จี้ฉวนจงหยิบเอาสำนวนคำร้องออกมาหลายแผ่น ก่อนจะกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า“จางเทียน เจ้ายึดครองพื้นที่ภูเขาและตั้งตนเป็นผู้นำ ขายตัวผู้หญิง ต่อมาก็ลักพาตัวฮูหยินเจียง ความผิดเหล่านี้สามารถฆ่าเจ้าได้หลายร้อยหลายพันครั้ง เจ้ายังกล้าบอกว่าตัวเองถูกใส่ร้ายอีกอย่างนั้นหรือ?”จางเทียนเห็นสำนวนคำร้องเหล่านั้นเข้าก็ตื่นตระหนกลุกลี้ลุกลนขึ้น ดวงตาเบิกกว้างมองไปมาด้วยความตกใจชุนฮว๋ามองจางเทียนด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะหัวเราะเสียงดังลั่นออกมา“เจ้าคนสารเลว กล้าทำแต่ไม่กล้ารับ”จางเทียนจ้องมองชุนฮว๋าด้วยสายตาโหดร้าย เขาแทบอยากหั่นเนื้อชุนฮว๋าออกมาเป็นหมื่นพันชิ้นโยนให้สุนัขกินสายตาของเจียงหวานหว่านมองไปที่หรงซีเขาดูท่าทางเย่อหยิ่ง นัยน์ตาเขาเต็มไปด้วยความรังเกียจนางไม่อาจละสายตาไปจากเขาได้เลย เขาดูดีมากจริงๆ เมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาของเจียงหวานหว่านที่มองไป หรงซีก็ยิ้มมุมปากเล็กน้อย ใบหน้าขี้เล่นเจียงหวานหว่านลดสายตาลงเพื่อปกปิดความเขินอายของตนเองส่วนเฉาหยูเฟิ่งเมื่อเห็นพี่ชายตัวเองมาเช่นนี้ นางก็รู้สึกสบายใจขึ้นมากท่านพ่อต้องเป็นคนส่งท่านพี่มาเป็นแน่ ครอบครัวของนางทำให้
เจ้าหน้าที่รับห่อยามาจากมู่เซียง นำไปให้ขุนนางผู้พิสูจน์หลักฐานหลังจากพิสูจน์หลักฐานแล้ว จึงตอบว่า “ท่าน นี่คือยากัดกร่อนหัวใจ หลังจากกินยาตัวนี้ไป จะทำให้หัวใจอ่อนแรงลง ร่างกายก็ยิ่งทรุดโทรมลงเรื่อยๆ ไม่ถึงครึ่งปี หัวใจวายตายได้แน่นอน”เจียงหวานหว่านกำหมัดแน่น หากไม่ใช่เพราะนางตรวจเจอเร็วกว่านี้ ท่านแม่นางคงถูกเฉาหยูเฟิ่งวางยาจนถึงแก่ชีวิตไปแล้วจี้ฉวนจงนึกไม่ถึงเลยว่าจะมีคนใช้วิธีการวางยาพิษเช่นนี้ทำร้ายคนอื่น“สกุลหวัง เจ้าช่างกล้าบังอาจยิ่งนัก นึกไม่ถึงเลยว่าจะวางยาพิษทำร้ายคนอื่นได้เช่นนี้”ในตอนที่มู่เซียงเอาห่อยาออกมา แม่นมหวังเกิดอาการเหม่อลอยเล็กน้อย“ท่าน หลายวันก่อนมู่เซียงทำงานผิดพลาด ข้าน้อยกล่าวตักเตือนสั่งสอนนางเพียงไม่กี่คำ นึกไม่ถึงว่านางแค้นฝังใจ กล้าใส่ร้ายป้ายสีข้าน้อยได้ถึงเพียงนี้ ได้โปรดท่านให้ความเป็นธรรมแก่ข้าน้อยด้วย”แม่นมหวังร้องสะอื้นไห้พลางกล่าว“หยุดเอะอะเสียงดังได้แล้ว”จี้ฉวนจงเคาะโต๊ะกับไม้เคาะอย่างแรงเจียงหวานหว่านเอากระดาษแผ่นหนึ่งและแผ่นเงินออกมายื่นให้จี้ฉวนจง“ท่าน นี่คือบันทึกจากบัญชีตลาดมืดที่ข้าคัดลอกมาได้ ราคายากัดกร่อนหัวใ
