“เชี่ย!” กู้เหยียนซีอดไม่ได้ที่จะตกใจ “เมาแล้วเหรอ? ใช่เหรอวะ? จริงปะเนี่ย? ” ฉินเย่อที่ล้มลงบนโต๊ะไม่ตอบสนองอีกต่อไป ดูเหมือนว่าเขาจะผล็อยหลับไป“อาจจะใช่” จี้ชิงเป่ยกล่าว“ให้ตายเถอะ เมื่อกี้ตอนมันถามกู กูคิดว่ามันสร่างแล้วซะอีก กูก็สงสัยว่าทำไมคอมันแข็งขึ้น ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง”พูดจบ กู้เหยียนซี ก็อาศัยจังหวะที่ฉินเย่เมาในการทำอะไรแย่ๆกับเขา เพื่อเป็นการแก้แค้นที่ทำให้เขาตกใจกลัวเมื่อสักครู่นี้ แต่จี้ชิงเป่ยก็ทนดูไม่ไหวอีกต่อไป แล้วพูดขึ้นว่า "ถ้ามึงไม่อยากให้มันตื่นมาฆ่ามึงก็รีบหยุดซะ” ดังนั้น กู้เหยียนซีจึงรีบชักมือกลับ “แล้วตอนนี้ทำไง? พามันกลับบ้าน?” หลังจากพูดจบ กู้เหยียนซีก็นึกอะไรบางอย่างได้ ดวงตาของเขาสดใสขึ้นเล็กน้อย และเขาก็คว้ามือถือที่เสียบอยู่ที่อกของฉินออกมา “เฮ้ เมื่อก่อนตอนที่มันเมา เราไม่เคยมีโอกาสได้แตะมือถือมันเลย ให้กูดูหน่อยแล้วกันว่ามือถือของมันมีความลับอะไรอยู่ แล้วมันได้คุยกับเทพธิดาฉูฉู่ของกูบ้างรึเปล่า” เจียงฉูฉู่เป็นเทพธิดาของกู้เหยียนซี ผู้ที่สนใจแค่รูปลักษณ์และนิสัยของเธอเท่านั้น แต่ทุกคนรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างฉินเย่กับฉ
เสิ่นหยินอู้ในตอนนี้ได้เปลี่ยนชุดนอนและกำลังจะล้มตัวลงนอน แม้ว่าเธอจะอารมณ์ไม่ดีแค่ไหน เธอก็ไม่สามารถทำอะไรที่กระทบต่อการทำงานและการพักผ่อนของเธอได้ หากเธอตัดสินใจเก็บลูกของเธอไว้จริงๆ เธออาจต้องเผชิญกับความยากลำบากรออยู่ในภายหลัง ดังนั้น เธอจึงต้องรักษาสุขภาพและเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา แม้จะนอนไม่หลับ แต่ก็ต้องนอนลงบนเตียงเพื่อพักผ่อน ใครจะไปรู้ว่าในเวลานี้โทรศัพท์ของเธอจะดังขึ้น เธอมองดูแล้วจึงเห็นว่าเป็นสายจากฉินเย่ เมื่อดูชื่อที่แสดงอยู่บนหน้าจอ อารมณ์ของเสิ่นหยินอู้ก็ค่อนข้างซับซ้อน ทั้งสองทะเลาะกันอย่างหนักในตอนหัวค่ำ และเมื่อเห็นเขาเดินออกไป เสิ่นหยินอู้ก็คิดกับตัวเองว่าเขาจะต้องไปหาเจียงฉูฉู่อย่างแน่นอน เธอไม่ได้คาดคิดว่าเขาจะโทรมาหาเธอ เมื่อเธอจะกดรับสาย เธอก็นึกถึงตอนที่เขาให้เจียงฉูฉู่โทรหาเธอก่อนหน้านี้ บางทีฉูฉู่อาจจะโทรมาเพื่อบอกเธอในวันนี้อีกครั้ง เสิ่นหยินอู้ไม่อยากรับสายเลยแม้แต่น้อย แต่โทรศัพท์ก็ดังอยู่แบบนั้น และในที่สุดเธอก็กดปุ่มรับสาย แต่สิ่งที่เธอได้ยินกลับเป็นเสียงของผู้ชายที่ไม่รู้จัก หลังจากนอนกลิ้งมานานกว่าสิบวิน
