เมื่อได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของเย่หนานโจวก็มืดมนลง และหัวใจของเขาก็รู้สึกหนักอึ้งเขาลุกขึ้นโดยไม่ได้สนใจเสียงร้องไห้ของเวินหนี่อีก เขายืนเงียบ ๆ อยู่ข้างหน้าหน้าต่าง และหยิบบุหรี่ออกมาจุดในอากาศเต็มไปด้วยควันและความเย็นเยือกหลังจากสูบบุหรี่เสร็จหนึ่งมวน เขาก็ออกจากห้องนอนไปและไม่ได้กลับมาอีกเลยวันรุ่งขึ้นเวินหนี่มีอาการปวดหัวอย่างรุนแรงเธอกุมศีรษะที่รู้สึกหนักมากกว่าเท้าเสียอีกเธอลุกจากเตียง เทน้ำใส่แก้วแล้วตั้งสติเธอเดินไปล้างหน้าที่ห้องน้ำและพบว่าตาของเธอบวมมาก เดาว่าเมื่อคืนนี้คงไม่หยุดร้องไห้เลยสินะเธอจำได้ว่าเย่หนานโจวส่งเธอกลับมา แต่ไม่มีร่องรอยการเคลื่อนไหวอยู่ข้าง ๆ ซึ่งบ่งบอกว่าเมื่อคืนนี้เย่หนานโจวไม่ได้นอนอยู่ข้าง ๆ เธอแต่เธอจำได้ว่าเขาดูแลเธอเป็นเวลานานนี่เป็นครั้งแรกที่เขาใส่ใจเธอมากขนาดนี้เวินหนี่สับสนสถานการณ์เล็กน้อยว่า ทำไมเมื่อคืนนี้เย่หนานโจวถึงได้บังเอิญอยู่เคียงข้างเธอ และส่งเธอกลับบ้านดูเหมือนว่าเธอจะอารมณ์เสียด้วย แทนที่เย่หนานโจวจะโกรธแต่เขากลับปลอบเธอ หลังจากล้างหน้าล้างตาเสร็จ เวินหนี่ก็ลงไปชั้นล่าง สาวใช้เตรียมอาหารเช้าไว้เรียบร้อยแล
“หนานโจวสวมเสื้อผ้ามีระดับมากมาย” เวินหนี่พูดอย่างไร้อารมณ์ “ตราบใดที่ฉันเป็นคนซื้อเขาก็จะใส่อยู่ดี ไม่ทราบว่าคุณลู่กำลังเลือกเสื้อผ้าให้ใครอยู่งั้นเหรอคะ?”ลู่ม่านเซิงเดินเข้าไป และทั้งสองก็มองตากันจนแทบเป็นประกายไฟอย่างไม่มีใครยอมแพ้ ลู่ม่านเซิงยกริมฝีปากขึ้นแล้วพูดว่า “ฉันมารับเสื้อผ้าระดับไฮเอนด์ให้แฟนน่ะ โลกนี้มีเพียงสิบตัวเท่านั้น จะให้ฉันโชว์ให้ดูไหมล่ะคะ?”น้ำเสียงของเธอบ่งบอกถึงความอวดดีเธอสามารถซื้อเสื้อโค้ตระดับไฮเอนด์และหรูหราได้ ในขณะที่เสื้อผ้าที่เวินหนี่เลือกซื้อนั้นมีขายทั่วไปพวกเธอไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลยในการเลือกเสื้อผ้าสำหรับผู้ชายพนักงานหยิบกล่องที่บรรจุเสื้อโค้ตรุ่นลิมิเต็ดออกมา กลิ่นชุดใหม่ก็ลอยตามมาเวินหนี่เหลือบมองด้วยสายตาเสียดสี “คุณลู่ แค่ชุดของตัวเองคุณยังใช้เงินของคนอื่นซื้อ แน่ใจเหรอคะว่านี่ไม่ได้เป็นแบบนั้น?”ลู่ม่านเซิงเลิกคิ้ว “คุณอิจฉาที่แฟนของฉันยอมจ่ายเงินให้ฉันงั้นเหรอคะ?”“ฉันไม่ได้อิจฉาหรอกค่ะ” เวินหนี่พูดอย่างเรียบนิ่ง “เพียงแค่เงินนั้นมันดูไม่ค่อยถูกต้องสักเท่าไหร่ ฉันกลัวว่าถ้ามีข่าวเผยแพร่ออกไปจะทำให้คุณลู่เสื่อมเสียชื่อเสีย
