“ลูกมิได้คิดจะจัดตั้งกองทัพทหารม้า…”หยุนเจิงจงใจแสร้งทำเป็นน้อยเนื้อต่ำใจ “ลูกแค่อยากนำไปขาย เพื่อหาเงินสำหรับงานแต่งงาน...”“บังอาจ!”จักรพรรดิเหวินเบิกตากว้างเท่ากับระฆังทองแดง วางอำนาจด้วยรัศมีแห่งราชา “ราชสำนักเราขาดแคลนม้าศึก เจ้าในฐานะองค์ชาย กลับกล้าลักลอบขนม้าศึกอีกรึ”หยุนเจิงหายใจไม่ทั่วท้อง เป็นใบ้ชั่วขณะ บัดซบ!ตาเฒ่านี่กำลังทำการปล้นอย่างถูกต้อง!ยิ่งกว่านั้น สาเหตุของการปล้นทำให้เขาไม่สามารถห้าข้อโต้แย้งได้โดยสิ้นเชิง“เอาล่ะ! เห็นแก่เจ้าที่ไร้ประโยชน์!”จักรพรรดิเหวินจ้องมองหยุนเจิงอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้ารู้ว่าเจ้าได้ม้าเหล่านี้มาเพราะชนะ เอาเช่นนี้ ข้าจะให้เจ้าเลือกม้าดีๆ ก่อนสักยี่สิบตัว แล้วจึงส่งที่เหลือไปยังกองทหารเสินอู่!”ฮะ!ตบหัวแล้วลูบหลังม้ายี่สิบตัว?ช่างใจกว้างเสียจริง!ร้ายกาจยิ่งกว่าผู้บัญชาการทหารอีก!เดาว่าตาเฒ่านี่ยังคิดที่จะให้ตัวเองขอบคุณพระเมตตาด้วยซ้ำ!แม้ว่าในใจของหยุนเจิงจะไม่พอใจอย่างยิ่ง แต่เมื่อจักรพรรดิเหวินได้พูดถึงขนาดนี้แล้ว เขาจึงทำได้เพียงให้เกาเหอพวกเขาคัดเลือกม้าโดยเร็วให้ตายเถอะ ยุ่งยากมาทั้งวัน สุดท้ายก็เหมือนทำชุดแ
จักรพรรดิเหวินต้องการเสด็จไปจวนของหยุนเจิง หยุนเจิงก็ไม่สามารถหยุดเขาได้หลังจากสั่งให้หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนเมืองส่งม้าไปยังกองทหารเสินอู่ จักรพรรดิเหวินผู้ซึ่งอารมณ์ดีจึงให้คนจัดขบวนเสด็จไปยังจวนขององค์ชายหกในขณะที่กำลังเบิกบานพระทัย จักรพรรดิเหวินก็เริ่มรู้สึกกังวลอีกครั้งควรให้รางวัลเจ้าหกเป็นสิ่งใดดี?เอาม้าศึกชั้นดีหลายร้อยตัวมาจากเจ้าหกแล้ว ถ้าไม่ประทานรางวัลให้บ้าง ก็ดูจะไม่เหมาะสมแต่ของรางวัลสำหรับความดีความชอบของเจ้าหกก่อนหน้านี้ก็ยังไม่ได้ประทานให้ ตอนนี้เขาก็สร้างผลงานอีกแล้ว!คราวนี้เขาไม่รู้ว่าจะให้รางวัลเขาอย่างไรขณะที่จักรพรรดิเหวินกำลังกลุ้มพระทัยอยู่นั้น มู่ซุ่นก็ตามขึ้นมา และรายงานจักรพรรดิเหวินผ่านม่านรถม้าว่า “ฝ่าบาท เมื่อครู่มีคนจากจุดพักม้ามารายงานว่า องค์ชายหกทำให้ปานปู้โกรธจนกระอักเลือด เขาถามว่าควรส่งหมอหลวงไปตรวจอาการดีหรือไม่...”“อะไรนะ”ทันใดนั้นจักรพรรดิเหวินก็เปิดม่านแล้วตรัสว่า “เจ้าหกยังทำให้โจรเฒ่าปานปู้โกรธจนกระอักเลือดงั้นรึ”“พ่ะย่ะค่ะ!”มู่ซุ่นพยักหน้า“รีบบอกข้าเร็ว ว่าเรื่องเป็นมาอย่างไร ให้ข้าพลอยสนุกไปด้วยคน”จักรพรรดิเหวินเบิก