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมจู่ๆคุณถึงดื่มหนักขนาดนี้ เหยียนซี ดื่มเหล้าตอนกลางคืนแบบนี้ ทำไมนายถึงไม่ช่วยห้ามเขาหน่อยหละ?” เจียงฉูฉู่และกู้เหยียนซีช่วยพยุงฉินเย่ออกจากร้าน ตามมาด้วยจี้ชิงเป่ยที่มีสีหน้าที่ดูสงบ กู้เหยียนซีเศร้าเล็กน้อยเมื่อถูกเทพธิดาของเขาตำหนิ เขาอธิบายว่า "ผมห้ามแล้ว แต่คุณก็รู้ดีนี่ว่าไอเย่มันฟังพวกผมซะที่ไหน ในเมื่อคุณอยู่ที่นี่แล้วก็ลองพูดกับเขาดู เขาอาจจะฟังอยู่คุณก็ได้" เจียงฉูฉู่ถอนหายใจ “จริงๆเลย เป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ทำไมยังทำตัวแบบนี้กันอยู่อีก” พวกเขาช่วยกันพาฉินเย่ขึ้นรถ เสิ่นหยินอู้ยืนอยู่ในเงามืดและเฝ้าดูอย่างเงียบๆ ทันใดนั้น ฉินเย่ที่กำลังเมาดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงบางอย่าง และทันใดนั้นเขาก็ยื่นมือไปคว้าข้อมือเล็กๆของเจียงฉูฉู่ "อย่า อย่าไป" เขาพูดพึมพำ เจียงฉูฉู่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็เรียกสติคืนมาได้และตบไหล่ของเขาเบาๆ "โอเคโอเค ฉันจะไม่ไปไหน เย่ ทำตัวดีๆหน่อยนะ" เมื่อเห็นแบบนี้แล้ว เสิ่นหยินอู้จะทนดูต่อไปได้อย่างไร? เธอกัดฟันแน่น จู่ๆก็รู้สึกเสียใจมากที่มาที่นี่ในตอนดึก เธอไม่ควรรับสายนั้น เธอควรจะอยู่บนเ
กู้เหยียนซีพยักหน้าในทันที “เธอพูดถูก มันเมาหัวราน้ำแบบนี้ ถ้าไม่มีใครดูแลคงไม่ไหวจริงๆแหละ งั้นเรา...” “มึงไปส่งมันที่บ้านกูดีกว่านะ” จู่ๆจี้ชิงเป่ยก็ขัดจังหวะขึ้นมา เสียงของเขาสุขุม “เมื่อกี้มึงก็ได้ยินแล้วหนิ คนที่มันเรียกคือกู ถ้ากูไม่รักษาสัญญา มันอาจจะมาหาเรื่องกูหลังจากที่มันสร่างก็ได้” จี้ชิงเป่ยกับฉินเย่เป็นเพื่อนกันมาหลายปีแล้ว เขารู้จักฉินเย่ก่อนกู้เหยียนซีและเจียงฉูฉู่นานมาก นอกจากนี้ เขามีนิสัยรักสงบและไม่ชอบพูดเรื่องไร้สาระ ส่วนใหญ่เขาจะชอบเงียบ แต่เมื่อเขาพูดขึ้นมา มันก็เป็นเรื่องยากที่คนอื่นจะปฏิเสธ เฉกเช่นในตอนนี้ เจียงฉูฉู่มองที่ไปจี้ชิงเป่ยที่อยู่ตรงหน้าเธอ แม้ว่าอารมณ์ของเขาจะดูสงบ แต่เธอก็ไม่รู้ว่าทำไม เธอกลับรู้สึกอยู่ว่าจี้ชิงเป่ยผู้นี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยชอบเธอนัก อย่างไรก็ตาม เขาและเย่เป็นเพื่อนสนิทกัน อาจเป็นเธอที่คิดมากไปเอง กู้เหยียนซีพูดไม่ออกเล็กน้อย เขาจึงพูดแทนเจียงฉูฉู่ “เย่เมามากแล้ว พรุ่งนี้คงจะจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองพูดอะไรออกมา ชิงเป่ย มึงจะจริงจังไปทำไมวะ?” พูดจบ เขาก็มองไปที่เจียงฉูฉู่ด้วยรอยยิ้ม "ยิ่งไปก
