มีอู๋หลิงคอยปกป้องเมืองหลวงจึงมั่นใจได้อย่างเต็มที่ว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้!ยิ่งไปกว่านั้นคือต้าเย่มีทหารชั้นยอดถึงแปดหมื่นนาย!ทหารของเขามีเพียงสี่หมื่นนาย แล้วจะก่อความไม่สงบได้อย่างไร!เซิ่งฟางสี่ย่อมเข้าใจประเด็นนี้ดี เขาฉลาดมากที่พูดตรงใจนาง!ในเวลานี้ไป๋เหยียนเฟยกล่าวว่า “เซิ่งฟางสี่ นั่นจะไม่ทำให้เจ้าต้องลำบากใช่หรือไม่?”เซิ่งฟางสี่รีบตอบว่า “ไม่ ไม่ลำบากเลยพ่ะย่ะค่ะ ถือว่าเป็นเกียรติของกระหม่อมยิ่ง!”ไป๋เหยียนเฟยได้ฟังเช่นนี้ก็เข้าใจ จากนั้นจึงพูดขึ้นว่า “เซิ่งฟางสี่ ข้าเข้าใจดีว่าเจ้าต้องการจะสื่ออะไร!”“คำขอของเจ้า ข้าตอบตกลง ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป เซิ่งตงฉยงจะเป็นขุนพลใหญ่แห่งชายแดน!”“ส่วนเจ้า... ข้ายังคิดไม่ออกว่าจะให้ตำแหน่งอะไรดี แต่ข้าจะให้คำตอบเจ้าทีหลัง”เซิ่งฟางสี่สูดหายใจเข้าลึก แม้สีหน้าจะดูไม่ดีนักแต่ก็ทำได้เพียงอดทน!“น้อมรับพระบัญชา!”ไป๋เหยียนเฟยก็มองออกว่าเซิ่งฟางสี่ไม่พอใจจึงพูดว่า“เซิ่งฟางสี่ ข้าสัญญากับเจ้าว่าตราบใดที่ตระกูลเซิ่งของเจ้าช่วยข้าครองแผ่นดินและกำจัดตระกูลไป๋ ในภายภาคหน้า ตระกูลเซิ่งของเจ้าจะรุ่งเรืองและมั่งคั่งไม่มีที่ส
อู๋หลิงนึกถึงคนหลายคน แต่สุดท้ายเขาก็รู้แล้วว่าควรจะให้ใครมาคอยจับตามองเซิ่งฟางสี่!“เสนาบดีฝ่ายซ้าย หยางเฟิ่งกั๋วพ่ะย่ะค่ะ!”สำหรับหยางเฟิ่งกั๋วนั้น อู๋หลิงเคารพนับถือมากที่สุด!เพราะคนผู้นี้มีต้าเย่อยู่ในใจ ทุกสิ่งที่คิดจึงเป็นไปเพื่อต้าเย่ ไม่เหมือนเสนาบดีฝ่ายขวาที่ยังคิดอยู่ว่าจะเพิ่มอำนาจของตนเองได้อย่างไร!การตัดสินใจหลายอย่างของเสนาบดีฝ่ายขวานั้นช่างไร้สาระ มักเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน จนส่งผลให้เส้นทางการเป็นขุนนางของหวังหยวนต้องถูกทำลาย!แน่นอนว่ารากฐานของเรื่องนี้ยังคงเกิดจากความไม่มองการณ์ไกลของฮ่องเต้ซิงหลงด้วย เสนาบดีฝ่ายขวาเพียงแค่ต้องการได้รับความโปรดปราน จึงยกยอปอปั้นโดยไม่สนใจเรื่องศีลธรรมเลยจริง ๆ!แต่หยางเฟิ่งกั๋วไม่ใช่คนเช่นนั้น!สำหรับเรื่องนี้ในตอนนั้น บางคนก็อยู่ฝ่ายเขาแต่มีคนจำนวนไม่น้อยที่อยู่ฝ่ายยุยงฮ่องเต้ซิงหลง!แม้ว่าเขาจะถูกต่อว่าแต่ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงความตั้งใจเดิม!นี่คือจิตสำนึกที่ข้าราชบริพารควรมี!ไป๋เหยียนเฟยที่ได้ฟังคำตอบก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะ“ไม่เลวเลย หยางเฟิ่งกั๋วซื่อสัตย์และเที่ยงธรรมจริง ๆ คงสามารถจับตาดูเซิ่งฟางส