ลู่ม่านเซิงไม่เชื่อว่าเย่หนานโจวจะมอบบัตรธนาคาร 500 ล้านบาทให้กับเธอเธอสืบมาแล้วว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ดี และเย่หนานโจวก็แทบไม่ได้ดูแลเวินหนี่เลยเวินหนี่ทำงานเป็นเลขาของเย่หนานโจวมาเจ็ดปีแล้ว และเขาก็ไม่เคยชายตามองเธอเลยด้วยซ้ำหากเย่หนานโจวสนใจเวินหนี่ เขาจะไม่มีทางปิดบังการแต่งงาน แต่จะประกาศความสัมพันธ์ของพวกเขาอย่างเปิดเผยมีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวคือ เวินหนี่แอบไปเป็นเด็กเสี่ยลับหลังเย่หนานโจวเธอยอมเชื่อแบบนั้นมากกว่าที่จะเชื่อว่าเย่หนานโจวให้เงินเวินหนี่ใช้“หลานชายฉันให้เงินหลานสะใภ้ใช้แล้วมันมีปัญหาตรงไหนมิทราบ? จำเป็นต้องให้คนอื่นมาสงสัยด้วยงั้นเหรอ? คุณลู่ อย่าแสร้งทำเป็นดูถูกสิ่งที่ตัวเองไม่มีไปหน่อยเลย!”ทันใดนั้นก็มีอีกเสียงหนึ่งแทรกขึ้นมาระหว่างการสนทนาของทั้งสองสาวเวินหนี่หันไปมองก่อนจะเห็นเย่จื่อที่ยืนบิดเอวอยู่ เธอดูสวยสง่ามาก ชุดกี่เพ้าสีดำที่เธอสวมนั้นทำให้เธอดูเพรียวบางและสง่างาม เธอผมมัดมวย อายุเกือบห้าสิบปีแล้วแต่ไม่มีริ้วรอยบนใบหน้าเลย เธอเดินเข้ามาอย่างสง่า“คุณน้า” เวินหนี่เรียกเธออย่างแปลกใจเย่จื่อยิ้ม “บังเอิญจริง ๆ ฉันมาซื้อเสื้อผ้าสอ
ลู่ม่านเซิงชะงักอยู่ตรงนั้น ก่อนจะฝืนยิ้มแล้วหันกลับไป “คุณเย่จื่อ มีอะไรหรือเปล่าคะ?”เย่จื่อมองไปที่เธอ “เสื้อคลุมตัวนั้นเธอคงไม่ได้ซื้อให้ตัวเองหรอกใช่ไหม?”ลู่ม่านเซิงหน้าแข็งทื่อ “ฉันซื้อให้คนอื่นค่ะ”เย่จื่อมองออกเพียงแต่ไม่พูด เธอยกมือกอดอกแล้วพูดขึ้นอย่างเย็นชา “ลู่ม่านเซิง ยังไงคุณก็เป็นบุคคลสาธารณะ ควรรู้ว่าอะไรควรไม่ควร มีบางเรื่องที่ฉันไม่พูดเพราะเห็นแก่คุณลู่ ที่ทำเป็นมองไม่เห็นไม่ได้หมายความว่าฉันจะเห็นด้วย อย่ารอให้ถูกเปิดเผยแล้วค่อยมาเสียใจทีหลัง ฉันไม่ใช่เย่ซูเฟิน ที่จะยอมให้คุณทำอะไรก็ได้!”ใบหน้าของลู่ม่านเซิงเปลี่ยนเป็นน่าเกลียด หลังจากถูกพูดใส่แบบนั้น ดวงตาของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดง เธอกำมือแน่นก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง “ฉันทราบค่ะ คุณเย่จื่อ”เย่จื่อไม่แม้แต่จะมองเธอ เพียงแค่ถอนหายใจอย่างเย็นชา ลู่ม่านเซิงรู้สึกอับอาย เธอย่างก้าวสะดุดเล็กน้อย และผู้ช่วยของเธอก็เข้ามาช่วยพยุงออกไปจากตรงนั้น “เวินหนี่ เจอกันทั้งที ไปดื่มชากันเถอะ” เย่จื่อพูดด้วยรอยยิ้ม“ได้สิคะคุณน้า ข้าง ๆ มีร้านกาแฟ เราไปที่นั่นกันเถอะค่ะ”แล้วทั้งสองก็ไปนั่งในร้านกาแฟ แม้ว่าเย่จื