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ดวงตาของจี้ชิงเป่ยก็หม่นลงเล็กน้อย เมื่อเขาบอกเธอเรื่องนี้ในตอนนั้น ท่าทางของอีกฝ่ายก็ดูไม่ได้อยากจะไม่ออกมาหาเย่เลยด้วยซ้ำ แล้วทำไมเธอถึงไม่มา และในความเป็นจริง ตอนที่กู้เหยียนซีไปส่งเจียงฉูฉู่กลับบ้าน จี้ชิงเป่ยก็โทรหาเสิ่นหยินอู้ แต่เธอก็ไม่รับสายจนกระทั่งเขาโทรไปอีกสองสามครั้งเธอถึงยอมรับสาย จากนั้นเสียงของเธอก็ดูเย็นชามาก มันแตกต่างไปจากตอนที่เธอรับสายก่อนหน้านี้ไปอย่างสิ้นเชิง "มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?" จี้ชิงเป่ยรู้สึกประหลาดใจกับท่าทีก่อนหน้านี้กับตอนนี้ของเธอที่ต่างกัน และดูเหมือนเขาจะพอเดาออก ดังนั้นเขาจึงถามว่า "คุณได้มาหาเย่ใช่ไหม? คุณเห็นมันแล้วใช่ไหม?" อีกฝ่ายเงียบอยู่พักหนึ่งแล้วจึงพูดว่า "ฉันไม่ได้ออกไปไหนทั้งนั้น ในเมื่อคุณอยู่กับเขา งั้นฉันก็ขอให้คุณดูแลเขาให้ดีๆแล้วกัน" หลังจากพูดจบ อีกฝ่ายก็วางสายไป ในตอนแรก จี้ชิงเป่ยคิดว่าผู้หญิงคนนี้ช่างใจร้ายจริงๆ แต่หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็คิดได้จากคำพูดของเสิ่นหยินอู้ ถ้าเธอไม่ได้ออกมาจริงๆ ถ้างั้น เมื่อเธอได้ยินคำถามของเขา เธอก็ควรจะถามว่าเห็นอะไร แทนที่จะเงียบแล้วพูดอย่าง
"มึงคิดว่าใครหละ?" จี้ชิงเป่ยไม่ตอบแต่ถามกลับ ทั้งสองคนสบตากัน และพมองหน้ากันอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจู่ๆจี้ชิงเป่ยก็พูดขึ้นมาว่า "ทำไมหละ ถ้ารู้ว่าคนที่มาไม่ใช่เธอ มึงจะผิดหวังเหรอ?" เธอผู้นั้นคือใคร ทั้งสองต่างรู้ดีอยู่แก่ใจ หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ฉินเย่ก็หัวเราะ "ใครผิดหวัง ผิดหวังอะไรหละ เธอจะมาไม่มาก็เรื่องของเธอสิ" “โอ้” จี้ชิงเป่ยเลิกคิ้ว “ในเมื่อมึงไม่สนใจ งั้นกูไม่พูดแล้วก็ได้” หลังจากนั้นเขาก็หยุดพูดจริงๆ ฉินเย่ขมวดคิ้วแน่นและจ้องจี้ชิงเป่ยอย่างไม่พอใจ “มึงรู้อะไรก็พูดมา จะอุบไว้แบบนี้ไปทำไม” “กูอุบไว้เหรอ?” จี้ชิงเป่ยมีท่าทีประหลาดใจ “กูคิดว่ามึงไม่อยากรู้ แล้วก็กลัวว่ามึงจะรำคาญ ก็เลยไม่พูดอะไรดีกว่า ทำไมหละ หรือมึงอยากรู้จริงๆ? " ฉินเย่ "...." ให้ตายเถอะ ทำไมเขาถึงต้องมารู้จักคนแบบจี้ชิงเป่ยกันนะ? ฉินเย่ขี้เกียจเกินกว่าที่จะพูดอะไรไร้สาระกับเขาอีก เขายกผ้าห่มขึ้นและลุกจากเตียง จากนั้นก็สวมรองเท้า การเคลื่อนไหวของเขานั้นดูป่าเถื่อนมาก ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ เขาทำหน้าบูดไม่ต่างอะไรจากคนที่แม่เพิ่งเสีย หลังจากที่เขาจัดของเสร็จเร
