ไม่น่าเชื่อว่าเสียงนั้นพูดมาจากร่างกายเด็กถ้าไม่ได้มองด้วยตา“ผู้เฒ่า พอเถอะครับ ผมตัดสินใจแล้ว ปล่อยผมไปเถอะ” ใบหน้าของฉู่เฉินเปลี่ยนไปเมื่อเห็นผู้เฒ่าเฟิงหยู่ผู้ชายคนนี้เป็นระดับเซียนวรยุทธที่แข็งแกร่งกว่าจอมยุทธหากต้องการรั้งไว้ที่นี่จริงๆ ฉู่เฉินกลัวว่าตัวเองจะไม่มีโอกาสโต้ตอบเลยด้วยซ้ำ“ปรมาจารย์ฉู่ คุณเข้าใจผิดแล้ว ฉันจะไม่บังคับคุณให้อยู่ ก่อนหน้านี้พวกเราทำไม่ถูกต้อง หากคุณต้องการระบายความโกรธก็ระบายกับฉันเถอะ ฉันจะไม่ขัดขืน ถ้าปรมาจารย์ฉู่ต้องการไปจากนิกายแพทย์ คุณมีอิสระที่จะทำตามความต้องการ แต่พวกเราทุกคนติดอยู่ในดินแดนลับนี้ ไม่สามารถออกไปสู่โลกภายนอกได้ ดังนั้นจึงไม่สามารถตามปรมาจารย์ฉู่ออกไปได้ เอาอย่างนี้เป็นยังไง ฉันจะให้เหยาปิงชู่ติดตามคุณและปกป้องคุณ คุณคิดว่ายังไง?" เฟิงหยู่อ้อนวอนอย่างนอบน้อม“ผู้เฒ่าสูงสุด ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น ผู้เฒ่าเหยาได้รับการยกย่องเป็นอย่างมากในนิกาย จะให้เขาจะติดตามผมไปได้อย่างไร ไม่จำเป็นต้องทำเรื่องให้วุ่นวายเพียงเพราะผมเลย ได้โปรดเปิดประตูดินแดนลับของนิกายให้ผมด้วย” ฉู่เฉินไม่ได้ถูกหลอกโดยท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตนของเฟิงหยู่ และต้องกา
ออกจากประตูมิติของนิกายแพทย์ ฉู่เฉินพบว่าตัวเองอยู่ในภูเขาลึกที่รกร้างและไม่มีวี่แววของสิ่งมีชีวิตเมื่อมองไปรอบๆ ฉู่เฉินก็สังเกตเห็นว่าเป็นสถานที่เดียวกับที่เคยเข้าไปมาก่อนหน้านี้ดูเหมือนว่าทั้งทางเข้าและทางออกของดินแดนลับ ซึ่งเป็นที่ตั้งของนิกายแพทย์ซวนเทียนจะตั้งอยู่ ณ จุดนี้หลังจากกำหนดทิศทางแล้ว ฉู่เฉินก็กลายเป็นสายรุ้งยาวและพุ่งตัวออกจากสถานที่นี้ในใจของเขา ได้ถามเหยาหลิงเฉิน "ผู้อาวุโส ทำไมดินแดนลับของนิกายแพทย์ของคุณตั้งอยู่กับที่ ในขณะเมืองลับแลมังกรนั้นตามผมไปทุกที่"“ไม่แน่ใจสำหรับเหตุผลหลัก เมืองลับแลมังกรก่อนหน้านี้ก็เหมือนกับนิกายแพทย์ ซึ่งอยู่ที่ตระกูลฉู่ในเมืองหลวงมาโดยตลอด เรื่องนี้น่าจะต้องเกี่ยวข้องกับฉู่เซินแน่นอน” เดิมทีเหยาหลิงเฉินไม่อยากจะพูดเรื่องของนิกายแพทย์ แต่เมื่อได้ยินคำถามของฉู่เฉิน ก็รีบพูดสิ่งที่ตัวเองเดาออกมาเมื่อได้ยินชื่อฉู่เซินจากปากของเหยาหลิงเฉินอีกครั้ง ก็อดไม่ได้ที่จะอยากรู้อยากเห็น“ผู้อาวุโส ฉู่เซินที่คุณพูดถึงเป็นใครกันแน่?” แม้ว่าฉู่เฉินจะคาดเดาได้อย่างคลุมเครือ แต่เขาก็ยังต้องการได้รับการยืนยัน“ฉู่เซินก็คือฉู่เซิน คนที่รู้จักก
