เกิดเสียงอึกทึกครึกโครมสามครั้งดังก้อง และเมื่อทุกคนคิดว่าจัดการฉู่เฉินเสร็จแล้วฉู่เฉินพูดอย่างเย็นชา: “ในเมื่อนายมีเรื่องที่ต้องจัดการตอนนี้ ฉันก็จะกลับมาทีหลัง”หลังจากจบแล้ว เขาก็หันหลังกลับพร้อมที่จะออกไป"ฮะ?"ตอนนั้นเองที่ทุกคนสังเกตเห็นว่าไม่ใช่ฉู่เฉินที่ล้มลงกับพื้น แต่เป็นคนของตระกูลฉีทั้งสามคนพวกเขาทั้งหมดหันศีรษะไปมอง“ไอ้หนู แกเป็นใครกันแน่?” ในที่สุดฉีอันปังก็ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติและกระโดดไปข้างหน้า ขวางทางของฉู่เฉินเอาไว้“แกทำให้คนของตระกูลฉีบาดเจ็บและยังมีหน้าจะออกไปอีก? คิดว่ากำลังเล่นตลกอยู่สินะ”พูดจบ ฉีอันปังก็ตะปบไปที่เอวของฉู่เฉินด้วยกรงเล็บ“นายน้อยฉีลงมือด้วยตัวเอง เด็กคนนี้จบสิ้นแล้ว”“ใช่แล้ว ในเมืองหลวง ใครจะไม่รู้ว่ากรงเล็บมังกรของนายน้อยฉีนั้นไร้เทียมขนาดไหน แม้ว่าเด็กที่อยู่ตรงหน้าเขาจะเอาชนะนักสู้สามคนระดับทะลวงเส้นลมปราณได้ แต่เขาอาจไม่สามารถต้านทานได้แม้แต่กระบวนท่าของคนระดับปรมาจารย์ได้”ในขณะที่ทุกคนสงสัยว่าฉู่เฉินสามารถเอาชนะนักสู้ระดับทะลวงเส้นลมปราณสามคนได้อย่างไร เมื่อเห็นนายน้อยฉีลงมือ พวกเขาก็มองที่ฉู่เฉินราวกับว่ามองคนตายร่
ฉู่เฉินที่ลอยอยู่กลางอากาศก็ได้ยินคำพูดเหล่านี้เช่นกัน และมีสีหน้าเย็นชาในตอนแรก ฉู่เฉินคิดว่าการมาที่นี่เพื่อถามคำถามนั้นค่อนข้างจะกะทันหัน แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าเขาใจดีเกินไปในขณะนี้ ฉีอันปังก็โจมตีอีกครั้งแววตาของฉู่เฉินเปลี่ยนเป็นเย็นชา แทนที่จะหลบ เขากำหมัดแน่น เมื่อกรงเล็บของฉีอันปังเข้ามาถึงใบหน้า ฉู่เฉินก็สวนหมัดออกไป กระแทกไปที่ฝ่ามือของฉีอันปังโดยตรงสำหรับคนดู เหมือนว่าฉีอันปังจับกำปั้นของฉู่เฉินด้วยกรงเล็บ“เด็กคนนี้เสร็จแล้ว การถูกจับด้วยมือกรงเล็บมังกรของนายน้อยฉี มือของเขาต้องถูกทำร้ายไปแล้วแน่”“ใช่แล้ว แต่เด็กคนนี้ควรจะรู้สึกภูมิใจที่นายน้อยฉี ใช้ถึงสามกระบวนท่าเพื่อจัดการเขา”“แต่เขาต้องเอาชีวิตรอดก่อนถึงจะอวดเรื่องนี้ได้ เมื่อตกอยู่ในเงื้อมมือของนายน้อยฉีแล้ว การเอาชีวิตรอดไม่น่าจะเป็นไปได้”นายน้อยหลายคนทั่วทั้งบริเวณกำลังพูดคุยกันเรื่องนี้กันมีเพียงไม่กี่คนในระดับมหากาฬที่สามารถเห็นบางสิ่งผิดปกติ และกำลังจะบินขึ้นไป เพื่อพิสูจน์ความจริงมีลมกระโชกแรงพัดมาแขนของฉีอันปังสลายไปกับสายลมภาพนี้ทำให้ทุกคนตะลึง“อ๊ะ! กล้าดียังไงมาหักแขนฉัน แกตาย แกต้องตาย
