ผ่านไปครู่ใหญ่ ทุกคนในตระกูลซูจึงหายตกใจ หลังจากนั้นทุกคนบนโต๊ะอาหารก็กุมท้องหัวเราะร่าออกมา“ไอ้สวะนี่โมโหจนสติเลอะเลือนแล้วสินะ? มันยังอยากจัดงานแต่งวันเดียวกับคุณชายน้อยหวัง ช่างน่าหน้าไม่อายจริงๆ !”“งานแต่งที่สะเทือนลั่นเมืองหนานหู ฉันว่าไอ้นี่ไม่ได้เป็นแค่สวะ แต่ยังชอบขี้โม้อีก ไม่รู้จริงๆ ว่าซูหว่านเอ๋อร์ชอบมันตรงไหน?”“พวกคุณดูสิ เสื้อผ้าของผู้ชายคนนี้ซักจนสีตกหมดแล้ว ยังกล้าป่าวประกาศว่าจะจัดงานแต่งที่ยิ่งใหญ่อลังการกว่าของชิงเอ๋อร์ร้อยเท่าพันเท่า?”“ซูหว่านเอ๋อร์ ไม่รู้ว่าเธอชอบมันตรงไหน? ถ้าให้ฉันพูดนะ รีบหย่ากับไอ้สวะนี่เถอะ ลูกท่านหลานเธอที่ตามจีบเธอเยอะแยะ หลับตาเลือกมาสักคนหนึ่งก็ยังดีกว่าไอ้สวะนี้เยอะเลย”……ซูหว่านเอ๋อร์ได้ฟังคำเหน็บแนมของคนในตระกูลจนสีหน้าเริ่มเขียวช้ำเป็นจ้ำ จนอยากจะเอาเข็มเย็บปากของหลินเซียวซะเดี๋ยวนั้นเลย“หลินเซียว ทำไมคุณป่าวประกาศจะจัดงานแต่งที่สะเทือนเลือนลั่นไปทั้งเมืองหนานหูล่ะ? รบกวนคุณพูดอะไรที่ทำได้จริงหน่อยได้ไหม?”“ทำไมเมื่อก่อนฉันไม่เคยเห็นคุณจะชอบขี้โม้ขนาดนี้เลย! ตอนนี้คุณกลับโม้จนฟินเลยนะ ถึงตอนนั้นจริง ๆ คุณจะให้ฉันเอาหน้าไปไ
ท่านย่าซูพูดจบภายในห้องรับแขกก็เงียบลงทันใด ใครจะไปคิดว่าท่านย่าซูจะไล่ซูหว่านเอ๋อร์ออกจากซูซื่อกรุ๊ปถึงแม้ซูหว่านเอ๋อร์จะบริหารบริษัทเล็กๆ อยู่ข้างนอก แต่ถ้าไม่มีสกุลซูค้ำจุนเธอ เกรงว่าบริษัทแห่งนั้นของเธอก็คงไม่ได้รับความโปรดปรานให้งานโครงการไหนๆ เลยซูหว่านเอ๋อร์ก็ตะลึงจนทำอะไรไม่ถูกตลอดหลายปีมานี้ แม้ว่าเธอจะเปิดบริษัททำธุรกิจของเธอเอง แต่เธอก็ช่วยเหลือสกุลซูไปไม่น้อยเลยวันนี้เป็นเพราะคุณย่าไม่พอใจในตัวเธอที่มีสามีแล้ว ก็เลยโดนไล่ออกจากสกุลซูงั้นเหรอ?“หวังว่าเธอจะไม่เสียใจเพราะคำพูดในวันนี้นะ ต่อไปนี้ตระกูลซูของพวกคุณก็อย่ามาขอร้องผมและหว่านเอ๋อร์ให้ช่วยนะ” หลินเซียวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ“ตระกูลซูของเรา? ขอร้องให้แกช่วย? คนปัญญาอ่อนเพ้อฝัน!” ท่านย่าซูหัวเราะเยาะอย่างเย็นชาการที่เธออายัดหุ้นสกุลซูของซูหว่านเอ๋อร์ ก็เพราะกังวลว่าซูหว่านเอ๋อร์จะใช้ฐานะของตัวเอง ถอนเงินออกจากสกุลซูไปจัดงานแต่งงานกับหลินเซียวดังนั้นจึงไล่เธอออกจากสกุลซู ประการแรกเป็นการปกป้องทรัพย์สินของสกุลซู และประการที่สองคือตัดรายรับส่วนใหญ่ของซูหว่านเอ๋อร์ออกไป“หลินเซียว แกอย่ามาล้อเล่นเลย ฉั
