หลังพวกฉีอีซินจากไป หลินหยางก็เตรียมตัวออกจากบ้านไปกินข้าวเช้าเช่นกันในเวลานี้ หลินหยี่โม่ขับรถมาแล้ว“หลินหยาง นายไม่เป็นไรใช่ไหม?”“ไม่เป็นไรหรอก เธอมาทำอะไรหรือ?” หลินหยางถาม“ฉันเป็นห่วงนาย หลังส่งคุณปู่ไปที่โรงพยาบาลเสร็จก็รีบมาดูเลย ฉีเทียนหย่งคงไม่ได้มาหาเรื่องนายใช่ไหม? ”หลินหยี่โม่ถาม"มาแล้วล่ะ"หลินหยี่โม่ตกใจจนสะดุ้ง ถามว่า “มาแล้วหรือ? ถ้าอย่างนั้นนายเป็นอะไรหรือเปล่า?”“ฉันก็ยังสบายดีอยู่ไม่ใช่หรือไง เขาไม่กล้าทำอะไรฉันหรอก เธอไม่ต้องกังวล” หลินหยางยิ้มบางๆหลินหยี่โม่ถอนใจอย่างโล่งอกทีหนึ่ง แอบคิดว่าน่าจะเป็นเว่ยต้ากังที่ไปจัดการเรื่องนี้จนเรียบร้อยเห็นหลินหยางโอ้อวดว่าฉีเทียนหย่งไม่กล้าทำอะไรเขา หลินหยี่โม่ก็ไม่ได้เปิดโปง ยิ่งไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เธอขอให้เว่ยต้ากังช่วยออกหน้า“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันไปแล้วนะ” หลังจากนั้น หลินหยี่โม่กับหลินหยางก็แลกเปลี่ยนเบอร์ติดต่อกันก่อนที่หลินหยี่โม่จะจากไป หลินหยางพูดว่า “หัวหน้าห้อง วันหลังถ้าเจอปัญหาอะไรที่ต้องการความช่วยเหลือ เธอก็โทรหาฉันได้ ฉันช่วยเธอได้นะ” หลินหยี่โม่ฝืนยิ้มจาง ๆ ออกมา ไม่ได้เอาคำพ
หลินหยางพึ่งฝึกวิชาเสร็จมีพละกำลังเพิ่มขึ้นอย่างมาก ลมปราณแท้ในจุดตันเถียนก็หนาแน่นขึ้นไม่น้อย ทว่าผลข้างเคียงของการแช่ยาสมุนไพรก็เด่นชัดอย่างมากเช่นกันพลังหยางที่ปลดปล่อยไปจนหมดบนตัวของฉินโม่หนงเมื่อคืนนี้ กลับมามากเกินไปอีกแล้วหลินหยางก็ไม่มีวิธีการอื่น จึงได้แต่ใช่วิธีการดั้งเดิม ทำตัวเป็นช่างฝีมือจัดการตัวเองทว่า หลินหยางพบว่าการใช้มือไม่มีประโยชน์ แม้จะสามารถปลดปล่อยพลังหยางออกมาได้เล็กน้อย แต่ก็น้อยอย่างมาก ไม่อาจแก้ปัญหาจากต้นตอได้“ดูท่าคงต้องใช้การปรับสมดุลหยินหยางจริงๆ ผสานความแข็งแกร่งกับความนุ่มนวล ถึงจะรักษาสมดุลของพลังหยางที่เกินมาได้ งานฝีมือแบบดั้งเดิมใช่ไม่ได้ผล” พอดีกับที่มู่หรงยิ่นโทรมาพอดี หลินหยางจึงสะกดพลังหยางภายในร่างไว้ชั่วคราว แล้วก็ออกจากบ้านไปในตอนที่หลินหยางมาถึงคฤหาสน์ของตระกูลมู่หรง มู่หรงยิ่นและมู่หรงหว่านเอ๋อร์ก็มาต้อนรับที่หน้าประตูด้วยตนเองเมื่อเห็นสาวงามสองคนอยู่ต่อหน้า เพลิงร้ายในใจของหลินหยางก็เริ่มเคลื่อนไหวขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ตัวเขาในตอนนี้ ราวกับกินไวอากร้าลงไป ขอแค่เห็นผู้หญิง ก็ยากจะควบคุมเพลิงปรารถนาที่ชั่วร้ายไว้ได้“มีเรื
