ดวงตาของหลี่เซวียนแดงก่ำ เขาจ้องหลี่หลงหลินอย่างดุเดือด เกลียดชังจนถึงแก่นกระดูกเขาคิดคำนวณทุกอย่างไว้อย่างถี่ถ้วนแล้วเว้นเพียงเจ้าเก้าที่ไร้ประโยชน์คนนี้เท่านั้น!“ยุทธ์จับโจรเอาหัวโจก!”“แม่ทัพซุน!” “เจ้าไปฆ่าซูเฟิ่งหลิง เพื่อเป็นขวัญกําลังใจให้กับกองทัพของเรา!” หลี่เซวียนสูดลมหายใจลึก ควบคุมจิตใจให้สงบนิ่ง และออกคําสั่งกับซุนกวางเสี้ยวซุนกวางเสี้ยวเป็นแม่ทัพที่ดุร้ายคนแรกภายใต้การบังคับบัญชาของเขา!ทหารที่เหลืออยู่พันนายของตระกูลซู เดิมคือจะหนีกลับจากดินแดนทางเหนือ ขวัญกําลังใจทหารของพวกเขาต่ำมาก เมื่อซูเฟิ่งหลิงแม่ทัพรบจนตัวตาย งั้นขวัญกำลังใจทหารของทหารที่เหลืออยู่ของตระกูลซูคงพังทลายลงอย่างแน่นอน พ่ายแพ้โดยที่ยังไม่ได้ต่อสู้! ดวงตาของซุนกวางเสี้ยวฉายแววตาดูถูกเหยียดหยาม เขาเอ่ยเยาะเย้ย: “ก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่ง ไม่ว่านางจะชื่อเสียงโด่งดังสักเพียงใด จะมีความสามารถสักแค่ไหนเชียว? ขวานใหญ่ของรองแม่ทัพ หิวโหยมานานแล้ว! ไม่จําเป็นต้องร่วมมือกัน ก็ตัดหัวนางลงจากหลังม้าได้อย่างแน่นอน! ” เมื่อหลี่เซวียนเห็นว่าซุนกวางเสี้ยวมั่นอกมั่นใจมากเช่นนี้ เขาเพียงพยักหน้าและพูดว่า “ไ
พระราชโองการของฝ่าบาท เป็นขวัญกําลังใจให้แก่ทหารที่เหลืออยู่ของตระกูลซู พวกเขารีบรุดวิ่งเข้ามาอย่างไม่กลัวความตาย พวกหน่วยทหารกล้าตายแปดร้อยนายจะเคยพบเหตุการณ์เช่นนี้ได้ยังไง พวกเขาถูกจู่โจมจนเละตุ้มเปะไปหมด พ่ายแพ้ราบคาบ! ในเวลาเพียงครึ่งชั่วยาม กลุ่มกบฏส่วนใหญ่ถูกสังหารและได้รับบาดเจ็บ ส่วนที่เหลือคุกเข่ายอมจํานน ซูเฟิ่งหลิงจับหลี่เซวียนด้วยมือตัวเอง มัดเขาไว้อย่างแน่นหนา และพาเขาไปหาฝ่าบาท “ดี!” ฝ่าบาทดีใจมาก เขามองไปที่ซูเฟิ่งหลิง: “ข้าพูดคำไหนคำนั้น! เจ้าต้องการรางวัลอะไร? เครื่องประดับทอง ชุดเกราะและดาบ เรือนหลังงามที่ดินแปลงสวย เจ้าเอ่ยปากมาได้! ” ซูเฟิ่งหลิงมีแผนอยู่ในใจแล้ว นางคุกเข่าลงบนพื้นแล้วส่ายหัว: “ฝ่าบาท! หม่อมไม่ต้องการรางวัลเหล่านี้! ” ฝ่าบาทประหลาดใจ: “ห๊า? แล้วเจ้าต้องการสิ่งใด? ” ดวงตาของซูเฟิ่งหลิงแดงระเรื่อ: “แม่ทัพสิบแปดคนของตระกูลซู ได้ปกป้องชายแดนทางเหนือมาเป็นเวลาหลายปี มีความจงรักภักดี สร้างชัยชนะในการรบ! แต่พวกเขาตกเป็นเหยื่อของผู้ทรยศและเสียชีวิตในสนามรบ กองทัพตระกูลซูก็เหลือทหารเพียงพันนายเท่านั้น! ” “ทุกวันนี้ มีคนไม่น้อยใส่ร้