……ชายชราผงะเมื่อฉู่เฉินแนะนำตัวเองหลังจากนั้น เขาก็พูดอย่างเย็นชา "แม้ว่าจะเป็นปรมาจารย์ฉู่ แต่คุณต้องให้คำอธิบายในการบุกเข้ามาในตระกูลฉีและทำร้ายนายน้อยด้วย"ฉู่เฉินแบมืออย่างเมินเฉยและพูดว่า “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายเขา ก็เขาเอาแต่พุ่งใส่ฉันและบอกว่าเขาต้องการจะฆ่าฉัน”ฉีอันปังดูโกรธเคืองและหน้าซีดมาก ชี้ไปที่ฉู่เฉิน “ถ้าก่อนหน้านี้นายบอกว่านายเป็นปรมาจารย์ฉู่ ฉันจะลงมือกับนายได้ยังไง!”“ถ้าฉันไม่ใช่ฉู่เฉิน ฉันควรปล่อยให้นายปลิดชีพฉันใช่ไหม?” ฉู่เฉินโต้กลับฉีอันปังไม่รู้ว่าจะปฏิเสธได้อย่างไร และชี้ไปที่ฉู่เฉินแล้วพูดว่า "แก..."เขาเป็นลมหมดสติทันทีเมื่อเห็นนายน้อยเป็นลม ชายชราก็ต้องอดทนต่ออาการบาดเจ็บและถ่ายทอดกำลังภายในจากนั้น ก็พูดกับฉู่เฉิน: “ปรมาจารย์ฉู่ อะไรทำให้คุณมาที่ตระกูลฉีในวันนี้?”ฉู่เฉินก็เหลือบมองฝูงชนที่อยู่ตรงนั้นและพูดออกมา“แซ่ของฉันคือฉู่ และฉันมาที่เมืองหลวงเพื่อตามสืบเกี่ยวกับเหตุการณ์ตระกูลฉู่เมื่อหลายปีก่อน ใครสามารถบอกฉันเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นได้บ้าง!”ทันทีที่ฉู่เฉินพูดจบทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็ตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัดไม่ว่าจะเป็นนั
ฉู่เฉินหนีออกจากตระกูลฉี ด้านหลังร่างของฉีหู้กัวก็ไล่ตามเขาอย่างกระชั้นชิดฉู่เฉินไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา และเขารู้ดีว่าหากเขาถูกคนที่อยู่ข้างหลังตามทัน เขาอาจจะสิ้นชื่อในวันนี้เขาพยายามบินให้สูงขึ้นไปบนท้องฟ้า ฉู่เฉินพยายามหนีอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ก็ยังถูกไล่ทันในระดับความสูงหลายพันเมตร“ฉู่เฉิน ทำไมถึงต้องหนีเมื่อเห็นฉันด้วยล่ะ?” ฉีหู้กัวหยุดฉู่เฉินและไม่ได้ลงมือทันที มีเพียงรอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าแทนที่ระดับความสูงหลายพันเมตร ลมหนาวก็พัดโหมกระหน่ำ ถ้ามองจากที่นี่ แม้แต่พื้นที่อันกว้างใหญ่ของเมืองหลวงก็สามารถมองเห็นได้เพียงปลายเท้าของทั้งสองคน“คุณไล่ตาม เป็นเรื่องธรรมดาที่ผมต้องหนี”“ถ้านายไม่หนี แล้วจะฉันตามทำไม?”“เอาล่ะ หยุดได้แล้ว ผู้เฒ่า คุณหยุดฉันทำไม?” ฉู่เฉินหยุดการตั้งคำถามอย่างรวดเร็วและถามอย่างตรงไปตรงมาฉู่เฉินไม่เชื่อว่าฉีหู้กัวจะไล่ตาม เพียงเพราะเขาทำให้แขนของฉีอันปังพิการ หรือเพื่อล้างแค้นให้กับนายน้อยของตระกูลฉี“เจ้าหนู รู้อยู่แล้วยังจะถามอีกเหรอ?”“ผู้เฒ่า ได้โปรดระบุให้เจาะจงกว่านี้หน่อย ผมไม่เข้าใจจริงๆ”“นายไม่ได้มาที่นี่