หลังจากที่หยางเฟิ่งกั๋วพูดจบ นัยน์ตาของเขาก็เป็นประกายขึ้น!ไป๋เหยียนเฟยยิ้มอย่างพึงพอใจ นางรีบเดินไปหาหยางเฟิ่งกั๋วด้วยตนเองแล้วยื่นมือออกไป“ข้ารู้สึกซาบซึ้งอย่างยิ่งต่อเสนาบดีฝ่ายซ้ายที่ทำงานอย่างหนักเพื่อต้าเย่ โปรดรีบลุกขึ้นมาเถิด!”หลังจากที่ไป๋เหยียนเฟยพูดจบ หยางเฟิ่งกั๋วก็รู้สึกปลื้มปีติ!“ฮองเฮา ท่าน...”ไป๋เหยียนเฟยฟังแล้วก็ยิ้มก่อนพูดว่า “อันที่จริงนี่แหละคือจุดประสงค์ของการเชิญเจ้ามา”“ตระกูลเซิ่งต้องการสงบศึกและภักดีต่อต้าเย่ของเรา!”หลังจากพูดเช่นนี้หยางเฟิ่งกั๋วก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก!“เยี่ยมมาก! ถ้าตระกูลเซิ่งเข้าร่วมกับเรา เราจะสามารถต่อสู้กับตระกูลไป๋ได้อย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”“ฮองเฮา ตระกูลเซิ่งทะเยอทะยานมาก เราต้องใช้จุดนี้ให้เป็นประโยชน์!”“กระหม่อมขอแนะนำให้เซิ่งฟางสี่อยู่ในราชสำนักและเซิ่งตงฉยงเฝ้าชายแดน ด้วยวิธีนี้เราจึงจะสามารถควบคุมตระกูลเซิ่งได้พ่ะย่ะค่ะ!”หยางเฟิ่งกั๋วฉลาดมาก ไป๋เหยียนเฟยได้ฟังเช่นนั้นก็หัวเราะ“เสนาบดีฝ่ายซ้าย คำพูดของเจ้าตรงกับที่ข้าตั้งใจไว้จริง ๆ” “แต่การเก็บเซิ่งฟางสี่ไว้ในราชสำนักนี้ย่อมจะต้องมีตำแหน่งขุนนาง ดังนั้นข้าจึ
ไป๋เหยียนเฟยมองทุกคนด้วยสายตาเย็นชา!บางคนกำลังคิดถึงต้าเย่และบางคนก็กำลังคิดถึงผลประโยชน์ของตัวเอง!แต่ไม่ว่าจะอย่างไรเรื่องก็ได้ข้อสรุปแล้ว!ไม่ว่าพวกเขาจะพูดอะไร ไป๋เหยียนเฟยก็จะไม่สนใจ!“เรื่องนี้ได้รับการสรุปแล้ว หากพวกเจ้าคนใดมีเรื่องจะพูดก็มาพบข้าที่ห้องตำราหลวงได้ตลอดเวลา!”“จบประชุม!”ไป๋เหยียนเฟยจากไปทันที และคำสั่งทั้งสองนี้ก็ถูกประกาศออกไป!ในขณะนี้เซิ่งฟางสี่มีจวนอยู่อาศัยแล้ว ซึ่งเป็นจวนประจำตำแหน่งผู้ช่วยเสนาบดีฝ่ายซ้าย โดยปกติแล้วจวนระดับนี้ควรอยู่นอกจวนขุนนางชั้นสูงแต่จวนของเซิ่งฟางสี่นั้น ด้านซ้ายอยู่ติดกับจวนของอู๋หลิง ด้านขวาอยู่ติดกับจวนเสนาบดีฝ่ายซ้ายและได้รับการปกป้องโดยกองทหารรักษาพระองค์สามพันคน!เซิ่งฟางสี่รู้ว่านี่คือวิธีการที่ไป๋เหยียนเฟยใช้เนื่องจากนางยังไม่ค่อยไว้ใจเขาเขารู้มานานแล้วว่าจะเป็นเช่นนี้จึงไม่ได้ใส่ใจมากนักแต่สีหน้าของเขายังคงเผยให้เห็นความสิ้นหวังเช่นเดิม!ขณะนี้ในห้องตำราหลวง คำสั่งแต่งตั้งเซิ่งตงฉยงถูกจัดเตรียมเสร็จแล้ว แต่ยังไม่ได้ให้เจ้าหน้าที่ภายในนำคำสั่งไปส่งให้เขา!ไป๋เหยียนเฟยเรียกอู๋หลิง!นางวางแผนจะให้อู๋หลิงไปส่งคำ
