หวูทาวที่ยืนอยู่ข้างๆ กลัวจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวมาซักพักแล้ว เขาขยี้ตาของตัวเองด้วยความสงสัยว่าตัวเองตาฝาดไปรึปล่าวลูกน้องของตัวเองยี่สิบกว่าคนถูกหลินเซียวฆ่าตายหมดได้ไงกัน?เหลิ่งซวงไม่รู้สึกแปลกใจต่อภาพเหตุการณ์แบบนี้เลย เทียบกับภาพนองเลือดบนสนามรบแล้ว ภาพเหตุการณ์แบบนี้เฉยๆ ไปเลยหลินเซียวถือมัดสั้นพร้อมกับค่อยๆ ก้าวเข้าไปใกล้หวูทาวขาทั้งสองข้างของหวูทาวอ่อนแรง ก่อนจะล้มนั่งลงไปกองบนพื้นเมื่อเผชิญหน้ากับความตายแล้ว แม้แต่เขาก็หวาดกลัวจนถึงขีดสุด“อย่าฆ่าผมเลย ปล่อยผมไปเถอะนะ ขอร้องล่ะนะ......” หวูทาวคุกเข่าขอร้องอ้อนวอนต่อหน้าหลินเซียว ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่คิดว่าหลินเซียวจะมีฝีมือขนาดนี้“สายไปแล้ว! ตอนที่พวกแกฆ่าแม่บุญธรรมของฉันก็น่าจะคิดว่าจะต้องมีวันนี้นะ!” หลินเซียวพูดอย่างเย็นชา“ฉันผิดไปแล้ว ขอแค่แกไม่ฆ่าฉัน ทุกอย่างก็จะไม่มีปัญหา แต่ถ้าแกฆ่าฉันล่ะก็ แก๊งชิงหลงก็จะไม่ปล่อยแกไปแน่ๆ ฉันเป็นถึงลูกน้องคนโปรดของรองหัวหน้าเหลยเลยนะ!” หวูทาวพูดขึ้น“แก๊งชิงหลงงั้นเหรอ? ก็แค่พวกมดพวกแมลงฝูงหนึ่งก็เท่านั้น ไม่ช้าก็เร็วจะต้องถูกฉันทำลายทิ้งอยู่ดี!” หลินเซียวพูดขึ้น“งั้
“ค่ะ!” เหลิ่งซวงเข้าใจ หลินเซียวไม่อยากทิ้งเงามืดไว้ในใจของซูหว่านเอ๋อร์จึงพาซูหว่านเอ๋อร์ออกมาจากตรงนั้น“หว่านเอ๋อร์ พวกเราไปกันเถอะนะ” หลินเซียวพูดกับซูหว่านเอ๋อร์ที่กำลังยืนงงอยู่“ทำไมคุณถึงกลับคำพูดล่ะคะ? เมื่อกี้รับปากฉันแล้วว่าจะปล่อยพวกมันไป” ตอนนี้ซูหว่านเอ๋อร์กลัวว่าหลังจากที่คนพวกนี้จะถูกฆ่าตายหมด แก๊งชิงหลงจะต้องมาล้างแค้นแน่ๆ“ผมรับปากคุณจริงๆ ว่าผมไม่ลงมือฆ่าพวกมัน แต่ตอนนี้เหลิ่งซวงคือคนที่จะฆ่าพวกมันต่างหาก” หลินเซียวพูดขึ้น“.....” ซูหว่านเอ๋อร์พูดไม่ออกเหลิ่งซวงเป็นนายพลระดับกลาง การที่เธอเป็นคนลงมือ ตัวเองก็เข้าไปยุ่งไม่ได้ถึงแม้ว่านายพลระดับกลางนายหนึ่งฆ่าคนจริง กรมกำกับดูแลก็ไม่กล้าทำอะไร ใครให้ตำแหน่งของเธอพิเศษกันล่ะ“ไปกันเถอะ” หลินเซียวจูงซูหว่านเอ๋อร์จากไปซูหว่านเอ๋อร์ตามหลินเซียวจากไป คนพวกนี้ฆ่าแม่บุญธรรมของหลินเซียว เธอก็อยากฉีกพวกนี้ให้เป็นชิ้นๆ เหมือนกันแต่เธอกลัวว่าหลังจากที่หลินเซียวลงมือแล้วจะนำพาภัยร้ายมาใส่ตัว จึงได้ห้ามปรามเขา ตอนนี้เหลิ่งซวงเป็นคนลงมือ เธอก็ขี้เกียจจะไปยุ่งด้วยอีกซูหว่านเอ๋อร์ถามหลินเซียวขึ้นมานั่งบนรถโรลส์-รอยซ์ เธ
