หลินหยี่โม่กับโต้วจวิ้นรีบวิ่งเข้ามา ประคองหลินเต๋อไห่ขึ้นจากพื้นหลินเต๋อไห่ไม่เพียงหัวแตก เท้าข้างขวาก็แพลงด้วย บวมมาก เอาแต่ร้องเจ็บ ๆ!โต้วจวิ้นที่ตามจีบหลินหยี่โม่มาตลอด บิดาและคุณปู่ของเธอสนับสนุนมาก แต่หลินหยี่โม่ไม่ได้ตอบตกลงวันนี้ โต้วจวิ้นจงใจพาหลินหยี่โม่กับหลินเต๋อไห่ชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ภูเขาจื่อเสียเมื่อถึงจุดชมวิวหมายเลขสอง หลินเต๋อไห่พูดว่าเดินไม่ไหวแล้ว จึงไม่ได้ปีนเขาต่อหลังจากชมพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว หลินเต๋อไห่ให้หลินหยี่โม่กับโต้วจวิ้นปีนเขากันต่อ เดินเล่น ก็เพราะอยากให้โอกาสคนหนุ่มสาวอยู่ด้วยกันลำพังสักประเดี๋ยว“ทำไมคุณถึงทำร้ายคุณปู่ของฉัน?”หลินหยี่โม่กล่าวด้วยความโมโห“ไอ้แก่นี่รนหาที่ตายเอง ฉันทำร้ายมันแล้วจะทำไม?” ฉีเทียนหย่งกล่าวอย่างอวดดี“แกนี่มันอวดดีเป็นบ้าเลยนะ แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?”โต้วจวิ้นรู้ว่านี่เป็นโอกาสดีที่เขาจะได้โอ้อวด จึงก้าวออกมาทันที“ฉันไม่สนว่าแกเป็นใคร! แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?”ฉีเทียนหย่งกล่าวทั้งสองคนคิดว่าตัวเองเจ๋ง จึงมีปากเสียงกัน ต่างก็มั่นใจในสถานะของตนเองมาก ต้องดูว่าใครอวดดีกว่ากันแล้ว“คุณปู่ เกิดเรื่องอะไรขึ้นคะ?
เห็นได้ชัดว่า เธอรู้จักคนผู้นี้ แตะต้องไม่ได้โต้วจวิ้นรู้สึกแสบร้อนที่หน้า ในใจเวลานี้พร่ำร้องด้วยความทุกข์ใจเดิมทีอยากจะโอ้อวดต่อหน้าของหลินหยี่โม่ คิดไม่ถึงว่าจะยั่วโมโหฉีเทียนหย่งเสียแล้วที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ เขาเห็นหลินหยางลงมาจากภูเขาในเวลานี้เช่นกัน เรียกได้ว่าน่าขายหน้าเหลือเกิน!โต้วจวิ้นแทบอยากจะเอาหน้ามุดดินหนี“แกหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา โทรหาโต้วเทา แกบอกเขาว่า ฉันให้แกโทร ดูว่าเขาพูดยังไง”ฉีเทียนหย่งสีหน้าอันธพาล กล่าวอย่างอวดดีโต้วจวิ้นกล้าโทรเสียที่ไหน ต่อให้พ่อของเขารู้ ก็ไม่กล้าพูดจาเหลวไหลแน่ อาจจะยังพูดอีกว่า ประธานฉินสั่งสอนได้ดี!ฉีเทียนหย่งเห็นโต้วจวิ้นชักช้า จึงตบหน้าเขาอีกฉาด ถูกตบจนทิ้งรอยนิ้วมือสีแดงเอาไว้ทั้งสองข้างของใบหน้า“ฉันให้แกโทร แกหูหนวกหรือไง?”โต้วจวิ้นเลือดไหลมาจากมุมปาก เพลิงโทสะในใจลุกโหม แต่กลับไม่กล้าแสดงอาการโมโห ทำได้แค่เพียงก้มหน้า ไม่กล้าหืออือหลินหยี่โม่อยู่ด้านหลังเขา ใบหน้างามอดไม่ได้ที่จะกระตุกสองครั้ง ตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูกหลินเต๋อไห่เห็นโต้วจวิ้นถูกตบหน้า ไม่กล้าแม้แต่ส่งเสียง ก็รู้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าแตะต้องไม่ได