“ฮ่าๆ ถ้าแกอยากจะหนีตอนนี้เกรงว่าจะสายไปแล้ว เจ้าหนู รีบบอกฉันมาว่าสมบัติของตระกูลฉู่ซ่อนไว้อยู่ที่ไหน ไม่เช่นนั้นฉันจะทำให้แกอยากตายมากกว่ามีชีวิตรอด!” เมื่อเห็นว่าฉู่เฉินได้ค้นพบอะไรบางอย่างแล้ว ฉีหู้กัวก็หยุดเสแสร้งและเผยธาตุแท้ออกมา ท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยค่ายกลทันที และที่ระดับความสูงหลายพันเมตรเหนือเมืองหลวง ร่างของคนทั้งสองจึงหายไปจากอากาศ“ทั้งหมดนี้มันเป็นการเสแสร้งงั้นเหรอ? แกจงใจทำแบบนี้ใช่ไหม?” ฉู่เฉินตระหนักว่าเขาติดกับดักของฉีหู้กัว จึงถามอย่างเย็นชา“ใช่แล้ว เริ่มต้นตั้งแต่ที่ตระกูลฉี แกคิดจริงๆหรือเปล่าว่าเด็กน้อยระดับอย่างแกสามารถหนีจากฉันได้? ฉันปล่อยให้แกหนีไปไกลขนาดนี้เพราะฉันอยากจะหาโอกาสให้กับตัวเอง พูดตามตรง กริชนี้ไม่ใช่มีแค่ตระกูลฉีเท่านั้นที่มี แต่ยังมีตระกูลทรงอำนาจอีกหลายแห่งที่มีมันไว้เพื่อยืนยันตัวตนของแก แกไม่คิดว่าหลังจากที่แกออกจากภูเขาหลงหู่แล้ว จะไม่มีใครคอยจับตาดูแกหรือไง ตั้งแต่วินาทีแรกที่แกก้าวเข้าสู่คคฤหาสน์ ตระกูลฉี ฉันก็คอยจับตาดูแกอยู่แล้ว” ฉีหู้กัวหัวเราะเสียงดังเมื่อเห็นค่ายกลของเขาเข้าปิดล้อมฉู่เฉิน“แกรู้ไหมว่ามีคนกี่คนในโลกยุทธภพที่กำลังต
เพียงแค่คิดอย่างเดียวก็เพียงพอที่จะบดขยี้เขา โดยไม่ต้องออกแรง แม้จะอยู่ที่จุดสูงสุดของขั้นเก้าของระดับมหากาฬก็ตาม“โจมตีตรงนั้น!”ในขณะนั้น เสียงของจวินหวู่หมิงก็ดังก้องอยู่ในใจฉู่เฉินไม่ลังเลดึงดาบดาราเจ็ดแสงออกมาและเปลี่ยนเป็นเงาดาบ จากนั้นพุ่งเข้าหาทิศทางที่จวินหวู่หมิงบอกไว้อย่างรวดเร็วทันใดนั้น ฉู่เฉินก็รู้สึกว่าดาบของเขาฟาดไปที่จุดแข็งมาก ซึ่งเป็นความแข็งแกร่งที่ไม่อาจจินตนาการได้ แม้แต่ดาบดาราเจ็ดแสงก็ไม่สามารถฟันทะลุได้“อย่ามั่นใจไปหน่อยเลย แม้ว่าแกจะอยู่ในระดับเก้าของมหากาฬหรือแม้แต่ระดับเดียวกันกับฉัน เมื่อติดอยู่ในค่ายกลของฉัน แกก็ลืมเรื่องหาทางออกมาได้เลย” ฉีหู้กัวยิ้มเยาะขณะที่เฝ้าดูฉู่เฉินฟันดาบใส่ค่ายกลซ้ำแล้วซ้ำเล่า“ไอ้หนู อย่าไปสนใจเขาเลย ตั้งใจเอาไว้ดีกว่า ถ้าเขาอยู่ข้างหน้าฉันนะ ฉันจะจัดการเขาด้วยนิ้วเดียว” เสียงของจวินหวู่หมิงยังคงดังอยู่ในใจของฉู่เฉินทันทีที่คำพูดจบลง"ตู้ม!"เสียงที่คล้ายกับลูกแก้วแตกก็ดังสะท้านไปทั่วทั้งท้องฟ้า“เป็นไปได้ยังไง? เด็กคนนี้สามารถทะลวงออกมาจากค่ายกลของฉันได้ยังไง!”ฉีหู้กัวมองไปที่ฉู่เฉินด้วยสีหน้าหวาดกลัว ในขณะที่เข
