ไป๋หู่เอ่ยขึ้นเสียงเย็นชา "มองความแตกต่างออกหรือยัง? ที่พวกเราตีเจ้า กับที่เจ้าล้มลงไปเอง ว่ามีตรงไหนที่ไม่เหมือนกัน?"คนในเพิงน้ำชาข้างๆ ก็หัวเราะขึ้นมาพวกเขาเห็นตั้งแต่ต้นจนจบ เดิมทีก็มีคนที่อยากจะทำอะไรโง่ๆ อย่างการเข้าไปพูดคุยกับอ๋องเจวี้ยนเหมือนกัน แต่พอเห็นจุดลงเอยเช่นนี้ของหวางต้าหลาง พวกเขาก็หดคอกลับไปดูแล้วนี่แค่พระชายาอ๋องเจวี้ยนคนเดียวก็ยังไม่น่าเข้าไปหาเรื่องด้วยอ๋องเจวี้ยนยังไม่ส่งเสียงด้วยซ้ำ"ข้าเองก็เพิ่งจะเคยเห็นคนที่เข้ามาขอให้เอาหินซัดไปที่ขาด้วยตัวเองเป็นครั้งแรกเหมือนกัน" ในรถม้ามีเสียงหัวเราะของฟู่จาวหนิงลอดออกมา "ไป๋หู่ พวกเราใจกว้างพอ คนเขาขอมารอบหนึ่ง พวกเราจัดให้สักสองรอบได้""ขอรับ"หวางต้าหลางรีบปีนตัวขึ้นมา ลนลานขึ้นแล้ว "ข้าจะไปขอความเป็นธรรมจากองค์จักรพรรดิ พวกเจ้าจะใช้ตัวตนฐานะของราชวงศ์มารังแกข้าไม่ได้! อ๊า!"เพิ่งพูดจบ ไป๋หู่ก็ซัดหินอีกก้อนออกมา เขาล้มลงไปบนพื้นหนักๆ อีกครั้ง ครั้งนี้กระแทกจนฟันหน้าหลวมหน่อยๆ แล้ว เจ็บจนเขาหน้ามืดคนใช้บ้านตระกูลหวางรีบวิ่งเข้ามา ประคองตัวเขาขึ้น"ไป พวกเราไป" หวางต้าหลางรีบคว้ามือคนช้า ให้พวกเขาประคองตนเอ
รถม้าของจวนอ๋องเจวี้ยนเดินหน้าต่อเข้าไปในเมืองหลวงผ่านถนนยาวอย่างเอิกเกริก ควบตรงไปยังจวนอ๋องเจวี้ยนอ๋องเจวี้ยนกลับเมืองหลวงแล้ว!ข่าวนี้เพียงไม่นานก็ลือไปทั่วทั้งเมืองในวังหลวง องค์จักรพรรดิไม่ได้ลับการตอบกลับจากองครักษ์ลับมาโดยตลอด พอได้ยินว่าอ๋องเจวี้ยนเดินทางกลับมาจวนอ๋องเจวี้ยนแล้ว ก็โมโหจนแทบลมจับเขาส่งคนไล่ไปตามทางเพื่อออกหาองครักษ์ลับเหล่านั้นทันที ผลคือวันที่สองจึงพบพวกเขาบนหาดริมน้ำข้างทางคนเหล่านี้บางคนก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว แต่ก็จับไข้ตัวร้อน มึนๆ งงๆ แค่แรงจะแก้มัดก็ยังไม่มีเป็นถึงองครักษ์ลับของจักรพรรดิ นอนอยู่ที่หาดริมน้ำเหมือนคนพิการถึงสองวันเต็ม! เกือบจะสามวัน!ถ้าไม่ใช่ข้างทางมีแม้น้ำ พวกเขายังพอคลานไปกินน้ำกันได้ ไม่เช่นนั้นคงกระหายน้ำตายกันหมดแล้วข่าวนี้ส่งมาถึงในหูองค์จักรพรรดิ ภาพตรงหน้าเขากลับไปหมด เซนั่งลงบนเก้าอี้ ริมฝีปากสั่นระริก ไม่พูดไม่จาไปครึ่งวันองครักษ์ลับเหล่านั้นแม้จะยังมีชีวิตอยู่ แต่ปราณชี่ก็บาดเจ็บหนัก ยังไม่รู้ว่าต้องพักฟื้นนานเท่าไรจะจึงกลับมาใช้ได้อีกหรือก็คือในช่วงนี้เขาขาดลูกมืออย่างจริงจังแล้วเว้นเสียแต่เขาจะส่งราชองครักษ์ออ
