“ท่านพ่อค่ะ ท่านเอาลูกเขยของท่านไปเปรียบเทียบกับไอ้คนไร้ประโยชน์อย่างนั้นเหรอ?” ซูชิงเอ๋อร์ผู้เป็นฮีโร่ของตระกูลซู จ้องมองไปที่ซูหว่านเอ๋อร์และหลินเซียวด้วยความเย่อหยิ่งและมั่นใจในตัวเองแล้วพูดขึ้น“พูดถูกเลย คุณชายหวังเกิดในตระกูลมีชื่อเสียง เป็นผู้นำในรุ่นหนุ่มสาว ไม่ใช่ใครก็เปรียบเทียบกับเขาได้นะ ไอ้คนไร้ความสามารถ ไม่รู้กาลเทศะ ไม่มีกฎเกณฑ์ รู้จักแต่กิน ใครจะรู้ว่ามันเข้ามาในตระกูลซูมีเป้าหมายอะไร ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป ตระกูลซูของพวกเรา ต้องถูกมันกินจนล้มละลายในไม่ช้าแน่!”ท่านย่าซูชื่นชมหวังเทียนเฟิงในเวลากันก็ไม่ลืมที่จะลดคุณค่าหลินเซียวให้ต่ำลงหวังเทียนเฟิงยิ้มบางๆ พร้อมพูดขึ้น “ท่านย่าชมผมเกินไปแล้ว มีใครบางไม่เคยเห็นโลกกว้าง ไม่เคยทานอาหารรสชาติอร่อย ก็ให้เขาทานเยอะหน่อย ถือซะว่าตระกูลซูเลี้ยงสุนัข แค่สุนัขตัวเดียว ยังไงซะตระกูลซูก็เลี้ยงได้”ตั้งแต่ตอนที่ซูหว่านเอ๋อร์จูงหลินเซียวเดินเข้าประตูมา หวังเทียนเฟิงก็ไม่ชอบขี้หน้าหลินเซียวแล้วไอ้สวะที่โสโครกแบบนี้ กลับเป็นสามีของสาวสวยที่สุดของเมืองหนานหู มันช่างราวกับเอาดอกไม้สวยสดไปปักลงบนกองขี้ควายเสียจริง!สำหรับหวัง
ซูหว่านเอ๋อร์ได้ยินท่านย่าซูพูดร้ายๆใส่เธอ ก็ทนไม่ไหวจนหลั่งน้ำตาด้วยความน้อยอกน้อยใจ“ท่านย่าพูดขนาดนี้แล้ว พวกเธอยังมีหน้าอยู่ในตระกูลซูอีกเหรอ?”“ใช่ ไอ้สวะหน้าด้านนี่ ไล่ก็ไม่ไป ตระกูลซูไม่ใช่สถานที่ใครอยากมาก็มาได้”“ใครจะไปรู้ว่าสองคนนี้คบกันได้ยังไง ซูหว่านเอ๋อร์ ไอ้สวะนี่ไม่ได้ข่มขืนเธอใช่ปะ!”“ซูหว่านเอ๋อร์ เธอยังไม่รีบพาไอ้สวะนี่ไสหัวออกจากตระกูลซูอีก!”……ไม่นาน ซูหว่านเอ๋อร์และหลินเซียวได้ตกเป็นเป้าขี้ปากของตระกูลซูไปเสียแล้วคนในตระกูลซูพูดร้ายให้พวกเขาทั้งสองซูเฉิงกงผู้เป็นพ่อของซูหว่านเอ๋อร์ และหยางฮุ้ยฟางผู้เป็นแม่นั่งอยู่อีกมุมหนึ่งมีสีหน้าซีดเผือก และก็ไม่คิดช่วยกู้หน้าให้ลูกสาวด้วยก่อนที่ซูหว่านเอ๋อร์จะพาหลินเซียวมาที่บ้าน ก็คิดว่าจะได้คำอวยพรจากทุกคนคิดไม่ถึงว่าคนในตระกูลซูจะนินทาว่าร้ายเธอ แม้กระทั่งมีญาติบางคนระแวงสงสัยว่าเธอโดนหลินเซียวใช้กำลังข่มขืน ซูหว่านเอ๋อร์จึงต้องยอมทอดกายให้หลินเซียวอย่างช่วยไม่ได้เมื่อต้องเจอกับคำต่อว่าและคำระแวงสงสัยอย่างไม่มีเหตุผลของคนในตระกูลหลินเซียวก็ไม่มีอารมณ์ที่จะอยู่ต่อ ดังนั้นเขาจูงมือของซูหว่านเอ๋อร์แล้วหันหลั