"งั้นก็ดี"เมื่อเห็นผู้นำวิหารหานยังคงดูไม่เต็มใจชายชราพูดต่ออย่างแผ่วเบา“ใช่แล้ว หลานชายของนาย หานชงก็ถูกฉู่เฉินฆ่าด้วยเช่นกัน”เพียงประโยคเดียว ผู้นำวิหารหานก็กลายร่างเป็นลำแสงและรีบออกจากดินแดนลับไป……ฉู่เฉินหนีออกจากค่ายกลของฉีหู้กัวแล้วบินตรงไปทางทิศตะวันออก หลังจากที่ยืนยันแล้วว่าฉีหู้กัวไม่ได้ไล่ตามเขามาแล้ว เขาก็ค่อยๆ ลงมาและร่อนลงบนพื้นฉู่เฉินโชกไปด้วยเลือด ซึ่งการทะลวงผ่านค่ายกลของจอมยุทธไม่ใช่เรื่องง่าย การปล่อยพลังออกมาอย่างเดียวทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสฉู่เฉินสงสัยว่าทำไมฉีหู้กัวถึงไม่ไล่ตามเขาต่อ“อยากรู้ใช่ไหมว่าทำไมเขาถึงไม่ตามมา?” จวินหวู่หมิงพูด"ใช่"“นายรู้ไหมว่าแม้ในขณะที่จอมยุทธสองคนต่อสู้กัน พวกเขาแทบจะไม่สามารถกางค่ายกลอย่างไม่ไตร่ตรองมาก่อน เพราะความเสียหายใดๆ ต่อค่ายกลนั้นรุนแรงมาก”“มีเพียงจอมยุทธที่ต้องการกลั่นแกล้ง คนที่มาจากระดับต่ำกว่าเท่านั้นที่จะใช้งานมัน”“ในระดับที่สูงกว่า เช่นจอมยุทธหรือเซียนวรยุทธ จะไม่มีปัญหามากมายเช่นนี้”“ในทางตรงกันข้าม สำหรับจอมยุทธ หากค่ายกลได้รับความเสียหายนั้น พวกเขาจำเป็นต้องพักฟื้นเป็นเวลานาน หรืออย่าง
“ใครบอกแกว่าฉันมาจากระดับมหากาฬขั้นหก!” ฉู่เฉินจ้องมองร่างสีดำตรงหน้าอย่างเย็นชาและพูดอย่างเฉยเมยเมื่อเงาเริ่มรวมตัวกันเป็นรูปร่าง ฉู่เฉินก็เริ่มโจมตีอีกครั้ง จากนั้นจับดาบดาราเจ็ดแสงในมืออย่างแน่น เงาดาบแวบวับ และดาบก็ฟาดเข้าไปที่คอของเงาในทันทีเลือดกระจายสาดบนลำคอของเงาดำเงานั้นจับคอของตัวเอง เหมือนอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่คอได้ถูดบั่นจนเกือบขาด จึงไม่สามารถพูดอะไรได้เมื่อมองไปที่ฉู่เฉิน เงาก็ทรุดตัวลงกับพื้นทันที“ฮึ่ม! เป็นแค่ระดับมหากาฬขั้นเจ็ดก็กล้าเสนอหน้ามาฆ่าฉันงั้นเหรอ? อยากตายมากใช่ไหม!” ฉู่เฉินมองดูศพด้วยสายตาอย่างเย็นชาและพ่นคำพูดเหล่านี้ออกมาแม้ว่าตั้งแต่เริ่มต้น เงาสีดำจะไม่ได้เผยรัศมีใดๆ เลย ทำให้ฉู่เฉินฉุกคิดว่ากำลังเผชิญหน้ากับจอมยุทธอีกคน แต่ หลังจากที่ตามทัน จู่ๆ ฉู่เฉินก็ตระหนักได้ว่าคนที่มานั้นเป็นเพียงนักฆ่าระดับมหากาฬขั้นเจ็ด ฉู่เฉินตัดสินใจล่อให้เขาปรากฏตัวและลงมือฆ่าเขาอย่างรวดเร็วเมื่อมองดูร่างที่ยังไม่ร่วงตกลงสู่พื้น ฉู่เฉินก็จุดไฟในมือ แล้วเหวี่ยงไฟนรกขุมโลกันต์ไปในอากาศ จากนั้นร่างก็ติดไฟและเผาไหมแม้แต่พืชจิตวิญญาณที่ปลูกโดยจอมยุทธก็สามารถถูก