"จริงหรือ?"เฮ่อเหลียนเฟย ไม่สิ หลังจากนี้ต้องเรียกว่าฟู่จาวเฟยแล้ว เขาตื่นเต้นจนกระโดดขึ้นมาทันที โหร้องดีใจไปทั่วทั้งจวนอ๋องผู้เฒ่าฟู่เองพอได้ยินข่าวนี้ น้ำตาคนแก่ก็อาบแก้ม"จาวหนิง เสี่ยวเฟนเป็นหลานชายข้าจริงๆ! เมื่อเป็นเช่นนี้ พ่อแม่ของเจ้าก็อาจจะยังมีชีวิตอยู่ พวกเขายังมีชีวิตอยู่!"ผู้เฒ่าฟู่ครั้งนี้ร้องจนหยุดไม่อยู่แล้วหลายปีมานี้เขาผ่านมาไม่ง่ายเลย กว่าจะชุบเลี้ยงลูกชายจนเติบโต แล้วลูกชายก็ยังเก่งกาจเสียขนาดนั้น เพิ่งจะมีชีวิตรุ่งโรจน์ในเมืองหลวง แล้วยังรับภรรยาที่ดีมา ตั้งครรภ์อย่างรวดเร็ว แล้วยังมีคุณความดีที่ช่วยชีวิตคนไว้อีกตอนนั้นพวกเขาเดิมทีรู้สึกว่าตระกูลฟู่กำลังจะโจนทะยานแล้วผู้เฒ่าฟู่ตอนนั้นก็มีความสุขที่สุด ขนาดคนในบ้านอื่นตอนนั้นก็ยังมีสีหน้าเช่นตอนนี้ เวลานั้นพวกเขาก็ยังคอยง้อเขาง้อฟู่จิ้นเชินอยู่เลยบ้านตระกูลฟู่คึกคัก แล้วยังดูมีอนาคตสดใสแต่แค่คืนเดียวก็เปลี่ยนไปทั้งหมดทั้งหมดกลายเป็นฟองสบูไปลูกชายและภรรยาเกือบถูกจับเข้าคุกราชวงศ์ แล้วต่อมาก็ยังหายสาบสูญ เหลือไว้แค่หลานสาวตัวน้อยที่อ่อนแอคนหนึ่ง วันวันเอาแต่ร้องไห้ ผู้เฒ่าฟู่รู้สึกเหมือนฟ้าถล่มลง
เสียงของเซียวหลันยวนดังลอดเข้ามาจากด้านนอก"ฝึกทหารมาปกป้องพี่สาวเจ้าหรือ? ปณิธานกว้างไกลเสียจริง"เซียวหลันยวนที่ไอเย็นวาบทั้งตัว คลุมด้วยผ้าคลุมขนจิ้งจอกขาว ยืนอยู่หน้าประตูเขามองมายังปู่หลานทั้งสามคนในห้อง ไม่เดินเข้ามาในใจเขาจะมากน้อยยังรู้สึกสับสนอยู่เห็นๆ อยู่ว่าเขากับฟู่จาวหนิงแต่งงานกันแล้ว เขาเป็นสามีของนาง ถึงอย่างไรเขาก็เป็นอ๋องของแคว้นเจานะ ในมือยังมีองครักษ์เงามังกรอยู่ด้วย แต่ปู่หลานตระกูลฟู่นี่กลับไม่นับเขาเข้าไป ยังคงรู้สึกว่าฟู่จาวหนิงเป็นหญิงสาวโดดเดี่ยวไร้ที่พึ่งพาอีกหรือ?ความรู้สึกนี้ทำให้เขารู้สึกพ่ายแพ้หน่อยๆฟู่จาวหนิงมีเขาคอยคุ้มครองไม่ได้หรือไรกัน?ผู้เฒ่าฟู่พอได้ยินเสียงของเขาก็รีบใช้ชายเสื้อเช็ดน้ำตาทันที ยืดหลังตรง น้ำเสียงสงบลงอย่างชัดเจน"เรื่องนี้ต้องขอบคุณอ๋องเจวี้ยน ตระกูลฟู่ซาบซึ้งอย่างเหลือคณา"ผู้เฒ่าคนนี้ คิดจะขีดเส้นชัดเจนกับเขาหรือ? มาพักถึงในจวนอ๋องเจวี้ยนแล้วแท้ๆ แต่ยังจะมาเกรงอกเกรงใจแบบนี้อีก?นิสัยนี้ไม่น่ารักเอาเสียเลยน้ำเสียงเซียวหลันยวนเองก็เรียบนิ่ง "ท่านผู้เฒ่าเกรงใจไปแล้ว หนิงหนิงเป็นภรรยาของข้า พวกท่านเองก็เป็นครอบครัว