มีผู้ใดไม่รู้บ้างว่า การประชุมขุนนางในตอนนี้ แบ่งพรรคแบ่งพวก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแก่งแย่งชิงดีระหว่างขุนนางฝ่ายบุ๋นบู๊ ยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆขุนนางฝ่ายบู๊ส่วนใหญ่เป็นญาติสายตรงของตระกูลซู พวกเขาสนับสนุนซูเฟิ่งหลิงให้ลงสนามรบ เช่นนี้ไม่มีอะไรให้วิจารณ์ได้แต่ขุนนางฝ่ายบุ๋นสนับสนุนซูเฟิ่งหลิงเช่นเดียวกัน ก็สมควรที่จะไตร่ตรองดูแล้ว!นอกจากนี้ ยังมีอีกจุดหนึ่งก็คือบารมีของตระกูลซูในกองทัพทหาร!ถ้าหากซูเฟิ่งหลิงลงสนามรบ ถูกคนฆ่าตาย ตัดสายเลือดคนสุดท้ายของตระกูลซูเกรงว่าจะต้องเกิดการก่อกบฏขึ้นในกองทัพ!ถึงตอนนั้น ชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเร่งเดินทัพบุกเข้ามา ต้าเซี่ยก็จบเห่แน่!เห็นได้อย่างชัดเจนมากว่า ฮ่องเต้หวู่ก็เห็นจุดนี้แล้ว ถึงได้ลังเลเช่นนี้ในเมื่อฮ่องเต้หวู่ไม่สามารถให้ซูเฟิ่งหลิงนำทัพทหารพ่ายศึกลงสนามรบ ไปตายอย่างเสียเปล่าได้เช่นนั้นเขาทำได้แค่เพียงปฏิเสธซูเฟิ่งหลิง คิดหาหนทางให้นางกับทหารพ่ายศึกหนึ่งพันนายรั้งอยู่ที่เมืองหลวงในความเป็นจริง นี่คือเส้นทางที่เดินต่อไปไม่ได้เช่นกันซูเฟิ่งหลิงกลับไม่สนใจส่วนที่สำคัญอยู่ที่ทหารพ่ายศึกหนึ่งพันนาย!มีผู้มารุกรานอาณาเ
องค์ชายเก้าเองก็อยากยกทัพไปปราบหมานอี๋ ชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเช่นกัน?เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่หลงหลิน ขุนนางทั้งฝ่ายบุ๋นบู๊ไม่กล้าที่จะเชื่อหูของตนเององค์ชายเก้าขี้ขลาดมาแต่ไหนแต่ไรก่อนหน้านี้กองทัพตระกูลซูทำสงครามกับเผ่าหมาน อยู่ที่ดินแดนทางเหนือ เขาตกใจจนหนีการสู้รบ ทำให้ราชวงศ์ต้องอับอายเหตุใดตอนนี้องค์ชายเก้านิสัยถึงได้เปลี่ยนไป?องค์ชายพระองค์อื่น ก็มีสีหน้าประหลาดใจเช่นกัน จ้องมองน้องชายคนเล็กสุดของตนพวกเขาเข้าใจอุปนิสัยของหลี่หลงหลินเป็นที่สุดแล้วไม่เข้าใจจริง ๆ ว่า เหตุใดหลี่หลงหลินถึงเป็นฝ่ายเสนอตัวขอนำทัพ ออกศึกกับชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือซูเฟิ่งหลิงเองก็ตกใจเช่นกัน ดวงตานกการะเวกจ้องมองหลี่หลงหลินด้วยความประหลาดใจองค์ชายเก้าผู้ไร้ความสามารถ คิดไม่ถึงว่าจะไม่กลัวตาย ยอมยกทัพออกศึกกับชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือกับตนถึงแม้ว่าเขาจะไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิงแต่ความกล้าหาญครั้งนี้ทำให้ผู้คนต้องเปลี่ยนมุมมองใหม่!มีเพียงฮ่องเต้หวู่ที่โมโหจนควันออกหู หัวใจเต็มไปด้วยเพลิงโทสะ ค้อนหลี่หลงหลินด้วยความดุร้าย!เจ้าเก้ายังคงเป็นคนไร้ประโยชน์คนนั้นเช่นเดิม!เราพูดชั
