Share

บทที่ 12

เสวียโส่วได้ยินแล้วสูดลมเข้าลึกๆ จากนั้นก็พ่นออกมาแรงๆ จึงจะกล่าว “ที่เขาถูกคือกู่ กู่ไม่เพียงมีพิษที่รุนแรง ยังกลืนกินกำลังภายในด้วย ข้าใช้เข็มเงินผนึกแมลงกู่ไว้ที่ขาชั่วคราว ถ่ายกำลังภายในของเขาไปที่ร่างกายส่วนบน”

“กู่?”

พลันจ้านอวิ๋นเซียวได้ยินแล้วขมวดคิ้ว เงยหน้ามองไปทางเสวียโส่ว

ชั่วพริบตา ดวงตามืดมนบีบคั้นคน

เสวียโส่วมองเขา ราวกับนึกถึงใครบางคน เหม่อไปครู่หนึ่งจึงจะกล่าว “ท่านอ๋องไม่ต้องสงสัย เป็นกู่ของจิ่วหลี”

จิ่วหลีไม่ได้อยู่ในต้าฉี แต่อยู่ทางตอนใต้ของต้าฉู่

แม้แต่เสิ่นอวี้ก็คาดคิดไม่ถึง การวางแผนครั้งนี้ขององค์ชายสาม มีอิทธิพลของแคว้นข้างเคียงเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ชาติที่แล้วตอนนางรู้ว่าจ้านอวิ๋นเซียวถูกพิษ ก็หลังจากนั้นหลายปีแล้ว

ตอนนี้แค่คิดก็รู้สึกว่าน่ากลัว

แต่ครั้งนี้…

“ผู้อาวุโส แล้วท่านสามารถกำจัดกู่นี้หรือไม่?” นางคว้าแขนเสื้อเสวียโส่วด้วยความร้อนใจ ในดวงตาเต็มไปด้วยความร้อนรนที่อยากจะพลิกสถานการณ์

จ้านอวิ๋นเซียวมองนาง คิ้วขมวดแน่น ราวกับจะมองนางให้ทะลุปรุโปร่ง

เขาอยากถามคำหนึ่ง นางคาดหวังให้เขาไปตายที่สุดไม่ใช่หรือ? ตอนนี้เขาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ นางควรจะดีใจไม่ใช่หรือ? หรือว่านางคิดจะเล่นลูกไม้อะไรอีกแล้ว?

เสิ่นอวี้สามารถรู้สึกได้ถึงสายตาของเขา แต่ก็ไม่มีเวลาไปสนใจแล้ว

เมื่อชาติที่แล้ว จ้านอวิ๋นเซียวได้รับผลกระทบจากกู่ ไม่เพียงขาสองข้างพิการ แมลงกู่นี้ยิ่งกลืนกินกำลังภายในของเขาจนหมด ทำให้ชายที่มีกำลังยุทธ์สูงสุดของเมืองหลวง กลายเป็นคนพิการอย่างไม่มีทางเลือกโดยตรง

คนพิการ ย่อมไม่สามารถนำทัพ

ฮ่องเต้ฉวยโอกาสยึดอำนาจทางทหารของเขาอย่างถูกหลักคลองธรรม

จวนอ๋องที่ไม่มีอำนาจทางทหาร เผชิญหน้าองค์ชายสามที่จ้องตาเป็นมัน ย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้

สุดท้ายจวนอ๋องหมิงหยางล่มสลาย ที่จริงล้วนเริ่มจากจ้านอวิ๋นเซียวถูกกู่!

ชาตินี้ นางจะไม่ปล่อยให้โศกนาฏกรรมเกิดขึ้นซ้ำ!

เสิ่นอวี้มองเสวียโส่วอย่างร้อนใจ

เสวียโส่วกลับส่ายศีรษะ “กำลังภายในของข้าสามารถทำลายแมลงกู่ตัวนี้ แต่ขณะเดียวกันก็จะทำลายเส้นลมปราณของท่านอ๋องด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จะสูญเสียกำลังภายในทั้งหมด และขาสองข้างพิการ เกรงว่าคนวางกู่คิดถึงจุดนี้ตั้งแต่แรกแล้ว”

เสิ่นอวี้ราวกับถูกตีเข้าที่ศีรษะ

ดังนั้นแล้ว แม้เริ่มใหม่อีกครั้ง ก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้วหรือ?

