แต่เขาเข้าใจมู่จิ่วซี มู่จิ่วซีไม่ได้ดูถูกหลอกเขา"เอาล่ะ เจ้าจัดการดูเอาเองแล้วกัน ตอนนี้เจ้าบอกมาก่อนว่าจะเข้าไปพบท่านอ๋องสี่ยังไง" มู่จิ่วซียักไหล่แล้วยิ้มกล่าว"จิ่วซี ข้าพบว่าเจ้าไม่เสียดายความแข่งแกร่งของข้า แต่เสียดายความแข็งแกร่งของโม่จุน" ฮั้วอวิ๋นเทียนถามเปลี่ยนเรื่องมู่จิ่วซีก็เข้าใจทันทีว่าเขาคิดอะไรและหัวเราะขึ้นมาเสียงก้องพร้อมกับกล่าว : "นิสัยอารมณ์ของเจ้าดีกว่าผู้ชายชาติหมาคนนั้นตั้งเยอะ อีกอย่างเจ้าพูดใช้เหตุผล ข้าชอบจะแลกเปลี่ยนความคิดกับคนมีเหตุผล""เป็นเกียรติอย่างมาก" ฮั้วอวิ๋นเทียนทันใดนั้นก็รู้สึกเป็นสุขในใจ เหมือนกับว่าในบางความหมาย อันที่จริงก็เพราะว่านางนั้นเชื่อใจเขา"คืนนี้ท่านอ๋องสี่ได้เลือกสาวงามอายุน้อยจากแคว้นอื่นซึ่งตระกูลพ่อค้าร่ำรวยได้เลือกมาให้ เพื่อมอบให้กับข้าราชการผู้สูงศักดิ์ระดับสูงในพระนคร ใครให้ราคาสูงคนนั้นก็ได้ไป" ฮั้วอวิ๋นเทียนเริ่มพูดเข้าประเด็นมู่จิ่วซีก็นิ่งไปพร้อมกับกล่าว : "ไม่คาดคิดว่าท่านอ๋องสี่จะทำเรื่องแบบนี้? แบบนี้ไม่ใช่ว่าเป็นการส่งคนเข้าไปยังจวนข้าราชการต่างๆ หรอกเหรอ?" ดวงตาของมู่จิ่วซีหดเล็กลง แบบนี้มันจะโจ่งแจ้งเกินไ
มู่จิ่วซีเห็นคนคุ้นหน้าคนนั้นเป็นใต้เท้าอัครมหาเสนาบดีไป๋ชินเตี่ยน เป็นลุงไป๋ของนางเองในใจก็คิดว่าลุงไป๋ทำใจได้เร็วขนาดนี้เลยงั้นเหรอ ?หรือจะบอกว่าลุงไป๋ชอบกิจกรรมพวกนี้ เพราะถึงอย่างไรจ้วงชิงเหมยก็มาจากหอนางโลมยังดีที่นางตอนนี้ได้สวมหมวกสีขาวปีกกว้างและผ้าคลุมหน้าสีขาว นางเองก็อยู่ในชุดของผู้ชาย ผนวกกับนางมีบุคลิกห่าม ๆ เสียงเองก็เปลี่ยน แน่นอนว่าไม่มีใครจำนางว่าเป็นมู่จิ่วซีได้แน่เพราะพอเห็นไป๋ชินเตี่ยนเข้า มู่จิ่วซีก็ยิ่งสนใจมากขึ้นจากนั้นนางก็เห็นใต้เท้ากู้ของกระทรวงครัวเรือน เมื่อก่อนถูกไส้ศึกแคว้นเป่ยจิ้นลอบสังหาร แต่ว่าไม่สำเร็จ เลยทำให้เปิดโปงเรื่องของจินเป้ยออกมาแล้วก็ยังมีจองหงวนราชสำนักอีกหลายคน ทุกคนต่วงล้วนรู้จักกันอีกทั้งยังทักทายกัน แต่ว่าก็ยังมีบางคนที่สวมหมวกปีกกว้างเหมือนกับพวกเขา"คุณชายถัง ท่านนี้คือ?" บ่าวรับใช้ตรงหน้าประตูพอเห็นฮั้วอวิ๋นเทียนก็เชิญอย่างสนิทสนมเหมือนเมื่อก่อนและหันไปมองมู่จิ่วซี"ท่านนี้คือน้องชายข้าเอง เจ้าเรียกเขาคุณชายจิ่วก็ได้" ฮั้วอวิ๋นเทียนกล่าว"ได้ขอรับ คุณชายถัง คุณชายจิ่วเชิญขอรับ" บ่าวรับใช้หยิบแท่งเงินตำลึงของฮั้วอวิ๋นเที