“พูดแบบนี้ คุณเป็นปรมาจารย์ระดับสองหรือครับ?”หลินหยางถามโดยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง“โค่วหยวนซันจัดเสื้อผ้ารอบหนึ่ง ยืดอกเชิดหน้าตอบว่า “แน่นอน!”“เจ้าหนู นายอย่าคิดว่าอายุยังน้อยก็สามารถเข้าสู่ระดับเซียนเทียนได้แล้วจะยอดเยี่ยมเหลือเกิน คนที่มีพรสวรรค์ในการฝึกพลังยุทธ์ ฉันเห็นมามากแล้ว นายไม่นับเป็นอะไร ฉันเห็นอัจฉริยะมากมายที่ล้มเหลวกลางคัน พวกเขาเก่งกว่านายมากนัก นายไม่มีอะไรให้ลำพองหรือเย่อหยิ่งได้เลย!หลินหยางอดหัวเราะไม่ได้ว่า “ผมลำพองเย่อหยิ่งแล้วหรือ? คุณดูจากตรงไหนกันล่ะ?”หลินหยางขำอยู่ในใจ เจอหน้ากันยังไม่ถึงสองนาที ตนเองยังประสานหมัดทักทายอย่างมีมารยาทอีก ตาเฒ่านี่วางมาดเอง แล้วยังมาหาว่าเขาเย่อหยิ่งลำพองอีกหลินหยางแอบคิดอยู่ในใจ แค่ปรมาจารย์ระดับสองเท่านั้น นายมีความสามารถอะไรมาวางมาดกัน?“เจ้าหนู ฉันกำลังชี้แนะนายอยู่นะ นายไม่ยินยอมหรือ?”คิ้วของโค่วเหยียนซันขมวดคิ้วเข้าหากัน ทันใดนั้นก็ปล่อยพลังกดดันออกมา“ปรมาจารย์โค่ว โปรดระงับโทสะด้วยเถิดครับ” มู่หรงจางรีบพูดไกล่เกลี่ยสถานการณ์โค่วหยวนซันแค่นเสียงเย็นว่า “เมื่อถึงระดับเซียนเทียน การเลื่อนระดับในแต่ละขั้นล้วนยา
“เบื้องหลังของเฉินเทียนหาวมีพรรคพยัคฆ์ดำหนุนหลัง รับมือด้วยไม่ง่าย ทางตระกูลก็ไม่สนับสนุนให้พวกเราแตกหักแล้วสู้กันจนตายไปข้างหนึ่ง ดังนั้น ฉันเลยนัดเฉินเทียนหาวมาเจรจาค่ะ” มู่หรงยิ่นกล่าว“เจรจา? เกรงว่าเฉินเทียนหาวคงไม่ใช่คนที่คุยง่ายแบบนั้นมั้งครับ?”ชื่อเสียงของเฉินเทียนหาวแห่งสมาคมการค้าหงซิ่ง หลินหยางเคยได้ยินมานานแล้ว เขาเป็นคนที่เหี้ยมโหดคนหนึ่งมู่หรงยิ่นพยักหน้ากล่าวว่า “ดังนั้น การเจรจาในคืนนี้ ผู้ว่าเมืองลั่วและผู้อำนวยการเฉาล้วนจะออกหน้าเป็นคนกลางในการเจรจา ถ้าพวกเราสองตระกูลทำสงครามกันเต็มรูปแบบ จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของเมืองลั่ว ด้วยความสัมพันธ์ของคุณกับผู้อำนวยการเฉา ผู้อำนวยการเฉาจะต้องเข้าข้างพวกเราอย่างแน่นอน ดังนั้น การเจรจายังค่อนข้างที่จะเป็นประโยชน์ต่อพวกเราค่ะ” “จะได้ถือโอกาสไปพบเฉินเทียนหาวผู้โด่งดังพอดี” หลินหยางพูดในโรงพยาบาลอันดับหนึ่งของเมือง เฉินจื่อหลิงเพิ่งผ่าตัดเสร็จ มือทั้งสองข้างของเขาถูกหลินหยางบดขยี้จนหักทั้งหมด หลังผ่าตัดไปสิบกว่าชั่วโมง แม้จะไม่ถูกตัดทิ้ง แต่หลังจากหายดีแล้ว มือสองข้างนี้ก็ไม่อาจออกแรงมากได้อีก“พ่อ แก้เค้นให้ผม ผมต้องกา