แม้ว่าจะเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตนเอง ก็เชื่อไม่ได้ จะมอบอำนาจทางทหารให้พวกเขาไม่ได้ในบรรดาองค์ชายทั้งเก้า มีอยู่ไม่กี่คนที่มีอำนาจทางทหารเนื่องจากเจ้าหกไม่มีอำนาจทหาร ถึงได้คิดว่าฮ่องเต้หวู่เมินตนเอง ถึงได้เลี้ยงดูทหารหน่วยกล้าตาย ทำการก่อกบฏ!เจ้าเก้าเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ มีสิทธิ์อะไรมาร้องขออำนาจทหาร?อีกทั้ง เจ้าเก้ายังอยากจะสร้างทหารใหม่อะไรอีก?บัดนี้เผ่าหมานได้โจมตีแนวป้องกันดินแดนทางเหนือแตกแล้ว เดินทัพลงใต้ ประชิดเมืองหลวงสร้างกองทัพทหารใหม่ อย่างไรเสียก็ต้องใช้เวลาหนึ่งปีครึ่ง?รอให้เจ้าสร้างกองทัพสำเร็จ ก็คงสายเกินไปแล้ว!ยิ่งไปกว่านั้น การสร้างกองทัพทหารใหม่ไม่ใช่เรื่องง่ายเสบียง เงินเดือนทหาร อาวุธ...นั่นไม่ใช่เป็นการเสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์หรอกหรือ!บัดนี้ท้องพระคลังว่างเปล่า ราชสำนักมีรายจ่ายมากกว่ารายรับ อย่าว่าแต่สร้างกองทัพทหารใหม่ แม้แต่เงินเดือนทหารรักษาพระองค์ยังค้างจ่ายหลายเดือน!นี่ไม่ใช่ว่าเจ้ากำลังทำเรื่องที่เป็นไปไม่ได้หรอกหรือ?ฮ่องเต้หวู่จะรับปากเจ้าได้อย่างไร!ในความเป็นจริง ตอนแรกฮ่องเต้หวู่เองก็คิดว่าคำพูดของหลี่หลงหลิน เหลวไหลเกินไปจร
ทันทีที่คำพูดประโยคนี้ของหลี่หลงหลินหลุดออกจากปาก ทั้งท้องพระโรงต่างก็ตกตะลึงทันทีไม่ว่าจะเป็นคนในราชวงศ์ หรือว่าขุนนางฝ่ายบุ๋นบู๊ ทั้งหมดสงสัยว่าตนเองหูฝาดไปแล้ว!องค์ชายเก้าบ้าไปแล้วหรือ?ทุกคนต่างต้องการกำจัดองค์ชายหกออกไปอย่างรวดเร็วมีเพียงหลี่หลงหลินที่ก้าวออกมาโต้แย้ง ขอความเมตตาแทนองค์ชายหก?มีเหตุผลอะไรกันแน่?ต้องเข้าใจว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินถูกจับเข้าคุก เกือบจะต้องตาย ก็เป็นเพราะองค์ชายหกเป็นผู้ส่งเสริม อยู่เบื้องหลัง!ซูเฟิ่งหลิงมองหลี่หลงหลิน กล่าวอย่างตื่นตะลึง “ท่านกำลังทำอะไรอยู่? องค์ชายหกทำร้ายท่านอย่างน่าสงสารขนาดนี้! ยังทำร้ายตระกูลซูของข้าจนหมดสิ้น แต่ท่านกลับช่วยเขาพูด!หลี่หลงหลินเหลือบมองซูเฟิ่งหลิงแวบหนึ่ง กล่าวเสียงต่ำ “ที่นี่คือท้องพระโรง ในเมื่อเจ้าไม่เข้าใจ ก็อย่าพูดจาเหลวไหล ระวังจะเป็นอันตรายต่อตนเอง!”ซูเฟิ่งหลิงสำลักจนพูดไม่ออก ใบหน้าดำคร่ำเครียดฮ่องเต้หวู่เลิกคิ้ว กล่าวอย่างสนใจ “เจ้าเก้า เราไม่คิดเลยว่า เจ้าจะขอควาเมตตาแทนเจ้าหก! เจ้าลองว่ามา มีเหตุผลอะไรที่เราจะไม่สังหารเขา!”หลี่หลงหลินสีหน้าลำบากใจ จ้องมององค์ชายและบรรดาขุนนางใหญ่
