เมื่อเห็นท่าทีไม่มีความสุขของฮั่วเยี่ยนฉือ แล้วยังเสียงถามที่ไม่สบายใจของเขาอีก เฉียวสือเนี่ยนก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ “ฉันปกป้องอะไรเขา? ครั้งก่อนฉันบอกคุณไปแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าจากนี้ฉันวางแผนจะเปลี่ยนไปชอบเขา ”ฮั่วเยี่ยนฉือสำลักด้วยความโกรธ คุยในโทรศัพท์ครั้งก่อน เฉียวสือเนี่ยนบอกว่าจะเปลี่ยนไป
มีแค่เฉิงหว่านซินคนเดียวเท่านั้น ที่ถูกป๋ายอีอีติดสินบนจริง ๆ และเรื่องนี้สามารถตรวจสอบได้“เฉิงหว่านซินกับเธออยู่พวกเดียวกัน คุณบอกจะไปตรวจสอบ ตรวจสอบแล้วยังล่ะ?” เฉียวสือเนียนเอ่ยอย่างเย็นชา ฮั่วเยี่ยนฉือเงียบไปครู่หนึ่ง “ช่วงนี้ฉันยุ่งมากจนไม่มีเวลาเลย”“ยุ่งอะไร นี่มันคือคำโกหก! คุณไม่เชื่อคำพู
ลู่เฉินหนานถามเรื่องไร้สาระ!เขาอยากรู้ว่าตรงไหนคือปัญหา แล้วทำไมถึงต้องย้อนถามเขาด้วย?ฮั่วเหยียนฉือพูดอย่างไม่อดทน “มีอะไรจะพูดก็พูดออกมาตรง ๆ จะอิดออดไปทำไม!”ลู่เฉินหนานหูเกือบหนวก “พี่ฉือ ผมขอถามที่ก่อนนะ พี่เชื่อว่าพี่สะใภ้เป็นทำเรื่องที่เกิดขึ้นครั้งที่แล้วหรือเปล่า?”ฮั่วเยี่ยนฉือไม่ตอบออกมา
หลังจากที่นอนราบลงซักพัก เฉียวสือเนี่ยนก็ลุกขึ้นจากเสียง วางแผนที่จะไปหาอะไรกิน แล้วก็เก็บของก่อนจะเดินทางกลับจีนไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้เมื่อเธอสวมเสื้อคลุม เฉียวสือเนี่ยนก็รู้สึกดีมากขึ้นเมื่อเท้าของเธอเยียบลงบนพื้น รู้สึกดีขึ้นไม่น้อย แต่ก็ไม่กล้าที่จะออกแรงมากเกินไป เมื่อเปิดประตู เธอก็เดินไปที่ห้อ
เฉียวสือเนี่ยนเองก็มองฮั่วเยี่ยนฉือเช่นกันสีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความจริงจัง แววตาแฝงไปด้วยความคาดหวังฮั่วเยี่ยนฉือไม่เคยขอโทษเธอมาก่อน และไม่เคยยอมลดศักดิ์ศรีตัวเองขนาดนี้ต่อหน้าเธอเฉียวสือเนี่ยนรู้สึกปั่นป่วนเล็กน้อยเธอคิดมาตลอดว่าตัวเองจะไม่รู้สึกอะไรกับคำพูดของฮั่วเยี่ยนฉือทั้งนั้นและจะไม่ใจเต้นต่อความละอายใจที่น่าสงสารและการไม่ยอมแพ้ของเขาเด็ดขาดแต่ในตอนนี้ เธอยังคงรู้สึกขื่นขมราวกับบาดแผลในวัยเด็กที่คาดหวังว่าจะมีใครเห็นและเป็นห่วงแต่เธอก็รอจนกระทั่งตัวเองเติบโตขึ้น บาดแผลนี้จึงถูกอีกฝ่ายเห็นมัน มันเป็นเหมือนความรู้สึกที่ได้รับการเติมเต็มทำให้เธอเกิดรู้สึกสะเทือนใจ แต่เพราะเวลาผ่านไปนานมากแล้ว บาดแผลจึงไม่สามารถรักษาได้อีกต่อไป“ฮั่วเยี่ยนฉือ คุณคิดว่าการที่พูดคำพวกนี้ในตอนนี้ มันมีประโยชน์อะไร?” เฉียวสือเนี่ยนถาม“ทำไมจะไม่มีประโยชน์?”