ภายในโรงแรม สิ่งของกระจัดกระจายเละเทะเวินหนี่ตื่นขึ้นมา รู้สึกปวดระบมไปหมดทั้งตัวเธอขมวดคิ้ว ขณะที่กำลังจะลุกขึ้นก็เหลือบไปเห็นร่างสูงที่นอนอยู่ข้าง ๆใบหน้าหล่อเหลาจนเกินเหตุ หน้าตาที่คมคายและคิ้วเข้มชายหนุ่มยังคงหลับอยู่และไม่มีทีท่าว่าจะตื่นเวินหนี่ลุกขึ้นนั่ง ผ้าห่มหลุดเผยให้เห็นผิวขาว และรอยเล็กน้อยบนไหล่สีขาวเซ็กซี่ของเธอร่างเล็กเดินลงจากเตียง คราบเลือดปรากฏชัดบนผ้าปูที่นอนเมื่อมองดูเวลา นี่ก็ใกล้จะถึงเวลาทำงานแล้ว เธอหยิบชุดสูทที่ยับยู่ยี่บนพื้นขึ้นมาสวมใส่ถุงน่องถูกเขาฉีกขาดไปแล้วเธอหยิบมันขึ้นมาม้วนเป็นลูกบอลก่อนจะโยนลงถังขยะแล้วสวมรองเท้าส้นสูงเป็นจังหวะเดียวกันกับที่มีคนมาเคาะประตูเวินหนี่แต่งตัวเรียบร้อย และกลับมาสู่ตำแหน่งเลขาที่มากความสามารถ เธอถือกระเป๋าและเดินออกไปคนที่เข้ามาคือสาวสวยคนหนึ่งที่เธอเป็นคนเรียกมาเองเป็นแบบที่เย่หนานโจวชอบเวินหนี่พูดขึ้นว่า “เธอแค่นอนอยู่บนเตียงรอจนกว่าประธานเย่จะตื่น แล้วไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น”เธอหันกลับไปมองชายที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงอีกครั้งก็รู้สึกปวดใจขึ้นมา ก่อนจะเดินออกจากห้องนั้นไปเวินหนี่ไม่ต้องการ
เมื่อได้ยินแบบนั้น เวินหนี่ก็ตกใจจนเท้าแทบแพลงร่างกายของเธอเสียสมดุลและถลาไปบนตัวของเขา เย่หนานโจวสัมผัสได้ว่าร่างกายของเธอสั่นเทา จึงจับเอวของเธอเอาไว้ อุณหภูมิที่แผดเผาทำให้เธอนึกถึงฉากที่ร้อนแรงและป่าเถื่อนของเขาเมื่อคืนนี้ทันทีเวินหนี่สงบสติอารมณ์ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเข้าไปในดวงตาลึกล้ำของเขาดวงตาของเขาจริงจังมาก ทั้งตั้งคำถาม และสงสัย ราวกับว่าเขากำลังจะมองให้ทะลุเธอหัวใจของเวินหนี่เต้นรัวเร็วเธอไม่กล้าสบตาเขาแม้แต่วินาทีเดียว จึงก้มหน้าลงโดยไม่รู้ตัวขนาดเขาคิดว่าเป็นผู้หญิงคนเมื่อกี้ก็ยังโกรธมากขนาดนี้ หากเขารู้ว่าเป็นเธอล่ะก็ จุดจบของเธอก็คงไม่ต่างกันแต่เธอไม่เต็มใจให้มันเป็นแบบนั้นหากเย่หนานโจวรู้ว่าเป็นเธอ ชีวิตแต่งงานของเธอกับเขาจะอยู่ได้นานกว่านี้อย่างนั้นเหรอ?เธอไม่กล้าสบตาเขา “ทำไมคุณถึงถามแบบนั้น?”มีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้ว่าเธอคาดหวังให้เป็นเช่นนั้นอย่างไรก็ตาม เย่หนานโจวหัวเราะเบา ๆ “เธอไม่กล้าหรอก” มือของเวินหนี่แข็งทื่อพลันหลับตาลงเย่หนานโจวหวังว่าจะไม่ใช่เธอ เพราะท้ายที่สุด เขาและเธอตกลงแต่งงานกันตามสัญญาเท่านั้นและอีกไม่กี่วันสัญญานี้ก
