ฝีเท้าของฉู่เชียนหลีหยุดชะงักเล็กน้อย ตอนที่แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินน้ำเสียงที่ทั้งอ่อนแอ และเบาของเขา กำลังจะสาวเท้าเดินออกไปต่อนั้น น้ำเสียงของชายหนุ่มก็ดังขึ้นอีกครั้ง“ข้า...มีเรื่องจะอยากจะบอกเจ้า...สำคัญมาก...แค่ก...”บนเตียง ชายหนุ่มยกร่างกายท่อนบนขึ้นอย่างยากลำบาก จ้องมองภาพด้านหลังของนางด้วยดวงตาที่ซีดขาว แขนที่ค้ำยันเตียงนอนกำลังสั่นเทาเนื่องจากเสียเลือดมากเกินไป เขาอ่อนแอมากในภายภาคหน้าฉู่เชียนหลีจะเป็นมารดา เรื่องที่เกี่ยวข้องกับลูก นางมีสิทธิ์ที่จะรับรู้เขาไม่อยากปิดบังนางอีกต่อไปด้านข้าง เมื่อหานอิ๋งได้ยินคำว่า ‘เรื่องสำคัญมาก’ ประโยคนี้ ดวงตาก็วูบไหวเล็กน้อย ไม่ต้องเดาก็รู้ได้ว่าเป็นเรื่องอะไรนางเผยอปากเล็กน้อย ไม่รอให้ฉู่เชียนหลีตอบกลับ ก็เอ่ยปากกล่าวก่อน“นายท่านฟื้นขึ้นมาแล้ว ไม่มีอันตรายถึงชีวิตแล้ว ประจวบเหมาะกับที่ข้าน้อยสืบเรื่องที่เกี่ยวกับฆาตกรเจอแล้วพอดี นายท่านจะจัดการตอนนี้เลยหรือไม่?”ทันทีที่ถงเฟยได้ยินคำว่า ‘ฆาตกร’ เส้นประสาทเส้นหนึ่งในหัวสมองก็ตึงเครียดขึ้นทันทีฆาตกร!แท้ที่จริงแล้วผู้ใดเป็นคนทำร้ายลูกให้เป็นแบบนี้กันแน่!เกือบอันตรายถึงชีวิ
สีหน้าของหานอิ๋งจริงจังเป็นอย่างยิ่ง น้ำเสียงจริงใจเป็นอย่างมาก แฝงไปด้วยการโน้มน้าวอย่างแข็งขัน“นายท่าน ได้โปรดเชื่อข้าน้อย ข้าน้อยก็เป็นผู้หญิงเช่นกัน เข้าใจหัวอกของผู้หญิงดี จะบอกพระชายาไม่ได้อย่างเด็ดขาด!”นางเน้นย้ำคำว่า ‘อย่างเด็ดขาด’ ยิ่งเป็นการเตือนให้ชายหนุ่มตระหนักถึงความรุนแรงของผลที่ตาม“ไม่ได้อย่างเด็ดขาด!”ทันทีที่พูดออกไป ก็จะเป็นเรื่องใหญ่มีเพียงวิธีนี้ถึงจะสามารถช่วยชีวิตพระชายาได้!เฟิงเย่เสวียนอยากจะบอกฉู่เชียนหลี แต่ก็กลัวถึงผลที่ตามมา อยากพูด ก็กลัวนางจะไม่ให้ความร่วมมือ หากไม่พูด ในใจของเขาจะต้องทรมานเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะหลังจากได้ยินคำพูดของหานอิ๋ง...เขารู้ว่าความรักของแม่นั้นยิ่งใหญ่แต่ไม่มีลูกคนนี้ ก็ยังจะมีลูกได้อีกหลาย ๆ คนนี่นา!เขาตกอยู่ใน สภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขากดหว่างคิ้วที่แสนเจ็บปวด ออกแรงนวด“ข้าเคยสัญญากับนางว่าจะปฏิบัติต่อกันด้วยความจริงใจ ไม่หลอกลวงซึ่งกันและกัน...”“นี่คือการโกหกด้วยเจตนาดี! นายท่าน ท่านช่วยชีวิตพระชายา พระชายาควรจะต้องขอบคุณท่าน จะตำหนิท่านได้อย่างไร? การโกหกด้วยเจตนาดีไม่นับว่าเป็นการโกหก!”หานอิ๋งเหลือบตาข