"ข้าเองล้วนสนใจในหญิงงาม แค่ไม่ทราบว่าจะจ่ายไหวหรือไม่" มู่จิ่วซีก็พูดออกมา"คุณชายจิ่วหากสนใจ ข้ามอบสาวงามให้คุณชายจิ่วคนหนึ่งก็ได้" ฮั้วอวิ๋นเทียนหยอกล้อมู่จิ่วซี"หากพูดจริง งั้นน้องชายอย่างข้าก็ขอไม่เกรงล่ะนะ ซื้อสาวงามมาไว้ข้างกายสักคนสิ แค่เป็นอาหารตาอาหารใจก็ดีมากแล้ว ฮิๆ"คำพูดของมู่จิ่วซีทำให้ฮั้วอวิ๋นเทียนพ่ายแพ้ในทันทีผู้หญิงคนนี้ไม่ได้คิดว่าตัวนางเองเป็นผู้หญิงแล้วทันใดนั้น ด้านในก็มีเสียงปรบมือดังขึ้น จากนั้นชายในชุดคลุมยาวหรูหราพร้อมกับสวมมงกุฎหยกบนหัวก็ได้เดินออกมาใบหน้าหล่อเหลานั้นได้เผยรอยยิ้มและแววตาสีดำอันอบอุ่นทั้งสองข้าง ภายใต้แสงไฟสลัวๆ มองไปแล้วก็ดูเป็นมิตรและใจดีขณะเดียวก็เหมือนกับเกิดมาพร้อมกับบรรยากาศสูงศักดิ์ ล้วนมีท่วงท่าอิริยาบถดั่งผู้ดี"ถวายบังคมท่านอ๋องสี่" ทุกคนพอเห็นท่านอ๋องสี่โม่อี้ซิวออกมา ต่างก็ทยอยกันลุกขึ้นมาถวายบังคม"ทุกคนไม่ต้องเกรงใจ วันนี้เราจะคุยกันแต่เรื่องครื้นเครง ไม่คุยเรื่องอื่นกัน ข้ารู้ว่าทุกท่านชอบสาวงาม เลยอุตส่าห์เรียกคนให้ไปรวบรวมสาวงามจากทุกแคว้นมาให้ทุกท่านได้เชยชม สาวงามอายุน้อยสุดคือ 15 ปี มากสุดคือ 19 ปี ทั้งหมดล
สายตาของทุกคนหันไปมองทางเดินข้างๆ ท่านอ๋องสี่ ก็เห็นหญิงสาวสวมผ้าคลุมหน้าพร้อมกับสวมชุดกระโปรงสีกระเรียนเหลืองค่อยๆ เดินออกมาจากตรงพรมแดงรูปร่างเพรียวบางและละเอียดอ่อน แต่ทว่าตรงส่วนที่ควรใหญ่ก็ใหญ่จริงๆ เอวของนางเล็กบางอย่างมาก ดูไปแล้วเหมือนสาวงามนุ่มนวล"หญิงงามหมายเลขหนึ่งมีนามว่าลู่ลู่ เป็นหญิงงามของแคว้นตงเฉิน คุณชายท่านใหนชอบก็เสนอราคามาได้เลย" ด้านหลังท่านอ๋องสี่มีสาวสวยคนหนึ่งคล้ายแม่เล้าเดินออกมา มู่จิ่วซีหดสายตาเล็กลง นี่คือพี่หญิงหงของหอหล่านจวี๋ไม่ใช่เหรอ?ทำไมถึงได้มาเป็นผู้จัดประมูลได้? ความสามารถในสายอาชีพจัดได้ว่าไม่เลวเลยมู่จิ่วซีเห็นป้ายตรงเอวของลู่ลู่ ด้านบนเขียนว่าทองคำ 1,000 ตำลึงให้ตายเถอะ ที่นี่ขายสาวงามคนหนึ่งแพงขนาดนั้นเลยหรอ เทียบกับนายโลมนางโลมในหอนางโลมกับหอหล่านจวี๋แพงกว่าอย่างมากแต่ว่าสินค้าก็แพงตามความหายาก นางเป็นถึงสาวงามของแคว้นตงเฉิน เดินทางมาตั้งไกล ไหนจะค่าม้า ค่ากิน ค่าอยู่ก็ต้องคิดรวมเข้าไปที่แท้ท่านอ๋องสี่ก็มีฝีมือในการทำธุรกิจ"รีบถอดผ้าคลุมหน้าออกสิ ทองตั้ง 1,000 ตำลึงเลยนะ อย่างน้อยก็ต้องเห็นหน้าสักหน่อยว่าคุ้มไม่คุ้ม" มีคนตะโกนข