เซียวหลันยวนพูดกับเขาว่า "แต่ว่าจดหมายที่เจ้าเขียน จะต้องส่งเข้าวังผ่านตาองค์จักรพรรดิเสียก่อน ดังนั้นจะเขียนอะไรเจ้าต้องคิดให้ดี"ราชาเฮ่อเหลียนจะฟังคำของเขาไหม นี่ก็ยังพูดลำบาก"ขอรับ"ฟู่จาวเฟยอารมณ์ก็เหมือนจะหมดอาลัยตายอยากขึ้นมา ผู้เฒ่าฟู่ตบลงบนบ่าเขา "ไป ปู่จะไปเขียนจดหมายกับเจ้า""ขอรับ"พวกเขาตอนที่ผ่านข้างตัวเซียวหลันยวน ผู้เฒ่าฟู่ก็ยืนนิ่ง เอ่ยกับเซียวหลันยวนว่า "ขอโทษด้วยจริงๆ พวกเราปู่หลานสองคนอาจจะต้องอยู่ในจวนอ๋องเจวี้ยนอีกสักวันสองวัน"เรื่องราวยังไม่ได้จัดการเสร็จสิ้น เขาเองก็ไม่อยากให้ฟู่จาวหนิงต้องวิ่งไปวิ่งมาสองด้าน เเขาเองก็ปวดใจ ดังนั้นทางที่ดีคือให้พวกเขาพักอยู่ในจวนอ๋องเจวี้ยนไปก่อน จาวหนิงเองก็จะได้พักฟื้นอย่างวางใจด้วย"ไม่เป็นไร พักเถิด" เซียวหลันยวนเองก็ตอบกลับเสียงเรียบ"อืม เช่นนั้นก็ขอบใจมาก"รอจนผู้เฒ่าฟู่กับฟู่จาวเฟยออกไป เซียวหลันยวนจึงปลดหน้ากากลง มองฟู่จาวหนิง สีหน้าดูน้อยเนื้อต่ำใจอย่างชัดเจน"วันนี้ในวังเกือบจะลงไม้ลงมือกับจักรพรรดิเสียแล้ว เขาคิดจะส่งข้าเข้าคุกด้วย"พรวด"เกิดอะไรขึ้น?" ฟู่จาวหนิงเกือบจะสำลักดังนั้นเขาถึงหายไปครึ่งค่อ
เซียวหลันยวนมองฟู่จาวหนิงครั้งนี้นางเป็นห่วงเขาอย่างจริงจัง"เป็นห่วงขนาดนี้เลยหรือ?""ท่านพูดอะไรน่ะ?" ฟู่จาวหนิงไม่ชินกับท่าทีอุบไว้แบบนี้ของเขาเอาเสียเลย"อันที่จริงก็ง่ายมาก ข้าก็พูดออกไปตรงๆ ว่าข้าจะพาเจ้าออกไปยังที่ห่างไกลรอบหนึ่ง ถึงตอนนั้นผู้เฒ่าฟู่กับฟู่จาวเฟยจะอยู่ในเมืองหลวง ถ้ามีการเคลื่อนไหวอะไรองค์จักรพรรดิก็จะรู้ได้""ง่ายๆ แค่นี้หรือ? แล้วเขาก็ปล่อยท่านออกมาน่ะนะ?"ฟู่จาวหนิงรู้สึกเกินคาด"อืม เจ้าไม่ค่อยรู้จักองค์จักรพรรดิดีน่ะสิ" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้น "เขาตอนนี้มีความทุกข์ใจอยู่เรื่องหนึ่ง ก็คือไท่ซ่างหวงทิ้งอะไรไว้ให้ข้ากันแน่ ในมือข้ามีองครักษ์เงามังกร เขาจะบีบให้ข้าเอาสิ่งยืนยันทั้งสามชิ้นออกมาก็ไม่ได้ แล้วครั้นจะแย่งชิงตรงๆ เขาก็ยังต้องรักษาหน้าตาไว้อีก""ดังนั้นพอบอกว่าจะออกเดินทางไกล เขาก็รู้ว่าท่านจะไปหาสิ่งที่ไท่ซ่างหวงทิ้งไว้ให้กับท่าน""ถูกต้อง เขาไม่มีทางขวางข้าแน่ ข้าบอกว่าข้าจะไปกับเจ้า แน่นอนว่าเขาไม่มีทางกักบริเวณเจ้าไว้ เพราะเขาเองก็รู้สึกว่า ถึงอย่างไรเขาก็ต้องส่งคนให้ลอบตามไปอยู่แล้ว นั่นก็ไม่แตกต่างอะไรกับคอยจับตาดูเจ้า"ฟู่จาวหนิงเข้าใจขึ