ดังนั้น ซูชิงเอ๋อร์จึงฝังใจกับพี่สาวคนนี้มาโดยตลอดจนถึงเมื่อสองปีก่อน ท่านปู่ซูก็มาเสียไป ซูหว่านเอ๋อร์จึงไม่เป็นที่โปรดปรานแล้ว ซูชิงเอ๋อร์ผ่านความพยายามมาต่างๆ นานา จึงมีตำแหน่งในตระกูลซูได้ดั่งทุกวันนี้“หลินเซียวเป็นสามีของฉัน เมื่อกี้เขาก็แค่ไม่ได้ตั้งใจ แล้วอีกอย่างนะ ของขวัญวันเกิดที่เธอมอบให้ท่านย่ายังวางอยู่บนโต๊ะดีนิ ตีหมาก็ต้องดูเจ้าของ ถึงแม้หลินเซียวจะทำอะไรผิดแล้วจริงๆ ก็ไม่ใช่หน้าที่เธอมาสั่งสอน!” ซูหว่านเอ๋อร์พูดหลินเซียวมองซูหว่านเอ๋อร์ด้วยความตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงของตัวเอง จะพูดแทนเขาอย่างไม่ลังเลในเวลาที่เขาถูกรังแกถึงแม้คำพูดมันจะหยาบไปหน่อยก็ตาม……แต่หลินเซียวก็ซาบซึ้งใจ“เหอะๆ ก็ใช่ จะตีหมาก็ต้องดูเจ้าของ งั้นก็ต้องดูด้วยว่าเจ้าของหมามีตำแหน่งในตระกูลหรือเปล่า มีค่าพอให้เคารพหรือเปล่า!” ซูชิงเอ่อร์อาศัยที่ตัวเองเพิ่งได้สัญญาความร่วมมือระหว่างสกุลซูและหนานหูกรุ๊ปจึงทะนงตน ไม่ให้ความสำคัญซูหว่านเอ๋อร์แม้แต่น้อย“เธอ....” ซูหว่านเอ๋อร์ถูกซูชิงเอ๋อร์ทำให้โมโหจนพูดไม่ออก“พอได้แล้ว ชิงเอ๋อร์ก็ไม่ได้ตั้งใจเหมือนกัน แค่ขว้างเบาๆ เอง ถึงกับต้องตื่นตระหนกต
ผ่านไปครู่ใหญ่ ทุกคนในตระกูลซูจึงหายตกใจ หลังจากนั้นทุกคนบนโต๊ะอาหารก็กุมท้องหัวเราะร่าออกมา“ไอ้สวะนี่โมโหจนสติเลอะเลือนแล้วสินะ? มันยังอยากจัดงานแต่งวันเดียวกับคุณชายน้อยหวัง ช่างน่าหน้าไม่อายจริงๆ !”“งานแต่งที่สะเทือนลั่นเมืองหนานหู ฉันว่าไอ้นี่ไม่ได้เป็นแค่สวะ แต่ยังชอบขี้โม้อีก ไม่รู้จริงๆ ว่าซูหว่านเอ๋อร์ชอบมันตรงไหน?”“พวกคุณดูสิ เสื้อผ้าของผู้ชายคนนี้ซักจนสีตกหมดแล้ว ยังกล้าป่าวประกาศว่าจะจัดงานแต่งที่ยิ่งใหญ่อลังการกว่าของชิงเอ๋อร์ร้อยเท่าพันเท่า?”“ซูหว่านเอ๋อร์ ไม่รู้ว่าเธอชอบมันตรงไหน? ถ้าให้ฉันพูดนะ รีบหย่ากับไอ้สวะนี่เถอะ ลูกท่านหลานเธอที่ตามจีบเธอเยอะแยะ หลับตาเลือกมาสักคนหนึ่งก็ยังดีกว่าไอ้สวะนี้เยอะเลย”……ซูหว่านเอ๋อร์ได้ฟังคำเหน็บแนมของคนในตระกูลจนสีหน้าเริ่มเขียวช้ำเป็นจ้ำ จนอยากจะเอาเข็มเย็บปากของหลินเซียวซะเดี๋ยวนั้นเลย“หลินเซียว ทำไมคุณป่าวประกาศจะจัดงานแต่งที่สะเทือนเลือนลั่นไปทั้งเมืองหนานหูล่ะ? รบกวนคุณพูดอะไรที่ทำได้จริงหน่อยได้ไหม?”“ทำไมเมื่อก่อนฉันไม่เคยเห็นคุณจะชอบขี้โม้ขนาดนี้เลย! ตอนนี้คุณกลับโม้จนฟินเลยนะ ถึงตอนนั้นจริง ๆ คุณจะให้ฉันเอาหน้าไปไ