เช้าตรู่ของวันที่สอง ข่าวทำให้ผู้คนตกใจและแพร่กระจายไปทั่วทุกหนแห่งในเมืองหนานหูหนานหูกรุ๊ป บริษัทใหญ่ที่สุดในเมืองหนานหูได้ถูกเศรษฐีปริศนาคนหนึ่งกว้านซื้อในชั่วข้ามคืนในราคาสูงถึง 1.5 ล้านล้านบาท!หนานหูกรุ๊ปเปลี่ยนประธานแล้ว ประธานคนเดิมออกแถลงการณ์ข้ามคืนว่าตนลาออกจากตำแหน่งประธาน โดยมีชายหนุ่มรูปงามมากด้วยความสามารถเข้ามารับตำแหน่งประธานของหนานหูกรุ๊ปข่าวนี้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วจนเกินความคาดหมายก็แม้แต่เหล่าผู้เฒ่าที่ตื่นมากินอาหารเช้าตามถนนและตรอกซอยตั้งแต่เช้าตรู่ก็เสวนาเรื่องนี้เช่นกันทุกตระกูลใหญ่ของเมืองหนานหูต่างเรียกจัดประชุมเร่งด่วน แลกเปลี่ยนข้อมูลที่มีประโยชน์ซึ่งกันและกันและกำลังพากันเดาว่าใครกันที่ร่ำรวยขนาดนี้ ถึงได้ใช้เงินกว้านซื้อหนานหูกรุ๊ปด้วยราคา 1.5 แสนล้านล้านบาท!หลังจากหลินเซียนตื่นขึ้นในคฤหาสน์ของซูหว่านเอ๋อร์ มือถือก็ได้รับข้อความจากเหลิ่งซวงข้อความของเหลิ่งซวงบอกว่าตอนนี้หลินเซียวไปรับตำแหน่งประธานหนานหูกรุ๊ปได้แล้วหลินเซียวกลับไม่รีบไปหนานหูกรุ๊ปเพื่อรับตำแหน่ง แต่หลังเขาตื่นนอนก็เตรียมอาหารเช้าเต็มโต๊ะอย่างพิถีพิถัน รอซูหว่านเอ๋อร์ตื่นนอน
“เมื่อคืนวานเราแพร่ข่าวที่แกพนันแข่งกับพวกเราว่างานแต่งงานใครจะยิ่งใหญ่อลังการกว่ากันออกไปแล้ว วันนี้พาดหัวข่าวของเมืองหนานหู ข่าวแรกคือหนานหูกรุ๊ปเปลี่ยนประธาน และข่าวที่สองก็คือข่าวแข่งจัดงานแต่งงานระหว่างแกกับพวกเรา ตอนนี้ทุกคนในเมืองหนานหูรู้กันทั่วหมดแล้ว ถึงตอนนั้นแกจัดงานแต่งไม่ได้เรื่องล่ะก็ ฉันจะดูว่าแกจะจบมันยังไง!” ซูชิงเอ๋อร์ยิ้มเยาะขึ้นหลินเซียวเห็นว่าสองคนนี้ขวางหน้าตนแถมยังเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยฟังจนรำคาญแล้วก็เลยถามไปเบาๆ ว่า: “พวกคุณมาทำอะไรที่นี่?”ในเรื่องแต่งงานของเขากับซูหว่านเอ๋อร์ เขาได้ให้เหลิ่งซวงไปจัดการแล้ว และสำหรับเรื่องนี้เขาวางใจเป็นอย่างมากในวันนี้ หลินเซียวได้กลายเป็นประธานของหนานหูกรุ๊ปแล้ว เขาอยากรู้ว่าไอ้หมาสองผัวเมียคู่นี้วันนี้มาทำอะไรที่หนานหูกรุ๊ปกันแน่“พวกฉันมาที่นี่ ก็ต้องมาคุยธุรกิจโครงการใหญ่น่ะสิวะ! วันนี้หนานหูกรุ๊ปเปลี่ยนประธานคนใหม่แล้ว พวกฉันต้องใช้โอกาสดีๆ นี้คุยธุรกิจขอความร่วมมือกับหนานหูกรุ๊ปในนามของสกุลซูอีกสักโครงการนึง”“และก็ไม่กลัวแกจะรู้ว่าคุณลุงของนายน้องหวังของตระกูลเราดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโครงการของหนานหูกรุ๊ป โครง