จี้ชิงเป่ยบอกฉินเย่ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนนี้ ฉินเย่เงียบไปหลังจากได้ยินเรื่องราว เมื่อเห็นท่าทางที่เงียบของเขา จี้ชิงเป่ยก็พูดต่อ "เป็นไปได้ไหมที่เธอมา แต่บังเอิญเห็นเราและฉูฉู่อยู่ด้านนอกร้าน เธอจึงไม่ออกมา" ประโยคนี้กระทบจิตใจของฉินเย่โดยตรง ดวงตาที่เฉี่ยวคมของเขาหรี่ลงเล็กน้อย และเขาก็ปฏิเสธมันในทันที "เป็นไปไม่ได้" จี้ชิงเป่ยกระดกคิ้ว "โอ้?" “เธอไม่ได้มีความแค้นอะไรกับฉูฉู่เลย แล้วทำไมเธอถึงต้องไม่ออกมาถ้าเห็นฉูฉู่หละ?” เมื่อพูดถึงตรงนี้ ฉินเย่ก็หัวเราะกับตัวเอง “เธอแค่ไม่อยากเจอกู ไม่อยากยุ่งกับกู” จี้ชิงเป่ยหยุดพูด เม้มริมฝีปากบางของเขา และไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ทั้งสองเงียบไปนาน จู่ๆโทรศัพท์มือถือของฉินเย่ก็ดังขึ้น เป็นสายจากเจียงฉูฉู่ จี้ชิงเป่ยที่ข้างๆก็เห็นมัน ก่อนที่ฉินเย่จะออกไปรับโทรศัพท์ จี้ชิงเป่ยก็ถอนหายใจและพูดอะไรบางอย่าง “จนถึงตอนนี้ มึงยังไม่รู้ว่ามึงต้องการอะไรจริงๆสินะ?” ทันทีที่เขาพูดจบ ฉินเย่ก็หยุดชะงักไปชั่วคราว เมื่อเขาหันกลับมา จี้ชิงเป่ยก็เปิดประตูแล้วเดินออกไป ปล่อยให้ฉินเย่ยืนอยู่คนเดียวที่เดิมโดยถือโท
"เหมือนได้มีเพื่อนเล่นด้วย?" คำพูดนี้เช่นนี้ทำให้เสิ่นหยินอู้ย่นจมูก “ใช่แล้ว ใช่แล้ว” โจวชวงชวงยกคางของเธอขึ้นมาแล้วพูดด้วยความตื่นเต้นว่า "เธอคงรู้ว่าเล่นกับเด็กตัวน้อยๆสนุกแค่ไหน ถูกไหม? ตัวอย่างเช่น ถ้าเป็นเด็กผู้หญิง เธอก็แต่งตัวให้เธอได้ทุกวัน มันก็เหมือนกับว่าเป็นตุ๊กตาที่มีชีวิตเลยนะ เธอเคยเล่นหนวนหนวนสุดมหัศจรรย์ไหมหละ? ก็เหมือนกับแต่งตัวให้กับตุ๊กตาในเกมแต่งตัวอะ" เสิ่นหยินอู้ "....." เสิ่นหยินอู้ผู้ไม่เคยเล่นเกมมาก่อน มองโจวชวงชวงที่อยู่ตรงหน้าเธออย่างพูดอะไรไม่ออก ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าชวงชวงจะมีแนวคิดแบบนี้ “จริงสิ ถึงตอนนั้นให้ฉันเป็นแม่บุณธรรมของลูกเธอก็ได้นะ” โจวชวงชวงประสานมือของเธอด้วยความตั้งหน้าตั้งตารอคอยเป็นอย่างยิ่ง โดยมีแสงสว่างซ่อนอยู่ในดวงตาของเธอ “ถึงตอนนั้นถ้าเธอยุ่ง ฉันจะย้ายไปอยู่กับเธอเลย ฮ่าๆๆ ขอบอกไว้ก่อนนะ ฉันไม่ได้จะย้ายไปอยู่กับเธอแค่เพื่อจะไปเล่นกับลูกเธอนะ” “.....”ทันใดนั้น เสิ่นหยินอู้ก็ดูเหมือนจะเข้าใจถึงเหตุผลที่ว่าทำไมโจวชวงชวงถึงอยากให้เธอเก็บเด็กคนนี้เอาไว้ “จริงสิ” จู่ๆโจวชวงชวงก็กลับมาทำหน้าจริงจังอีกครั้ง “ฉัน