แม้จะเผชิญกับการถูกเยาะเย้ยจากคนเหล่านี้ เย่ซิวก็ไม่โกรธและยังคงมีท่าทีสงบ“ผมไม่อยากทำร้ายพวกคุณจริง ๆ กรุณาถอยออกไปเถอะ”สิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังอย่างแท้จริงจะไม่โจมตีผู้อ่อนแอเย่ซิวเป็นห่วงความปลอดภัยในชีวิตของพวกเขา แต่ในสายตาของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเหล่านี้ พวกเขากลับคิดว่าเย่ซิวขี้ขลาดดังนั้นพวกเขาจึงทำตัวไร้ศีลธรรมมากยิ่งขึ้น“เจ้าหนู ถึงตอนนี้ยังจะเสแสร้งอยู่อีกเหรอ?!”“ฉันล่ะอยากจะผ่าหัวของแกออกมาดูจริง ๆ มีอะไรอยู่ข้างในกันนะ ทำไมถึงทำให้แกหยิ่งยโสได้ขนาดนี้!”“จะไปเสียเวลาพูดคุยไร้สาระอะไรกับมันนักหนา? นายใหญ่จ้าวบอกว่าถ้ามือและเท้าของมันหัก ทุกคนจะได้รางวัลคนละหนึ่งหมื่นหยวนเชียวนะ!”“ช่วยกันฆ่ามันซะ!”……ด้วยแรงขับจากเงิน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเหล่านี้จึงโบกแท่งเหล็กแข็งในมืออย่างแรงทันทีหมายจะฟาดศีรษะของเย่ซิว เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ในห้องของตระกูลจ้าว จ้าวเฟิงและคนอื่น ๆ ก็หัวเราะออกมา“ดู ๆ แล้วมันคงจะเป็นพวกท่าดีทีเหลว!”“ทำมาเป็นพูดว่าไม่อยากทำร้ายใคร ก็แค่ข้ออ้างเพราะจะหนีเท่านั้นแหละ”“ใครก็ได้เอาขวดไวน์ที่ฉันเก็บไว้ออกมาให้ที คืนนี้อยากจะฉลอง
“เด็กนั่นยังอายุไม่ถึงยี่สิบเลยนะ!”“เขาไม่ใช่จอมยุทธระดับสามในขั้นต้นหรือขั้นกลาง แต่นี่มันขั้นสูงเลยด้วยซ้ำ!”ทุกคนในห้องโถงทั้งหมดลุกขึ้นจากที่นั่งและมองดูฉากนี้ด้วยความเหลือเชื่อความตกใจที่เย่ซิวสร้างขึ้นแก่พวกเขานั้นรุนแรงเกินไปจริง ๆขณะที่พวกเขากำลังตกตะลึง เย่ซิวก็เดินเข้ามาดวงตาคู่หนึ่งจ้องมองเขาอย่างไม่ได้ดูถูกเหยียดหยามเหมือนตอนแรกอีกต่อไป แต่มองด้วยความเคร่งขรึมอย่างลึกซึ้งแทนไม่ว่าเขาจะอายุเท่าใด แต่ความแข็งแกร่งที่เย่ซิวแสดงออกมาตอนนี้ทำให้พวกเขาทุกคนตกใจจินหลงมองไปที่เย่ซิวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “อาจารย์ของแกเป็นใครกัน?!”คนที่จะสั่งสอนเย่ซิวเจ้าเด็กสัตว์ประหลาดนี่ได้ ต้องไม่ใช่ตาสีตาสาคนธรรมดาทั่วไปในเวลานี้ จินหลงและจินหู่ต่างก็เสียใจที่มาที่นี่หากมีผู้ยิ่งใหญ่อยู่เบื้องหลังเย่ซิว พวกเขาจะต้องประสบปัญหาใหญ่แน่นอนเมื่อได้ฟังคำถามของจินหลง เย่ชิวก็พูดอย่างเนิบ ๆ “คุณไม่คู่ควรที่จะได้รู้”อาจารย์ของเขาเตือนเขาไว้นานแล้ว ว่าอย่าเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับตัวเองไม่ว่าในกรณีใดใดเย่ซิวยึดมั่นในเรื่องนี้มาโดยตลอด และไม่ได้พูดออกไปจินหลงโกรธมาก “ไอ้เด็กนี่! ไม่ไว
