ผู้ชายคนนี้มีหน้าตาหล่อเหลาอย่างร้ายกาจ บนกายสวมใส่ชุดสูททรงสบายๆ สีขาว หากคนทั่วไปใส่ชุดแบบนี้ละก็ ต้องกลายเป็นหายนะทางแฟชั่นแน่ ทว่าเขากลับใส่แล้วกลับให้ความรู้สึกสูงส่ง แลดูภูมิฐานระคนเกียจคร้านมากกว่า
เหมือนกับปีศาจร้าย
เฉียวสือเนี่ยนรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาเหมือนกับเคยเจอคนคนนี้ที่ไหนมาก่อน เพียงแต่ตอนนี้ยังนึกไม่ออก
“คุณชายโม่” คนขับรับรีบเรียกผู้ชายคนนั้นทันที
ชายผู้ถูกเรียกว่าคุณชายโม่มองตรงไปที่เฉียวสือเนี่ยน
“ขอโทษที่ทำให้คุณเสียเวลานะคะ ฉันจะรับผิดชอบทั้งหมดเอง” เฉียวสือเนี่ยนกล่าวขอโทษด้วยความจริงใจ
ได้ยินดังนั้น ชายหนุ่มก็แค่นเสียงหัวเราะชั่วร้ายออกมา
“นอกจากค่าซ่อมรถแล้ว ยังมีค่าทำขวัญของผม แล้วก็ค่าเสียเวลาทำงาน—— ซึ่งมีสัญญาธุรกิจราคาหมื่นล้านรอให้ผมไปเซ็นสัญญาอยู่ แต่ตอนนี้ถูกคุณทำให้ล่าช้าไปแล้ว อย่างนั้นก็ให้คุณรับผิดชอบไปด้วยเลยนะ”
ได้ฟังคำพูดละโมบราวกับราชสีห์อ้าปากงับเหยื่อของอีกฝ่ายแล้ว เฉียวสือเนี่ยนจึงคลี่ยิ้มบางๆ
“คุณชายท่านนี้ ดูสง่าผ่าเผย ร่ำรวยเงินทองและบารมี ที่แท้ก็หากินด้วยการรีดไถเงินชาวบ้านแบบนี้เองสินะคะ”
มิน่าเล่าคนขับรถถึงได้ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นหลักฐานคล่องเสียขนาดนั้น
ชายหนุ่มไม่ได้โกรธเคือง ทว่าใบหน้ายังคงเหี้ยมเกรียม “ไม่ต้องสนใจหรอกว่าผมหากินอย่างไร ถ้าคุณจ่ายไม่ไหวก็ให้เจ้าของรถมาจ่ายแทน”
เฉียวสือเนี่ยนฟังออกทันทีว่า ชายที่ชื่อคุณชายโม่อะไรนี่ตั้งใจจะเรียกฮั่วเยี่ยนฉือมา
ขณะเดียวกัน แสงสว่างก็สว่างวาบเข้ามาในหัว เธอจำผู้ชายคนนี้ได้แล้ว—— โม่ซิวหย่วน!
คู่แข่งทางธุรกิจตัวฉกาจของฮั่วเยี่ยนฉือ
ชาติก่อน เธอไม่เคยได้เจอโม่ซิวหย่วนจัง ๆ เลยสักครั้ง
แต่ตอนอยู่ในโรงพยาบาลจิตเวช เธอเคยเห็นเขาไปโผล่อยู่ในข่าวเศรษฐกิจ
ตอนนั้นฐานะทางสังคมของโม่ซิวหย่วนแทบจะเทียบเท่ากับฮั่วเยี่ยนฉือ
บริษัทการลงทุนที่เขาก่อตั้งจะเป็นรองก็เพียงแค่บริษัทตระกูลฮั่วเท่านั้น
“ประธานฮั่ว ตอนนี้มีผู้หญิงคนหนึ่งอ้างว่าเป็นภรรยาของคุณ ทั้งยังขับรถของคุณมาชนรถผมเสียยับเยิน คุณจะชดใช้อย่างไร?”