“อีกฝ่ายยังมียอดฝีมืออยู่ ปรมาจารย์โค่ว ต้องขอดูฝีมือคุณแล้วครับ” หลินหยางเห็นแล้วว่า มีสองคนลงมาจากรถออฟโรด [1] ที่ชนรถของเจียงจั่วเฟิง เป็นหนึ่งชายหนึ่งหญิงผู้ชายหน้าตาอัปลักษณ์อย่างมาก เขาย้อมผมสีขาวโพลนทั้งหัว คิ้วสั้นดวงตาเล็กลึกบุ๋ม มุมตาตกทำให้ดูเจ้าเล่ห์ชั่วร้าย จมูกทั้งใหญ่และแบน ปีกจมูกแบะออก ยังมีฟันซี่ใหญ่เหยินออกมาด้วยเมื่อนำอวัยวะพวกนี้มารวมกัน ก็อัปลักษณ์อย่างยิ่ง จนถึงขนาดที่ทำให้เด็กหวาดกลัวจนร้องไห้ได้ทีเดียวส่วนฝ่ายหญิงกลับมีหน้าตาที่สวยงามอย่างมาก ผมของเธอเป็นสีม่วง โดยรวมแม้จะสวยไม่เท่าฉินโม่หนงกับมู่หรงยิ่นที่เป็นสาวงามชั้นยอด แต่คนผู้นี้มีเสน่ห์โดยกำเนิด จะต้องเป็นสาวงามที่เหลือบมองเพียงครั้งเดียว ก็สามารถสยบผู้ชายลงได้อย่างแน่นอนทั้งสองตนเดินมาทางนี้อย่างช้าๆ ในเวลานั้น ก็มีคนขับรถที่ถูกชนท้ายคันหนึ่งเปิดประตูออกมาด่าว่า “มารดามันเถอะ พวกแกขับรถเป็นหรือเปล่าฮะ?”ชายอัปลักษณ์กระโดดเพียงครั้งเดียวก็เข้าไปบีบคอคนขับรถ จากนั้นก็หักคอของเขาทีเดียวดังเป๊าะจนตายทันที ฆ่าคนกลางถนนเช่นนื้ เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้มีจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตอย่างยิ่งบนรถยังมีผู้หญิง
โค่วหยวนซันแค่นเสียงตำหนิ จากนั้นพูดต่อไปว่า “เบิกตาของนายดูให้ดี ว่าอะไรคือพลังที่แท้จริงของปรมาจารย์” โค่วหยวนซันทะยานร่างขึ้นกลางอากาศ เขากระโดดออกไปทันที“นังหญิงเสียสติ ไสหัวมารับความตายเดี๋ยวนี้!” โค่วหยวนซันตะโกนเสียงดังหญิงสาวผมม่วงมองโค่วหยวนซันครั้งหนึ่ง บนใบหน้าเผยรอยยิ้มเย้ายวนออกมา ตบกระต่ายขาวน้อยบนหน้าอกที่ใหญ่กว่าฉินโม่หนงเล็กน้อยของตน“ตาเฒ่า นายจะตะโกนทำไมกัน ทำเอาคนเขาตกใจหมด!”หญิงผมม่วงโยนหัวใจของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำเมืองทิ้ง มือขวายังคงมีเลือดหยดอยู่ ถามว่า “นายก็คือหลินหยาง? ทำไมเป็นตาเฒ่าคนหนึ่งล่ะ? ไม่ใช่บอกว่าเป็นหนุ่มหล่อที่อายุยังน้อยหรือ? ฉันยังคิดจะเล่นให้สนุกอยู่เลย”“พุ่งเป้ามาที่ฉันจริงๆ” หลินหยางกล่าวเมื่อได้ยินเช่นนั้น“คุณหลินคะ ยังคงให้ปรมาจารย์โค่วเป็นคนรับมือเถอะค่ะ ผู้หญิงคนนี้โหดเหี้ยมเกินไป อันตรายมาก” มู่หรงยิ่นอาเจียนไปครู่หนึ่ง สีหน้าซีดขาว ยังคงรู้สึกว่าในท้องปั่นป่วนอยู่“นังหญิงเสียสติ แกจงฟังให้ดี ฉันคือปรมาจารย์โค่วหยวนซัน วันนี้ จะช่วยมวลชนกำจัดภัย สังหารสุนัขบ้าอย่างพวกแกสองคนทิ้งซะ” โค่วหยวนซันพูดจบ ร่างกายก