“หลินหยาง?”หลินหยี่โม่คิดไม่ถึงว่า ในเวลาแบบนี้หลินหยางจะก้าวออกมาอย่างกล้าหาญ“ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม แกเป็นใครอีกวะ? รนหาที่ตายใช่ไหม?”ฉีเทียนหย่งสบถด่า“แกชอบตบหน้าคนอื่นใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นฉันจะให้แกได้ลองลิ้มรสชาติของการถูกตบหน้าดู”หลินหยางพูดจบ ก็ตบหน้าของฉีเทียนหย่งฉาดใหญ่การตบหน้าฉาดนี้ของหลินหยาง ตบจนฉีเทียนหย่งลอยกระเด็นออกไปทันที ล้มลงบนพื้น รู้สึกมึนงง มีเสียงดังวิ้ง ๆขึ้นในแก้วหู เลือกออกจมูก“โอ้โห!”คนที่อยู่บริเวณรอบ ๆ เห็นดังนั้น ก็ตกตะลึงไปทันที! “เจ้าเด็กนี่เป็นใคร? คิดไม่ถึงว่าจะกล้าตบฉีเทียนหย่ง?”“เป็นวีรบุรุษไร้สมองที่อยากช่วยสาวงามอีกคนแล้วเหรอ”หลินหยี่โม่กับโต้วจวิ้นอ้าปากค้างตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าหลินหยางจะกล้าลงมือตบฉีเทียนหย่งแต่ว่าโต้วจวิ้นกลับแอบสะใจ คิดในใจ ‘หลินหยาง แกอยากจะแสร้งทำตัวเป็นฮีโร่ต่อหน้าหลินหยี่โม่ใช่ไหม? แกตายแน่!’“หลินหยาง...นาย...นายตบเขาทำไม?”ถึงแม้ว่าหลินหยี่โม่จะหยิ่งในศักดิ์ศรี ไม่ยอมคุกเข่า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอไม่หวาดกลัวฉีเทียนหย่ง“อยากตบก็เลยตบน่ะ”หลินหยางกล่าวด้วยสีหน้าสบาย ๆ“นายรู้ไหมว่าเขาเป็
“ฉัน...”หลินหยี่โม่แสดงสีหน้าลำบากใจ แล้วก็จิตใจสับสนหากไปโดยไม่สนใจ ก็ขัดต่อหลักการเป็นคนดีของเธอ แต่คำพูดของโต้วจวิ้นกับคุณปู่ ก็ทำให้เธอรู้ถึงความรุนแรงของเรื่อง“เชื่อปู่ของเธอ รีบไปเถอะ ฉันไม่มีทางเกิดเรื่องอะไรหรอก”หลินหยางเป็นฝ่ายกล่าวหลินหยี่โม่กัดริมฝีปากแน่น จ้องมองหลินหยางด้วยสายตารู้สึกผิดและเสียใจ“หลินหยาง ขอโทษนะ”หลินหยางเพียงแค่ยิ้มบาง ๆ ไม่ได้พูดอะไรหลินหยี่โม่กับโต้วจวิ้นประคองหลินเต๋อไห่แล้วก็ลงเขาไป หลินหยางกล่าว “คุณปู่ของเธอข้อเท้าเพลงแล้ว ลงเขาลำบากเล็กน้อย ฉันช่วยรักเขาก่อนแล้วค่อยไปเถอะ”“ไม่จำเป็น ฉันเดินได้”หลินเต๋อไห่ไม่อยากจะอยู่ที่ภูเขาจื่อเสียต่ออีกแม้แต่วินาทีเดียว กลัวว่าจะถูกฉีเทียนหย่งพาคนมาดักเอาไว้“คุณปู่หลิน ผมแบกคุณปู่ลงเขาเองครับ”โต้วจวิ้นแบกหลินเต๋อไห่ขึ้นมา หลินหยี่โม่ก็คอยประคองอยู่ข้าง ๆ หลินหยางเดินทอดอารมณ์ลงเขาเช่นกันโต้วจวิ้นท่าทางเป็นลูกคนรวย ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง แบกหลินเต๋อไห่เดินไปได้ไม่ไกลนัก ขาทั้งสองข้างก็สั่นระริก ราวกับร่อนแกลบ“พวกคุณเดินลงเขาแบบนี้ ยังเดินเร็วไม่สู้ผม ไม่แน่ว่าอาจจะถูกฉีเทียนหย่งพาคนมา