ยามที่เฉียวสือเนี่ยนกำลังคิดทบทวนถึงเรื่องราวในชาติก่อน โม่ซิวหย่วนก็ต่อสายหาฮั่วเยี่ยนฉือเป็นที่เรียบร้อย
“ทักทายสามีคุณหน่อยสิ” โม่ซิวหย่วนยื่นโทรศัพท์มาให้เธอ
“...” เฉียวสือเนี่ยนแนบโทรศัพท์เข้ากับหูแล้วกรอกเสียงลงไป “ฮัลโหล”
“เธอขับรถออกไปคนเดียวอย่างนั้นเหรอ?” แม้ว่าฮั่วเยี่ยนฉือจะหงุดหงิด แต่ยังคงน้ำเสียงไว้ได้ไม่เลว
“อืม”
“บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”
“เปล่า”
“อยู่ตรงนั้นแหละ อย่าไปไหน”
พูดจบ ฮั่วเยี่ยนฉือก็วางสายไป
“ได้ยินว่าประธานฮั่วแต่งงานกับภรรยาสาวหน้าตาสะสวยเหมือนดอกไม้ วันนี้ได้เห็นแล้วก็ต้องบอกเลยว่าเป็นจริงดังคำคนอื่นเขาว่า!” โม่ซิวหย่วนเอ่ยชมทีเล่นทีจริง
เขาเคยได้ยินมากับผีน่ะสิ ตอนที่ฮั่วเยี่ยนฉือแต่งกับเธอไม่มีการจัดงานอะไรทั้งนั้น นอกจากคนใกล้ชิดแล้ว คนอื่น ๆ ล้วนไม่มีใครรู้ว่าเขาแต่งงานแล้ว
เฉียวสือเนี่ยนเองก็ปั้นหน้าเผยรอยยิ้มธุรกิจ “ได้ยินมานานแล้วว่าคุณชายโม่หาเงินเก่ง วันนี้มีโอกาสได้พบหน้าทั้งที ต้องขอแสดงความนับถือด้วยนะคะ”
ขณะที่พูด เฉียวสือเนี่ยนก็อาศัยจังหวะที่โม่ซิวหย่วนกำลังใคร่ครวญ มากดเบอร์โทรศัพท์ของตัวเธอเองลงไปในโทรศัพท์ของเขา
“ต่อไปหากมีโอกาส คงต้องขอคำชี้แนะเรื่องหาเงินกับคุณชายโม่เสียแล้ว หวังว่าคุณชายโม่จะไม่ตระหนี่กับคำสอนนะคะ”
เฉียวสือเนี่ยนส่งโทรศัพท์กลับไปให้เขา
โม่ซิวหย่วนเลิกคิ้วงามขึ้นด้วยความสนอกสนใจ “ได้ ไม่มีปัญหา”
ไม่นานนัก ตำรวจและทนายความของโม่ซิวหย่วนก็มาถึง
และรถมายบัคที่ฮั่วเยี่ยนฉือใช้เป็นประจำก็เคลื่อนตัวมาทางนี้เช่นกัน
เฉียวสือเนี่ยนประหลาดใจอยู่บ้าง ยามเห็นฮั่วเยี่ยนฉือลงมาจากที่นั่งด้านหลังรถ
เขาส่งโจวเทียนเฉิงมาจัดการกับเรื่องเล็ก ๆ แบบนี้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว แต่นี่เขาถึงกับมาด้วยตัวเองเชียวเหรอ?
โจวเทียนเฉิงเข้าไปคุยกับทนายและตำรวจจราจร ส่วนฮั่วเยี่ยนฉือก็เดินมาทางเธอและโม่ซิวหย่วน
ฮั่วเยี่ยนฉือใส่เสื้อเชิ้ตสีดำสนิท ขับให้ใบหน้าของเขาสว่างราวกับกวานหยก อกผายไหล่ผึ่งประกอบกับชุดสูทและช่วงขาเรียวยาว ส่งกลิ่นอายดูดีมีสง่าและสูงส่งที่มีติดตัวมาแต่เกิดออกมา
ก่อนหน้านี้เฉียวสือเนี่ยนยังคิดอยู่ว่าโม่ซิวหย่วนนั้นหล่อเหลาร้ายกาจเป็นที่หนึ่งไม่มีสอง เวลานี้พอได้เห็นฮั่วเยี่ยนฉือแล้วกลับคิดว่าเขานี่แหละที่ชนะขาดลอย
“ประธานฮั่ว ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” โม่ซิวหย่วนยื่นมือออกมาด้วยความสุภาพ
ดวงตาเย็นชาของฮั่วเยี่ยนฉือไม่ได้สนใจเขาสักนิด แต่กลับปรายตามองเฉียวสือเนี่ยนแวบหนึ่ง “เกิดอะไรขึ้น”
“จริง ๆ มันก็แค่อุบัติเหตุตามท้องถนนธรรมดาทั่วไปนี่แหละ แต่เขาอยากขูดรีดจากคุณ”
เฉียวสือเนี่ยนชี้ไปที่โม่ซิวหย่วน โยนหน้าที่รับผิดชอบไปให้เขาอย่างไม่ลังเล
“คำพูดของคุณผู้หญิงฮั่วคลาดเคลื่อนไปไกลเลย—— ผมนี้ปล้นอย่างเปิดเผย”
โม่ซิวหย่วนไม่ได้โกรธ ทั้งยังกล่าววาจายั่วยุฮั่วเยี่ยนฉือ “ประธานฮั่ว ได้ข่าวว่าป๋อโจวอยากลงทุนที่หมิงเหมา แต่ผมจะชิงโครงการนี้มาได้ ก็คิดเสียว่าผมกลับมามอบของขวัญการพบหน้าให้คุณก็แล้วกัน”
ฮั่วเยี่ยนฉือแค่หัวเราะเสียงต่ำ “คุณคู่ควรด้วยเหรอ?”
