นี่มันตรงกับสุภาษิตที่ว่า ขโมยไก่ไม่ได้ยังต้องเสียข้าวสารอีกกำมือชัด ๆ! แล้วเมื่อไหร่เจ้าบ้าหลิวหลงถิงจะขึ้นมาช่วยฉันสักทีล่ะ!ฉันแผดเสียงอยู่ในใจ เมื่อเห็นว่าเทพแห่งขุนเขากำลังจะถลกกระโปรงฉันขึ้น ขณะนั้นเองจู่ ๆ ก็มีลมพัดกลิ่นสาปงูเข้ามาปกคลุมทั่วทั้งวิหาร งูขาวตัวใหญ่แข็งแกร่งเลื้อยเข้ามาจากประตูทางเข้าวัด จนมาถึงที่หน้าของฉัน หัวงูขนาดใหญ่ยกขึ้นและฉกเข้าที่หลังของเทพเจ้าแห่งภูเขาอย่างรุนแรง พลันเลือดสีเข้มก็ไหลหล้นสาดกระเซ็นจนเต็มไปทั้งตัวงู ดูเหมือนในตอนนี้เทพแห่งขุนเขาจะมีปฏิกิริยาตอบโต้อย
หรือว่าจิตวิญญาณของเทพเจ้าแห่งขุนเขามาประทับอยู่ในร่างฉันแล้ว?แต่ฉันก็รู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้ ถึงอย่างไรถ้าเขามาประทับอยู่ในร่างของฉัน หลิวหลงถิงก็ต้องสังเกตเห็นมันได้สิหลังจากที่งูหลายร้อยตัวกินเลือดกินเนื้อของเทพแห่งขุนเขาจนหมดแล้ว พวกมันก็ค่อย ๆ กลายเป็นควันและหายไปต่อหน้าต่อตาเราทันใดนั้นนอกเหนือจากคราบเลือดบนพื้นแล้ว ทุกอย่างภายในวิหารก็เงียบสงบลง มันเงียบจนได้ยินเสียงลมหายใจของเราทั้งสองคน“อะแฮ่ม...!”ฉันใช้เสียงกระแอมในลำคอเพื่อดึงความสนใจจากหลิวหลงถิง และเตือนให้เขาไม่อย่าลืมว่
ฉันชี้ไปที่คราบเลือดบนพื้น และบอกว่ามันได้ถูกแก้ไขแล้ว ต่อไปก็ไม่ต้องกลับมาที่หมู่บ้านนี้อีกแล้วเมื่อคุณยายหลี่ได้ยินที่ฉันพูด ท่านก็ดีใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก ท่านรีบเข้ามากอดฉันแล้วเรียกฉันว่าแม่หมออะไรทำนองนั้น ทุกคนในหมู่บ้านจะไม่มีวันลืมน้ำใจอันยิ่งใหญ่ของฉัน แล้วหลังจากนั้นทุกคนในหมู่บ้านค่อย ๆ คุกเข่าลงทีละคนต่อหน้าฉันเพื่อแสดงความขอบคุณเมื่อมองดูคนคุกเข่าต่อหน้าก็นึกถึงเมื่อคืนนี้ตอนที่เทพภูเขาสิ้นชีพ ในอดีตพวกชาวบ้านเหล่านั้นก็คงเคยคุกเข่าลงสวดอ้อนวอนขอให้น้ำท่าอุดมสมบูรณ์
ฉันยังเรียนไม่จบมหาลัยเลยนะ ไปให้ไปนัดบอดได้ยังไง? ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะมีข้าราชการสักกี่คนที่ยังโสดอยู่ ต่อให้ในสมัยนี้ยังมีคนหนุ่มสาวที่เชื่อในโชคลาภ แต่มันก็หาเจอยากมาก หรือว่าฉันคงต้องไปหาลุงวัยสามสิบสี่สิบปีแล้วแต่งงานกับเขาแทน?ความคิดนี้ช่างไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงเลย แต่ไม่มีวิธีไหนที่ดีไปกว่านี้แล้ว ฉันจึงถามแม่หมออิงว่ามีอะไรบ้างที่จะให้ฉันทำต่อ?เมื่อเห็นว่าฉันมีความตั้งใจอยากจะจัดการงานให้เธอ แม่หมออิงก็รีบก้มไปหากระดาษข้อมูลติดต่อสองสามใบในลิ้นชักโต๊ะข้างเตียง แล้วบอกว่านี่เป็น
