เลือดสีแดงฉานไหลหยดลงที่พื้น ขอทานน้อยยกสองมือจับที่หัวแล้วนั่งขดตัวจางวั่งไฉยังคงสถบด่า “ไอ้สุนัขไร้ค่า ตีมันแรงๆ ตีมันให้ตาย.....”หลังจากตีคนเสร็จ จางวั่งไฉก็จากไปอย่างสง่างามพร้อมกับลูกน้องหมอจากโรงหมอเสวียนรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อตรวจสอบอาการบาดเจ็บของขอทานน้อย ก่อนถอนหายใจออกมา “ไม่มีชีพจร ชีวิตน้อยๆ สูญสิ้นแล้ว”ฝูงชนที่อยู่รอบๆ ต่างก็รู้สึกสงสารขอทานน้อยเจียงหวานหว่านผลักฝูงชนออก ก่อนเดินเข้าไปตรวจสอบอาการบาดเจ็บของขอทานน้อยศัตรูของศัตรูคือมิตร เจียงหวานหว่านตัดสินใจจะช่วยเขา“หมอ ข้าสามารถยืมเข็มเงินได้หรือไม่?”หมอแสดงท่าทีลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วส่งเข็มเงินไปให้เมื่อตรวจสอบอาการบาดเจ็บของขอทานน้อย ก็พบว่าเขายังมีลมหายใจอยู่ เจียงหวานหว่านใช้เข็มเงินในการรักษา“หมอโจวเป็นทายาทของหมอโจวอวี้อี เขาบอกว่าช่วยไม่ได้ก็ไม่ได้ แม่นางเสียเวลาเปล่าแล้ว”“ดูแม่นางคนนี้สิดูไม่เหมือนผู้มีทักษะทางแพทย์เลย”“แล้วใครบอกว่าไม่ใช่ มิรู้ว่าเป็นแม่นางน้อยบ้านใด ช่างทำตัวไร้สาระ!”……ในใจของฝูงชนที่มาชมความตื่นเต้นล้วนเห็นอกเห็นใจขอทานน้อยแต่พวกเขาไม่เชื่อว่าแม่นางคนหนึ่งจะสามาร
โจวไท่ฟู่ยกมือขึ้นคารวะ “ข้าแซ่โจว แม่นางเจียง เมื่อครู่ข้าเห็นเจ้าดูอาการให้ฉี่เอ๋อร์ดูชำนาญไม่เบา!”“ข้ารู้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น” เจียงหวานหว่านพยักหน้าเล็กน้อยเมื่อเห็นเจียงหวานหว่านช่วยคนเมื่อครู่ โจวไท่ฟู่ก็นึกถึงภรรยาที่บ้านตนเขาเชิญหมอมากมายมารักษา แต่ไม่มีหมอคนไหนรักษาอาการเจ็บป่วยของภรรยาเขาได้เลย“ฮูหยินของข้านอนป่วยติดเตียงมาเป็นเวลานาน ไม่รู้ว่าแม่นางจะพอเดินทางไปดูอาการให้นางได้หรือไม่”เจียงหวานหว่านครุ่นคิดเล็กน้อย “ย่อมได้”โจวไท่ฟู่ยินดียิ่งนัก “ไม่ทราบว่าแม่นางมีเวลาว่างเมื่อไร? ข้าจะไปตามหาแม่นางได้ที่ใด”“วันพรุ่งนี้ ที่จวนเจียง ถนนหย่งอันทางเหนือ”โจวไท่ฟู่ครุ่นคิดแล้วเอ่ยถามว่า “เจ้าคือคนในจวนเจียงป๋อเหนียน?””ใช่แล้ว ท่านรู้จักบิดาข้านั้นหรือ”โจวไท่ฟู่มองไปยังเจียงหวานหว่านด้วยความตกตะลึงแม่นางคนที่อยู่ตรงหน้านี้ คือคุณหนูจวนเจียงที่เพิ่งเดินทางกลับมาเมื่อไม่นานนี้นางควรจะมีกิริยาท่าทางต่ำต้อยน่ารังเกียจมิใช่หรือ เหตุใดจึงดูสง่างามอ่อนช้อยราวกับคุณหนูในตระกูลสูงส่งเช่นนี้หน้าตางดงามเหลือหลาย ในเมืองหลวงนี้คาดว่าคงไม่มีแม่นางคนใดงามไปกว่านางแล้ว