"องค์จักรพรรดิ แคว้นหนานฉือกู่ครั้งนี้บอกว่าส่งองค์หญิงเข้ามาอภิเษกเพื่อสันติ ส่วนเป้าหมายนั้น น่าจะรอให้องค์หญิงมาถึงเมืองหลวงก่อนแล้วค่อยเอ่ยกับองค์จักรพรรดิด้วยตนเอง""องค์หญิง?"องค์จักรพรรดิขมวดคิ้ว "องค์หญิงของสถานที่นั่น คงไม่ได้หน้าตาน่าเกลียดหรอกกระมัง?"ก่อนหน้านี้องค์จักรพรรดิเคยเห็นภาพของแคว้นหนานฉือกู่จากไท่ซ่างหวงมาแล้ว คนหนานฉือบนภาพล้วนหน้าตากน่าเกลียดหยาบกร้านดังนั้นตั้งแต่ตอนนั้น เขาจึงมีภาพจำเช่นนี้มาโดยตลอด รู้สึกว่าคนหนานฉือล้วนน่าเกลียดกันหมดสิบปีก่อนพวกเขาเคยเอ่ยถึงเรื่องการอภิเษกเพื่อสันติไปแล้ว พอเขาได้ยินก็สั่นเทา ปฏิเสธไปทันที ตอนนี้คนจากหนานฉือมาอีกแล้วหรือ?"องค์จักรพรรดิ" กงกงเอ่ยขึ้นเสียงต่ำ "นี่อาจจะเป็นโอกาสก็ได้ ถ้าหากองค์หญิงต้องตาอ๋องเจวี้ยนขึ้นมาเล่า?"ได้ยินว่าอ๋องเจวี้ยนดูคล้ายกับไท่ซ่างหวงในวัยหนุ่มมาก สมัยก่อนคนของแคว้นหนานฉือก็เคยชมเคยหน้าตาของไท่ซ่างหวง แล้วองค์หญิงอะไรนั่นครั้งนี้ จะต้องตามกับอ๋องเจวี้ยนขึ้นมาหรือเปล่า?ดวงตาองค์จักรพรรดิเป็นประกาย"คนของหนานฉือทั้งป่าเถื่อนและดื้อรั้น ถ้าหากองค์หญิงคนนั้นต้องตาอ๋องเจวี้ยน จะต้องยื
ผู้เฒ่าฟู่พอเห็นฟู่จาวหนิงปลอดภัยกลับมา ก็ผ่อนคลายลงเป็นอย่างมาก"หงจั๋วกับเฝิ่นซิงสองสาวใช้นั้นชอบหลอกข้า บอกว่าพวกเจ้าจะคอยส่งจดหมายกลับมา พูดเอาไว้เสียดิบดี ตอนแรกเองข้าก็เชื่อไปแล้วด้วย"ผู้เฒ่าฟู่เอ่ยกับฟู่จาวหนิง และเพราะคิดว่าเป็นจริง ดังนั้นเขาจึงไม่ได้กังวลร้อนใจนัก เพราะสองสามวันก็จะส่งจดหมายกลับมาที พูดเอาไว้ดิบดีแล้ว จึงไม่มีเรื่องอะไรแต่เมื่อวานตอนค่ำๆ หลังจากเขากินข้าวเสร็จแล้วถูกเสี่ยวเฟยประคองออกไปเดินย่อยในลานบ้าน แล้วไปได้ยินพวกผู้ดูแลกำลังคุยกัน พูดดูแลนั่นถอนใจโล่งออกมาเฮือกใหญ่ผู้ดูแลบอกว่า ดีเหลือเกิน ท่านอ๋องกับพระชายาในที่สุดก็กลับมาแล้ว หายไปไม่มีข่าวตั้งนมนาน ทำเอาพวกเรากังวลกันไปหมด คนใช้ทั้งจวนอ๋องล้วนกลุ้มกันเหมือนผ่านไปแรมปีตอนนั้นผู้เฒ่าฟู่จึงเพิ่งรู้ ว่าที่แท้เฝิ่นซิงกับหงจั๋วพวกนางมาหลอกเขา"เมื่อวานเพิ่งจะรู้ว่ามาหลอกข้า" ผู้เฒ่าฟู่ตำหนิขึ้นมา ถลึงตามองหงจั๋วกับเฝิ่นซิงสองสาวใช้คารวะให้เขา จากนั้นก็คารวะกับฟู่จาวหนิง"ท่านผู้เฒ่าโปรดให้อภัยด้วย พระชายาโปรดให้อภัยด้วย"ฟู่จาวหนิงยิ้มๆ โบกไม้โบกมือให้พวกนาง จากนั้นก็ประคองท่านผู้เฒ่า "ท่านปู