“แฟนของหลานเป็นใครกัน?” เยว่ชิ่วหรงถามขึ้น“ซูหว่านเอ๋อร์หญิงที่งามที่สุดแห่งเมืองหนานหู” เยว่ยี่เฟิงยิ้มอย่างได้ใจแล้วพูดขึ้น“ซูหว่านเอ๋อร์? ก่อนหน้านี้เธอไม่ได้เคยจัดงานแต่ง และแต่งงานไปแล้วหรอกเหรอ? แล้วไปเป็นแฟนกับหลานตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” เยว่ซิ่วหรงถามขึ้นด้วยความประหลาดใจหลานของตัวเองไปผัวพันกับผู้หญิงที่แต่งงานแล้วได้ยังไง?“แต่ซูหว่านเอ๋อร์เป็นผู้หญิงในสเปคที่ผมชอบเลยนะครับ เธอแต่งงานแล้วก็จริง แต่แล้วมันจะทำไมล่ะครับ บนสนามฟุตบอลมีผู้รักษาประตู แต่บอลยังเข้าโกลด์ไปได้ไม่ใช่เหรอครับ!” เยว่ยี่เฟิงพูดขึ้น“ยังไงซะเธอก็เป็นเมียของคนอื่นไปแล้ว หลานเอาคนแบบนี้เป็นแฟน ถ้าข้างนอกรู้เข้า ตระกูลเยว่ของเราจะเอาหน้าไปไว้ไหน! อีกอย่างนะ หลานเป็นถึงคุณชายของตระกูลเยว่ ยังมีผู้หญิงไม่พออีกเหรอ? ทำไมถึงได้ชอบซูหว่านเอ๋อร์อะไรขนาดนั้น?” เยว่ชิ่วหรงถามขึ้น“ถึงยังไงหลังจากที่ผมได้เจอกับเธอก็ได้หลงรักเธอเข้าแล้ว ต้องเป็นเธอเท่านั้น ตอนนี้แค่ไม่ได้เห็นเธอวันเดียว ตัวผมก็ทุกข์ทรมานมากเลยครับ” เยว่ยี่เฟิงพูดขึ้น“งั้นก็ได้ ขอแค่หลานชอบก็พอ แต่มีอยู่อย่างหนึ่งก็คือหลานเล่นกับเธอได้ แต่ห้าม
เยว่ต้าฝูและคนอื่นๆ ต่างตกตะลึงเมื่อได้เห็นหลินเซียวแบกโลกศพบุกเข้ามาในตระกูลเยว่ ก่อนหน้านี้พวกเขาก็ได้เคยทนทุกข์ทรมานจากเงื้อมมือของหลินเซียวจนพวกเขาตกใจกลัวถอยหลังไปหลายก้าว“ในเมื่อมาจนถึงที่แล้ว วันนี้ก็เป็นวันเกิดครบรอบแปดสิบปีของแม่เฒ่าเยว่ พวกเรามามอบของขวัญอวยพรให้เป็นพิเศษ!” หลินเซียวพูดขึ้นอย่างเรียบเฉยได้ยินดังนั้น ทุกคนต่างถึงกับตกตะลึงอย่างขีดสุด และต่างพากันรู้สึกเสียวสันหลังวาบ งานวันเกิดแม่เฒ่าเยว่มอบโลงศพให้เป็นของขวัญเนี่ยนะ!“พวกแกจะทำอะไรกันแน่? กล้าดียังไงแบกโลงศพมาที่นี่ ใครส่งพวกแกมา!” เยว่หงซานโกรธมาก ถ้าพวกมันมาผิดที่จริง ยังพอรับได้ แต่ไม่คิดว่าพวกมันจะตั้งใจมาที่นี่โดยเฉพาะ นี่มันหาเรื่องกันชัดๆ!“ฉัน หลินเซียว ลูกบุญธรรมของจ้าวหลาน วันนี้มามอบโลงศพเกรดดีเป็นของขวัญอวยพรวันเกิดให้แม่เฒ่าเยว่ เผื่อว่าจะไม่มีที่ฝัง!” หลินเซียวพูดได้ยินชื่อหลินเซียวแล้ว ทุกคนต่างเข้าใจแล้วว่าที่แท้เขาก็คือสามีสวะของซูหว่านเอ๋อร์นั่นเองแม้ว่าทุกคนจะไม่รู้หน้าตาที่แท้จริงของหลินเซียว แต่ในฐานะสามีของซูหว่านเอ๋อร์หญิงงามที่สุดของเมืองหนานหู หลินเซียวก็พอจะมีชื่อเสียงบ้าง