หยุนเจิงขานรับ แต่อดไม่ได้ที่จะบ่นในใจตาเฒ่าคนนี้ชอบทำตัวเด่นจริงๆ!เมื่อเข้าไปในจวน จักรพรรดิเหวินเหลือบมองพ่อบ้านโดยตั้งใจแต่คล้ายไม่ตั้งใจ เกือบจะเตะพ่อบ้านออกไปหลายครั้งเห็นได้ชัดว่าเจ้าหกชนะการเดิมพัน เขากลับบอกว่าเจ้าหกกำลังตกอยู่ในอันตราย!ตัวเองกำลังอยู่ในอารมณ์อันสนุกสนาน แต่ถูกขัดจังหวะเสียได้!กระจายข่าวมั่วๆ โดยไม่เข้าใจสถานการณ์ด้วยซ้ำ!ช่างเถอะ!เช่นนั้นก็ใช้เหตุผลนี้ย้ายเขาออกไปจากเจ้าหกก็แล้วกัน!จักรพรรดิเหวินตัดสินใจ แล้วเสด็จเข้าไปในจวนภายใต้การคารวะจากทุกคน“บอกข้ามาเร็ว ว่าเรื่องการเดิมพันของพวกเจ้าเป็นมาอย่างไร!”ทันทีที่จักรพรรดิเหวินนั่งลง เขาก็แทบรอไม่ไหวที่จะถามบอกน้องสาวท่านน่ะสิ!ข้ายังไม่ได้กินข้าวเลยด้วยซ้ำ!หยุนเจิงบ่นในใจแล้วพูดว่า “ยากนักที่เสด็จพ่อจะมาที่จวนของลูก ให้ลูกสั่งคนเตรียมสุราอาหารมาดีหรือไม่ เสด็จพ่อกับลูกจะได้กินข้าวไปด้วยคุยไปด้วย”จักรพรรดิเหวินไม่หิว แต่พอนึกถึงปานปู้ที่โกรธหยุนเจิงจนกระอักเลือด เข้าก็นึกครึ้มอกครึ้มใจ พยักหน้าว่า “ก็ดี!”เมื่อเห็นว่าจักรพรรดิเหวินตกลง คนรับใช้ในจวนก็เริ่มเตรียมสุราและอาหารทันทีระหว่า
ระงับความโทมนัส!คำพูดที่พูดขึ้นอย่างกะทันหันของหยุนลี่นี้ ทำให้จักรพรรดิเหวินกับมู่ซุ่นตะลึงงันพวกตู้กุยหยวนสามคนที่คุกเข่าอยู่ก็อึ้งรรับประทาน ทั้งสามกำลังอยากจะเงยหน้าขึ้นมองว่าใครที่บังอาจมาตะโกนโหวกเหวกโวยวายอยู่ต่อหน้าพระพักตร์จักรพรรดิเหวิน แต่พวกเขาก็ไม่กล้าพอจะเงยหน้าขึ้นจักรพรรดิเหวินมองไปที่หยุนลี่ที่วิ่งมาอย่างโซซัดโซเซ พระพักตร์กระตุกขึ้นอย่างอดไม่ได้มู่ซุ่นรู้ดีว่าแย่แล้ว จึงรีบส่งสัญญาณผ่านสีหน้าให้กับหยุนลี่อย่างเต็มกำลังแต่ตอนนี้ความสนใจของหยุนลี่อยู่บนตัวจักรพรรดิเหวินเท่านั้น เขาจะเห็นสีหน้าท่าทางของมู่ซุ่นได้อย่างไรกันเล่า!หยุนลี่ยังไม่เข้าใจเรื่องราวพอเห็นจักรพรรดิเหวินจ้องมองมายังตนอย่างตะลึงงัน เขายังคิดว่าเป็นเพราะจักรพรรดิเหวินกำลังโศกพระทัย!ในที่สุด หยุนลี่ก็วิ่งไปถึงข้างกายจักรพรรดิเหวิน จากนั้นก็บีบเค้นน้ำตาออกมาได้สองสามหยด พูดขึ้นอย่างโศกเศร้าว่า “เสด็จพ่อ น้องหกโชครายตกตายก่อนวัยอันควร พวกเราต่างก็ล้วนเศร้าโศกนัก แต่เสด็จพ่อเป็นประมุขของรัฐ ต้องรักษาพระวรกายให้ดีนะพ่ะย่ะค่ะ…”พวกตู้กุยหยวนทั้งสามคนพอได้ฟังคำพูดของหยุนลี่ก็ตกใจจนนิ่งอึ้งน