นึกถึงเคราะห์ที่จ้านอวิ๋นเซียวได้รับหลังจากพิการเมื่อชาติที่แล้ว เสิ่นอวี้รู้สึกเพียงเสียใจจนยากจะยอมรับ พลันก็หน้ามืด

“เสิ่นอวี้!”

ขณะที่กำลังจะล้มลง คนบนเตียงมือว่องตาไว ดึงนางเอาไว้

โลกของเสิ่นอวี้หมุนติ้ว ล้มลงบนเตียง

ทับโดนขาของเขา นางรีบลุกขึ้น “ขอโทษ…”

หลังตั้งสติจึงจะพบว่าเขาไม่แม้แต่จะขมวดคิ้ว เพียงแค่มองตนเองอย่างลึกซึ้ง

ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น น้ำตาเสิ่นอวี้ทะลักออกมาทันที พลันปิดหน้าร้องสะอึกสะอื้น

เป็นเพราะนาง!

เป็นเพราะนางตามืดใจบอด ถูกหลิ่วอี๋เหนียงกับซ่งหว่านฉิ่งยุยง ถูกองค์ชายสามหลอกใช้แต่กลับไม่รู้ตัว กลับกันหันมาทำร้ายคนที่ดีกับตนเองจริงๆ!

เดิมทีคิดว่าชาตินี้เสวียโส่วสามารถพลิกสถานการณ์ ปรากฏว่าก็ไร้ทางรับมือเช่นกัน นางควรทำอย่างไรดี?

ความสิ้นหวังพุ่งพรวดเข้ามาอย่างฉับพลัน อารมณ์ของนางพังทลายอย่างสมบูรณ์ นั่งขดตัวสั่นอยู่ข้างเตียงจนเป็นก้อน กลับยังอดกลั้นเสียงสะอื้นไว้

ผู้ชายบนเตียงมองนาง นิ้วมือสั่นเล็กน้อย

เขาทนดูท่าทางที่นางร้องไห้ไม่ได้มากที่สุด

ความเจ็บปวดที่ทะลวงหัวใจเสี้ยวหนึ่งกระจายไปทั่วร่างจากหน้าอก ท้ายที่สุดเขาเอื้อมมือออกไปตบหลังนางเบาๆ กล่าวเสียงแหบ “ไม่เป็นไร…”

“ต่อให้รักษาไม่หาย ก็ไม่เป็นไร”

เสียงของเขาอ่อนโยนอย่างเห็นได้ชัด เป็นการปลอบใจนาง

แต่เมื่อเข้าหูนาง กลับเจ็บปวดเหมือนถูกฉีกกระชากอวัยวะภายใน

เสิ่นอวี้ไม่สามารถเหมือนเมื่อก่อน ขอแค่เขาบอกว่าไม่เป็นอะไร นางก็คิดว่าเขาถูกหลอมจากเหล็กจริงๆ ไม่รู้จักเจ็บหรือเศร้า และไปทำเรื่องอื่นอย่างมีความสุขต่อแล้ว

ตอนนี้รู้สึกเพียงตนเองตายหมื่นครั้งก็ไม่สามารถชดเชยความผิด

หลังจากครุ่นคิด ฝืนกลั้นน้ำตา ก้มหน้ามองดูเขา กล่าวอย่างจริงจัง “พรุ่งนี้ข้าจะเดินทางไปจิ่วหลี ตามหาคนที่สามารถแก้พิษกู่ให้ท่าน”

จ้านอวิ๋นเซียวมองนาง ความสงสัยในแววตายิ่งลึกซึ้ง

“เสิ่นอวี้”

ผ่านไปครู่ใหญ่ เขาพูด “เจ้าเกลียดข้ามากไม่ใช่หรือ?”