ในใจของมู่จิ่วซีก็คิดว่าหากท่านอ๋องสี่เจตนาไม่ดีจริงๆ พวกผู้หญิงเหล่านี้พอเข้าไปยังเรือนในขององคมนตรีในราชสำนัก เขาก็เท่ากับได้เรือนในของทั้งแคว้นเกาอวิ๋นมาครอง เครือข่าวกรองที่แข็งแกร่งเช่นนี้น่ากลัวมากเสียจริงเพียงแต่ท่านอ๋องสี่จะทำแบบนั้นจริงๆ เหรอ? ผู้หญิงพวกนี้ล้วนฟังคำสั่งของท่านอ๋องสี่งั้นหรอ?นางต้องการหลักฐานความจริงแต่ต่อให้ไม่มี สัญชาตญาณของนางก็บอกว่าการซื้อขายนี้มีพิรุธอย่างมากท่านอ๋องสี่มีธุรกิจมากมายขนาดนี้ จำเป็นด้วยหรือที่ต้องมาดูแลคนพวกนี้ด้วยตัวเอง? เห็นได้ชัดว่ากำลังสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับข้าราชการชั้นสูงและเศรษฐีผู้สูงศักดิ์"จากนี้ไปจะเป็นคุณหนูเขอเข่อหมายเลขหก สาวงามจากแคว้นซีเย่ว์ มูลค่า 3,000 ตำลึงทอง" พี่หญิงหงยิ้มกล่าว "คุณชายจิ่ว คุณหนูเขอเข่อมีวรยุทธ สามารถหลอกล่อคุณชายจิ่วได้ด้วยนะ"ทุกคนทันใดนั้นก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมาและหันไปมองทางมู่จิ่วซี"จริงเหรอ? เร็วๆๆ รีบถอดผ้าคลุมหน้าให้เห็นหน่อย" มู่จิ่วซีพอเห็นคุณหนูเขอเข่อสวมชุดสีแดง รูปร่างผอมสูง ทรวดทรงดูร้อนแรงอย่างมาก อันที่จริงแค่เห็นก็เหมือนกับนางแบบประเภทนั้นแล้วพอผ้าคลุมหน้าค่อยเปิดออกจนใบหน้
มู่จิ่วซีในใจก็คิดว่าท่านอ๋องสี่ต้องการจะเอาเขอเข่อให้กับใต้เท้าอัครมหาเสนาบดีอย่างชัดเจน นี่เป็นไปได้ว่าอาจจะเตรียมการไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ แล้วอีกทั้งเขอเข่อคนนี้อันที่จริงก็ไม่เหมือนกับหญิงสาวปกติคนอื่น มู่จิ่วซีพูดไม่ออกว่าเพราะอะไร แต่ใบหน้าที่เหมือนกับของอาจื่อถึงหกส่วนทำให้สัญชาตญาณของนางตระหนักได้ว่าที่นี่มีพิรุธให้ตายเถอะ คงไม่ใช่ว่าอาจื่อกับท่านอ๋องสี่มีความเกี่ยวข้องกันหรอกนะ?ความคิดที่ผุดขึ้นมาอย่างกระทันหันทำให้มู่จิ่วซีเองรู้สึกหวั่นเกรง เป็นความรู้สึกที่พอคิดแล้วก็หวาดกลัวบรรยากาศรอบตัวของฮั้วอวิ๋นเทียนล้วนเป็นความหนาวเย็น เหมือนกับว่าอุณหภูมิจะลดลงไปในทันที ทันใดนั้นก็เขียนลงไปในกระดาษว่า 10,000 ตำลึงทอง ทำเอามู่จิ่วซีเกือบจะตกใจจนโดดตัวลอยขึ้นมา"คุณชายถัง เจ้าตั้งใจจริงใช่ไหม ให้ราคาแพงขนาดนั้นเลยเหรอ? นี่มันเอาไปซื้อได้หลายคนเลยนะ" มู่จิ่วซีเขย่าไหล่ของฮั้วอวิ๋นเทียน"คุณชายจิ่ว ถ้าหากท่านไม่ชอบ งั้นข้าก็ขอเอาไว้เอง ขอเพียงข้าชอบ นับประสาอะไรกับแค่ทองคำ" ฮั้วอวิ๋นเทียนพูดกล่าวอย่างยโสโอหัง แต่ความเย็นเยือกในน้ำเสียงกลับสามารถฟังออกได้อย่างชัดเจน"ได้ๆๆ เจ้าชอบก