สำนักหมอหลวงที่ไร้น้ำยาพวกนั้น วิชาการแพทย์ไม่เก่งกาจเท่าฉู่เชียนหลี ยิ่งไม่ต้องคาดหวังให้พวกเขาไปสืบยี่สิบกว่าปีมานี้ เป็นครั้งแรกที่สะดุดเข้ากับ ‘ฝีมือการรักษาดีเกินไป’ หินก้อนนี้ สิ่งที่เขาบูชามาโดยตลอดก็คือเงินทองกับอำนาจ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าฝีมือการแพทย์ดี ก็จะเป็นความยุ่งยากเฟิงเจิ้งอวี้กะพริบตาเล็กน้อย ทันใดนั้น ก็เอ่ยปากโจมตีทันที“เสด็จพ่อ บรรดาขุนนางใหญ่ในราชสำนักระยะนี้ถูกไล่ลาทีละคน หรือฉ้อโกง หรือรับสินบน หรือกระทำผิด อีกทั้งมาจากฝีมือของอ๋องเฉิน การตายของเจ้ากรมคลังนั่น จะเป็นฝีมือของ...”ประโยคหลัง ยังไม่ได้พูดจบ แต่ความหมายที่แฝงในนั้นได้บอกชัดเจนมากแล้วฮ่องเต้สายตาอึมครึมเล็กน้อย เปล่งประกายอะไรบางอย่าง“ขุนนางที่อ๋องเฉินบีบออกมา ล้วนเป็นคนที่ทำความผิด หลักฐานแน่ชัด เขาไม่ได้ทำผิดอะไร รัชทายาท เจ้าจะตั้งความผิดให้เขาเพราะเหตุผลนี้?”เขาหันมองเฟิงเจิ้งอวี้ด้วยสายตาล้ำลึก ทำให้เฟิงเจิ้งอวี้ตกใจระหว่างพี่น้อง กลัวการต่อสู้กันเองที่สุด!เขาก้มหน้าลงทันที “เสด็จพ่อ หม่อมฉันคิดมากไปเอง! หม่อมฉันรู้ผิดแล้ว หม่อมฉันจะติดตามผู้ตรวจการศาลาว่าการซุ่นเทียนไปสืบเรื่องนี
“เสวียนเอ๋อร์ อยู่ดีๆ เจ้าถามเรื่องนี้ทำไม?” ถงเฟยถามอย่างห่วงใย “รัชทายาทเขา…”“เสด็จแม่ อย่าคิดมาก”เฟิงเย่เสวียนขัดคำพูดและปลอบใจนาง เวลาเดียวกันก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนานี้แต่ถงเฟยจะไม่เป็นห่วงได้อย่างไร?การแย่งชิงผู้สืบทอดราชบัลลังก์ ราชวงศ์น้ำลึกไม่เห็นก้นบึ้ง ทุกคนล้วนเหยียบศพปีนขึ้นที่สูง มนุษย์มีเพียงชีวิตเดียว เมื่อไรที่ผิดพลาด ก็จะตายตลอดกาล นางจะวางใจได้อย่างไร?ยิ่งกว่านั้น คนที่สู้กับรัชทายาท… ถงเฟยนั่งอยู่ตรงนั้น สองมือที่กำแน่นวางอยู่บนหัวเข่า มองดูใบหน้าที่สงบเหมือนในอดีตของเฟิงเย่เสวียน รู้สึกร้อนใจมากนางรู้ดี เด็กคนนี้มีความเป็นผู้ใหญ่ รู้ความ ตั้งแต่เล็กจนโต เขายอมให้ตนเองบาดเจ็บ ก็ไม่ยอมให้นางเป็นห่วงแม้แต่น้อยก็เพราะมีความอดทนและรู้ความสูงเกินไป จึงทำให้ผู้คนปวดใจ“ยาเสร็จแล้ว”นอกประตู ฉู่เชียนหลีถือถาดเดินเข้ามา กวาดมองคนบนเตียงแวบหนึ่ง หลังจากก้มเอววางลง ก็จะออกไปทันที“ใช่แล้ว!” ถงเฟยตบหน้าผากตนเองกะทันหัน “ข้าต้มน้ำไว้ในครัว ตอนนี้น่าจะเดือดแล้ว ข้าไปดูก่อน!”พูดจบก็เดินหายลับตาไปอย่างรวดเร็วฉู่เชียนหลี “?”ต้มน้ำ?ฮืม?มองดูถงเฟยวิ่งออกไปและ