ฮั่วเยี่ยนฉือ “ตอนแรกฉันไม่อยากยอมรับการแต่งงานครั้งนี้ แต่ตอนนี้พวกเราก็ได้แต่งงานกันมาปีกว่าแล้ว ฉันคุ้นเคยกับเธอแล้ว ครอบครัวของพวกเราก็สนับสนุนให้เราอยู่ด้วยกัน ฉันจึงคิดว่าไม่มีความจำเป็นที่พวกเราต้องหย่ากัน”“แน่นอนว่าหลังจากนี้ถ้าเธ
เฉียวสือเนี่ยนรู้ว่าเธอจะทำอะไรหน้าตาของฮั่วเยี่ยนฉือหาได้ยากจริง ๆ ประกอบกับท่าทางเย็นชาเข้าถึงยาก จึงง่ายต่อการทำให้หญิงสาวหลายคนใจเต้นก่อนหน้านี้เธอได้ยินมาว่ามีหญิงสาวไม่น้อยที่ใช้เรื่องงานมาบังหน้าเพื่อให้ได้เข้าใกล้ฮั่วเยี่ยนฉือ เธอต้องเข้าไปขัดขวางอย่างรีบรน แต่ไม่เคยสำเร็จ เพราะแม้แต่ห้องทำงานของฮั่วเยี่ยนฮือเธอยังไม่สามารถเข้าไปได้นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นว่ามีผู้หญิงพยายามให้ท่าเขาเฉียวสือเนี่ยนหันมองมองท่าทีของฮั่วเยี่ยนฉืออย่างสนใจเมื่อเห็นว่าเฉียวสือเนี่ยนกำลังมองมาทางตัวเอง ฮั่วเยี่ยนฉือจึงหันไปพูดกับพนักงานต้อนรับด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “ขอบคุณครับ”รอยยิ้มของพนักงานต้อนรับหวานหยดย้อย “ต้องการให้ฉันไปหยิบแผ่นปิดตาให้คุณผู้ชายไหมคะ แบบนี้คุณจะได้นอนหลับสบาย”หากเป็นเวลาปกติแล้ว หากเขาถูกคนรบกวนขนาดนี้เขาจะต้องไล่คนคนนั้นออกไปอย่างแน่นอน แต่เขาก็ไม่ได้ไล่พนักงานสาวไป เพียงแต่ตอบกลับเธออย่างสุภาพ “ไม่เป็นไรครับ”เพราะเป็นคนสวยสินะ “คุณอยากสั่งอาหารหรือเครื่องดื่มอะไรอื่น ๆ อีกไหมคะ? อาหารของสายการบินเราได้รับคำชมมากมาย คุณสามารถสั่งมาลองทานและให้คำติชมพวกเราได้นะคะ”ฮั่วเ
เฉียวสือเนี่ยนมองฮั่วเยี่ยนฉือด้วยความงุนงง “คุณคิดจะทำอะไร?”