จักรพรรดิเหวินหย่นก้นลงปุ๊บ ไม่รอให้ใครมารินสุราให้ ทรงยื่นพระหัตถ์ไปคว้ากาสุรามาแล้วยกขึ้นจ่อพระโอษฐ์เสวยดัง “อึกๆ” ไปหลายอึก“ฝ่าบาท โปรดระวังพระวรกายด้วยพ่ะย่ะค่ะ”มู่ซุ่นตักเตือนอย่างระมัดระวัง“ระวังกับผีสิ!”จักรพรรดิเหวินโกรธจนไฟโทสะสุมอก กระแทกกาสุราลงพื้นจนแตกละเอียด ตะโกนขึ้นเสียงหอบ “ข้าต้องถูกลูกทรพีนี่ยั่วโมโหจนตายเข้าสักวัน”จักรพรรดิเหวินโมโหขึ้นมา ผู้คนก็รู้สึกเย็นวาบกันไปทั่ว ไม่มีใครกล้าพูดอะไรอีกมู่ซุ่นรีบโบกมือไปทางบ่าวรับใช้ของหยุนเจิง เป็นเชิงให้พวกเขาทำความสะอาดพื้นให้สะอาด“ฝ่าบาทเย็นพระทัยลงก่อนพ่ะย่ะค่ะ”มู่ซุ่นยิ้มกล่าวอย่างระมัดระวัง “องค์ชายสามอาจได้ยินข่าวคร่าวแล้วเข้าใจผิดคิดว่าองค์ชายหกแพ้การเดิมพันแล้ว กลัวว่าฝ่าบาทจะโทมนัสเกินเหตุจึงได้รุดหน้ามาปลอบพระทัย…”หืม?พอได้ยินมู่ซุ่นช่วยหยุนลี่พูด ในใจหยุนเจิงกระตุกวาบเจ้าคนนี้คงไม่ใช่คนของเจ้าสามหรอกนะ?จักรพรรดิเหวินพอได้ฟัง พระพักตร์ก็คล้ำลงทันที ถามขึ้นว่า “ใครเป็นคนแพร่งพรายออกไปว่าเจ้าหกแพ้แล้ว ไม่กลัวตายหรือ?”ผู้ดูแลจวนพอได้ยินคำพูดของจักรพรรดิเหวิน ในใจสั่นวาบ รีบคุกเข่าลงอย่างแรงว่า
หลังจากที่หยุนเจิงเงียบไปครู่หนึ่ง สุดท้ายเขาก็ทิ้งคำถามนี้กลับไปให้จักรพรรดิเหวิน“ลูกเพียงแค่อยากจะกำจัดความอวดเบ่งของปานปู้เท่านั้น ไม่ได้คิดอยากได้ของรางวัล...”หยุนเจิงทำท่าทางนอบน้อมจักรพรรดิเหวินมองไปที่เขาปราดหนึ่ง จากนั้นก็ครุ่นคิดเงียบๆ ขึ้นมาผ่านไปครู่ใหญ่ จักรพรรดิเหวินราวกับได้ตัดสินพระทัยแล้ว ตรัสขึ้นเสียงขรึม “เอาเช่นนี้ก็แล้วกัน ข้าจะอนุญาตให้เจ้าเลี้ยงกองกำลังทหารในจวนได้!”หา?สิ้นเสียงจักรพรรดิเหวิน ผู้คนต่างตะลึงงันขึ้นทันทีหยุนเจิงก็จ้องไปที่จักรพรรดิเหวินอย่างตะลึง ทั้งประหลาดใจทั้งดีใจมีทหารประจำจวนเป็นของตนเอง!นี่เป็นอำนาจที่องค์รัชทายาทและท่านอ๋องเท่านั้นถึงจะมีได้!ตาแก่นี่กลับอนุญาตให้ตนมีทหารประจำจวนได้?ฉิบหายแล้ว!ตาแก่นี่คงไม่ได้มองอะไรออกแล้วอยากจะทดสอบตนหรอกนะ?สมองของหยุนเจิงประมวลผลอย่างว่องไว กำลังครุ่นคิดเงียบๆ ว่าจะตอบรับหรือไม่แน่นอนว่าเขาอยากมีอำนาจในการสั่งสมทหารจวนเป็นของตนเอง!แต่ก็ต้องระวังว่านี่จะเป็นกับดักที่บิดาจำเป็นของเขาวางไว้ให้เขา!หากเดินพลาดไปเพียงก้าวเดียว เป็นเรื่องคอขาดบาดตายเลยทีเดียว!“โง่ไปเลยหรือ?”จัก