ภายนอกนางดูสงบนิ่งมาก แต่ในใจแอบภาวนาว่าให้จางวั่งไฉยอมรับผิดเรื่องทั้งหมดจางวั่งไฉถูกเจ้าหน้าที่คุมตัวซ้ายขวาเดินเข้ามาในห้องโถง กดไหล่เขา บังคับให้เขาคุกเข่าลง“เป็นเขา คนผู้นี้นี่แหละที่ลักพาตัวข้า”หลิ่วซู่ชี้ไปที่จางวั่งไฉ ในใจนางโกรธแค้นเป็นอย่างยิ่งเจียงหวานหว่านปลอบหลิ่วซู่ ดวงตาจ้องมองจางวั่งไฉราวกับธนู“ท่าน เหตุใดท่านถึงทำเรื่องเช่นนี้ได้ เช่นนี้จะให้ข้ากับลูกทำเช่นไร!”คำพูดของแม่นมหวังบอกเป็นนัยให้จางวั่งไฉรู้ว่าอย่าได้เปิดโปงนาง ทั้งสองมีลูก หากเกิดเรื่องขึ้นกับนางจะไม่มีใครดูแลลูก“จางวั่งไฉ สกุลเฉาของเรามีคนรับใช้จิตใจบ้าคลั่งเช่นนี้ได้อย่างไร ช่างทำให้สกุลเฉาอับอายขายหน้าจริงๆ รีบสังหารเจ้าคนจิตใจบ้าคลั่งผู้นี้เร็วเข้า เพื่อไม่ให้คนอื่นเอาเป็นเยี่ยงอย่าง”เฉาอวี้เจียงเห็นจางวั่งไฉก็ปริปากด่าขึ้นทันทีภายนอกแสดงออกว่ากำลังตำหนิจางวั่งไฉ แต่อันที่จริงแล้วเขากำลังเตือนจางวั่งไฉอยู่ว่าอย่าได้กล่าววาจาเหลวไหลออกมา คำพูดของเฉาอวี้เจียงได้ผล สายตาของจางวั่งไฉเผยความหวาดกลัวออกมา เขากลัวสกุลเฉาอำนาจของสกุลเฉานั้นยิ่งใหญ่นัก หากวันนี้เอาสกุลเฉาเข้ามาเก
น้ำเสียงของเจียงหวานหว่านเย็นยะเยือกดุจดั่งน้ำแข็ง“จางวั่งไฉ เงยหน้าขึ้นมามองดูดีๆ สิ เจ้ารู้จักสองแม่ลูกคู่นี้หรือไม่”เมื่อจางวั่งไฉได้ยินคำพูดนี้ของเจียงหวานหว่าน ก็รีบหันไปมองสองแม่ลูกที่กำลังเดินเข้ามาด้านหลังทันที“ท่านพ่อ”เด็กผู้ชายที่ถูกหญิงผู้นั้นจูงมือเรียกขานขึ้น พลางวิ่งเข้าไปหาจางวั่งไฉแต่ก็ถูกหญิงผู้นั้นคว้าตัวห้ามเอาไว้จางวั่งไฉมองไปที่สองแม่ลูกที่ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าอย่างกะทันหันเช่นนี้ด้วยสายตาที่ไม่อยากเชื่อหญิงผู้นี้รูปร่างหน้าตางดงามมาก นางเรียกจางวั่งไฉด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า “จางหลาง!”แม่นมหวังเห็นเช่นนี้แล้ว มีอันใดไม่เข้าใจอีกเล่า“จาง วั่ง ไฉ!”น้ำเสียงของแม่นมหวังแหลมคมขึ้นอีกทั้งยังเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวอีกด้วย“เงียบ!”จี้ฉวนจงเคาะไม้อย่างแรงพลางตะโกนเตือนขึ้นเจียงหวานหว่านเห็นสีหน้าที่เจ็บปวดของแม่นมหวังก็รู้สึกสะใจเป็นอย่างยิ่งก่อนหน้านี้จางวั่งไฉได้มีลูกนอกสมรสและแอบเลี้ยงดูอยู่ข้างนอกเพื่อไม่ให้แม่นมหวังรู้เรื่องนี้ เขาทุ่มเทไปไม่น้อยและพยายามอย่างมากเพื่อเลี้ยงดูอนุภรรยาและลูกอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ข้างๆ เมืองหลวง