“ดึกขนาดนี้แล้ว เธอนั่งรถไปคนเดียวไม่ปลอดภัย”ฮั่วเยี่ยนฉือมีท่าทีที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ง่าย ๆ “คนขับรถมารอด้านนอกแล้ว นั่งรถไปด้วยกัน”เฉียวสือเนี่ยนมองเวลา “เพิ่งจะสองทุ่ม ไม่ถือว่าดึก อีกอย่างที่นี่มีระบบการรักษาความปลอดภัยที่ดี ไม่มีอะไรที่อันตราย”สีหน้าของฮั่วเยี่ยนฉือไม่ดีนัก “เธอดูแลฉันที่ประเทศ M ตั้งหลายวัน ฉันไม่สามารถทิ้งเธอไว้ที่สนามบินได้หรอกนะ ถ้าคุณย่ารู้ขึ้นมาฉันจะถูกตำหนิอีก”เฉียวสือเนี่ยนอยากจะตอบกลับว่าคุณย่าตำหนิคุณแล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันแต่ฮั่วเยี่ยนฉือกลับไม่ยอมปล่อยมือเธอไปง่าย ๆ มีคนไม่น้อยที่กำลังมองมาทางพวกเขา โจวเทียนเฉิงก้มหน้าลงเพื่อไม่ให้ใครสังเกตเห็นตัวเอง เฉียวสือเนี่ยนก็ไม่อยากขายหน้าอยู่ที่นี่เช่นกัน“ไปด้วยก็ได้ แต่ต้องพาฉันไปส่งที่โรงแรม”ฮั่วเยี่ยนฉือเม้มปากลง เขาไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่จับมือเธอให้เดินไปข้างนอก ทำให้เฉียวสือเนี่ยนคว้าเอากระเป๋าเดินทางไว้ไม่ทัน“กระเป๋าฉัน!”เธออยากจะเดินกลับไปเอากระเป๋า แต่โจวเทียนเฉิงรีบพูดขึ้นก่อน “คุณผู้หญิง ผมเอาไปให้ก็ได้ครับ”เฉียวสือเนี่ยนหันไปโวยว
เมื่อได้ยินดังนั้น ฮั่วเยี่ยนฉือจึงดึงสายตากลับมา เขายกมือขึ้นมากุมหน้าผาก “กลับสิ”เมื่อเฉียวสือเนี่ยนนำกระเป๋าเข้าไปเก็บในห้องได้ไม่นาน ฟู่เถียนเถียนก็ส่งข้อความมาบอกว่าเธอถึงร้านเนื้อย่างแล้ว[รอเดี๋ยว ฉันใกล้จะถึงแล้ว!]เมื่อตอบกลับข้อความแล้ว เฉียวสือเนี่ยนจึงหยิบเซ็ทสกินแคร์บำรุงผิวที่ซื้อมาฝากฟู่เถียนเถียนไปยังร้านเนื้อย่างด้วยร้านนี้อยู่ข้าง ๆ โรงแรมใช้เวลาเดินทางไม่กี่นาที เมื่อเฉียวสือเนี่ยนมาถึง ฟู่เถียนเถียนก็ได้ทำการสั่งอาหารเรียบร้อยแล้ว ส่วนเนื้อก็กำลังถูกย่างบนกระดาษในเตาอยู่“มาแล้ว!” ฟู่เถียนเถียนเอ่ยทักทาย “ฉันสั่งของอร่อยให้เธอเยอะมากเลย”เมื่อได้กลิ่นหอมฉุยของเนื้อย่าง เฉียวสือเนี่ยนก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย “ดีจัง ตอนที่อยู่ประเทศ M ฉันกินอะไรไม่สะใจเลย อยากกินเนื้ออยากกินชิ้นโต ๆ กับผัก”“งั้นวันนี้เธอเชิญทานตามสบาย วันนี้เจ๊เลี้ยงเอง กินให้หนำใจไปเลย!”“ขอบคุณคุณฟู่คนสวย”เฉียวสือเนี่ยนนั่งลงก่อนจะหยิบของฝากยื่นไปให้ฟู่เถียนเถียน “ฉันซื้อของฝากมาให้”“โอ้โห เซตนี้แพงมากด้วยนี่ ขอบคุณนะคุณเฉียวคนสวย”“เนื้อสุกแล้ว กินกันเถอะ!”เฉียวสือเนี่ยนไม่มีพิธีรีตองอะไรกับ