"เฮ้อ"ผู้เฒ่าฟู่เห็นสภาพนาง ในใจก็เข้าใจขึ้นมา"เจ้าพูดมาตามตรง ถ้าเจ้าชอบอ๋องเจวี้ยนขึ้นมา ปู่ก็จะไม่รู้สึกว่าแปลกประหลาด"อันที่จริง ผู้ชายอย่างอ๋องเจวี้ยน ก็คงจะมีหญิงสาวไม่น้อยเข้ามาชอบพอ หน้าตาเองก็หล่อเหลาเหลือเกิน มองแค่ครึ่งหน้า มองแค่รูปร่าง ยืนอยู่ที่ไหนก็ดูราวไผ่หยกกลางกระแสลม สง่ามีราศีพอได้ยินเสียง ก็เหมือนกับเสียงพิณเสนาะหูแล่นผ่าน ราวกับสายลมแผ่วลูบผ่านใบหูแล้วยังตัวตนฐานะอีก อ๋องเจวี้ยนแคว้นเจา ในมือมีองครักษ์เงามังกร แล้วยังมีตราประทับแคว้นเจาอีก ยังไม่ต้องพูดเรื่องอื่น ถ้าหากมีแคว้นอื่นส่งหนังสือแคว้นเข้ามา จะเชื่อมสัมพันธ์ทั้งสองแคว้นก็ดี หรือว่าจะเปิดการค้าระหว่างสองแคว้นก็ตาม กระทั่งการตัดแบ่งเมืองเพื่อชดเชยอะไรเทือกนั้น ก็ยังต้องให้อ๋องเจวี้ยนส่งตราประทับออกมาใช้เลยสำหรับแคว้นต่างๆ นี่ถือเป็นครั้งแรก ยังไม่เคยได้ยินที่ไหนเป็นเช่นนี้เพราะการพูดเช่นนี้องค์จักรพรรดิที่นั่งอยู่บนบัลลังก์จะไม่กระอักเลือดเลยหรือ? น่าอดสูเสียจริงแล้วถ้าพูดขึ้นมา อ๋องเจวี้ยนเองก็แทบจะมีตัวตนฐานะเทียบเท่ากับผู้สำเร็จราชการแทนแล้วเป็นเช่นนี้ ไท่ซ่างหวงก็ยังทิ้งสิ่งยืนยันอะไร
ผุ้เฒ่าฟู่เองก็คอยข่าวคราวสามีภรรยาฟู่จิ้นเชินอยู่ตลอด"ท่านปู่ ตอนนี้พกวเราตรวจสอบเรื่องครั้งนั้นมาได้ส่วนหนึ่งแล้ว แต่ยังต้องตรวจสอบต่ออีก"ฟู่จาวหนิงคิดคิดแล้วจึงรู้สึกว่าควรปลอบใจผู้เฒ่าฟู่เสียหน่อย "พิษในอดีตตอนนั้น เป็นสิ่งที่กลุ่มสำนักที่ชื่อว่าลัทธิเทพทำลายล้างวางลงมา หรือก็คือกลุ่มสำนักที่วางยาพิษใส่จงเจี้ยนนั่นเอง ตอนนี้พวกเราต้องตรวจสอบจุดนี้ ว่าพ่อแม่ของข้าในอดีตได้ไปเข้าร่วมกลุ่มสำนักนี้หรือไม่"ผู้เฒ่าฟู่พอได้ยินคำพูดนางก็ตื่นเต้นขึ้นมา"จริงหรือ? เช่นั้นถ้าหากตรวจมาได้ว่าพวกเขาไม่ได้เข้าร่วมลัทธิเทพทำลายล้าง ก็อธิบายได้ว่าเรื่องนั้นไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขาใช่ไหม?""โดยพื้นฐานคือใช่"ฟู่จาวหนิงพยักหน้า "ดังนั้นท่านปู่เองก็ต้องคิดอย่างละเอียดด้วย ตอนนั้นพวกเขามีเจอกับคนแปลกๆ บ้างไหม พูดอะไรมาบ้าง อย่างเช่นในบ้านจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หลังจากนี้จะมีอนาคตแบบนั้นแบบนี้""คำพูดเหล่านี้พ่อแม่เจ้าไม่เคยพูดเลย"ผู้เฒ่าฟู่ยืนยันจุดนี้ออกมาทันทีเขาถอนหายใจ มองฟู่จาวหนิง "ที่เจ้าถามเรื่องนี้ นั่นเพราะเจ้าไม่เคยเจอพ่อแม่ของเจ้า แล้วหลายปีนี้ข้าเองก็ไม่ค่อยเอ่ยถึงพวกเขากั
