ชาร์ลีพยายามรักษาระยะห่างจากลอรีนมาโดยตลอดเขาไม่ได้มีความรู้สึกกับลอรีนมากนัก ยิ่งไปกว่านั้นเนื่องจากลอรีนเป็นเพื่อนสนิทของภรรยาชาร์ลีจึงมีเหตุผลที่จะรักษาระยะห่างจากเธอมากกว่าคนอื่น แต่เขาไม่คาดคิดจริง ๆ ว่าจะเจอเธอบนเครื่องบินลอรีนอารมณ์ดีมาก เธอเอนตัวเข้าไปใกล้ ๆ ชาร์ลีโดยไม่ได้ตั้งใจในขณะที่ถามว่า “โอ้ ชาร์ลี! คุณจะอยู่ที่อีสต์คลิฟฟ์กี่วันเหรอคะ?”ชาร์ลีตอบว่า “ผมยังไม่แน่ใจ ต้องดูงานผมก่อน ถ้าเสร็จเร็วก็จะอยู่แค่สองสามวัน แต่ถ้าเสร็จช้าก็อาจต้องอยู่สี่ถึงห้าวันเลยก็ได้”ลอรีนพูดอย่างตื่นเต้นว่า “โอ้! ฉันได้จองตั๋วเครื่องบินขากลับไว้ในอีกสี่วันที่จะถึงนี้ แล้วคุณล่ะคะ? คุณจองตั๋วเครื่องบินขากลับหรือยัง? เราจองเที่ยวบินเดียวกันตอนกลับไปที่โอลรัส ฮิลล์ดีไหมคะ?”ชาร์ลีตอบตามตรงว่า “ผมยังไม่ได้จองตั๋วเครื่องบินขากลับเลยครับ ไว้ค่อยคุยกันใหม่ตอนที่งานเสร็จแล้วดีกว่า ผมยังยืนยันอะไรไม่ได้ในตอนนี้”ลอรีนรีบบอกว่า “โอเคค่ะ งั้นเสร็จงานในอีสต์คลิฟฟ์แล้วค่อยบอกฉันนะคะ แล้วดูซิว่าจะเลื่อนตั๋วให้กลับในวันเดียวกับคุณได้หรือเปล่า ถ้าทำได้ฉันก็จะกลับโอลรัสฮิลล์พร้อมกับคุณค่ะ”ชาร์ลีรู้
ในขณะที่เขานึกถึงสุขภาพที่ย่ำแย่ของยูล… พ่อของควินน์อยู่นั้น เขาก็ถามว่า “อาการของอาโกลดิ้งดีขึ้นบ้างไหม?”“อาการไม่ค่อยดีค่ะ…” ควินน์ตอบเสียงเบา ๆ “อาการของพ่อไม่ค่อยดีค่ะ แพทย์แนะนำให้พ่อเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลอีกครั้ง แต่พ่อปฏิเสธที่จะไปที่นั่น ฉันคิดว่าพ่อคงหดหู่และเศร้าใจนิดหน่อย บางทีพ่ออาจยอมจำนนต่อชะตากรรมของพ่อแล้วก็ได้เขาเลยไม่อยากต้องทนทุกข์ทรมานอีกต่อไป พ่อรู้สึกเสมอว่าพ่อไม่มีศักดิ์ศรีเหลืออยู่เลยถ้าต้องเข้าไปรับการรักษาต่าง ๆ ในโรงพยาบาล… พี่อาจไม่เข้าใจลักษณะนิสัยของพ่อนัก แต่แม่ของฉันบอกว่าเขาเหมือนกับพ่อของพี่และพี่น้องแท้ ๆ ของเขาเอง คนพวกนั้นเป็นคนหัวดื้อมาก และไม่ยอมฟังคำแนะนำของใครเลย…”ชาร์ลีรู้ว่าบุคคลที่มีอำนาจและน่านับถือมักจะอยากมีชีวิตรอด เวลาที่พวกเขาป่วยหนักและกำลังจะตายนี่เป็นเพราะพวกเขาใช้ชีวิตอย่างมีเกียรติและภูมิฐานมาหลายปีแล้ว พวกเขาจึงให้ความสำคัญกับหน้าตาและศักดิ์ศรีเป็นอย่างมาก พวกเขาไม่อยากลดศักดิ์ศรีและหรือเสียหน้าตอนป่วยหนักเพียงเพื่อให้ตัวเองได้มีชีวิตอยู่ต่อไปอีกสองสามปีชาร์ลีได้ยินมาว่าบุคคลที่น่านับถือและมีอำนาจหลายคนถึงกับลงนามในคำส