“ถ้าแกไม่มีเงิน แล้วทำไมแกยังกล้ามาเปิดร้านอาหารในถิ่นฉันอีก? รนหาที่ตายแล้ว!”หากโดนลูกเตะนั้น เจ้าของร้านคงจะเจ็บปวดเป็นเวลาหลายวันในขณะนั้นเอง จู่ๆ ลูกค้าที่กินข้าวก็ลุกขึ้นและแทรกตัวเองระหว่างคนทั้งสอง ไม่เพียงแต่ป้องกันเจ้าของร้านเท่านั้น แต่สกัดการเตะอีกด้วย“เฮียคิดเงินที ทั้งหมดเท่าไหร่?” ลูกค้าคนนั้นคือฉู่เฉินเมื่ออยู่ที่เมืองหลวงเป็นเวลาหนึ่งวัน ฉู่เฉินก็ไม่รีบร้อนไปหาผู้เฒ่าเฉิน แต่เขาต้องการที่เรียนรู้ขนบธรรมเนียมและประเพณีท้องถิ่นของเมืองหลวงก่อนตอนที่มาถึงครั้งแรก นั่นเป็นสาเหตุที่เขามาปรากฏตัวในร้านอาหารเล็กๆ แห่งนี้ไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นได้ระหว่างมื้ออาหารที่เรียบง่ายด้วยความคิดที่จะยุติข้อพิพาทอย่างสันติ ฉู่เฉินจึงก้าวเท้าออกมาอันธพาลผมบลอนด์เห็นว่าลูกเตะของเขาถูกสกัดเอาไว้ได้ และไม่เพียงเท่านั้น อาการชาที่น่องยังบอกเขาด้วยว่าคนคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา สกัดลูกเตะของเขาเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเขาจะมีฝีมือแค่ไหน ชายนุ่มผมบลอนด์ก็คิดว่าตัวเองได้เปรียบในด้านจำนวนคนแน่นอนว่า จู่ๆ ชายผมสีเขียวก็ปรากฏตัวขึ้นและส่งเสียงออกมาทันที
เวลาผ่านไปนานจนกระทั่งฉู่เฉินเดินเข้าไปในตรอกทันใดนั้น คนกลุ่มหนึ่งก็พุ่งเข้ามาขวางทาง ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง“เจ้าหนู แกกล้าทำให้แก๊งเทียนหลงขุ่นเคือง ดูสิว่าแกจะหนีไปที่ไหน!” คนที่พูดคือชายผมบลอนด์ก่อนหน้านี้อันธพาลผมบลอนด์เดินตามชายสวมชุดศิลปะการต่อสู้ในวัยสี่สิบต้นๆ โดยมีขมับสูงและนูน ซึ่งให้ความรู้สึกแรกพบว่าเป็นคนที่ไม่ควรเข้าไปยั่วยุ“อาจารย์เฉิน เขาไม่เพียงแต่ดูหมิ่นแก๊งเทียนหลงเท่านั้น แต่ยังทุบตีพี่น้องของเราด้วย”“พวกนายทั้งกลุ่มไม่สามารถจัดการกับไอ้หน้าอ่อนคนเดียวได้?”“อาจารย์เฉิน ไอ้เด็กเป็นกังฟูอยู่บ้าง พี่ๆ น้องๆ แพ้เขาหมดเลย ดังนั้นจึงต้องรบกวนให้พี่เฉินออกหน้าช่วย”เมื่อได้ยินอันธพาลผมบลอนด์พูดแบบนี้ ชายที่ชื่อพี่เฉินก็ก้าวไปข้างหน้าและเข้าไปหาฉู่เฉิน“เจ้าหนู ในเมื่อแกเป็นกังฟู แกก็น่าจะเคยได้ยินชื่อฉันมาบ้างล่ะ เอาล่ะ ฉันจะให้โอกาสแกคุกเข่าลงต่อหน้าฉันและคำนับฉันสามครั้ง บางทีฉันอาจจะไว้หน้าแกบ้าง เพราะครั้งนี้ที่แกทำให้แก๊งเทียนหลงขุ่นเคือง ถ้าฉันลงมือ แกอาจจะตายหรือพิการก็ได้” “เจ้าหนู แกคิดว่าสามารถแยกร่างได้เพียงเพราะแกมีรู้วรยุทธต่ำต้อย เลยกล้าที่จ