“วิ่ง วิ่งเร็ว!”“นี่มันสัตว์ประหลาดชัด ๆ!”ตระกูลจ้าวสามรุ่นขวัญหนีดีฝ่อกันหมดสิบนาทีที่แล้ว ไม่ว่าจินตนาการของพวกเขาจะทรงพลังเพียงใดพวกเขาก็ไม่เคยคิดเลยว่าเย่ซิวจะสามารถฆ่าจินหลงและจินหู่ลงได้อีกทั้งพวกเขายังบรรลุไปอีกระดับแล้วด้วยนั่นคือจอมยุทธระดับสี่ แต่พวกเขากลับถูกฆ่าลงอย่างง่ายดายผลกระทบต่อพวกเขาทั้งสามนั้นใหญ่หลวงมากพวกเขาหมดหวังและต้องการหลบหนีโดยเร็วที่สุดก่อนที่พวกเขาจะหลบหนีไปได้ไกล ก็เกิดเสียงดังขึ้น ข้อเข่าของพวกเขาถูกเย่ซิ่วขว้างถ้วยใส่ จนต้องคุกเข่าลงกับพื้นทั้งสามคนหันกลับมาอย่างรวดเร็วและโค้งคำนับให้กับเย่ซิว“ผู้อาวุโสเย่ ปล่อยพวกเราไปเถอะ”“พวกเราผิดไปแล้ว พวกเรามีตาหามีแววไม่ เราไม่ควรไปยั่วยุคุณเลย ได้โปรดปล่อยพวกเราไปเถอะ”“สองร้อยล้าน ไม่สิ พวกเราจะให้เงินหนึ่งพันล้านเป็นค่าชดเชย โปรดอย่าได้ถือสาความผิดของพวกเราเลย”ขณะนี้จ้าวจางและคนอื่น ๆ หวาดผวาอย่างยิ่งและได้ละทิ้งศักดิ์ศรีทั้งหมดที่มีไปแล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งความเสียใจที่ไหลเวียนอยู่ในอกของจ้าวเฉียนที่เป็นเหมือนกับแม่น้ำอันเชี่ยวกรากถ้าเขาไม่โลภกลัวที่จะสูญเสียส่วนแบ่งของเย่ซิว เรื่อง
เซี่ยซิ่วซิ่วคิดหนักเชื่อมโยงไปถึงเย่ซิวอย่างรวดเร็ว “คุณปู่อยากให้หนูแต่งงานกับเย่ซิวเหรอคะ?”“ใช่” ใบหน้าของเซี่ยเจี๋ยเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “คิดไม่ถึงว่าคนอย่างปู่จะได้เห็นมังกรหนุ่มตอนอายุปูนนี้!”การประเมินที่สูงเช่นนี้เพิ่มความอยากรู้อยากเห็นของเซี่ยซิ่วซิ่วอย่างมาก เธออดไม่ได้ที่จะถาม “คุณปู่ ในสายเมื่อครู่คุยเรื่องอะไรกันเหรอคะ ถึงได้ทำให้ท่าทีของคุณปู่เปลี่ยนไปได้ขนาดนี้?”เซี่ยเจี๋ยถอนหายใจ “หลี่ฮ่าวโทรมาเมื่อกี้ บอกว่าน้องชายเย่เอาชนะเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยร่างกำยำที่ได้รับการว่าจ้างจากตระกูลจ้าวจำนวนมากกว่าสองร้อยคนเพียงลำพัง!”“ยิ่งไปกว่านั้น ครึ่งหนึ่งของพวกเขายังถือธนูหน้าไม้สามดอกอีกด้วย!”เซี่ยซิ่วซิ่วอุทาน ดวงตาได้รูปสวยเต็มไปด้วยความตกตะลึงเธอเกิดในตระกูลจอมยุทธ์และฝึกฝนวรยุทธ์ด้วยตัวเอง พลังของเธออยู่ในระดับทั่วไป แม้แต่การเป็นจอมยุทธ์ระดับหนึ่งเธอก็ยังไม่สามารถบรรลุได้แต่เธอรู้แน่ชัดว่าคนที่สามารถเอาชนะชายที่แข็งแกร่งสองร้อยคนได้ด้วยตัวเอง แถมอีกครึ่งหนึ่งยังถือหน้าไม้ที่ทรงพลังคน ๆ นั้นจะต้องมีพลังแข็งแกร่งไม่ธรรมดาเพียงใด“หรือเขาจะเป็นจอมยุทธ์ระ