หลังจากเครื่องบินลงจอด ชาร์ลีกับลอรีนก็ลงจากเครื่องบินพร้อมกันเนื่องจากชาร์ลีไม่ได้มีกระเป๋าที่โหลดมาใต้ท้องเครื่อง เขาจึงไม่ต้องไปรอรับกระเป๋า แต่เนื่องจากลอรีนเป็นสาวงามตัวยงซึ่งโดยปกติมักจะขนเสื้อผ้า เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์บำรุงผิวติดตัวไปจำนวนมากยามเดินทาง เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลผิวมักจะมีน้ำเกินได้ง่ายมาก ลอรีนจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องโหลดกระเป๋าไว้ใต้ท้องเครื่องหลังจากลงจากเครื่องบินแล้วเธอไม่สามารถออกจากสนามบินได้ทันทีเหมือนชาร์ลี เธอต้องไปรอรับกระเป๋ายังบริเวณสายพานรับกระเป๋าดังนั้นลอรีนจึงรีบถามชาร์ลีว่า “ชาร์ลี คุณจะออกจากสนามบินยังไงเหรอคะ?”ชาร์ลีตอบว่า “ผมจะออกไปเรียกแท็กซี่ครับ”ลอรีนรีบตอบว่า “ถ้าอย่างนั้นทำไมคุณไม่รอฉันก่อนล่ะ? แล้วเราค่อยไปด้วยกัน พอดีว่าครอบครัวของฉันจะขับรถมารับ เราแวะส่งคุณได้นะคะ”ชาร์ลียิ้มก่อนจะโบกมือแล้วพูดว่า “ไม่ต้องหรอกครับลอรีน ผมกำลังรีบน่ะครับ เลยต้องขอตัวออกไปก่อน”ลอรีนตอบอย่างช่วยอะไรไม่ได้ “โอเคค่ะ แล้วไว้ค่อยนัดเจอกันใหม่วันหลัง อย่าลืมนะว่าคุณสัญญาแล้วว่าจะไปทานอาหารกับฉัน”“โอเค” ชาร์ลียิ้มเล็กน้อยในขณะที่พูดว
ชาร์ลีส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรเลยถ้าพี่ต้องทนทุกข์กับความยากลำบากอะไร พี่คิดว่าการฝ่าฟันความยากลำบากพวกนี้ก็เป็นเหมือนการฝึกฝนตัวเองอย่างหนึ่งเหมือนกัน”ควินน์พยักหน้าตอบอย่างจริงจัง ในขณะที่เธอกำลังขับรถออกจากลานจอดรถนั้นเธอก็พูดขึ้นมาว่า “พ่อเพิ่งพูดถึงพี่เมื่อวานนี้เอง ฉันบอกพี่แล้วใช่ไหมที่คุณหมอขอให้พ่อกลับเข้าไปรักษาในโรงพยาบาลอีกครั้ง? พ่อรู้ว่าสุขภาพและสภาพร่างกายของพ่อไม่ได้ดูดีขนาดนั้น พ่อจึงได้แต่ถอนหายใจในขณะที่พูดว่า ความเสียใจมากที่สุดในชีวิตของพ่อก็คือการไม่สามารถตามหาพี่ได้”ชาร์ลีรู้สึกสะเทือนใจมากและยิ้มในขณะที่พูดว่า “ไม่ต้องเป็นห่วงนะนานา อาโกลดิ้งจะต้องกลับมามีสุขภาพดีอีกครั้งอย่างแน่นอน”ควินน์ไม่รู้เรื่องความสามารถของชาร์ลี แล้วนับประสาอะไรกับฉายาของชาร์ลีในฐานะมังกรที่แท้จริงที่ชนชั้นสูงในโอลรัสฮิลล์ต่างรู้จักกันดี ดังนั้นเธอจึงไม่เชื่อว่าชาร์ลีจะมีวิธีรักษาอาการป่วยระยะสุดท้ายของพ่อได้ในเวลานี้เธอรู้สึกเพียงว่าพ่อของเธอจะต้องดีใจเป็นอย่างมากเมื่อได้เห็นชาร์ลี ถ้าพ่อมีอารมณ์ที่ดีขึ้นเธอก็เชื่อว่าสุขภาพของพ่อก็จะต้องดีขึ้นตามไปด้วยบ้านของควินน์อยู่ไม่ไ