“แล้วพวกเขาล่ะ?” ฉู่เฉินชี้ไปที่หลังของอันธพาลฉันบลอนด์และคนอื่นๆ ที่วิ่งหนีไป“ขนาดฉันไม่มีคุณสมบัติที่จะพบกับหัวหน้าแก๊งเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้สำหรับพวกเขาเลย ผู้อาวุโส หากคุณต้องการพบกับหัวหน้าแก๊งค์จริงๆ คุณอาจพักที่โรงฝึกของฉันก่อน ฉันจะแนะนำคุณเมื่อมีโอกาสแล้วคุณจะได้พบกับหัวหน้า” เฉินเฟยอวิ๋นพูดอย่างกระตือรือร้นนับตั้งแต่ที่เห็นร่างของฉู่เฉินทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า เฉินเฟยอวิ๋นก็เข้าใจทันทีว่าเขาได้พบกับปรมาจารย์เข้าแล้ว เมื่อเห็นว่าฉู่เฉินพูดคุยได้เป็นกันเอง เขาคิดว่าถ้าเขาสามารถติดตามอีกฝ่าย และถ้าได้รับการชี้แนะจากเขา ก็ไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะบอกว่าจะสามารถก้าวกระโดดขึ้นไปอีก“ถ้านายไม่เคยเจอหัวหน้าแก๊งมาก่อน แล้วราชามังกรทั้งแปดล่ะ?” จู่ๆ ฉู่เฉินก็เริ่มสนใจสิ่งที่เรียกว่าราชามังกรทั้งแปด หากเจอกับหัวหน้าแก๊งไม่ได้ แค่ตามหาราชามังกรมาสักคน ก็น่าจะให้ผลลัพธ์เช่นเดียวกัน“ฉันก็ไม่เคยเจอราชามังกรทั้งแปดมาก่อนเหมือนกัน” เฉินเฟยอวิ๋นพูดอย่างไร้เดียงสาฉู่เฉินผิดหวังอย่างมากและกำลังจะจากไป“แต่ฉันรู้ข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับหนึ่งในราชามังกร” เฉินเฟยอวิ๋นคว้าโอกาสอย่าง
ชายทั้งสองมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างสงสัย ซึ่งอายุน้อยกว่าตัวเองอย่างเห็นได้ชัด และทั้งสองคนทำหน้าอย่างไม่เชื่อด้วยความเคารพต่ออาจารย์ พวกเขาจึงเรียกเขาว่า "ผู้อาวุโส" อย่างไม่เต็มใจฉู่เฉินไม่ได้สนใจและเพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อยแต่การพยักหน้านี้จุดประกายไฟของความโกรธในใจพวกเขาผู้ชายคนนี้กำลังแสดงท่าทีเป็นผู้อาวุโสจริงๆบนเวที ชายทั้งสองสบตากันและทันใดนั้นก็เกิดฝุดความคิดขึ้นหนึ่งในนั้นพูดขึ้น“ในเมื่ออาจารย์เฉินเรียกคุณว่าผู้อาวุโส วรยุทธของคุณจึงต้องล้ำลึกแน่นอน คุณยินดีที่จะให้ชี้แนะแก่ข้าหรือไม่!”ก่อนที่ฉู่เฉินจะสามารถตอบได้ เฉินเฟยอวิ๋นก็แสร้งทำเป็นโกรธและพูด: "พวกนายสองคนหยาบคายนัก! พวกนายจะตั้งคำถามถึงระดับวรยุทธของผู้อาวุโสได้ยังไง? รีบขอโทษเดี๋ยวนี้!"“อาจารย์ ผู้อาวุโสจะไม่รังเกียจที่จะฝึกซ้อมกับพวกเราใช่ไหม ผู้อาวุโส?” หนึ่งในนั้นถามฉู่เฉินมองความคิดของพวกเขาออก พวกเขาเพียงต้องการทดสอบวรยุทธของตัวเขา“วิชาที่นักสู้ฝึกฝนนั้นอันตรายถึงขั้นเอาชีวิตได้ ดังนั้นอย่าเลย” ฉู่เฉินรู้ว่าแค่ความคิดของคนไม่กี่คนเป็นเรื่องหนึ่ง แต่ไม่อยากลงมือก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งไม่คาดคิ