พวกเขาเกือบจะฝ่าไฟแดงและมาถึงบ้านตระกูลจ้าวในเวลาอันสั้น“กระจายกันออกไปและล้อมรอบตระกูลจ้าวเอาไว้ ไม่อนุญาตให้ใครเข้าไป และไม่อนุญาตให้ใครออกมาทั้งนั้น!”จากนั้นหัวหน้าสถานีก็ถือหน้าไม้ไว้ในมือและรีบเข้าไปก่อนเสียงกรีดร้องของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่กองอยู่บนพื้นทำให้หัวหน้าสถานีดูมืดมนราวกับแม่น้ำลึกเมื่อเขาเข้าไปในห้องโถง ภาพที่เห็นทำให้เขาสะเทือนใจอย่างมาก“ใครกันที่โหดร้ายและอาจหาญได้ขนาดนี้?!”สมาชิกในทีมคนอื่น ๆ ก็เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองเมื่อเห็นภาพนี้“ชั่วช้ามาก พวกเราต้องตามหาคนร้ายและนำตัวพวกนั้นเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ได้!”“ใช่! นี่ถือเป็นการท้าทายความยิ่งใหญ่ของสถานีของเรา!”หัวหน้าโบกมือเพื่อให้ทุกคนเงียบเสียง “กระจายไปรอบ ๆ และจำไว้ว่าอย่าแตะร่องรอยใดใดในสถานที่เกิดเหตุ แล้วรอให้ทีมนิติเวชมาตรวจสอบดู”“หัวหน้า รีบมาดูเร็ว มีสัญลักษณ์อะไรอยู่ตรงนี้ด้วย!”สมาชิกในทีมคนหนึ่งชี้ไปยังลวดลายที่เย่ซิววาดบนผนังแล้วหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูปหัวหน้ามองตามไปแค่มองดู ม่านตาของเขาก็หดตัวทันที พลางรีบตะโกน “หยุด อย่าถ่ายรูป!”หัวหน้าวิ่งไปที่กำแพงและมองดูใกล้ ๆ
ทันทีที่หัวหน้าสถานีออกมา สื่อจากทุกด้านก็กรูมารวมกันอย่างบ้าคลั่งและยื่นไมโครโฟนให้เขาหัวหน้าสถานีวางมือลงและรอให้เหตุการณ์สงบลงก่อนที่จะพูดว่า “ทุกท่าน ตามข้อมูลที่เด่นชัด จ้าวเฟิง จ้าวเฉียนและจ้าวจางได้ขายความลับของประเทศให้แก่องค์กรข่าวกรองต่างประเทศ จากหลักฐานที่ได้ข้อสรุป จึงทำให้ได้รับโทษตัดสินประหารชีวิต”“ส่วนทรัพย์สินของพวกเขานั้นจะถูกยึดทั้งหมด!”ทันทีที่มีคำพูดเหล่านี้ออกมา เหล่าสื่อมวลชนก็ตื่นเต้นกันทันทีแฟลชจากกล้องทุกตัวกระพริบอย่างบ้าคลั่งและคำถามต่าง ๆ ที่ถูกถามอย่างต่อเนื่องหัวหน้าสถานีตอบคำถามสำคัญอีกเพียงสองสามข้อ จากนั้นก็หยุดตอบและออกจากพื้นที่ไปเนื่องจากข่าวนี้ ทำให้ทั่วทั้งเมืองเจียงเฉิงเดือดพล่านไปหมดในตอนเช้า เซี่ยซิ่วซิ่วกำลังนั่งอยู่ในรถที่มุ่งหน้าไปยังมหาวิทยาลัยเจียงเฉิงเธอกำลังอ่านข่าวทันทีที่ฉันเปิดโปรแกรม ก็เห็นหัวข้อที่สะดุดตาขึ้นอยู่หน้าไทม์ไลน์เมื่อเห็นหัวข้อนี้ มือของเซี่ยซิ่วซิ่วก็สั่นจนเธอแทบจะทำโทรศัพท์ตกเพราะไม่ได้ถือไว้แน่นพอ เธอหายใจเข้าลึก ๆ หลายครั้งเพื่อสงบสติอารมณ์เธอพึมพำกับตัวเอง “เย่ซิว คุณเป็นใครมาจากไหนกันแน่ ท