“ท่านพ่อ”“จางหลาง”เจินเหนียงตะโกนเรียกจางวั่งไฉด้วยความตกใจจู่ๆ ร่งของจางวั่งไฉก็ฟุบลงไป ทุกคนเห็นเช่นนี้ก็ตกตะลึงขึ้น เจียงหวานหว่านรีบเข้าไปจับชีพจรของจางวั่งไฉเพื่อตรวจดู“เขาตายแล้ว”เจียงหวานหว่านกล่าวเสียงขรึมหรงซีเองก็ตกใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันนี้เช่นกันเฉาหยูเฟิ่งเห็นจางวั่งไฉตายเช่นนี้ในใจก็รู้สึกโล่งมาก จึงหันไปสบตากับเฉาอวี้เจียงผู้เป็นพี่ชายขุนนางผู้พิสูจน์ศพรีบเข้ามาตรวจสาเหตุการตายของจางวั่งไฉในห้องโถง“รายงานท่าน คนผู้นี้ตายเพราะหัวใจวายเฉียบพลัน”เทียนซูก้มกระซิบบางอย่างข้างหูหรงซีเจียงหวานหว่านโกรธเกรี้ยวจนตัวสั่น จางวั่งไฉตายอย่างกะทันหันเช่นนี้ ตายไปอย่างไร้หลักฐานสกุลเฉาวางอุบายได้ดียิ่งนักสายตาของจี้ฉวนจงจ้องมองไปที่เฉาอวี้เจียง เขาคิดสงสัยสกุลเฉา“พยานสำคัญตายแล้ว ผู้สมรู้ร่วมคิดคนอื่นต้องโทษประหาร ท่านอ๋อง เรื่องนี้ตัดสินเช่นนี้ ท่านอ๋องคิดเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ?”สีหน้าของหรงซีเคร่งขรึมขึ้น และมองจี้ฉวนจงด้วยความไม่พอใจ“ท่านจี้ อำนาจตัดสินคดีเป็นของท่าน”จี้ฉวนจงนำผู้ต้องโทษทุกคนจับขัง รอโทษประหาร เขารับปากกับหรง
สีหน้าของเจียงหวานหว่านเกิดความลังเล “ท่านย่า ช่างบังเอิญจริงๆ สองวันนี้หลานต้องไปกับท่านหญิงหลิงโหรว อาการป่วยของเจียงอวิ้น ท่านย่าให้คนอื่นมาตรวจเถอะเจ้าค่ะ”ฮูหยินใหญ่เจียงนึกขึ้นได้แล้ว นางลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไรกัน“เจียงหว่านเออร์ เจ้าช่วยไปดูสักหน่อยเถอะนะ ออกความเห็นสักนิดก็ยังดี”เจียงหวานหว่านเห็นฮูหยินใหญ่เจียงยืนกรานให้นางไปดูอาการป่วยเจียงอวิ้นให้ได้ นางจึงยิ้มพลางกล่าวว่า “ก็ได้เจ้าค่ะ หลานเชื่อฟังท่านย่า”เมื่อเห็นเจียงหวานหว่านเชื่อฟังแต่โดยดีเช่นนี้ ฮูหยินใหญ่เจียงก็พึงพอใจมากนางรีบสั่งแม่นมหลี่ให้เปิดคลังส่วนตัวของนางเอาเครื่องประดับศีรษะ ชุดหลายชิ้น และรังนกหิมะมอบให้กับหลิ่วซู่หลิ่วซู่รีบกล่าวขอบคุณ “ขอบพระคุณท่านแม่เจ้าค่ะ”หลิ่วซู่ยอมรับของรางวัลจากฮูหยินใหญ่เจียงสองแม่ลูกอยู่พูดคุยครู่หนึ่ง ก่อนจะขอตัวลาฮูหยินใหญ่เจียงสั่งให้แม่นมหลี่ไปส่งนางทั้งสองกลับแม่นมหลี่ออกมาจากลานบ้านกับนางทั้งสองคนเจียงหวานหว่านเหลือบมองแม่นมหลี่แวบหนึ่ง ก่อนจะกล่าวกับหลิ่วซู่ว่า “ท่านแม่ ลูกไปดูอาการเจียงอวิ้นสักหน่อย”“แม่ไปเป็นเพื่อนเจ้าเอง”เจียงหวานหว่