หลินหยางเดินลงเขาอย่างไม่รีบไม่ร้อน ในเวลานี้ก็ได้รับสายของฉีอีซิน“คุณหลิน ผมหาหญ้าน้ำลายมังกรได้สองต้น จะส่งมาจากตัวมณฑลในคืนนี้เลย”“ถ้าอย่างนั้นก็ลำบากคุณมาส่งให้ผมด้วยตัวเองหน่อยแล้วกันครับ ผมอยู่ที่หมู่บ้านตี้เหาอาคารสิบแปด”ประจวบเหมาะฉีเทียนหย่งเป็นหลานชายแท้ ๆ ของฉีอีซิน ให้ตาเฒ่านี่มาสะสางธุระที่บ้านด้วยตัวเอง“คุณหลินเกรงใจเกินไปแล้ว ไม่ลำบาก ผมจะไปเดี๋ยวนี้”ในใจของฉีอีซินรู้สึกภาคภูมิใจ เขาแทบรอไม่ไหวที่จะทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ จัดการธุระให้หลินหยางมากกว่านี้หลินหยี่โม่พาหลินเต๋อไห่ลงเขา มาที่ด้านนอกบ้านของโต้วจวิ้น“คุณปู่หลิน คุณปู่มาได้ยังไงครับ? เมื่อครู่นี้ผมปวดท้องมากเกินไปจริง ๆ ทนไม่ไหว แต่ไม่ได้จงใจทิ้งพวกคุณเอาไว้นะครับ”โต้วจวิ้นกล่าว“คุณปู่เข้ามาก่อนครับ ผมจะทำแผลให้คุณปู่”“ดี”หลินเต๋อไห่รู้ว่าโต้วจวิ้นรักตัวกลัวตาย ตนเองจึงหนีไป แต่เขาไม่ได้ตำหนิ ใครใช้ให้ตระกูลโต้วมีเงินล่ะ“ไม่ต้องหรอก คุณปู่คะ หนูจะส่งคุณปู่ไปโรงพยาบาล”หลินหยี่โม่เปิดประตูรถ ให้หลินเต๋อไห่เข้าไปนั่งด้านใน“หยี่โม่ เธออย่าเข้าใจผิด”โต้วจวิ้นเดินเข้ามาหา จับมือของหลินหยี่โม่เ
เว่ยต้ากังกล่าว“คือว่า...ฉัน...”หลินหยี่โม่สีหน้าลำบากใจ เว่ยต้ากังอยากให้เธอไปเป็นเลขาส่วนตัว แต่ความเป็นจริง ก็ไม่ต่างอะไรกับชู้รัก“เสี่ยวหลิน สถานการณ์ของครอบครัวเธอ เธอคงจะรู้ดี ตอนนี้พ่อของเธอติดหนี้เงินกู้ดอกเบี้ยสูงหลายสิบล้าน ไม่มีปัญญาคืน กำหนดการคืนเงินใกล้จะถึงแล้ว คนที่ปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยสูงพวกนั้น มีวิธีการยังไง คงไม่ต้องให้ฉันพูดหรอกใช่ไหม?”เว่ยต้ากังกดดันหลินหยี่โม่อย่างต่อเนื่อง“ถ้าหากวันนี้เธอรับปากฉัน ฉันไม่เพียงจะจัดการเรื่องในวันนี้ให้เรียบร้อย เรื่องที่พ่อเธอติดหนี้เงินกู้ดอกเบี้ยงสูง ฉันก็จะจัดการให้เรียบร้อยด้วยเช่นกัน ให้เขาคืนแค่เงินต้นเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องโดนดอกทบต้นอีกต่อไป อีกอย่าง ฉันยังสามารถให้เขากลับมาตั้งตัวได้อีกครั้ง“สรุปแล้ว สำหรับเธอ มีข้อดีมากมาย”หลินหยี่โม่กัดฟันกรอด หลับตา น้ำตาทั้งสองข้างไหลออกมา“ค่ะ! ขอเพียงแค่คุณพูดคำไหนคำนั้น ฉันยอมรับข้อเสนอของคุณ”หลินหยี่โม่ เคยมีจิตวิญญาณอันสูงส่ง สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยอันทรงเกียรติ เตรียมที่ตัวที่จะแสดงความสามารถครั้งใหญ่ ทำบริษัทของตระกูลให้ใหญ่โตและแข็งแกร่งแต่ความเป็นจริงโจม