ชายหญิงที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะอาหารนั้น แม้จะไม่ได้มองที่รูปลักษณ์ นิสัยใจคอ และชุดลำลองที่สวมใส่อยู่ ทั้งคู่ก็ดูหรูหราและมีรสนิยมมากชายคนนั้นดูซูบผอมนิดหน่อยและมีใบหน้ากับริมฝีปากที่ดูซีดเซียวเล็กน้อย เมื่อมองแค่แวบแรกก็เห็นได้ชัดว่าเขาป่วยมานานแล้ว ยิ่งกว่านั้นเขาดูเหมือนคนป่วยระยะสุดท้ายที่กำลังจะตายแต่ผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ เขานั้นกลับดูแลตัวเองเป็นอย่างดี เธอเป็นผู้หญิงที่สวยมาก ๆ รูปร่างหน้าตาของเธอดูคล้ายกับควินน์และดูเหมือนคนมีอายุแค่สามสิบกว่า ๆ เท่านั้นชาร์ลีจำคนทั้งสองได้ตั้งแต่เห็นแวบแรก นี่คืออาโกลดิ้งที่เขารู้จักตั้งแต่เด็ก ๆ และภรรยาของเขา… น้าโกลดิ้งในขณะที่ชาร์ลีจำได้ว่าพวกเขาเป็นใคร คนทั้งคู่นั้นก็จำเขาได้ทันทีเช่นกัน!ยูลมีสีหน้าตกใจสุดขีด ใบหน้าของเขาดูซูบเซียวเป็นอย่างมาก ตอนนี้ดวงตาของเขาเบิกกว้างและตัวสั่นเทาเหมือนอยากจะพูดอะไรแต่ก็พูดไม่ออกในเวลานี้ราเชลซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ เขาก็ตกตะลึงเช่นกัน เธอลุกขึ้นยืนก่อนจะใช้มือชี้ไปที่ชาร์ลี แล้วใช้มืออีกข้างหนึ่งปิดปากตัวเอง แล้วพูดออกมาว่า “เธอ… เธอ… เธอคือชาร์ลี… เธอคือชาร์ลี เวดใช่ไหม?”ชาร์ลีรู้สึกสะเทือนใจมากในเ
ในขณะที่กำลังพูดอยู่นั้น ยูลก็อดที่จะร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่ได้ในขณะที่พูดว่า “ตลอดหลายปีที่ผ่านมาอาไม่ได้ข้อมูลอะไรที่พอจะทำให้รู้ว่าเธออยู่ที่ไหนเลย อาก็เลยคิดว่าเธอคงไม่มีชีวิตอยู่แล้ว…”เมื่อถึงตอนนี้ยูลเม้นริมฝีปากแน่นแต่ไม่สามารถกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไปเขาอดกลั้นอยู่นานก่อนที่น้ำตาจะรินไหลจนทำให้สายตาของเขาพร่าเลือนไปในที่สุด หลังจากนั้นเขาก็ปล่อยโฮในขณะที่พูดว่า “พี่ใหญ่เวด! ถ้าพี่กำลังมองดูเราอยู่จากสรวงสวรรค์ พี่คงเห็นแล้วนะ! ลูกชายของพี่กลับมาแล้ว! เขากลับมาแล้ว! ในที่สุดผมก็มีหน้าไปพบพี่ได้เสียที…”ยูลรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยในขณะที่ยังคงร้องไห้ต่อไป ก่อนจะเริ่มไออย่างรุนแรงสองสามครั้ง ในเวลานี้ราเชลที่อยู่อยู่ข้าง ๆ ก็ปาดน้ำตาออกจากใบหน้าในขณะที่ตบหลังให้สามีอย่างระมัดระวัง ก่อนจะร้องไห้สะอึกสะอื้นแล้วพูดว่า “ยูล… เป็นเรื่องน่ายินดีจังเลยนะที่ในที่สุดชาร์ลีก็กลับมา อย่าร้องไห้อีกเลยนะคะ คุณควรรู้ว่าตอนนี้สุขภาพของคุณไม่ค่อยดีนัก คุณไม่ควรตื่นเต้นหรือแสดงอารมณ์มากเกินไปนะคะ”หลังจากยูลสงบสติอารมณ์ลงได้เล็กน้อย เขาก็พยักหน้าเบา ๆ ในขณะน้ำตายังไหลรินลงมาไม่หยุด หลังจากนั้นเขาก็จ