"จะว่าไป เสี่ยวเฟยอยู่ที่เมืองหลวง ข้าเองก็ไม่ค่อยว่างใจนะ เจ้าก็ออกไปข้าก็ออกไปด้วย เหลือเด็กไว้แค่คนเดียวเจ้าว่ามันได้หรือ?"ฟู่จาวเฟยลังเลขึ้นมา เอ่ยกับเขาต่อว่า "ท่านปู่ ข้าแค่คนเดียวก็ไม่เป็นไรหรอก ไม่ใช่ว่ายังมีพวกน้าเซี่ยอยู่ด้วยหรือ?""ข้าเองก็ไม่วางใจ ถึงตอนนั้นคนอยู่ภายนอก หัวใจบินกลับมาทุกวัน เอาแต่กังวลอยู่ตลอดแบบนี้ก้ไม่มีดีกับสุขภาพอีก จาวหนิงเจ้าว่าใช่ไหมล่ะ?"ฟู่จาวหนิงถูกผู้เฒ่าฟู่กล่อมคัดค้านกลับมาแล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆเขาออกเมืองหลวงไปด้วยไม่ใช่ตัวเลือกที่ดี"วางใจเถอะ รอให้เจ้ากับอ๋องเจวี้ยนออกจากเมืองหลวงก่อน ข้ากับเสี่ยวเฟยจะอยู่แต่ในบ้านทุกวัน ไม่ออกไปไหน ไม่พบหน้าใคร ไม่ก่อเรื่อง และไม่ให้โอกาสใครมาก่อเรื่องด้วย จะรอพวกเจ้ากลับมาเงียบๆ เชื่อว่าองค์จักรพรรดิเองก็คงไม่เอาข้าไปทำอะไรก่อนที่พวกเจ้าจะกลับมาหรอก"ผู้เฒ่าฟู่ตบลงไปบนบ่าฟู่จาวหนิงเบาๆ"เจ้าก็อย่ากังวลพวกข้านักเลย เจ้าลองคิดดู ตั้งหลายปีมานี้ พวกเราพวกเราก็เดินดินอยู่ใต้แผ่นฟ้า ใช้ชีวิตอยู่ใต้หนังตาองค์จักรพรรดิ แล้วเขาทำอะไรไหม? วางใจได้แล้ว"ฟู่จาวหนิงถอนหายใจ"เช่นนั้นก็ฟังท่านปู่แล้วกัน"
"ไม่รู้ว่าท่านลุงครั้งนี้จะเจออุปสรรคมากไหม"ฟู่จาวหนิงส่งเสิ่นเสวียน กลับไปบนรถม้าพร้อมเซียวหลันยวน แต่ก็ยังกังวลอยู่บ้าง"เขารับมือได้ ไม่ต้องกังวลจนเกินไปหรอก""หลักๆ คือสุขภาพเขายังไม่ได้ดีขึ้นอย่างสมบูรณ์""เจ้าไม่ใช่ว่าให้ยาไปตั้งมากมายแล้วหรือ? ยิ่งไปกว่านั้น เขายังทิ้งองครักษ์อีกหกคนให้ติดตามมา ถึงตอนนั้นเจ้าสกัดยาแล้วให้พวกเขาส่งไปก็ยังได้"เสิ่นเสวียนเองก็ทิ้งองครักษ์วิชายุทธ์ยอดเยี่ยมไว้ให้ฟู่จาวหนิงถึงหกคน พอบวกกับคนคุ้มครองเรือนที่ตนเองพามาอีกสองคน และยังมีเฉินซานอีก นางก็มีคนแล้วถึงเก้าคนเสิ่นเสวียนคิดอะไรอยู่เขาเองก็เข้าใจแค่ให้ข้างกายฟู่จาวหนิงมีคนอยู่ ไม่ใช่เอาแต่พึ่งพาเขา เช่นนี้นางก็จะยิ่งมีการรับประกัน และรู้สึกปลอดภัยมากยิ่งขึ้นหรือก็คือ เขายังไม่ถูกเชื่อมั่นอย่างสนิทใจนั่นเองแต่ว่าเซียวหลันยวนเองก็ไม่สนใจที่เขาโดนวางยาพิษตอนเด็กในครั้งนั้น ก็มีการยืนยันจากปากผู้บัญชาการกองธงมู่แล้วว่าเกี่ยวข้องกับลัทธิเทพทำลายล้างช่วงนี้พวกเขาเองก็ตรวจสอบฮูหยินอาวุโสโหวจวิ้นอันกับคนข้างกายนางแล้ว ที่บังเอิญก็คือ สาวใช้ที่ติดตามฮูหยินอาวุโสเข้าวังในตอนนั้น หรือก็คื