“เช่นนั้นจะทำอย่างไรครับ? หากไม่หนี พวกเราทั้งหมดก็ต้องตายอยู่ที่นี่ ต่อให้ผมต้องแลกด้วยชีวิตนี้ ก็จะต้องปกป้องคุณหนูรองไว้ให้ได้”เจียงจั่วเฟิงก็รู้ว่าความสามารถของตนใช้ไม่ได้เช่นกัน ทว่าเขายังคงรักษาจิตวิญญาณแห่งความกล้าหาญไว้“นายพาเธอไป ฉันจะไปรับมือคนร้ายสองคนนั้นเอง” หลินหยางกล่าว“ไม่ได้ค่ะ แม้แต่ปรมาจารย์โค่วก็ไม่ใช่คู่มือของพวกเขา คุณจะตายได้นะคะ” มู่หรงยิ่นพูด“โค่วหยวนซันใช้ไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าผมใช้ไม่ได้ ลองดูเถอะครับ” หลินหยางเห็นชายผมขาวพุ่งเข้าไปหาโค่วหยวนซันแล้ว ก็รีบลงมือ ปะทะหมัดกับชายผมขาวไปหมัดหนึ่งชายผมขาวถอยหลัง ตึง ตึง ตึง ไปหลายก้าว ส่วนหลินหยางกลับถอยไปเพียงครึ่งก้าวเท่านั้นหลินหยางหิ้วโค่วหยวนซันขึ้นมาด้วยมือข้างเดียว กล่าวว่า “พามู่หรงยิ่นไปก่อน” โค่วหยวนซันเห็นหลินหยางไม่เพียงรับหนึ่งหมัดของชายผมขาวได้ ยังกระแทกจนอีกฝ่ายถอยหลังไปด้วย จึงตระหนักถึงความสามารถของหลินหยางขึ้นมาทันที ว่าอย่างน้อยเขาจะต้องเป็นปรมาจารย์ขั้นสาม“นาย…คุณก็เป็นปรมาจารย์ขั้นสามเหมือนกัน?!”“ไม่ใช่ครับ” หลินหยางพูดเบาๆเขาไม่ใช่ระดับสามจริงๆ ระดับสี่ต่างหากล่ะ
“เธอคิดว่าฉันสู้เธอไม่ได้จริงๆ หรือ?”หลินหยางไม่ได้ปิดบังความสามารถของตนแม้แต่น้อยเช่นกัน“น่าสนใจจริงๆ! หน้าตาหล่อเหลาขนาดนี้ พลังยุทธ์ยังแข็งแกร่งกว่าฉันอีก พี่ชายตัวน้อย ฉันยิ่งชอบนายมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว”โฉวเยี่ยจื่อส่งสายตาหว่านเสน่ห์ไปให้หลินหยางโฉวเตียวไป๋เหินกายมายืนอยู่ข้างกายโฉวเยี่ยจื่อสองพี่น้องล้วนเป็นปรมาจารย์ขั้นสาม ระหว่างพี่น้องประสานมือกันได้อย่างรู้ใจ มีวิชาโจมตีต่อเนื่องที่ร้ายกาจมากชุดหนึ่ง ทั้งสองยังเคยร่วมมือกันสังหารปรมาจารย์ระดับสี่ครั้งหนึ่งด้วย“ปรมาจารย์ระดับสี่แล้วยังไง? ก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยฆ่าปรมาจารย์ระดับสี่สักหน่อย! มาเจอเข้ากับพวกเราสองพี่น้อง วันนี้นายต้องตายแน่”บนใบหน้าของโฉวเตียวไป๋ปรากฏรอยยิ้มน่ารังเกียจออกมา“พี่ชาย อย่าทำเขาตายเสียล่ะ เขาตายได้แต่บนเตียงของฉันเท่านั้น” โฉวเยี่ยจื่อหัวเราะอย่างยั่วยวนพูดจบ สองพี่น้องก็ลงมือพร้อมกัน โจมตีด้านข้างของหลินหยางจากทางซ้ายและขวาการร่วมมือของพี่น้องคู่นี้เข้าขากันอย่างมาก แม้หลินหยางจะมีพลังของปรมาจารย์ระดับสี่ แต่ประสบการณ์การต่อสู้ยังห่างไกลจากสองพี่น้องคู่นี้อีกมาก เพียงครู่เดียวก็ตกเป็นร