เสียงของเยี่ยจื่อดังขึ้นหยุนเจิงลุกขึ้น รีบเปิดประตูห้อง“องค์ชายราวกับดูไม่ค่อยเบิกบานใจนัก?”เยี่ยจื่อเข้าประตูห้องมาก็ถามขึ้นอย่างใคร่รู้หยุนเจิงกลอกตาขาวใส่นาง “เจ้าคิดว่าข้าควรดีใจหรือไง?”“แน่นอนว่าควรดีใจ”เยี่ยจื่อพยักหน้ากล่าวว่า “นี่เป็นความโปรดปรานที่ฝ่าบาทมีต่อเจ้าโดยเฉพาะเลยนะ!”ความโปรดปราน?หยุนเจิงส่ายหัวยิ้มอย่างขมขื่นโปรดปรานก็นับว่าโปรดปรานอยู่ แต่โปรดปรานมากเกินไปแล้วนี่สิก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะตาแก่นี่จู่ๆ ก็เกิดอยากแสดงความรักของบิดาขึ้นมาหรือไง เหตุใดจึงมอบความโปรดปรานเช่นนี้ให้กับตนได้?“ข้าไม่ได้ความโปรดปรานนี้ยังจะดีเสียกว่า!”หยุนเจิงปวดหัวจนต้องนวดศีรษะเยี่ยจื่อมองสีหน้าอมทุกข์ของหยุนเจิง จู่ๆ นางก็อยากจะถอดรองเท้าขึ้นมาลูบหน้าหยุนเจิงสักทีดูเข้า!ตานี่พูดจาบ้าบออะไรเนี่ย?หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่นที่มีอำนาจสั่งสมทหารจวน คงจะดีใจจนแทบบ้าแล้ว!แต่เขากลับมานั่งอมทุกข์อยู่ตรงนี้ได้!นี่เขากลัวเลี้ยงทหารจวนห้าร้อยนายนั่นไม่ไหวหรือไง?หยุนเจิงส่ายหัว มองไปทางเยี่ยจื่ออย่างมีความนึกคิดสุดเหนือคณานับ “หากเป็นเจ้า เจ้าจะอยากได้ทหารจวนห้าร้
เช้าวันต่อมาว่าราชการเช้า จักรพรรดิเหวินได้ประกาศกลางท้องพระโรงว่าพระองค์ตัดสินพระทัยจะมอบอำนาจให้หยุนเจิงเป็นคนรับสมัครทหารจวนส่วนตัวด้วยตัวเองไม่แปลกที่การตัดสินพระทัยของจักรพรรดิเหวินถูกขุนนางจำนวนมากคัดค้านการเกณฑ์ทหารจวนส่วนตัวนั้น มีเพียงแค่ตำแหน่งองค์รัชทายาทและท่านอ๋องเท่านั้นที่มีสิทธิ์กระทำได้!แต่หยุนเจิงไม่ได้มีตำแหน่งดังกล่าว มีสิทธิ์อันใดมาเกณฑ์ทหารจวนส่วนตัวด้วยแต่ไม่ว่าเหล่าขุนนางจะคัดค้านเพียงใดก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงการตัดสินพระทัยของจักรพรรดิเหวินได้ หลังจากเลิกการประชุม ซูเฟยก็รีบรุดไปหาสวีสือฝู่ทันทีการกระทำของจักรพรรดิเหวินทำให้นางรู้สึกถึงภัยคุกคามอันใหญ่หลวงแม้ก่อนหน้านี้จักรพรรดิเหวินจะเคยตรัสต่อหน้าขุนนางกลางท้องพระโรงว่าไม่มีทางมอบตำแหน่งองค์รัชทายาทให้หยุนเจิงเป็นอันขาด แต่ใครจะรู้ได้เล่า เกิดวันใดจักรพรรดิเหวินสมองกลับบ้าขึ้นมาอาจจะทำเช่นนั้นขึ้นก็ได้แม้แต่อำนาจในการเกณฑ์ทหารจวนส่วนตัวจักรพรรดิเหวินก็มอบให้กับหยุนเจิงไปแล้ว การแต่งตั้งให้หยุนเจิงเป็นองค์รัชทายาทก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เมื่อเห็นซูเฟยกลัดกลุ้มใจเช่นนี้ สวีสือฝู่กลับห