ท่านย่าซูพูดจบภายในห้องรับแขกก็เงียบลงทันใด ใครจะไปคิดว่าท่านย่าซูจะไล่ซูหว่านเอ๋อร์ออกจากซูซื่อกรุ๊ปถึงแม้ซูหว่านเอ๋อร์จะบริหารบริษัทเล็กๆ อยู่ข้างนอก แต่ถ้าไม่มีสกุลซูค้ำจุนเธอ เกรงว่าบริษัทแห่งนั้นของเธอก็คงไม่ได้รับความโปรดปรานให้งานโครงการไหนๆ เลยซูหว่านเอ๋อร์ก็ตะลึงจนทำอะไรไม่ถูกตลอดหลายปีมานี้ แม้ว่าเธอจะเปิดบริษัททำธุรกิจของเธอเอง แต่เธอก็ช่วยเหลือสกุลซูไปไม่น้อยเลยวันนี้เป็นเพราะคุณย่าไม่พอใจในตัวเธอที่มีสามีแล้ว ก็เลยโดนไล่ออกจากสกุลซูงั้นเหรอ?“หวังว่าเธอจะไม่เสียใจเพราะคำพูดในวันนี้นะ ต่อไปนี้ตระกูลซูของพวกคุณก็อย่ามาขอร้องผมและหว่านเอ๋อร์ให้ช่วยนะ” หลินเซียวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ“ตระกูลซูของเรา? ขอร้องให้แกช่วย? คนปัญญาอ่อนเพ้อฝัน!” ท่านย่าซูหัวเราะเยาะอย่างเย็นชาการที่เธออายัดหุ้นสกุลซูของซูหว่านเอ๋อร์ ก็เพราะกังวลว่าซูหว่านเอ๋อร์จะใช้ฐานะของตัวเอง ถอนเงินออกจากสกุลซูไปจัดงานแต่งงานกับหลินเซียวดังนั้นจึงไล่เธอออกจากสกุลซู ประการแรกเป็นการปกป้องทรัพย์สินของสกุลซู และประการที่สองคือตัดรายรับส่วนใหญ่ของซูหว่านเอ๋อร์ออกไป“หลินเซียว แกอย่ามาล้อเล่นเลย ฉั
เช้าตรู่ของวันที่สอง ข่าวทำให้ผู้คนตกใจและแพร่กระจายไปทั่วทุกหนแห่งในเมืองหนานหูหนานหูกรุ๊ป บริษัทใหญ่ที่สุดในเมืองหนานหูได้ถูกเศรษฐีปริศนาคนหนึ่งกว้านซื้อในชั่วข้ามคืนในราคาสูงถึง 1.5 ล้านล้านบาท!หนานหูกรุ๊ปเปลี่ยนประธานแล้ว ประธานคนเดิมออกแถลงการณ์ข้ามคืนว่าตนลาออกจากตำแหน่งประธาน โดยมีชายหนุ่มรูปงามมากด้วยความสามารถเข้ามารับตำแหน่งประธานของหนานหูกรุ๊ปข่าวนี้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วจนเกินความคาดหมายก็แม้แต่เหล่าผู้เฒ่าที่ตื่นมากินอาหารเช้าตามถนนและตรอกซอยตั้งแต่เช้าตรู่ก็เสวนาเรื่องนี้เช่นกันทุกตระกูลใหญ่ของเมืองหนานหูต่างเรียกจัดประชุมเร่งด่วน แลกเปลี่ยนข้อมูลที่มีประโยชน์ซึ่งกันและกันและกำลังพากันเดาว่าใครกันที่ร่ำรวยขนาดนี้ ถึงได้ใช้เงินกว้านซื้อหนานหูกรุ๊ปด้วยราคา 1.5 แสนล้านล้านบาท!หลังจากหลินเซียนตื่นขึ้นในคฤหาสน์ของซูหว่านเอ๋อร์ มือถือก็ได้รับข้อความจากเหลิ่งซวงข้อความของเหลิ่งซวงบอกว่าตอนนี้หลินเซียวไปรับตำแหน่งประธานหนานหูกรุ๊ปได้แล้วหลินเซียวกลับไม่รีบไปหนานหูกรุ๊ปเพื่อรับตำแหน่ง แต่หลังเขาตื่นนอนก็เตรียมอาหารเช้าเต็มโต๊ะอย่างพิถีพิถัน รอซูหว่านเอ๋อร์ตื่นนอน