ดังนั้นเขาจึงคิดจะให้คนเหล่านี้ตามไปจนถึงที่นี่ก่อนค่อยว่ากัน"หุบเขาซานชิง?"ฟู่จาวหนิงขมวดคิ้ว "นั่นไม่ใช่ว่าอันตรายมากหรอกหรือ? ท่านคิดจะใช้ตนเองเป็นเหยื่อล่อพวกเขา?"เขาอยากจะบีบคนที่คิดจะลงมือพวกนั้นให้ลงมือหรือ? จัดการทิ้งไปด้านหนึ่งก่อนแบบนี้?แต่จะยืนยันได้อย่างไรว่ามีแค่ฝ่ายเดียวที่ลงมือ? ถ้าเผื่อพวกกลุ่มสำนักอื่นพวกนั้นลงมือขึ้นมาพร้อมกันด้วยล่ะ? พวกเขาเองก็อันตรายมากด้วยเช่นกัน"ข้าไม่สามารถลงมือจัดการพวกเขาทิ้งได้ทันที ยิ่งไปกว่านั้นยังเปลืองแรงมากด้วย" เซียวหลันยวนอธิบายกับนาง "ดังนั้นจึงจะให้โอกาาสลงมือที่เหมาะสมกับพวกเขาสักครั้ง จากนั้นค่อยควานหาตัวปลาในน้ำขุ่น ให้พวกเขามาอยู่ด้วยกันแล้วตีกันเอง"ฟู่จาวหนิงตาเป็นประกาย ตอนนี้เข้าใจความหมายของเขาแล้ว"ท่านจะให้พวกเขามากัดกันเองหรือ?""กัดกันเอง?" เซียวหลันยวนยิ้มขึ้นมา "คำพูดนี้ใช้ได้เหมาะสมจริงๆ ใช่ ให้กัดกันเอง แล้วถ้าดวงดีหน่อย ไม่แน่อาจจะจัดการพวกเขาทิ้งได้ในคราวเดียวเลย"ฟู่จาวหนิงสนใจขึ้นมา "จะจัดการพวกเขาในครั้งเดียวก็ไม่ใช่จะทำไม่ได้ ใช้ยาเป็นอย่างไร!""อื๋อ? เจ้ามีพอใช้กับคนมากขนาดนี้เลยหรือ?"ทำไมจะไม
เซียวหลันยวนรู้มาตลอดว่าพิษที่ตนเองติดมานี้มีภัยถึงชีวิตเพียงแต่หลายปีมานี้เขาก็คอยให้คนออกไปค้นหาวัตถุดิบยา หาหมอไปทั่วมาโดยตลอด ท้ายสุดพอมาเจอกับฟู่จาวหนิง และได้รับเลือดกวางกับไหมใจโลหิตมา นางก็จัดการสะกดพิษตัวนี้เอาไว้ให้กับเขาถ้าไม่มีนาง เขาตอนนี้คงจะทนไม่ไหวไปแล้ว คงได้นอนแผ่อยู่บนเตียงลุกไม่ขึ้น ไม่สามารถออกไปไหนมาไหนได้อย่างแน่นอนแต่ว่าพิษนี้ก็ยังไม่มีทางแก้ ตอนนี้ทำได้เพียงยืดเวลาออกไปเท่านั้นเขาไม่คิดว่าตนเองจะไม่เป็นไรจริงๆ ถึงอย่างไรแผลเป็นพิษใบหน้าแผลนั้นก็ยังอยู่มาโดยตลอด ยิ่งไปกว่านั้นช่วงนี้ก็เหมือนจะหนักข้อขึ้นด้วยแผนเป็นพิษนั้นลามกว้างแล้ว ตอนนี้มาถึงกลางใบหน้าเรียบร้อยยิ่งไปกว่านั้นก่อนหน้านี้เขาสวมหน้ากากไว้ตลอดยังพอได้ แต่ตอนนี้ช่วงเวลาสวมหน้ากากก็สั้นลงเรื่อยๆ พอสวมไว้นานหน่อยแผลเป็นพิษก็จะคันขึ้นมา คันเอามากๆยังดีที่ช่วงนี้พวกเขาออกมาจากเมืองหลวง กำลังเร่งระยะทาง ตอนอยู่บนรถม้าเขาก็เจอแค่ฟู่จาวหนิงเท่านั้นจึงสามารถปลดหน้ากากลงได้แต่พอเข้าเมือง ผ่านพวกหมู่บ้าน เขาก็ยังต้องสวมมันขึ้นมาถ้าผ่านไปอีกช่วงหนึ่ง แผลเป็นพิษนี้คงจะขยายไวขึ้นไปอีก สีกับลวด