เจียงหวานหว่านคอยดูอาการให้กู้ฉางเกออย่างใกล้ชิด หลังจากที่สือหลิ่วปรุงยาเรียบร้อยแล้วก็นำมาป้อนให้กู้ฉางเกอ“คุณหนูเจ้าคะ กู้ฉางชิงเดินทางมา เขาให้ข้านำสิ่งนี้ให้ท่าน”สือหลิ่วหยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อเจียงหวานหว่านเปิดอ่านพบว่าเป็นลายมือของกู้ฉางชิงคาดว่าเขาคงจะออกเดินทางแล้ว คงจะไม่ทำให้นางผิดหวัง ส่วนน้องชายก็ฝากนางให้ดูแลในจดหมายยังมีโฉนดที่ดินฉบับหนึ่ง ในนั้นเขียนเป็นชื่อเจียงหวานหว่านไว้เจียงหวานหว่านยิ้มขึ้นเล็กน้อย เมื่อมีเรือน ในอนาคตนางและมารดาก็จะมีที่อยู่อาศัยแล้วขณะที่สองนายบ่าวกำลังสนทนากันอยู่นั้น เจียงป๋อเหนียนก็เดินทางเข้ามา“คุณหนูเจ้าคะ นายท่านเดินทางมาเจ้าค่ะ”บ่าวรับใช้รีบเข้ามารายงานสีหน้าของเจียงหวานหว่านเคร่งขรึมลงเจียงป๋อเหนียนนั่งอยู่ในห้องรับรองหลักของเรือนเหมย สีหน้าดูไม่ดีนักบ่าวรับใช้รินน้ำร้อนระอุแก้วหนึ่งให้เขาตอนที่เจียงหวานหว่านเดินตรงเข้ามาก็พบว่าเจียงป๋อเหนียนสีหน้าไม่ยินดีนัก“คารวะท่านพ่อ”เจียงป๋อเหนียนส่งเสียงหึๆ ออกมาแล้วชี้ตำหนิว่า “พ่อเดินทางมาหาเจ้า เจ้ากลับให้คนเตรียมเพียงน้ำเปล่าแก้วเดียว?”“ท่านพ่อเจ
เจียงหวานหว่านรู้ว่าฮูหยินใหญ่เจียงพยายามเอาใจและพูดกระแนะกระแหนตัวเองด้วย“อืม ฝากขอบคุณท่านย่าแทนข้าด้วย”เมื่อแม่นมหลี่ได้ยินคำตอบของเจียงหวานหว่าน รอยยิ้มบนใบหน้าก็ลึกล้ำยิ่งขึ้นหลังจากที่แม่นมหลี่จากไปแล้ว ผู้ดูแลโจวฝูก็ยืนเฝ้าอยู่ที่หน้าประตูเรือนเหมย ชะโงกหน้ามองเข้าไปในเรือนเหมยเมื่อเห็นเจียงหวานหว่านออกมา ผู้ดูแลก็รู้สึกโล่งใจ รีบไปรายงานเจียงป๋อเหนียนทันทีแล้วเจียงหวานหว่านก็พาสือหลิ่วขึ้นรถม้ามุ่งหน้าไปยังจวนโจวโจวไท่ฟู่รออยู่ที่หน้าประตู เขาหวังให้เจียงหวานหว่านช่วยรักษาอาการป่วยให้ภรรยาเมื่อมองเห็นรถม้าของตัวเองจากระยะไกลๆ โจวไท่ฟู่ก็เดินไปมาด้วยอาการกระสับกระส่ายหลังจากเจียงหวานหว่านยกม่านขึ้นและก้าวออกจากรถม้า โจวไท่ฟู่ก็เข้ามารับนางทันที“แม่นางเจียง”เมื่อเจียงหวานหว่านมองตามเสียงไป ก็รู้สึกประหลาดใจมากที่เห็นโจวไท่ฟู่มารอรับหน้าถึงหน้าประตู“อาจารย์โจว”โจวไท่ฟู่ประกบมือคำนับเจียงหวานหว่านแล้วพูดว่า “แม่นางโปรดมากับข้าด้วย”โจวไท่ฟู่เดินนำเจียงหวานหว่านไปที่ห้องของโจวฮูหยินโจวฮูหยินนั้นมีรูปโฉมงามสง่างามดูภูมิฐาน ทว่าใบหน้ากลับซีดเซียวไร้เลือดเม