“ไม่รีบ ไม่แน่ว่าอีกเดี๋ยวเขาก็จะมาที่นี่เอง คุณนั่งลงก่อน ดื่มน้ำ รอสักประเดี๋ยว”หลินหยางทำมือ เป็นการส่งสัญญาณให้ฉีอีซินนั่งลงฉีอีซินเป็นคนฉลาด ทันทีที่ได้ยิน ก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีบางอย่าง ทำให้รู้สึกอึดอัดใจขึ้นมาทันที รู้สึกนั่งไม่ติดในมือของหลินหยางถือหนังสือเล่มหนึ่ง ค่อย ๆ เดินมาที่ตรงหน้าของฉีอีซิน กล่าวถาม “หนังสือแพทย์เล่มนี้ คุณรู้จักไหม”ทันทีที่ฉีอีซินเงยหน้าเห็นปกหนังสือ ด้านบนเขียนด้วยตัวหนังสือโบราณ ‘คัมภีร์หลิงจิ้ว’“คัมภีร์หลิงจิ้ว?!”ฉีอีซินลุกขึ้นทันที ใบหน้าแดงก่ำด้วยความตื่นเต้น ราวกับได้เห็นของล้ำค่าหายากคัมภีร์หลิงจิ้วเป็นส่วนหนึ่งของคัมภีร์ลับแห่งจักรพรรดิเหลือง ล้ำค่าเป็นอย่างยิ่งฉีอีซินเองก็เคยได้ยินแค่ชื่อเท่านั้น ไม่เคยเห็นกับตามาก่อน สำหรับคนที่เรียนแพทย์แล้ว นี่คือของล้ำค่าที่ประเมินราคาไม่ได้หลินหยางพยักหน้าเล็กน้อย นั่งลงไขว่ห้างแล้วกล่าว “เดิมทีผมอยากจะให้คุณยืมคัมภีร์หลิงจิ้วเล่มนี้ ให้คุณลอกไว้หนึ่งฉบับ แต่มีคนไม่พอใจ”ทันทีที่ฉีอีซินได้ยิน ก็ตื่นเต้นจนเกือบจะกระโดดขึ้นมาถ้าได้รับคัมภีร์หลิงจิ้ว ไม่เพียงทำให้ฝีมือทางการรักษาโรคของเ
“เจ้าปล่อยให้มือสังหารเข้ามาหรือ?” ฟ้ามืดแล้ว สายลมยามค่ำคืนพัดมากระทบใบหน้าพาให้สดชื่นมาก แต่เมื่อได้ยินเสียงนี้ เหลียนเฉียวกลับรู้สึกหนาวสะท้าน นางไม่ได้เห็นหน้าเสิ่นอวี้ ก็รู้สึกได้ว่านางเปลี่ยนไปแล้ว เมื่อก่อนนางมักจะเป็นเหมือนคนโง่ที่วิ่งมาหาหลิ่วอี๋เหนียงและซ่งหว่านฉิงที่เรือนเสาหวา จากนั้นก็จะมาพูดจ้อกแจ้กจอแจบอกทุกอย่างกับหลิ่วอี๋เหนียงและซ่งหว่านฉิง ซ้ำยังดีต่อนางมากกว่าซงลู่ที่เป็นสาวใช้พวกนั้น พูดจาสุภาพอ่อนโยน แต่พูดอยู่นานก็ไม่สามารถพูดให้ตรงประเด็นได้ ซึ่งนี่ทำให้นางรำคาญมาก ครั้งนี้นางไม่น่ารำคาญแล้ว นางพูดอย่างกระชับและรัดกุม ง่ายต่อการเข้าใจ เพียงแต่ นิสัยของนางเปลี่ยนไปแล้ว น้ำเสียงพูดคำสั้นๆไม่กี่คำ เมื่อได้ฟังกลับทำให้คนมีความรู้สึกกดดันอย่างน่าหดหู่ มีความสง่างามน่าเกรงขามแบบที่นายท่านมี ถึงขนาดที่ว่าน่ากลัวกว่านายท่านด้วย จู่ๆ หัวใจของเหลียนเฉียวก็ทรุดลง นางค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองนาง ริมฝีปากขยับครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี ในยามค่ำคืน สาวน้อยที่เพิ่งปักปิ่นยืนอยู่ตรงหน้านาง เห็นได้ชัดว่ายังมีไขมันหน้าเด็กบนใบหน้า แต่กลับซ่อนไว้ด้วยควา