เสิ่นอวี้สำลัก อยากบอกว่าตนเองไม่เกลียดแล้ว แค่หวังว่าเขาจะดีขึ้น แต่เมื่อคำพูดมาถึงปลายลิ้นก็นึกถึงพฤติกรรมเลวๆ ที่ตนเคยทำ คิดว่าคำพูดที่พูดออกมาไม่น่าเชื่อถืออะไรนัก จึงกล่าว “คนเราเปลี่ยนได้เสมอ”

จ้านอวิ๋นเซียวตะลึงงัน ราวกับคิดไม่ถึงว่านางจะพูดเช่นนี้

เสวียโส่วมองคนทั้งสองอยู่พักใหญ่ ราวกับมั่นใจอะไรบางอย่างแล้ว จึงจะกล่าว “แม้ไม่สามารถทำลายแมลงกู่ แต่ข้าสามารถผนึกมันไว้ที่ร่างกายช่วงล่าง และสามารถยับยั้งพิษของมัน”

“แต่หากเป็นเช่นนี้ เกรงว่าต่อไปขาของท่านอ๋องคงจะเดินเหินไม่สะดวก ต้องใช้ชีวิตอยู่บนรถเข็นเท่านั้น ข้อดีก็คือยังสามารถรักษาวรยุทธ์ของท่านไว้ และกำลังภายในจะควบรวมมากขึ้นเพราะเหตุนี้ ทำให้การโจมตีรุนแรงมากขึ้น”

“เช่นนั้นก็ตามที่ผู้อาวุโสพูด”

จ้านอวิ๋นเซียวพยักหน้าทันที ราวกับสิ่งที่ตัดสินใจไม่ใช่ร่างกายของตนเอง แต่เป็นสิ่งของบางอย่าง

เขาเป็นวีรบุรุษตั้งแต่อายุยังน้อย โหดเหี้ยมกับศัตรู โหดเหี้ยมกับตนเองเช่นกัน

มีเพียงปฏิบัติต่อเสิ่นอวี้ จะมีความหมกมุ่นที่อ่อนโยนสายหนึ่งแฝงอยู่ สุดท้ายกลับตกอยู่ในสภาพบาดเจ็บเจียนตาย

เสิ่นอวี้รู้สึกเพียงตนเองมีสมบัติล้ำค่า แต่กลับไม่เคยรักษา

เสวียโส่วมองไปทางนางแล้วกล่าว “เจ้าไม่จำเป็นต้องไปจิ่วหลี คนที่สามารถวางกู่นี้ ต้องเป็นยอดฝีมือจิ่วหลีแน่นอน ซึ่งมีไม่ถึงห้าคนด้วยซ้ำ อีกอย่างจิ่วหลีไม่ต้อนรับคนนอก เจ้าไปมีแต่จะเอาชีวิตไปทิ้งเสียเปล่า

และจุดประสงค์ของคนวางกู่ก็เพื่อทำลายร่างกายและวรยุทธ์ของเขา ต่อให้มีวิธีแก้กู่ อย่างมากก็แค่รักษาชีวิตไว้”

“ไม่มีวิธีแล้วจริงๆ หรือ?”

เสิ่นอวี้สั่นไปทั้งร่าง มีภาพเมื่อชาติที่แล้วผุดขึ้นไม่หยุด ยากจะยอมรับจุดจบเช่นนั้น

เวลานี้เอง องค์หญิงใหญ่ที่อยู่นอกประตูได้ยินเสียงของเสวียโส่ว ความโกรธแล่นเข้าหัวใจ พุ่งพรวดเข้ามาก็ตบหน้าเสิ่นอวี้ “เจ้าทำร้ายลูกข้าเป็นเช่นนี้ เหตุใดยังกล้ามาเสแสร้งทำทีที่นี้!”

เสิ่นอวี้อ่อนแออยู่แล้ว คราวนี้ประคองร่างไม่ไว้ ร่างกายหมุนสองรอบล้มลงพื้นโดยตรง

“ท่านแม่!”

ทันใดนั้นมีเสียงทุ้มต่ำที่เย็นชาดังมาจากเหนือศีรษะ!