เจียงหวานหว่านรู้ว่าฮูหยินใหญ่เจียงพยายามเอาใจและพูดกระแนะกระแหนตัวเองด้วย“อืม ฝากขอบคุณท่านย่าแทนข้าด้วย”เมื่อแม่นมหลี่ได้ยินคำตอบของเจียงหวานหว่าน รอยยิ้มบนใบหน้าก็ลึกล้ำยิ่งขึ้นหลังจากที่แม่นมหลี่จากไปแล้ว ผู้ดูแลโจวฝูก็ยืนเฝ้าอยู่ที่หน้าประตูเรือนเหมย ชะโงกหน้ามองเข้าไปในเรือนหมยเมื่อเห็นเจียงหวานหว่านออกมา ผู้ดูแลก็รู้สึกโล่งใจ รีบไปรายงานเจียงป๋อเหนียนทันทีแล้วเจียงหวานหว่านก็พาสือหลิ่วขึ้นรถม้ามุ่งหน้าไปยังจวนโจวโจวไท่ฟู่รออยู่ที่หน้าประตู เขาหวังให้เจียงหวานหว่านช่วยรักษาอาการป่วยให้ภรรยาเมื่อมองเห็นรถม้าของตัวเองจากระยะไกลๆ โจวไท่ฟู่ก็เดินไปมาด้วยอาการกระสับกระส่ายหลังจากเจียงหวานหว่านยกม่านขึ้นและก้าวออกจากรถม้า โจวไท่ฟู่ก็เข้ามารับนางทันที“แม่นางเจียง”เมื่อเจียงหวานหว่านมองตามเสียงไป ก็รู้สึกประหลาดใจมากที่เห็นโจวไท่ฟู่มารอรับหน้าถึงหน้าประตู“อาจารย์โจว”โจวไท่ฟู่ประกบมือคำนับเจียงหวานหว่านแล้วพูดว่า “แม่นางโปรดมากับข้าด้วย”โจวไท่ฟู่เดินนำเจียงหวานหว่านไปที่ห้องของโจวฮูหยินโจวฮูหยินนั้นมีรูปโฉมงามสง่างามดูภูมิฐาน ทว่าใบหน้ากลับซีดเซียวไร้เลือดเมื
ขณะที่กล่าวโจวไท่ฟู่ก็เดินตามหลังเจียงหวานหว่านไปแล้วเจียงหวานหว่านรั้งปลายเท้ากลับ หันมาเผชิญหน้ากับโจวไท่ฟู่“แม่นางโปรดรักษาอาการป่วยให้ภรรยาข้าด้วย ส่วนเรื่องสืบทอดทายาทนั้น ข้าหาได้สนใจไม่ ขอเพียงภรรยาร่างกายแข็งแรงก็พอแล้ว”วาจาของโจวไท่ฟู่ทำให้เจียงหวานหว่านประหลาดใจ ความมุ่งมาดปรารถนานี้ น้อยนักจะหาได้ในใต้หล้าความสัมพันธ์ระหว่างเขาและโจวฮูหยินอยู่เหนือบรรทัดฐานทั่วไปนัก“ใต้เท้าโจวโปรดวางใจ ข้าย่อมทำสุดความสามารถ”เมื่อรู้ว่าอาการป่วยของภรรยามีโอกาสรักษาหาย โจวไท่ฟู่ก็โล่งใจอย่างมากหลังจากจุดกำยานแล้ว เจียงหวานหว่านก็เขียนเทียบยาชุดหนึ่งอย่างรอบคอบ แล้วมอบให้แก่โจวไท่ฟู่“กินยาตามเทียบยานี้ หลังจากผ่านไปเจ็ดวัน ฮูหยินจะสามารถลุกจากเตียงได้ งดของเผ็ดร้อน อาหารการกินต้องเป็นรสอ่อนนะเจ้าคะ”โจวไท่ฟู่ตะลึงงัน ตื่นเต้นจนมือสั่น “แม่นางเจียง เพียงเจ็ดวันก็ลุกเดินได้แล้วหรือ”“อื้ม ข้าไม่พูดปดหรอกเจ้าค่ะ” เจียงหวานหว่านขยิบตาให้ท่าทีซุกซนโจวไท่ฟู่ละลำละลั่กกล่าว “หากภรรยาข้าหายดี แม่นางเจียงก็คือผู้มีพระคุณของข้าแล้ว”“หลังจากเจ็ดวัน ใต้เท้าส่งคนมารับข้า เพื่อที่ข้าจะ