ยูลดึงชาร์ลีมานั่งข้าง ๆทันทีที่พวกเขานั่งลง ยูลก็พูดกับชาร์ลีอย่างอบอุ่นว่า “มาเถอะชาร์ลี มากินข้าวก่อน อาหวังว่าอาหารจะถูกใจเธอนะ หรือจะให้แม่ครัวทำอย่างอื่นมาให้เธอดี”ชาร์ลีรีบพูดว่า “ไม่เป็นไรครับอาโกลดิ้ง ผมกินจานที่ทำมาให้แล้วได้ครับ”ยูลพยักหน้าแล้วเริ่มถามชาร์ลีเกี่ยวกับสิ่งที่เขาทำในช่วงหลายปีที่ผ่านมาชาร์ลีไม่มีอะไรต้องปิดบังคนในตระกูลโกลดิ้งมากนัก ยกเว้นเรื่องคัมภีร์วันสิ้นโลกซึ่งเป็นความลับที่ฝังลึกอยู่ภายในใจ เขาเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้พวกเขาฟังตามความเป็นจริง รวมทั้งชีวิตในช่วงก่อนจะถึงอายุสิบแปดปี ประสบการณ์ชีวิตหลังอายุสิบแปดปี ความคุ้นเคยกับอดีตนายท่านวิลสัน การแต่งงานกับแคลร์ และชีวิตหลังแต่งงานยิ่งยูลและราเชลได้ฟังเรื่องราวในอดีตของชาร์ลีมากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งรู้สึกหัวใจสลายและเสียใจมากขึ้นเท่านั้น ในสายตาของพวกเขา… ไม่ว่าจะอย่างไรชาร์ลีก็เป็นทายาทสายตรงของตระกูลเวด ในตอนนั้นพ่อของเขาคือดาวรุ่งที่ส่องประกายสว่างไสวมากที่สุดของครอบครัว ถ้าพูดอย่างมีเหตุผลแล้ว ชาร์ลีควรจะมีชีวิตที่หรูหราและสุขสบาย แต่ในความเป็นจริงเขาต้องประสบกับความยากลำบากและความสิ้นหวังใน
ชาร์ลีรู้ว่ายูลพูดเช่นนี้ก็เพื่อประโยชน์ของตัวเขาเอง แต่ชาร์ลีส่ายหัวเบา ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังอย่างมาก “อาโกลดิ้งครับ ผมอยู่กับพ่อแม่แค่แปดปีเท่านั้นเอง ซึ่งเป็นระยะเวลาที่สั้นมาก แต่สายเลือดและจิตวิญญาณของผมก็สืบทอดมาจากพ่อแม่ ถ้าผมล้างแค้นให้พ่อกับแม่ไม่ได้ แล้วผมจะใช้ชีวิตต่อไปตามสายเลือดและจิตวิญญาณที่พ่อแม่ให้ผมมาได้ยังไงล่ะครับ?”ราเชลนิ่งเงียบไป เมื่อได้ยินดังนี้เธอก็ถอนหายใจ แล้วดวงตาก็เปลี่ยนเป็นสีแดง “ยูล ชาร์ลีมีนิสัยและการแสดงออกทางอารมณ์เหมือนพี่เวดมากเลย ย้อนกลับไปในตอนนั้น ถ้าพี่เวดฝืนทนต่อความไม่ยุติธรรมนั้นได้ เขาก็คงไม่ต้องออกจากอีสต์คลิฟฟ์พร้อมกับภรรยาและลูกชายอย่างเด็ดเดี่ยวและมั่นใจอย่างนั้นหรอก ตอนนั้นคุณไม่สามารถเกลี้ยกล่อมพี่เวดได้ แล้วตอนนี้คุณก็อาจไม่สามารถเกลี้ยกล่อมชาร์ลีได้เหมือนกัน”ยูลพยักหน้าอย่างหดหู่ใจ เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะมองไปที่ชาร์ลี จากนั้นก็มองไปที่ควินน์แล้วพูดว่า “ชาร์ลี เธอชะลอเรื่องอื่น ๆ เอาไว้ก่อนแล้วกันนะ ถ้าเธอต้องการเป็นศัตรูกับตระกูลเวดและบีบบังคับให้เขาต้องชดใช้ในสิ่งที่พวกเขาทำลงไปล่ะก็ เธอก็ต้องมีความแข็งแกร่งและวางรากฐ