความจริง”หยุนเจิงอธิบาย “โขดเป่ยหยวนมีพื้นที่แค่นั้น ส่งกำลังพลไปสามหมื่นนายก็ถือว่ามากแล้ว! หากมากกว่านี้คงไม่สามารถขยายวงกว้างได้แล้ว! อีกอย่าง ป้อมเมืองสุยหนิงและจิ้งอันก็ยังมีกองทหารใหญ่รักษาการณ์อยู่ ซึ่งสามารถเข้าไปสนับสนุนได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว! เว่ยเหวินจงวางแนวรบเช่นนี้ ไม่