อู๋หลิงก้าวเข้ามาพร้อมราชโองการในมือ“เซิ่งตงฉยง รับราชโองการ!”อู๋หลิงกล่าวกับเซิ่งตงฉยงทันทีเซิ่งตงฉยงเหลือบมองอู๋หลิงแล้วสูดลมหายใจเข้าลึก แม้ว่าเขาจะปลอบใจตัวเองมากมายเพียงใด แต่เมื่อได้เห็นเหตุการณ์นี้ก็ยังรู้สึกไม่สบายใจนัก!“ว่าอย่างไร เซิ่งตงฉยง เจ้าคิดจะยืนรับพระราชโองการหรืออย่างไร?”อู๋หลิงเหลือบมองเซิ่งตงฉยงอย่างเย็นชา เขาเข้าใจดีว่าเซิ่งตงฉยงคิดอย่างไร!ชายผู้นี้เปรียบเสมือนเทพสงครามของตระกูลเซิ่งผู้ที่หวังจะพิชิตโลกในอนาคต!แต่บัดนี้กาลเวลาทำให้ทุกสิ่งเปลี่ยนไปแล้ว!เมื่อเซิ่งตงฉยงได้ฟังดังนั้นก็ยกยิ้ม“ไม่บังอาจ เพียงแต่ตกใจเท่านั้น!”“กระหม่อมรับราชโองการ!”เมื่อเซิ่งตงฉยงกล่าวจบก็คุกเข่าลง!แต่การคุกเข่าครั้งนี้ ศีรษะของเขาก้มต่ำแต่ใบหน้าไร้ซึ่งความรู้สึก!“เซิ่งตงฉยง ข้าจะไม่พูดมาก ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าจะเป็นขุนพลประจำชายแดน ส่วนหยางเซ่อจะเป็นแม่ทัพ ต่อไปนี้การจัดการเมืองชายแดนจะขึ้นอยู่กับหยางเซ่อ”อู๋หลิงกล่าวจบก็ส่งราชโองการให้เขา จากนั้นจึงไปนั่งบนที่นั่งประธานเซิ่งตงฉยงรับราชโองการมาถือไว้โดยไม่เอ่ยคำใด“เซิ่งตงฉยง บิดาของเจ้าในเมืองหลวงยั
เมื่อเซิ่งตงฉยงได้ฟังคำพูดนี้ก็สูดลมหายใจเข้าลึกแม้ว่าเขาจะเกลียดหวังหยวนมาก แต่เซิ่งตงฉยงก็รู้ดีว่าสิ่งที่อู๋หลิงพูดนั้นเป็นความจริง!ความสามารถของหวังหยวนนั้นไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะเทียบได้!และสิ่งที่ทำให้เซิ่งตงฉยงสงสัยมากที่สุดก็คือเหตุใดเขาจึงไม่มีความคิดที่จะครอบครองแผ่นดิน!ไม่เช่นนั้นตระกูลไป๋คงจะถูกกำจัดไปนานแล้ว!ทั้งสองร่ำสุราด้วยกันเป็นเวลานานและพูดคุยกันมากมายหากไม่นับเรื่องสถานะและปัญหาอื่น ๆ อู๋หลิงและเซิ่งตงฉยงก็รู้สึกเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน!ทั้งสองเป็นวีรบุรุษในยุคนี้ เมื่อเทียบกับหวังหยวนแล้ว พวกเขาอาจจะหาจุดร่วมกันได้มากกว่า!เพราะพวกเขากับหวังหยวนนั้นแตกต่างกันมาก!แม้แต่ตอนที่อู๋หลิงเผชิญหน้ากับหวังหยวน เขาก็ยังไม่สามารถหาจุดร่วมได้เลย!เพราะในใจของเขา เขาได้มองหวังหยวนเป็นสิ่งที่ไม่มีใครเทียบได้แล้ว แล้วเขาจะเกิดความรู้สึกเห็นอกเห็นใจได้อย่างไร?ตระกูลไป๋ย่อมรับรู้การเปลี่ยนแปลงในต้าเย่แล้ว!ไป๋เจิ้นถังสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วมองไปยังไส้ศึกด้วยสายตาเย็นชา!“เป็นไปตามคาด ต้าเย่ได้พิชิตตระกูลเซิ่งสำเร็จแล้ว!”“จากนี้ไปตระกูลไป๋ของเราไม่เพียงแค่ต้องเ