ต่อมา หวังเทียนเฟิงและซูชิงเอ๋อร์เดินเข้ามาที่หนานหูกรุ๊ปด้วยกัน ก่อนจะเดินไปหาหวังยีต๋าคุณลุงที่ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโครงการของหนานหูกรุ๊ปห้องทำงานประธานของหนานหูกรุ๊ปอยู่ที่ชั้นที่ 66 ของตึกใหญ่ หลินเซียวทำตามเนื้อหาข้อความของเหลิ่งซวง ขึ้นลิฟต์ตรงมาถึงชั้นที่ 66 ของตึกใหญ่เลยเมื่อประตูลิฟต์เปิดออก หลินเซียนก็เห็นสาวสวยหน้าตาดี รูปร่างผอมเพรียวหน้าอกอวบอิ่มและบุคลิกท่าทางเด่นสง่ายืนอยู่ที่หน้าประตูลิฟต์สาวสวยคนนี้ก็คือชู๋ยู่หยาน รองประธานหนานหูกรุ๊ปเหลิ่งซวงได้บอกกล่าวกับชู๋ยู่หยานรองประธานของหนานหูกรุ๊ปไว้แล้วตั้งแต่เมื่อคืน ตัวตนของประธานคนใหม่ต้องเก็บเป็นความลับ อย่าให้พนักงงานของบริษัทรู้ตัวตนของเขาเด็ดขาด ดังนั้น พนักงานทุกคนที่อยู่บนชั้น 66 ได้ถูกย้ายไปทำงานอยู่ที่ชั้นอื่นแล้วในวันนี้มีเพียงชู๋ยู่หยานคนเดียวที่มารอต้อนรับการมาถึงของประธานบริษัทคนใหม่และเธอได้มายืนคอยอยู่ที่หน้าประตูลิฟต์นานแล้วเมื่อซู๋ยู่หยานเห็นหลินเซียวเดินออกมาจากลิฟต์ก็ตกตะลึงอ้าปากอย่างอดไม่ได้เธอจะไปคิดได้ที่ไหนกันล่ะว่าประธานคนใหม่ของหนานหูกรุ๊ปกลับเป็นลูกเขยเศษสวะของตระกูลซูที่มีชื่อเสี
“เรื่องแรกสำหรับการดำเนินงานตามปกติของหนานหูกรุ๊ป จะไม่มีการเปลี่ยนโครงสร้างของพนักงานที่มีอยู่ในตอนนี้ ตัวตนของผม คุณต้องปิดเป็นความลับ อย่าให้ใครรู้เป็นอันขาด ปกติผมไม่ค่อยมาที่บริษัท ดังนั้น เรื่องเล็กเรื่องใหญ่ในบริษัทให้คุณมีสิทธิ์จัดการได้เต็มที่”“ได้ค่ะ ประธานหลิน ฉันไม่ทำให้ท่านผิดหวังอย่างแน่นอนค่ะ” ชู๋ยู่หยานไม่คิดว่าหลินเซียวรับตำแหน่งวันแรกก็ให้สิทธิ์เธอมากขนาดนี้ จึงดีใจเป็นที่สุด“เรื่องที่สอง หนานหูกรุ๊ปหยุดร่วมมือทุกอย่างกับหนานหูและตระกูลซูในทันที” หลินเซียวพูดขึ้นต่อชู๋ยู่หยานได้ยินหลินเซียวพูดเช่นนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง ก่อนจะถามขึ้นอย่างประหลาดใจว่า: “ตระกูลซู? ประธานหลินคะ ท่านหมายถึงตระกูลซูของภรรยาท่านใช่ไหมคะ?”“ใช่”“โอเคค่ะ ฉันจะไปดำเนินการเดี๋ยวนี้ค่ะ” ชู๋ยู่หยานสงสัยมากว่าทำไมหลินเซียวถึงตัดขาดความร่วมมือระหว่างหนานหูกรุ๊ปกับตระกูลซู แต่ประสบการณ์ในทำงานหลายปีบอกเธอว่าควรทำตามคำสั่งและอะไรไม่ควรถามก็อย่าถาม“เรื่องที่สาม ผู้อำนวยการโครงการของบริษัทเรานามสกุลหวังใช่ไหม? หลินเซียวอยากจะจัดการคุณลุงของหวังเทียนเฟิง แต่กังวลว่าจะทำร้ายผิดคน ก็เลยสอบถา