ก่อนที่เย่ซิวจะได้พูดอะไร รุ่นพี่หลายคนที่ผ่านไปก็วิ่งเข้ามาอย่างกระตือรือร้นทันที“ให้ฉันช่วยเธอถือของเถอะ ฉันรู้จักที่นี่ดี”“ฉันดีกว่า ฉันเป็นเรียนเอกกีฬาแล้วก็แข็งแรงมากด้วย”“ไม่ ไม่ ไม่ ฉันเอง เพื่อนนักศึกษาคนนี้ดูน่ากลัวไปหน่อย ดังนั้น อย่าทำให้รุ่นน้องหญิงตกใจเลย”“หมายความว่าไง? นี่ขัดขากันงั้นเหรอ?!”“เปล่า ๆ ฉันแค่บอกตามความจริง”เซี่ยซิ่วซิ่วหน้าตาน่ารักมากจนบรรดาผู้ชายทั้งหลายไม่อาจทานทนได้และพากันอยากจะเด็ดดอกไม้งามนี้มาเชยชมขณะที่พวกเขาคุยกัน พวกเขาก็เริ่มทะเลาะกันและมีแนวโน้มว่าจะทะเลาะกันรุนแรงเย่ซิวส่ายหน้าและหันไปช่วยเซี่ยซิ่วซิ่วถือกระเป๋าเดินทางของเธอไปเซี่ยซิ่วซิ่วยิ้มเบา ๆ “ขอบคุณเพื่อนนักศึกษา ฉันชื่อเซี่ยซิ่วซิ่ว ฉันยังไม่รู้ชื่อของนายเลย”“เรียกผมว่าเย่ซิวก็ได้”“สวัสดี เพื่อนนักศึกษาเย่ซิว นายเป็นน้องใหม่หรือเปล่า?”“ใช่” เย่ซิวพยักหน้า และทันใดนั้นก็มีบางอย่างเกิดขึ้นในใจของเขา “พูดถึงเรื่องนี้ ผมรู้จักเด็กผู้หญิงคนหนึ่งชื่อเซี่ยชิงชิง ไม่ใช่ว่าพวกคุณมีความเกี่ยวข้องกันหรอกนะ?”“หา?” ริมฝีปากสีแดงของเซี่ยซิ่วซิ่วแยกออกเล็กน้อยพร้อมกับแววตาประ
ภาพเด็กสาวที่งดงามราวเทพธิดาสองคนยืนอยู่ด้วยกันในมหาวิทยาลัยนั้นยอดเยี่ยมเกินไปนักศึกษาชายหลายคนที่ผ่านไปมาไม่สามารถละสายตาจากภาพนี้ได้ลู่เสวี่ยเอ๋อร์วิ่งไปทักทายเย่ซิว แล้วทำสีหน้าประหลาดใจราวกับว่าเธอเพิ่งเห็นเซี่ยซิ่วซิ่ว “ซิ่วซิ่ว ทำไมเธอถึงมาเรียน เธอรู้จักกับเพื่อนนักศึกษาเย่เหรอ?”เซี่ยซิ่วซิ่วก็ประหลาดใจมากเช่นกัน “ใช่ ฉันรู้จักเย่ซิว เธอสองคนรู้จักกันเหรอ?”ลู่เสวี่ยเอ๋อร์หรี่ตาลงพลางยิ้มอย่างสดใส “เพื่อนนักศึกษาเย่และฉันเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน”“บังเอิญมากเลย”เซี่ยซิ่วซิ่วดูเหมือนไม่ได้คิดอะไร แต่เธอก็แอบระวังอยู่ในใจเธอและลู่เสวี่ยเอ๋อร์รู้จักกันมานานแล้วผู้หญิงคนนี้แทบจะไม่เคยออกไปเที่ยวกับผู้ชายหน้าไหนเลยการริเริ่มทักทายผู้ชายเช่นวันนี้ทำให้เธอรู้สึกเหลือเชื่อมากยิ่งขึ้น‘หรือว่าเธอจะสนใจเย่ซิวด้วย? เด็กหนุ่มคนนี้มีความสามารถค่อนข้างมาก แม้แต่ลู่เสวี่ยเอ๋อร์ก็ยังสนใจเขา’ขณะเดียวกันลู่เสวี่ยเอ๋อร์ก็พึมพำอยู่ในใจ ‘ซิ่วซิ่วไม่ได้เอาแต่ทุ่มเทให้กับอาชีพการงานของเธอหรอกเหรอ? เธอไม่เคยสนใจผู้ชายคนไหนเลย แล้วทำไมวันนี้เธอถึงเดินมากับเย่ซิว อีกทั้งยังย้ายมาอาศัยอยู