เมื่อได้ยินที่หลินเซียวพูดแบบนั้น ทุกคนในงานต่างตกตะลึงเป็นอย่างมากทุกคนต่างกำลังกระซิบกระซาบกันว่าตระกูลเยว่ไปทำเรื่องอะไรร้ายแรงผิดมนุษย์ไว้กันแน่“บังอาจ! ตระกูลเยว่ใช่ที่คนอย่างแกบุกเข้ามาได้ง่ายๆ งั้นเหรอ? ยังกล้าเหลวไหลที่นี่อีก มานี่หน่อย เอาพวกมันสองคนนี้ออกไปให้พ้น!” เยว่ชิ่วหรงตะคอกออกมาด้วยความเดือดดาลบอดี้การ์ดหลายคนก็พุ่งออกมาในทันที เป้าหมายก็คือหลินเซียวและเหลิ่งซวงตระกูลใหญ่ที่เหมือนกับตระกูลเยว่ต่างจะต้องมียอดฝีมือรับผิดชอบดูแลความปลอดภัยของตระกูล บอดี้การ์ดหลายคนนี้ก็คือยอดฝีมือที่ตระกูลเยว่เลี้ยงเอาไว้ แต่ละคนต่างมีทักษะฝีมือที่ยอดเยี่ยมทั้งนั้น!เยว่ยี่เฟิงเห็นว่าบอดี้การ์ดอยู่ด้วยก็มีความมั่นใจในทันที จึงเดินถามเข้าไปชี้หน้าด่าหลินเซียวยกใหญ่: “แกคิดว่าแกเป็นใคร? ถึงได้กล้าบุกเข้ามาในตระกูลเยว่ และยังกล้าเอาโลงศพมาให้คุณย่าของฉันในงานวันเกิดอีก แกเข้ามาง่าย แต่ออกยาก! หักขาพวกมันซะ ให้พวกมันคลานกลับออกไป!”เยว่ยี่เฟิงคุ้นเคยกับความรู้สึกที่ยโสโอหังมองไม่เห็นหัวผู้อื่นแบบนี้“แกคือเยว่ยี่เฟิงใช่ไหม?” หลินเซียวถาม“ใช่ ก็ฉันเนี่ยแหละ! ฉันไม่สนใจว่าแกจะเป็น
ถูกผู้หญิงคนเดียวจัดการงั้นเหรอ?สาวสวยข้างกายของหลินเซียวเพียงคนเดียวก็สามารถทำให้เหล่าองครักษ์ลงไปนอนกองกับพื้นจนหมด เธอเป็นใครกันแน่?สาวสวยคนนี้เหมือนจะทำตามคำสั่งของหลินเซียวอย่างเคร่งครัด แม้แต่คนข้างกายยังแข็งแกร่งขนาดนี้? งั้นความสามารถที่แท้จริงของหลินเซียวจะไม่เก่งจนคาดไม่ถึงเลยหรอ?“ยังมีใครอยากจะตายอีกไหม?” เหลิ่งซวงยื่นนิ้วชี้ออกไปกวักเรียกการตายของจ้าวหลานทำให้เธอเองก็โกรธมากเช่นกัน อยากจะสั่งสอนตระกูลเยว่ให้หนักสักหน่อยคราวนี้เยว่ชิ่วหรงรู้สึกลนลานเล็กน้อย พวกเขาเตรียมตัวมาเป็นอย่างดีจริงๆ ด้วย“รีบไปเชิญคุณหวังมาเร็ว” เยว่ชิ่วหรงกระซิบกับคนรับใช้ที่อยู่ข้างๆ“ค่ะ!” คนรับใช้คนนั้นรีบไปออกมาจากนั้นก็มีผู้อาวุโสสวมเสื้อคลุมสีดำคนหนึ่งเดินออกมาจากทางด้านหลังของห้องโถงผู้ชายคนนั้นเต็มไปด้วยพลังอันมีพลานุภาพ จิตสังหารวนเวียนรอบกายของเขา“คุณหวัง รบกวนคุณลงมือไล่สองคนนี้ออกไปด้วยเถอะค่ะ” เยว่ชิ่วหรงพูดผู้อาวุโสด้วยความเคารพผู้อาวุโสคนนี้มีชื่อว่าหวังฉวนชุน เขาเป็นยอดฝีมือที่แท้จริง เพราะความสามารถที่แท้จริงเหนือกว่าผู้อื่น ก็แม้แต่แม่เฒ่าเยว่ก็ยังต้องยอมรับเขา