“วางแผนอย่างละเอียดถี่ถ้วนเช่นนี้ ไม่เพียงขุนนางบุ๋นบู๊ แม้แต่เสด็จพ่อ ท่านก็ถูกหลอกลวงเช่นกัน! เป็นไปได้จริง ๆ งั้นหรือ?”ฮ่องเต้หวู่สีหน้าตกละลึงในที่สุดเขาก็เข้าใจ ว่าเหตุใดตนถึงรู้สึกว่ามีจุดที่ผิดปกติ!นั่นก็เป็นเพราะเป็นแผนก่อกบฏของเจ้าหก รีบร้อนจนเกินไป โง่เขลาเกินไปจริง ๆ!กล่าวว่าเขาเป็นคนวางแผนเรื่องทั้งหมด เป็นตัวการใส่ร้ายตระกูลซู?คนโง่ถึงจะเชื่อ!ในเมื่อไม่ใช่เจ้าหก เช่นนั้นมือมืดเบื้องหลังยังมีคนอื่นอยู่!ไม่เพียงเจ้าเก้า แม้แต่เจ้าหก ก็เป็นแพะรับบาปที่คนผู้นี้จัดวางเอาไว้เรียบร้อยแล้ว!ถ้าหากตนโมโห ไม่แยกแยะถูกผิด ฆ่าเจ้าหกเช่นนั้น มือมืดเบื้องหลังผู้นี้ไม่เพียงสามารถปิดฟ้าข้ามทะเล รอดพ้นภัยพิบัติอีกทั้งตั้งแต่บัดนี้ไป ก็จะต้องแบกชื่อจักรพรรดิทรราช!คนผู้นี้อาจจะอยู่เบื้องหลัง ปลุกปั่นเจตนาของชาวบ้าน ยุแยงตะแคงรั่วตามอำเภอใจ !ฮ่องเต้หวู่ยิ่งคิดก็ยิ่งนึกกลัวในภายหลัง อดไม่ได้ที่จะตกใจจนเหงื่อแตก!ถ้าหากไม่ใช่เพราะหลี่หลงหลินเตือนได้ทันเวลา เกรงว่าตอนนี้ตนก็ยังคงโง่งมจักรพรรดิผู้สูงส่ง ถูกคนหลอกใช้กลายเป็นหมาก กลายเป็นตัวตลก ยิ่งทำให้ฮ่องเต้หวู่โมโห!“
จางไป่เจิง!หลี่หลงหลินตะลึงงันไปทันที!เขานำทัพทหารรักษาพระองค์จำนวนหนึ่งแสนนาย ไปทำศึกกับเผ่าหมานไม่ใช่หรือ?เหตุใดจึงปรากฏตัวอยู่ที่นี่?ไม่ช้า หลี่หลงหลินก็เข้าใจฮ่องเต้หวู่ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์!เรื่องอื่น ฮ่องเต้หวู่เดาได้แต่แรกแล้วว่าเจ้าหกจะก่อกบฏด้วยเหตุนี้ เขาจึงจงใจให้จางไป่เจิงนำทัพออกศึก สร้างภาพลวงตาว่ากำลังทหารในเมืองหลวงว่างเปล่า!ความเป็นจริง จางไป่เจิงไม่ได้ไปไหนเลย แอบซุ่มอยู่ในวังหลวง รอให้เจ้าหกเข้ามาติดกับเอง!แม้ว่าตนจะไม่ได้ให้ซูเฟิ่งหลิงนำทหารพ่ายศึกตระกูลซูปราบกบฏฮ่องเต้หวู่วางแผนการทุกอย่างเอาไว้แต่แรก จัดการเจ้าหกอย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส!หลี่หลงหลินเหงื่อแตกพลั่ก รู้สึกหวาดกลัวขึ้นในใจทันที!เอาแต่จ้องจะเล่นงานผู้อื่น โดยไม่คาดว่าตนเองก็อาจจะกำลังถูกผู้อื่นจ้องเล่นงานอยู่เช่นกัน!อย่างไรเสียฮ่องเต้หวู่ก็คือจักรพรรดิ ความคิดล้ำลึก ราวกับเหวลึกและมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง!หลี่หลงหลินสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ทีหนึ่ง กล่าวอย่างทอดถอนใจ “เสด็จพ่อ ที่แท้ท่านก็วางแผนทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว! ต่อให้ลูกไม่ลงมือ ท่านก็สามารถอยู่ในตำแหน่ง