ฟังคำพูดของหลิวหลงถิงอาจหมายถึงเรื่องที่แม่หมออิงได้เกินเลยงานที่อยู่ในหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบแล้ว และยังมายืมมือฉันอีก ดังนั้นฉันจะถามหลิวหลงถิงไปอีกครั้งว่า ถ้างั้นครั้งนี้เราจะช่วยเธอได้ไหม?“ในเมื่อนางขอร้องให้เจ้ามาช่วยแล้ว ข้อตกลงทั้งสองนี้จะถูกบันทึกไว้ในชื่อของเธอ ก็ถือว่าเป็นของขวัญตอบแทนเธอสำหรับบุพเพสันนิวาสของพวกเราสองคน”ฉันไม่ได้คาดคิดว่าวันนี้หลิวหลงจะพูดได้ดีขนาดนี้ แต่ก็เพราะเขาพูดได้ดี อารมณ์ขุ่นมัวของฉันจึงลดลงไปมากโข หลังจากที่เราพูดธุระเสร็จ ฉันกลับไม่รู้ว่าจะหาหัวข้อสนทนา
เมื่อเริ่มจะเข้าใจเรื่องราวคร่าว ๆ แล้ว หลังจากที่ฉันวางสายไปก็ได้สอบถามหลิวหลงถิงว่าพวกเราจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร เพราะท้ายที่สุดแล้วงูก็เป็นสัตว์ประเภทเดียวกันกับหลิวหลงถิงหลังจากที่หลิวหลงถิงฟังคำพูดของหม่าเจี้ยนกั๋วจบ สีหน้าของเขากลับไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ บอกฉันว่าจะไปจัดการกับพวกนั้น และไม่จำเป็นต้องเตรียมอะไรไปเลย เราสามารถเดินทางไปที่นั่นได้ทันทีที่พร้อมบ้านของหม่าเจี้ยนกั๋วห่างจากบ้านฉันมาก บ้านของเขาอยู่ที่เถียหลิง ฉันยังไม่ได้มีรถส่วนตัวจึงทำได้แค่จองตั๋วรถไฟเท่านั้น มันใช้เวลาห้าถ
น้ำเสียงนั่นเย็นยะเยือก ฟังดูแล้วเหมือนออกมาจากจิตใจที่โดนกรีดแทงราวกับชอล์ที่ถูกระจกดังเอี๊ยดอ๊าด โชคดีที่ฉันสวมเสื้อผ้าหลายชั้น เด็กน้อยจึงกัดไม่เข้าเนื้อ นอกจากนี้หลิวหลงถิงยังยื่นมืออกมาอย่างรวดเร็ว พลันคว้าหัวเด็กไว้แล้วใช้แรงดันออกไปอย่างแรง จนเด็กหญิงล้มลงบนโซฟาและทรุดตัวลงนั่งร้องไห้เสียงดังหม่าเจี้ยนกั๋วงึมงำแล้วคุกเข่าลงบนพื้น “เธอถูกงูสองตัวนั้นสิงร่างอีกแล้ว แม่หมอ ได้โปรด คุณต้องช่วยลูกสาวของผมนะ!”หม่าเจี้ยนกั๋วเริ่มร้องไห้ ทีแรกฉันต้องการบอกหม่าเจี้ยนกั๋วว่าฉันมีวิธีดี ๆ ที่สาม
ร่างน้อยชะงักไปครู่หนึ่ง ท่าทางเช่นนี้ช่างน่าอายจริง ๆ ขณะเดียวกันก็ผลักหลิวหลงถิงออก แล้วถามเขาว่า “อะไร ได้กลิ่นอะไร? นายรีบปล่อยฉันออกไปเดี๋ยวนี้นะ”“กลิ่นอะไร? ก็กลิ่นคาวของงูไง? หรือเธอรังเกียจที่ฉันมีกลิ่นคาวงูกันแน่?” เมื่อหลิวหลงถิงพูดอย่างนั้นแล้ว ฉันก็พยายามผลักเขาออก ทว่าเขาดันเอื้อมมือมาจับที่ขาของฉันและยกขึ้นอย่างรวดเร็วน้ำจากฝักบัวที่โปรยลงราวกับฝนตกหนักบนศรีษะของฉันกับหลิวหลงถิง ทำให้ผ้าขนหนูของฉันเปียกชุ่มไปด้วยน้ำร้อนที่จริงก็อยากจะโกรธตานั่นอยู่หรอก ทำแบบนี้มันหมายความว่าอ