องค์หญิงใหญ่หวนคืนสติ มองไปทางคนบนเตียง

สองแม่ลูกประสานสายตา ประกายไฟปลิวว่อน

องค์หญิงใหญ่โมโหจนสั่น “เจ้า…เจ้า…เป็นเช่นนี้แล้ว ยังจะพูดเข้าข้างนางมารหญิงคนนี้อีก!”

ทว่าคนบนเตียงเพียงแค่หลุบตา มองเสิ่นอวี้ที่ล้มอยู่บนพื้น ผ่านไปครู่หนึ่ง เขากล่าวอย่างเคร่งขรึม “นี่เป็นเรื่องระหว่างข้ากับนาง”

องค์หญิงใหญ่รู้สึกเพียงแน่นหน้าอก สั่นไปทั้งร่าง

เสิ่นอวี้วิงเวียนศีรษะ อยากเงยหน้าขึ้นพูด พลันคาดคิดไม่ถึงว่าลำคอก็หวาน มีเลือดกระอักออกมาอีกครั้ง!

“ผู้อาวุโส!”

จ้านอวิ๋นเสวียลุกขึ้นนั่งฉับพลัน ดวงตาทั้งคู่เปี่ยมล้นประกายอันเยือกเย็น “ช่วยนาง”

เสวียโส่วมองเขาอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง นั่งยองแล้วประคองเสิ่นอวี้ลุกขึ้น ย้ายไปนอนที่เก้าอี้นวมยาว

ท่ามกลางแสงเทียนเหลืองสลัว ใบหน้าของเขาที่ไกลออกไปเลือนราง แต่ความประหม่าในแววตาเขากลับปลุกคุมร่างนางราวกับเงา บีบคั้นน้ำตาเสิ่นอวี้ทะลักออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่

ตอนที่ถูกธนูพิษยิง เขาเป็นคนปกป้องนางไว้ในอ้อมแขน ตอนที่เสวียโส่วดึงลูกธนู เขาไม่กะพริบตาแม้แต่ครั้งเดียว ตอนที่ได้ยินว่าขาของตนเองรักษาไม่หาย เขาพูดอย่างใจเย็นว่าไม่เป็นอะไร ตอนนี้ นางถูกตบหน้าแค่หนึ่งที เขาก็ประหม่าจนลุกขึ้นนั่งแล้ว

นางรู้ว่าเขาโกรธนาง เกลียดนาง

แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ เขาก็ยังปกป้องนางครั้งแล้วครั้งเล่า

เป็นนางที่ทำผิดต่อเขา

เป็นนางที่ไม่คู่ควรกับเขา

ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ล้วนเป็นสิ่งที่นางสมควรโดน สมควรได้รับ!

ในน้ำตา เสิ่นอวี้มองไปทางเสวียโส่วที่กลายเป็นก้อนสีเทา มีความหมกมุ่นเสี้ยวหนึ่งผุดขึ้นในดวงตา “ผู้อาวุโส ไม่ว่ามีวิธีอะไร ขอแค่ท่านพูด ข้าจะทำโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น หากไม่มี ข้าก็จะไปหาเอง”

ท้ายที่สุดแล้ว ความหมกมุ่นที่เขามีต่อนาง กลายเป็นนางมีต่อเขา

เสวียโส่วถอนหายใจแรงๆ ไม่ได้พูดอะไร

เข็มเงินลงไปสามเล่ม ศีรษะที่ยุ่งเหยิงของเสิ่นอวี้แจ่มชัดขึ้นหลายส่วน อวี้จู๋ที่อยู่ข้างนอกเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ มองนางด้วยสายตาที่ซับซ้อนและแปลกประหลาดแวบหนึ่ง

เสิ่นอวี้ตะลึงงัน กำลังจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น

กลับเห็นนางดึงสายตากลับ มองไปทางองค์หญิงใหญ่ที่สีหน้าบูดบึ้ง พลางกล่าวเสียงเบา “คุณหนูเสิ่นรองขอพบที่ประตูข้าง รอมาสี่ชั่วยามแล้ว นางบอกว่ามาส่งยาให้ท่านอ๋องเจ้าค่ะ”

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status