หลังจากพูดแล้ว เฉินเฟยอวิ๋นก็จากไปฉู่เฉินมองไปที่คนหมดสติสองคนในยิม โบกมือแล้วโยนพวกเขาลงบนโซฟาด้านข้าง ลงไปจากชั้นสองโดยตั้งใจจะสำรวจชั้นหนึ่งขณะที่เขาเดินลงบันได พนักงานต้อนรับสาวสวยก็ทักทายเขาอย่างอบอุ่น“สวัสดีค่ะปรมาจารย์ฉู่!”เห็นได้ชัดว่าเฉินเฟยอวิ๋นได้แจ้งให้พวกเขาทราบแล้ว ก่อนที่จะออกไปฉู่เฉินพยักหน้าเล็กน้อยแล้วเดินออกไปด้วยตัวเอง“วีวี่ ผู้ชายคนนั้นคือใคร? กล้าดียังไงมาเมินเธอ!”ฉู่เฉินกำลังเดินจากไป ชายร่างกำยำก็ปรากฏตัวที่แผนกต้อนรับ และถามพนักงานต้อนรับ“เขาเป็นเพื่อนที่อาจารย์พากลับมาน่ะ ค่อนข้างลึกลับ อาจารย์บอกให้เรียกเขาว่าปรมาจารย์ฉู่ และให้ปฏิบัติต่อเขาด้วยความเคารพมากกว่าตัวอาจารย์เสียอีก” พนักงานต้อนรับบ่นกับชายร่างล่ำซึ่งเห็นได้ชัดว่าคุ้นเคยกันชายร่างกำยำไม่พอใจทันทีเมื่อได้ยินเข้า"อะไรนะ? อาจารย์เฉินออกจะเป็นคนดี เขาจะบอกเธอให้ทำแบบนั้นได้ยังไง? วีวี่ เธออยากให้ฉันสอนบทเรียนให้เขาไหม? แค่ไปกินข้าวเย็นกับฉันเป็นการตอบแทนก็พอ”“การทานอาหารเย็นกับคุณก็ได้นะ แต่อย่าทำเลย อาจารย์เฉินเน้นย้ำเรื่องนี้ไว้โดยเฉพาะ ดังนั้นเขาอาจจะเป็นเพื่อนคนสำคัญของอาจารย
ทันทีที่ชายร่างกำยำ อาเชียงได้ประกาศออกไป ทำให้ผู้เห็นเหตุการณ์เริ่มกระซิบกระซาบกัน“อาเชียงเริ่มรังแกคนอีกแล้ว ทุกคนรู้ดีว่าเขาเป็นเจ้าของสถิติการยกน้ำหนักที่ยิมนี้”“ใช่ ฉันได้ยินมาว่าอาเชียงได้รับเชิญเป็นพิเศษให้เข้าร่วมทีมจากทีมยกน้ำหนัก”“เจ้าเด็กคนนี้มีแต่กระดูก จะต้องไม่กล้ารับคำท้าแน่อน”อาเชียงฟังเสียงซุบซิบรอบตัวเขาด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ ไอ้หนังหุ้มกระดูกที่อยู่ตรงหน้าเขา คงจะถอนตัวจากคำท้ายและจ่ายค่าเสียหายให้อย่างแน่นอนการยกน้ำหนัก?ฉู่เฉินยิ้มและมองชายร่างกำยำตรงหน้า ด้วยท่าทางราวกับว่ากำลังมองคนโง่“ไอ้หนู แกกล้าแข่งขันกับฉันไหม? จากคำพูดตรงๆ ของลูกผู้ชาย หากแกไม่กล้า ฉันจะไม่เรียกร้องอะไรมาก แค่จ่ายให้ฉัน 50,000 บาท” ชายร่างกำยำพูด“จะแข่งกันก็ได้ แต่มาเปลี่ยนวิธีการเดิมพันกันเถอะ หากนายชนะ ฉันจะให้นาย 50,000 บาท ถ้านายแพ้ฉันจะไม่เอาเงินของนาย นายแค่ต้องขอโทษฉันต่อสาธารณชนก็พอ” ฉู่เฉินยิ้มอ่อนฉู่เฉินตอบตกลงทันที ชายร่างกำยำไม่เพียงรู้สึกประหลาดใจ แต่ทุกคนในที่นี้ก็ประหลาดใจมากเช่นกันบางคนถึงกับเอ้ยปากเตือนด้วยซ้ำ“น้องชาย นายไม่เห็นกล้ามเนื้อของเขาเหรอ? พวกม