“เชียนหลี…”“ปู่เจ้าอยู่นี่ หลานรักหุบปาก!”“แค่กๆ!”เมื่อเฟิงเย่เสวียนได้ยินคำนี้สำลักฉับพลัน ไม่เพียงบาดแผลฉีกเท่านั้น ยังมีเลือดกระอักออกจากปาก หน้าอกกระพือขึ้นอย่างแรง เกือบหมดสติฉู่เชียนหลีพลิกข้อมือ นำยาฉุกเฉินออกจากกำไลเฉียนคุน อันดับแรกฉีดยากระตุ้นหัวใจป้องกันหัวใจวายก่อน จากนั้นฉีดยาห้ามเลือด จึงจะเปิดผ้าพันแผลเพื่อทำแผลทำเอาสองมือเปื้อนเลือด ปากก็ด่าทอไม่หยุด“บอกให้เจ้าเลิกพูดได้แล้ว เลิกพูดได้แล้ว เจ้าอยากตายหรือ! เจ้าไม่เพียงเรื่องมาก ยังพูดมากอีกด้วย!”“หากไม่ใช่เพราะแม่ศึกษาทักษะการแพทย์มาหลายสิบปี ก็คงช่วยเจ้าไม่ได้จริงๆ แต่งกับข้า เป็นบุญวาสนาที่เจ้าสั่งสมไว้เมื่อชาติที่แล้ว พบเจอเจ้า เป็นข้าที่ขาดศีลธรรมเมื่อชาติที่แล้ว”เฟิงเย่เสวียนได้ยินคำนี้ โมโหจนตาขาวปลิ้นขึ้นบน “แค่ก! แค่กๆ!”“เลิกพูดได้แล้ว!”โมโหจนหายใจไม่ทัน “แค่กๆๆ!”“หุบปาก! เลือดห้ามไม่อยู่แล้ว!”“แค่ก! แค่กๆๆ…”เพียะ!ทันใดนั้น ฝ่ามือที่เสียงดังชัดเจนเหวี่ยงใส่หน้าหล่อของเฟิงเย่เสวียน รอยฝ่ามือปรากฏขึ้นทันที ใบหน้าครึ่งหนึ่งกลายเป็นสีแดงโดยตรงแต่ว่าได้ผลมาก เขาหยุดไอแล้วเฟิงเย่เสวียนท
จวนอัครมหาเสนาบดีฉู่ห้องหนังสือหน้าต่างและประตูปิดสนิท ภายในห้องมีคนนั่งอยู่สองคน กำลังหารือเสียงเบา บรรยากาศดูเคร่งขรึมอย่างเห็นได้ชัด“ท่านพ่อ การตายของเจ้ากรมคลังมีส่วนเกี่ยวข้องกับจวนอ๋องเฉินแน่นอน อ๋องเฉินประกาศสงครามกับรัชทายาทอย่างสมบูรณ์แล้ว ฝ่าบาทก็ไม่สนใจเลย…”บนที่นั่งคือฉู่หงหลวนวันนี้นางกลับจวนอัครมหาเสนาบดีฉู่อย่างลับๆ ก็เพื่อมาหารือเรื่องนี้กับอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่บนเก้าอี้ไท่ซือ อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่หมุนกาน้ำชาแปดสมบัติสมปรารถนาในมือเล่น ในดวงตาที่ขุ่นมัวฉายแววประกายลึกซึ้ง“สนใจ? ฮ่องเต้ไม่เพียงพระราชทานอำนาจให้อ๋องเฉิน ยังพระราชทานอำนาจให้พระชายาอ๋องเฉินด้วย เขาไม่เพียงไม่สนใจ ยิ่งกว่านั้นยังสนับสนุนอ๋องเฉิน”ฉู่หงหลวนได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าเปลี่ยนฉับพลันฮ่องเต้สนับสนุนอ๋องเฉิน ไม่เท่ากับว่ารัชทายาทแพ้แน่นอนหรือ? หากรัชทายาทแพ้ วันข้างหน้านางจะเป็นฮองเฮาแห่งแคว้นอย่างไร?“ท่านพ่อ! ท่านจะต้องช่วยรัชทายาทนะ!” นางร้อนใจจนลุกขึ้นยืน“เมื่อหลายวันก่อน ข้านัดเจอฉู่เชียนหลี อยากให้นางลดความทะเยอทะยานลงบ้าง แต่นางไม่เพียงไม่ถ่อมตน และยังเย่อหยิ่งมากอีก