เมื่อเห็นประตูห้องเจียงอวิ้นปิดสนิท เจียงหวานหว่านก็กล่าวเย้ยหยันว่า “ข้าทำตามที่ท่านย่าขอแล้ว แต่บางคนชอบมาก่อกวนหาเรื่องข้า เช่นนั้นก็ให้หมอคนอื่นรักษาเถอะ หึ คิดว่าข้าอยากมานักหรือ!”กล่าวจบ เจียงหวานหว่านก็ย่ำเท้าจะเดินจากไป“คุณหนูหก ช้าก่อน”เฉาหยูเฟิ่งที่อยู่ในห้องได้ยินเจียงหวานหว่านบอกว่าจะมารักษาเจียงอวิ้น นางจึงผลักประตูออกมาเมื่อนึกถึงอาการป่วยของเจียงอวิ้น เฉาหยูเฟิ่งก็ยิ้มพลางกล่าวว่า “คุณหนูหก รีบตามข้ามาเถอะ อวิ้นเออร์กำลังรอพี่สาวสุดที่รักมารักษานางอยู่นะ”เจียงหวานหว่านกล่าวอย่างเย็นชาว่า “น้าเฉาปล่อยหมาออกมาเช่นนี้ หากข้ายังไม่กลับก็เลอะเลือนแล้วล่ะ”“คุณหนูหกล้วนเข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว เป็นเพราะคุณชายห้าเป็นกังวลเกี่ยวกับอาการป่วยของอวิ้นเออร์ับอาการป่วยของอวิ้นเออร์มากกว่า คุณหนูหกอย่าได้ถือสาเลย”เฉาหยูเฟิ่งยิ้มพลางกล่าวไม่ว่าเจียงหวานหว่านจะมีจุดประสงค์อันใด แต่เพื่อให้อาการป่วยของอวิ้นเออร์ดีขึ้น จะให้นางทำสิ่งใดนางก็ยอมทั้งนั้นเมื่อเห็นเจียงหวานหว่านนิ่งไปเช่นนี้ เฉาหยูเฟิ่งจึงทำได้เพียงแค่มองไปที่เจียงจิ่นหนิงด้วยสายตาขอร้อง“หนิงเกอเออร์ เจ้าเข
เจียงหวานหว่านยิ้มอย่างเย็นชา ดวงตาจ้องมองเฉาหยูเฟิ่ง“เงินล่ะ”นางไม่มีทางเสียแรงช่วยฟรีๆ แน่ เฉาหยูเฟิ่งทำร้ายร่างกายและชื่อเสียงของท่านแม่ นางต้องถลกหนังเฉาหยูเฟิ่งผู้นี้เพื่อเป็นการเอาคืนแน่นอนเฉาหยูเฟิ่งกัดฟันกรอดพลางกล่าว “คุณหนูหก สกุลเจียงเป็นสกุลเล็กๆ ไม่ได้ร่ำรวย เงินจำนวนหนึ่งแสนตำลึงสำหรับขุนนางแล้วไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เลย”“ชีวิตของเจียงอวิ้นเทียบกับเงินหนึ่งแสนตำลึงไม่ได้เชียวหรือ?”เฉาหยูเฟิ่งไม่ยอมควักเงิน เจียงหวานหว่านจึงหันหลังจะเดินจากไปเฉาหยูเฟิ่งร้อนใจขึ้นแล้ว รีบรั้งเจียงหวานหว่าน และหันไปสั่งให้สาวใช้เอาเงินมาจากเรือนนาง“รอก่อน ข้าจะให้คนไปเอาเงินมาให้”เจียงหวานหว่านเดินไปที่เก้าอี้และนั่งลงอีกครั้ง“ภายในเวลาหนึ่งถ้วยชา หากเลยเวลาเป็นอันยกเลิก”เฉาหยูเฟิ่งพยักหน้าพลางกล่าว “ตกลง”เจียงหวานหว่านรอไม่นานนัก เฉาหยูเฟิ่งก็นำเงินสามหมื่นตำลึงยื่นให้เจียงหวานหว่าน“เงินที่เหลือเอาไว้จะให้เจ้าทีหลัง”เจียงหวานหว่านรับเงินสามหมื่นตำลึงเก็บไว้อย่างดี หลายปีที่ผ่านมานี้ สกุลเฉาทำเงินได้ไม่น้อยเลยจากนั้นก็เดินไปที่เตียงเจียงอวิ้น เจียงหวานหว่า