โดยปกติหากมีธุระอะไรก็จะให้เลขาแจ้งหวังยีต๋าให้มาหาเสียมากกว่า“หวังยีต๋า ฉันจะมาแจ้งคุณด้วยตัวเองว่าคุณโดนบริษัทเลิกจ้างแล้วล่ะ” ชู๋ยู่หยานไม่อ้อมค้อม พูดขึ้นด้วยสีหน้านิ่งเฉยและเย็นชาราวน้ำแข็งหวังยีต๋าได้ยินที่ซู๋ยู่หยานพูด มันเหมือนกับการโดนฟ้าผ่า เกือบจะล้มทั้งงยืน รีบยื่นมือไปค้ำขอบโต๊ะทำงานที่อยู่ตรงหน้าพอหวังเทียนเฟิงและซูชิงเอ๋อร์ได้ยินก็พากันตกใจอ้าปากค้าง ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่“ชู๋…..ประธานชู๋……ทำไมบริษัทต้องเลิกจ้างผมด้วย? เรื่อง…..เรื่องนี้ยังไงก็ต้องมีเหตุผลไหมครับ!” หวังเทียนเฟิงจ้องชู๋ยู่หยานเขม็ง ก่อนถามขึ้นอย่างสั่นเทา“นี่เป็นคำสั่งของประธานบริษัทคนใหม่ เชิญคุณออกจากบริษัทตอนนี้เลยค่ะ” ชู๋ยู่หยานพูดขึ้น“ประธานบริษัทคนใหม่? ประธานบริษัทเป็นใครกัน? วันนี้เขาเพิ่งดำรงตำแหน่ง แล้วจะมาเลิกจ้างผมได้ยังไง?” หวังยีต๋าพูดขึ้นอย่างตื่นตระหนกและเป็นกังวล“ท่านประธานให้ฉันบอกคุณว่าเหตุผลที่เลิกจ้างคุณมีอยู่สองอย่าง อย่างแรกคุณได้เซ็นสัญญาฉบับหนึ่งกับตระกูลซู อย่างที่สอง หวังเทียนเฟิงของตระกูลหวังของพวกคุณไปล่วงเกินคนที่เขาไม่ควรล่วงเกิน” ชู๋ยูหยานพูดขึ้น
“ก่อนนี้ผมเคยบอกคุณแล้วว่าตัวตนของผมที่หนานหูกรุ๊ปต้องปกปิดเป็นความลับ รวมถึงภรรยาของผมด้วย คุณก็แค่ทำตามที่ผมบอก” หลินเซียวพูดขึ้น“ฉันจะไปดำเนินการเดี๋ยวนี้ค่ะ” ชู๋ยุ่หยานพูดขึ้น“ระหว่างที่เธอดำรงตำแหน่ง โครงการของหนานหูกรุ๊ปตัดสินใจโดยเธอทั้งหมด แต่คุณต้องบอกให้เธอรู้ว่าเธอไม่มีสิทธิ์ร่วมมือกับตระกูลซู หากต้องการร่วมมือกับตระกูลซู จำเป็นต้องส่งการขออนุญาตมาที่ห้องทำงานของประธานก่อน”เมื่อคืนวานหลินเซียวป่าวประกาศที่คฤหาสน์ตระกูลซูว่าต่อไปนี้อย่ามาขอให้เขาและซูหว่านเอ๋อร์ช่วย ตอนนั้นคนตระกูลซูต่างหัวเราะเย้ยหยันและไล่เขาไสหัวออกไปจากตระกูลซูมาวันนี้ เขาไล่หวังยีต๋าผู้อำนวยการโครงการออกโดยไม่ได้เตรียมการไว้ก่อน และให้ซูหว่านเอ๋อร์เข้ามารับตำแหน่งนี้พอดี แบบนี้ บริษัทที่เธอสร้างขึ้นมากับมือก็มีผลประโยชน์ตามมามากด้วยเช่นกันถึงตอนนั้น ซูหว่านเอ๋อร์ที่กุมสิทธิ์ในความร่วมมือทุกๆโครงการของหนานหูกรุ๊ปเอาไว้ในมือ หลินเซียวจะดูสิว่าตระกูลซูที่เลือกปฏิบัติพวกนั้นจะยอมโค้งคำนับและคุกเข่าขอร้องอ้อนวอนขอให้เธอร่วมมือยังไง“ได้ค่ะ ถึงเวลาเดี๋ยวฉันคุยกับประธานซูให้ค่ะ” ชู๋ยู่หยานพูดขึ้น“ร