“แต่ว่าเมื่อสิ้นตระกูลเซิ่งแล้ว ต้าเย่ก็จะกลายเป็นอาณาจักรที่แข็งแกร่งที่สุด!”“แม้ว่าจะมีเพียงสามดินแดน แต่ก็ยังคงเป็นหนามยอกอกสำหรับตระกูลไป๋อยู่และการจะดึงหนามนี้ออกก็ยากเหลือเกิน!”หลายคนต่างก็พูดขึ้นมาทีละคนด้วยความชื่นชมในสายตา!“การกระทำของหวังหยวนครั้งนี้ได้ทำให้สถานการณ์ของต้าเย่กลับมาสมดุลอีกครั้ง ข้าคิดว่าที่เขาทำเช่นนี้ก็เพราะว่าตระกูลเซิ่งนั้นอยู่อย่างไม่สงบ ความจริงแล้วการที่สามอาณาจักรเผชิญหน้ากันสามฝ่ายนั้นเป็นสถานการณ์ที่สมดุลมากที่สุด!”“แต่ตระกูลเซิ่งล่ะ? พวกเขาก่อเรื่องอยู่ตลอดเวลา หวังหยวนจึงวางแผนกำจัดตระกูลเซิ่งเพื่อให้ไปรวมเข้ากับต้าเย่!”“เมื่อมองเช่นนี้ต้าเย่คงจะล่มสลายได้ยากเสียแล้ว!”อ๋องหลงซีหัวเราะออกมา โดยมีความชื่นชมฉายแววในดวงตาของเขาเช่นกัน!“หวังหยวนผู้นี้ช่างเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถจริงๆ ครั้งนี้ตระกูลไป๋คงโกรธมากเป็นแน่ ที่ไม่เพียงแต่จะไปทำให้หวังหยวนขุ่นเคืองเท่านั้น แต่ยังได้ส่งตระกูลเซิ่งซึ่งเป็นเสือบาดเจ็บให้กับคู่แข่งอีกด้วย!”“โดยที่ฝ่ายพวกเขาทำมาทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้ได้มาเพียงแค่หนึ่งดินแดน!”“ดูเหมือนฝ่ายพวกเขาจะเป็นอาณาจักรที่แข
ทุกคนที่กำลังยืนอยู่ณ ที่นี้กำลังมองหวังหยวนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น!แม้ว่าดินแดนเดียวจะไม่กว้างใหญ่นัก แต่ก็ดีที่ตั้งแต่นี้ไปจะเป็นแผ่นดินของพวกเขาเอง!หวังหยวนมองทุกคนแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม“เราได้ครอบครองเมืองหลิงอย่างสมบูรณ์แล้ว ตั้งแต่นี้ไปเราไม่ต้องสนใจใครหน้าไหนอีกต่อไปแล้ว”“แน่นอนว่า... ย่อมไม่มีใครกล้าดูถูกเราอยู่แล้ว”หวังหยวนพูดประโยคแรกจบก็แสดงให้เห็นถึงทัศนคติของเขาอย่างชัดเจน!เป็นอิสระ!มีอิสรภาพ!ทุกคนรอบกายต่างก็ระงับความตื่นเต้นของตัวเองไว้จึงไม่ได้พูดอะไร เพราะรู้ว่าหวังหยวนยังมีอะไรจะพูดอีก!“ครั้งหนึ่งข้าไม่เคยคิดที่จะครอบครองแผ่นดินแม้แต่แห่งเดียว แต่มีคำกล่าวที่ว่าเสือยิ่งแข็งแกร่ง เขี้ยวก็ยิ่งแหลมคม หลายคนจึงกังวลและหวาดกลัวพวกเรา!”“แม้ว่าพวกเราจะเป็นเสือที่เชื่องแต่ก็ยังมีบางคนที่หวาดกลัวอยู่!”“ดังนั้นแทนที่จะปล่อยให้พวกเขาลงมือจัดการเรา เราก็ควรเป็นเสือดุร้ายที่ครอบครองดินแดนสักแห่งหนึ่ง แม้ว่าจะไม่กว้างใหญ่นักแต่ก็เพียงพอให้พวกเราอยู่รอด!”“เพียงแต่ว่าดินแดนของเรานั้นค่อนข้างแห้งแล้ง!”“และในเวลานี้ สิ่งแรกที่เราต้องทำคือพัฒนาด้านการค้า