“ไม่อย่างนั้นให้ผมกับประธานฮั่วมาลองพนันกันดูไหม ถ้าผมได้โครงการนี้ คุณต้องถอยออกจากที่ดินตรงพื้นที่สีเขียวส่วนนั้นให้ผม”
ฮั่วเยี่ยนฉือหัวเราะเยาะอีกครั้ง “ตะกละจริงนะ”
โม่ซิวหย่วนเองก็หัวเราะเช่นกัน “ถือว่าประธานฮั่วตกลงแล้วนะ”
ฮั่วเยี่ยนฉือไม่ต่อความกับเขาอีก หันไปพูดกับเฉียวสือเนี่ยน “ขึ้นรถ”
พูดจบเขาก็ก้าวยาว ๆ ไปที่รถมายบัค
ต่อให้เฉียวสือเนี่ยนจะไม่อยากไปกับฮั่วเยี่ยนฉือ แต่เธอเป็นคนเอารถเขามาทำพัง แถมเขายังมาจัดการปัญหาให้ด้วยตัวเองแบบนั้น ตัวเธอเองก็ไม่ได้ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีขนาดนั้นเสียหน่อย
เธอเลยไปพร้อมกับเขา
เดินมาถึงรถแล้วเตรียมจะเปิดประตูเบาะหลัง ทว่าฮั่วเยี่ยนฉือกลับส่งเสียงเย็นเยียบขึ้นมา “ให้ฉันเป็นคนขับรถเหรอไง?”
“...” เฉียวสือเนี่ยนย้ายไปนั่งบนที่นั่งข้างคนขับ
บนรถ ฮั่วเยี่ยนฉือทำหน้าตาเย็นชา ท่าทางดูอารมณ์ไม่ดีเท่าไรนัก
หากเป็นเมื่อก่อน เฉียวสือเนี่ยนต้องพูดขอบคุณด้วยความซาบซึ้งตื้นตันใจ ทั้งยังเล่าต้นสายปลายเหตุให้เขาฟังละเอียดยิบแน่ ๆ
แต่ตอนนี้เฉียวสือเนี่ยนไม่คิดว่ามีเรื่องอะไรที่ต้องพูด เลยสนใจเล่นแต่โทรศัพท์ของตัวเอง
ทั้งสองเงียบเชียบกันอยู่แบบนี้
จู่ ๆ รถคันที่ขับตามอยู่ด้านหลังก็ทั้งบีบแตรทั้งสาดไฟใส่
เฉียวสือเนี่ยนมองผ่านกระจกหลัง เป็นโม่ซิวหย่วนที่ขับรถหรู ซึ่งเป็นคันที่เธอชนจบบุบ ไล่ตามมา
ฮั่วเยี่ยนฉือเองก็เห็นแล้วเช่นกัน เขาไม่ได้เพิ่มหรือลดความเร็ว ยังคงขับไปด้วยความเร็วปกติของตัวเอง
ด้านหน้าเป็นไฟแดง โม่ซิวหย่วนจอดรถลงข้างฝั่งเฉียวสือเนี่ยน
เขาโบกมือให้เฉียวสือเนี่ยน สื่อเป็นนัยว่ามีเรื่องจะคุย
เฉียวสือเนี่ยนลดกระจกลงด้วยความสงสัย