ผู้เฒ่าฟู่เองก็ดูลังเลเอามากๆ ใจเขาก็ห่วงฟู่จาวหนิง ครั้งนี้เพิ่งจะกลับมาสองวันเอง ยังไม่ได้พักผ่อนให้ดีดีเลยไปต้าชื่อ ต้องไปช่วยชีวิตคนป่วย นั่นก็เป็นเรื่องเร่งด่วนเอามากๆ จะพักผ่อนก็ไม่ได้อีก?"ร่างกายของเจ้าจะไหวไหม?""ข้าไม่เป็นไร แต่ท่านปู่ทางนี้""ข้าไปรอเจ้าที่บ้านได้ ไม่เป็นไร" ผู้เฒ่าฟู่แม้จะกังวลนาง ไม่อยากให้นางไปไหนไกล แต่เห็นท่าทีของนางแล้วเหมือนตัดสินใจเรียบร้อยว่าจะไปต้าชื่อ จะว่าไปนั่นก็เป็นยายของนางด้วย ไม่ไปก็คงจะไม่ได้"แต่ก็ไม่รู้ว่าเจ้าจะเร่งออกไปเช่นนี้" เจาจะไปทันไหมฟู่จาวหนิงเองก็อ่านจดหมายอีกรอบ"ท่านลุงบอกว่าเขาอยู่ทางนั้นหาหมอมีชื่อจากสมาคมหมอใหญ่ได้แล้ว จะคอยรักษาไท่ไท่อาวุโสไปก่อน ข้าจะจัดการเรื่องทางนี้ให้เสร็จแล้วค่อยออกเดินทาง"นางคิดว่าถ้ามีหมอก็ยังสามารถยื้อสถานการณ์ไท่ไท่อาวุโสเสิ่นให้มั่นคงได้ ถ้าหากอาการป่วยถึงจุดวิกฤตแล้วจริงๆ นางจะเร่งเดินทางไปอย่างไรก็คงไม่ทันการเส้นทางจากแคว้นเจาไปต้าชื่อเองก็ไกลแสนไกล ไม่ใช่ว่าวันสองวันจะไปถึง"ได้ ข้าทางนี้ก็รู้จักหมออยู่หลายคน คิดแล้วน่าจะพอทำให้อาการของไท่ไท่อาวุโสคงที่ได้อยู่ เพียงแต่ไม่แน่ว่าจ
อันชิงเชื่อมั่นในตัวฟู่จาวหนิง ไม่ใช่แค่เชื่อมั่นในการเป็นคนของนาง แต่ยังเชื่อมั่นในวิชาแพทย์นาง และยังเชื่อในสายตาของนางด้วยดังนั้นเรื่องนี้นางจึงนึกไว้หลายวันแล้ว ฟู่จาวหนิงก็กลับมาเมืองหลวงพอดี นางดีใจมาก ทันเวลาพอดี ไม่เช่นนั้นนางก็คงอยากจะจะประวิงเวลาการพบหน้ากับคุณชายติงคนนี้ต่อไปเป็นแน่"ตอนไหนล่ะ?""พรุ่งนี้ตอนเที่ยง พี่ชายบอกว่าคุณชายติงจะไปกินข้าวเที่ยงที่ร้านอาหารชิงเว่ย ถึงตอนนั้นให้ข้าเองก็ไปด้วย ที่นั่นมีห้องรับรองที่มีฉากบังลมกั้นเอาไว้ให้"อันเหนียนเองก็รักน้องสาวคนนี้มาก ไม่อยากให้นางต้องแต่งงานโดยไม่รู้อะไรของอีกฝ่ายเลย อยากให้นางไปเห็นด้วยตนเอง ชอบไม่ชอบแล้วค่อยว่ากันฟู่จาวหนิงมองนางแล้วยิ้มขึ้น "สกุลติงหรือ?""ใช่ ฐานะบ้านของเขาก็ถือว่าดีอยู่ แต่ในบ้านไม่มีคนเป็นข้าราชการ เปิดร้านอยู่หลาย ร้านที่ใหญ่ที่สุดเป็นร้านหนังสือ พี่ชายบอกว่าคุณชายติงเขียนหนังสือละครแล้ววางขาย ได้รับความนิยมในหมู่ปัญญาชนในเมืองหลวงด้วย""พี่ชายบอกว่า พวกเราจะไม่ร้องขอให้อีกฝ่ายต้องเป็นข้าราชการ ยังต้องดูที่บุคลิกประจำตัวเขาอีก"คำพูดเหล่านี้อันชิงไม่ได้พูดกับใครเลย พอเจอฟู่จาวหนิงก