“เมื่อคืนวานเราแพร่ข่าวที่แกพนันแข่งกับพวกเราว่างานแต่งงานใครจะยิ่งใหญ่อลังการกว่ากันออกไปแล้ว วันนี้พาดหัวข่าวของเมืองหนานหู ข่าวแรกคือหนานหูกรุ๊ปเปลี่ยนประธาน และข่าวที่สองก็คือข่าวแข่งจัดงานแต่งงานระหว่างแกกับพวกเรา ตอนนี้ทุกคนในเมืองหนานหูรู้กันทั่วหมดแล้ว ถึงตอนนั้นแกจัดงานแต่งไม่ได้เรื่องล่ะก็ ฉันจะดูว่าแกจะจบมันยังไง!” ซูชิงเอ๋อร์ยิ้มเยาะขึ้นหลินเซียวเห็นว่าสองคนนี้ขวางหน้าตนแถมยังเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยฟังจนรำคาญแล้วก็เลยถามไปเบาๆ ว่า: “พวกคุณมาทำอะไรที่นี่?”ในเรื่องแต่งงานของเขากับซูหว่านเอ๋อร์ เขาได้ให้เหลิ่งซวงไปจัดการแล้ว และสำหรับเรื่องนี้เขาวางใจเป็นอย่างมากในวันนี้ หลินเซียวได้กลายเป็นประธานของหนานหูกรุ๊ปแล้ว เขาอยากรู้ว่าไอ้หมาสองผัวเมียคู่นี้วันนี้มาทำอะไรที่หนานหูกรุ๊ปกันแน่“พวกฉันมาที่นี่ ก็ต้องมาคุยธุรกิจโครงการใหญ่น่ะสิวะ! วันนี้หนานหูกรุ๊ปเปลี่ยนประธานคนใหม่แล้ว พวกฉันต้องใช้โอกาสดีๆ นี้คุยธุรกิจขอความร่วมมือกับหนานหูกรุ๊ปในนามของสกุลซูอีกสักโครงการนึง”“และก็ไม่กลัวแกจะรู้ว่าคุณลุงของนายน้องหวังของตระกูลเราดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโครงการของหนานหูกรุ๊ป โครง
ต่อมา หวังเทียนเฟิงและซูชิงเอ๋อร์เดินเข้ามาที่หนานหูกรุ๊ปด้วยกัน ก่อนจะเดินไปหาหวังยีต๋าคุณลุงที่ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโครงการของหนานหูกรุ๊ปห้องทำงานประธานของหนานหูกรุ๊ปอยู่ที่ชั้นที่ 66 ของตึกใหญ่ หลินเซียวทำตามเนื้อหาข้อความของเหลิ่งซวง ขึ้นลิฟต์ตรงมาถึงชั้นที่ 66 ของตึกใหญ่เลยเมื่อประตูลิฟต์เปิดออก หลินเซียนก็เห็นสาวสวยหน้าตาดี รูปร่างผอมเพรียวหน้าอกอวบอิ่มและบุคลิกท่าทางเด่นสง่ายืนอยู่ที่หน้าประตูลิฟต์สาวสวยคนนี้ก็คือชู๋ยู่หยาน รองประธานหนานหูกรุ๊ปเหลิ่งซวงได้บอกกล่าวกับชู๋ยู่หยานรองประธานของหนานหูกรุ๊ปไว้แล้วตั้งแต่เมื่อคืน ตัวตนของประธานคนใหม่ต้องเก็บเป็นความลับ อย่าให้พนักงงานของบริษัทรู้ตัวตนของเขาเด็ดขาด ดังนั้น พนักงานทุกคนที่อยู่บนชั้น 66 ได้ถูกย้ายไปทำงานอยู่ที่ชั้นอื่นแล้วในวันนี้มีเพียงชู๋ยู่หยานคนเดียวที่มารอต้อนรับการมาถึงของประธานบริษัทคนใหม่และเธอได้มายืนคอยอยู่ที่หน้าประตูลิฟต์นานแล้วเมื่อซู๋ยู่หยานเห็นหลินเซียวเดินออกมาจากลิฟต์ก็ตกตะลึงอ้าปากอย่างอดไม่ได้เธอจะไปคิดได้ที่ไหนกันล่ะว่าประธานคนใหม่ของหนานหูกรุ๊ปกลับเป็นลูกเขยเศษสวะของตระกูลซูที่มีชื่อเสี