เฟิงเจิ้งอวี้รีบลุกขึ้นทันที เดินอ้อมโต๊ะหนังสือ เข้าไปประคองฉู่หงหลวนทันทีในกล่องไม้ ตั๋วเงินหนาๆ ถูกใส่จนเต็มเงิน เป็นสิ่งที่เขาขาดแคลนที่สุดในตอนนี้ ฉู่หงหลวนรู้ใจเขามากที่สุด ดอกไม้ที่รู้ใจรู้คำพูดคนเช่นนี้ เขาจะลงโทษลงได้อย่างไร? เขาจับคางนางเบาๆ ค่อยๆ ยกใบหน้าเล็กที่น้อยใจขึ้น กอดนางไว้ในอ้อมแขนอย่างปวดใจ ถอนหายใจกล่าว“มีภรรยาเช่นนี้ สามียังต้องการอะไรอีก!”“!”ในสมองพระชายารัชทายาทดัง ‘ตูม’ ราวกับฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ ร่างกายโอนเอนยืนไม่มั่นคงแล้วมีภรรยาเช่นนี้…ภรรยา…ฉู่หงหลวนเป็นแค่อนุภรรยานะ!นางจึงจะเป็นภรรยาที่แท้จริง!ฟังความหมายคำพูดนี้ของรัชทายาท หรืออยากปลดนาง แต่งตั้งฉู่หงหลวนแทน?ไม่!“รัชทายาท…”“ออกไป” ตอนนี้เฟิงเจิ้งอวี้ไม่มีอารมณ์มองแม้แต่หน้าพระชายารัชทายาทพระชายารัชทายาทร้อนใจแล้ว “รัชทายาท ข้า…”“ออกไป! ช่วงนี้เจ้าเป็นอะไร คำพูดและการกระทำต้องให้ข้าพูดซ้ำสามรอบตลอด เป็นถึงพระชายารัชทายาท หรือเป็นคนหูหนวก!”เฟิงเจิ้งอวี้ตวาดออกมาอย่างหมดความอดทน คำรามและบิดเบี้ยว พระชายารัชทายาทตกใจจนหน้าซีด ยืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิม มือเท้าเย็น ลืมตอบสนองฉู
มองดูดวงตาที่สุกใสของเขา เปล่งประกายเหมือนตื่นเต้น ต่างจากวินาทีก่อนราวกับเป็นคนละคน ฉู่เชียนหลีงงงวยไปสองวินาที ถามโดยไม่รู้ตัว“ทำอะไร?”เฟิงเย่เสวียนเผยอมุมปาก ใช้ภาษาปากพูดออกมาคำหนึ่งโดยไร้เสียง“รัก[footnoteRef:1]…” [1: ทำรัก ร่วมรัก] “!”พริบตานั้น ร่างกายฉู่เชียนหลีแข็งทื่อ ใบหน้าแดงก่ำ ในห้องยังมีคนตั้งมากมายเช่นนั้น ถูกเขาจ้องมอง รู้สึกเพียงเหมือนถูกมีดจี้ข้างหลัง เขินอายจนเกือบทนไม่ไหวด่าแม่XX!ภารกิจระดับชาติ!X!กลางวันแสกๆ เขายังบาดเจ็บเช่นนั้น ขยับตัวไม่ได้ด้วยซ้ำ กลับยังคิดจะ…“เชียนหลี นี่เจ้าเป็นฝ่ายเรียกร้องเองนะ ข้าสงเคราะห์เจ้า จดไว้ในบัญชีก่อน เจ้าพูดแล้วห้ามไม่รักษาคำพูดนะ” เฟิงเย่เสวียนมองนางอย่างลึกซึ้งท่าทางนั้น ไร้เดียงสาเพียงใด ก็วอนกระทืบเพียงนั้นน่าสงสารเพียงใด ก็หน้าเนื้อใจเสียเพียงนั้นเขาจงใจ!ฉู่เชียนหลีกำหมัด กัดฟันที่นางพูดเมื่อครู่คือ ‘อยากทำก็ทำ ไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ’ แต่ไม่ใช่ ‘อยากทำก็ทำ ไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ’ ความหมายของนางคือท่าออกกำลังกายชุดนี้ ‘อยากทำก็ทำ ไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ’ แต่ไม่ใช่คนสองคน ‘อยากทำก็ทำ ไม่อยากทำก็ไม่ต้อ