เธอเงยหน้าขึ้นมอง เห็นลู่ม่านเซิงสวมผ้ากันเปื้อนพร้อมถือช้อนอยู่ในมือเมื่อเธอเห็นเวินหนี่ รอยยิ้มของเธอก็ชะงักอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวทักทายอย่างอ่อนโยน “คุณเป็นแขกของคุณป้าเหรอคะ? ฉันทำซุปไว้เยอะพอดี รีบเข้ามานั่งก่อนสิคะ”อิริยาบถของเธอสง่างามดูเหมือนนายหญิงแต่เวินหนี่กลับดูเหมือนแขกที่มาจากแดนไกลเสียเองก็ถูกแล้วแหละ อีกไม่นานเธอก็จะเป็นคนนอกแล้วเวินหนี่ขมวดคิ้ว รู้สึกไม่สบายใจอย่างมากตอนที่เธอแต่งงานกับเย่หนานโจว ทั้งเมืองต่างก็ได้รับแจ้งข่าว และลู่ม่านเซิงก็ยังส่งจดหมายอวยพรมาให้ด้วย เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้ว่าเธอคือภรรยาของเย่หนานโจวเมื่อเห็นลู่ม่านเซิงเห็นว่าเธอยืนนิ่งอยู่ที่ประตู จึงรีบเข้าไปจับมือของเธอ “คุณเป็นแขก ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ รีบเข้ามาดีกว่าค่ะ”เมื่อลู่ม่านเซิงเข้ามาใกล้ เธอก็ได้กลิ่นหอมมะลิบางเบาลอยอยู่ในอากาศ มันเป็นน้ำหอมแบบเดียวกันกับที่เย่หนานโจวมอบให้เธอในวันเกิดเมื่อปีที่แล้วเธอรู้สึกเจ็บคอและหายใจลำบาก ราวกับว่าเท้าของเธอหนักนับพันปอนด์จนไม่สามารถก้าวเดินได้เมื่อเย่ซูเฟินเห็นว่าเวินหนี่ยังยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น เธอจึงขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ “เวินหน
“วันนี้พี่เวินหนี่ดูเหมือนจะอารมณ์ไม่ดี เธอไม่อยากเอาเอกสารมาส่ง ฉันเลยต้องเอามาส่งน่ะค่ะ” ลู่ม่านเซิงวางมือที่โดนลวกตรงหน้าเขา “พี่หนานโจว อย่าโทษพี่เวินหนี่เลยนะคะ ฉันว่าเธอคงไม่ได้ตั้งใจ หวังว่าคงจะไม่ได้ทำให้งานของพี่ล่าช้าหรอกใช่ไหมคะ” เอกสารของบริษัทไปอยู่ในมือของคนอื่น นี่เป็นครั้งแรกที่เวินหนี่ทำอะไรแบบนี้สีหน้าของเย่หนานโจวมืดมน แต่เขาก็ยังคงอดทนเมื่ออยู่ต่อหน้าลู่ม่านเซิง เขาเพียงแค่ดึงเนกไทแล้วพูดอย่างเรียบนิ่ง “ไม่เป็นไร”เขาเปลี่ยนเรื่องแล้วพูดขึ้นว่า “ไหน ๆ ก็มาแล้ว นั่งพักก่อนสิ” เมื่อได้ยินแบบนั้นลู่ม่านเซิงก็รู้สึกมีความสุขในใจ อย่างน้อยเขาก็ยอมรับเธอ และไม่ได้เกลียดเธอ“พี่มีประชุมไม่ใช่เหรอคะ ฉันรบกวนพี่หรือเปล่า”เย่หนานโจวโทรออกหาใครบางคน “เลื่อนการประชุมออกไปครึ่งชั่วโมง”มุมปากของลู่ม่านเซิงโค้งงอขึ้น ก่อนจะมาที่นี่เธอกำลังคิดว่า การที่เธอจากไปโดยไม่บอกลาจะทำให้เขารู้สึกโกรธหรือไม่ แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้แย่เหมือนที่คิดเอาไว้เวลาที่เสียไปยังชดเชยกลับคืนมาได้ลู่ม่านเซิงนั่งลงบนโซฟาอย่างคาดหวัง และอยากจะอธิบาย “พี่หนานโจว ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับพี่ต