เมื่อรถม้ามาถึงจวนเจียง ดวงตะวันก็ลาลับขอบฟ้าไปแล้วเจียงหวานหว่านเพิ่งจะเข้าไปในจวน ก็โดนแม่นมหลี่ขวางเอาไว้“คุณหนูหก ฮูหยินใหญ่เตรียมอาหารเรียบร้อยแล้ว เชิญคุณหนูหกทางนี้เจ้าค่ะ”ท่านยายช่างขยันจริงๆเจียงหวานหว่านพยักหน้ารับ แล้วตามแม่นมหลี่ไปยังเรือนของฮูหยินใหญ่เจียงเป็นดังที่แม่นมหลี่กล่าวไว้ ฮูหยินใหญ่เจียงตระเตรียมอาหารไว้เต็มโต๊ะแล้วใครจะรู้ว่าโต๊ะอาหารในครั้งนี้ ยังมีคนผู้หนึ่งซึ่งมีเจตนาอื่นแอบแฝงร่วมโต๊ะอยู่ด้วย เจียงป๋อเหนียน“คารวะท่านยาย คารวะท่านพ่อ”เจียงหวานหว่านย่อกายลงคำนับฮูหยินใหญ่เจียงเอ่ยด้วยความเมตตารักใคร่ “หว่านเจี่ยเอ๋อร์หิวแล้วกระมัง รีบมากินอะไรก่อนเถอะ”“ขอบคุณท่านยายเจ้าค่ะ”เจียงหวานหว่านผุดยิ้ม แล้วหย่อนกายนั่ง หันหน้าเผชิญกับเจียงป๋อเหนียนฮูหยินใหญ่เจียงวางถ้วยน้ำแกงถ้วยหนึ่งลงเบื้องหน้าของเจียงหวานหว่าน“นกนางแอ่นหิมะชั้นดี บำรุงร่างกายได้ดีที่สุด ลองชิมดูสิ”เจียงหวานหว่านรู้ว่าเหตุใดฮูหยินใหญ่เจียงถึงดีกับนางเช่นนี้ นางกลืนเลือดนกนางแอ่นลงไปเงียบๆฮูหยินใหญ่เจียงยังคีบอาหารใส่ถ้วยนางไม่หยุด ด้วยเกรงว่านางจะกินไม่อิ่มด้านเจียงป
แม่นมหลี่เชิญเจียงป๋อเหนียนออกไป“หว่านเจี่ยเอ๋อร์ เจ้าใจร้อนเกินไป เจ้าเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของสกุลเจียง พ่อเจ้าก็เป็นห่วงเจ้า ถึงได้พูดเกินไปบ้าง”เจียงหวานหว่านควบคุมอารมณ์ของตัวเอง “ท่านย่า หลานเข้าใจเจ้าค่ะ”“อาการป่วยของโจวฮูหยิน เจ้ารักษาได้หรือไม่”ฮูหยินใหญ่เจียงถามอย่างไม่แน่ใจโจวฮูหยินป่วยมานานแล้ว ทุกคนในเมืองหลวงล้วนรู้ดี“แน่ใจว่าจะรักษาได้เจ็ดในสิบส่วนเจ้าค่ะ”เจียงหวานหว่านพูดช้าๆฮูหยินใหญ่เจียงตกตะลึง มั่นใจเจ็ดในสิบส่วน หากเกิดเรื่องผิดพลาด คงได้รับผิดชอบผลที่ตามมาแน่ๆ“หว่านเจี่ยเอ๋อร์ หาข้ออ้างปฏิเสธไปเถอะ หากรักษาไม่ได้จะเดือดร้อนเอา”ในด้านการแสวงหาโชคดีหลบเลี่ยงโชคร้ายนั้น เมื่อเทียบกับเจียงป๋อเหนียนแล้ว ฮูหยินใหญ่เจียงมีแต่ล้ำหน้ากว่าไม่มีคำว่าเสมอกัน“ท่านย่าไม่ต้องกังวล อาจารย์โจวรับปากว่า หากรักษาไม่หายจะไม่กล่าวโทษข้า”ฮูหยินใหญ่เจียงไม่คาดคิดว่าโจวไท่ฟู่จะเข้าใจและมีเหตุผลถึงเพียงนี้พอมาลองคิดดูก็รู้ว่าควรเป็นเช่นนั้น เพราะไม่ว่าจะเป็นหมอหลวงหรือหมอชาวบ้าน ก็ไม่มีใครสามารถรักษาโจวฮูหยินได้แม้แต่คนเดียวที่โจวไท่ฟู่ให้หว่านเจี่ยเอ๋อร์ ไปตร