เยว่ยี่เฟิงกลัวจนตัวสั่นเทา ใจตุ้มตุ้มต่อมต่อม เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงติดขัดด้วยความกลัว อ้อนวอนหลินเซียว:” อย่าฆ่าฉัน อย่าฆ่าฉันเลยนะ! ไม่ว่าแกจะขออะไรฉันก็จะยอมให้แกหมดเลย อยากได้เงินเท่าไหร่ก็บอกมาได้เลยนะ”“เงินสำหรับฉันมันก็เหมือนกับก้อนดิน มีเงินเยอะแล้วมันให้แม่บุญธรรมของฉันฟื้นได้ไหมล่ะ?” หลินเซียวพูดสีหน้าเย็นชา“ขอร้องล่ะ อย่าฆ่าลูกชายของฉันเลย!” หูเสี่ยวเหลียนเห็นว่าหลินเซียวเตรียมกำลังจะลงมือกับลูกชายของตัวเอง ก็ตื่นตระหนกตกใจจนทำอะไม่ถูก จึงรีบคุกเข่าขอร้อง“ในตอนที่ภรรยาของฉันคุกเข่าขอร้องต่อหน้าลูกชายของแก ทำไมมันไม่ไว้ชีวิตแม่บุญธรรมของฉันบ้างล่ะ” หลินเซียวใช้น้ำเสียงเย็นชาตอบ“ตอนนี้เขาสำนึกผิดแล้ว โปรดให้โอกาสเขาสักครั้ง ไว้ชีวิตเขาด้วยเถอะนะ ต่อไปฉันจะสั่งสอนเขาให้ดีแน่นอน” หูเสี่ยวเหลียนพูดอ้อนวอน“การที่เยว่ยี่เฟิงอวดดีและใช้อำนาจบาตรใหญ่แบบนี้ก็เป็นเพราะแกตามใจทั้งนั้นถึงทำให้มันไม่เห็นหัวใคร เอาแต่ใจตัวเอง มันสายเกินไปที่จะพูดอะไรตอนนี้” หลินเซียวพูดจบก็ยกเท้าของตัวเองขึ้นมา ก่อนจะกระทืบไปยังหว่างขาของเยว่ยี่เฟิง“ฟู่.....” เสียงอันอึดอัดดังขึ้น“อ๊าก!” เย
“แม่อาจจะรู้สึกว่าอยู่ที่นี่ไม่สบายเหมือนอยู่คฤหาสน์ตระกูลซูล่ะมั้ง กลางวันฉันกับพ่อก็ไปทำงาน ทั้งคฤหาสน์มีแค่แม่อยู่อ้างว้างคนเดียว ไม่มีใครคุยเป็นเพื่อนแม่ แม่อาจจะรู้สึกเหงาถึงได้ย้ายออกไปเองน่ะ” ซูหว่านเอ๋อร์พูดขึ้นแม้ว่าซูหว่านเอ๋อร์จะกำลังโกหก แต่เธอก็โกหกอย่างไม่มีช่องโหว่ สีหน้าไม่เปลี่ยนสี ไม่รู้สึกตื่นเต้นเลยสักนิดหลินเซียวไม่มีความสงสัยในคำพูดของซูหว่านเอ๋อร์เลย“คุณทำงานที่หนานหูกรุ๊ปเป็นไงบ้าง?” หลินเซียวถามขึ้น“หลังจากที่เกิดเรื่องขึ้นกับแม่บุญธรรม ฉันก็ลาหยุดยาว” ซูหว่านเอ๋อร์ถอนหัวใจแล้วพูดขึ้น“ตอนนี้ก็ดีขึ้นแล้ว หลังจากที่คุณกลับมา ชีวิตของฉันก็กลับมาเป็นปกติ แล้วกองทัพจัดภารกิจให้คุณอีกไหม?” ซูหว่านเอ๋อร์ถามขึ้น“ยังไม่มีหรอก ผมแค่ลาหยุดกลับมาสักพัก ถ้ามีสถานการณ์ก็จะมีโอกาศที่จะต้องออกเดินทางได้ทุกเมื่อ” หลินเซียวลูบผมของซูหว่านเอ๋อร์ด้วยความเอ็นดูแล้วพูดขึ้น“ทำไมต้องกลับไปอีกล่ะคะ?” ซูหว่านเอ๋อร์ถามขึ้นด้วยความสงสัย“ใช่ อาณาจักรมังกรไม่มีผมไม่ได้” หลินเซียวยิ้มแล้วพูดขึ้น“คุณก็โม้ไปเถอะ คุณเป็นแค่ทหารคนหนึ่งจะไปเกี่ยวกับงานใหญ่ระดับอาณาจักรได้ไง!” ซู