แคว้นเกาอวิ๋นสมองของมู่จิ่วซีมึนงง รู้สึกเพียงแค่ร่างกายถูกคนกระชากไปมา โยนไปรอบๆ ในหูยังมีเสียงต่างๆ ลอดเข้ามาอีก“รีบเอากรงเข้ามา นังผู้หญิงไร้ยางอายคนนี้ กล้าแอบไปคบชู้สู่ชายภายนอก ต้องถูกขังกรงหมูแล้วถ่วงน้ำเสียให้ตาย”มู่จิ่วซีเบิกสองตาโพลงสิ่งที่สัมผัสกับสายตาคือแสงตะเกียงสลัวกับพื้นหญ้า รอบด้านมีคนยืนเต็มไปหมดบนตัวนางคือชุดกระโปรงยาวที่เปียกโชก มือเท้าถูกคนมัดไว้ นอนตัวงอราวกับกุ้งอยู่บนพื้นหญ้าห่างออกไปหนึ่งเมตรมีศพของผู้ชายคนหนึ่งอยู่ด้วยมุมปากของนางค่อยๆ ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็นชาประชดประชันนางเป็นถึงราชินีราตรีของกองทหารรับจ้างอันดับหนึ่งของโลก มีแต่นางที่คอยจับคนอื่นมัด เมื่อไรกันที่ต้องมาถูกคนพันธนาการไว้เช่นนี้?นั่นก็เพราะนางข้ามมิติมาแล้ว ดวงวิญญาณข้ามมาอยู่บนตัวของมู่จิ่วซีคุณหนูใหญ่ตระกูลมู่แห่งแคว้นเกาอวิ๋น“ท่านผู้สำเร็จราชการแทน โปรดปล่อยคุณหนูใหญ่ของตระกูลพวกเราเถิด คุณหนูใหญ่กับหมอหลวงเวินถูกใส่ร้าย” หญิงสาวคนหนึ่งกำลังโขกหัวลงพื้นร้องห่มร้องไห้อยู่ข้างนางมู่จิ่วซีเงยตาทันที ตั้งใจมองให้ชัดข้างหน้าห่างไปสามเมตรมีชายหนุ่มร่างสูงใหญ่คนหนึ่งยืนอยู่
ไป๋เฟิ่งหว่านหน้าแข็งไปในพริบตา ตระหนักถึงอะไรบางอย่างได้ทันที“พวกเจ้ามองข้าทำไมกัน ข้าไม่ใช่คนที่เห็นเสียหน่อย ชิงตงต่างหากที่เห็น”ชิวตงเป็นหนึ่งในคนใช้ของไป๋เฟิ่งหว่านชิวตงรีบคลานขึ้นหน้าออกมาพูดว่า “ตอนที่ข้าน้อยเห็น หมอหลวงเวินกับคุณหนูใหญ่มู่ก็อยู่ในทะเลสาบแล้ว”มู่จิ่วซีเลิกคิ้ว เหลือบมองโม่จุนแล้วพูดว่า “ท่านผู้สำเร็จราชการแทน ท่านได้ยินแล้วหรือไม่? ตอนที่นางเห็น ข้ากับหมอหลวงเวินก็อยู่ในทะเลสาบนั่นแล้ว นี่จะอธิบายว่าข้ากับเขาฆ่าตัวตายเพราะความรักได้อย่างไร?”“เช่นนั้นเจ้าลงไปอยู่ในน้ำได้อย่างไรกัน?” โม่จุนถามขึ้น“ข้าถูกคนผลักตกน้ำ ตอนที่กำลังมึนงงก็ได้ยินเสียงคนกระโดดน้ำลงมา ดังนั้นข้าเดาว่าหมอหลวงเวินคงจะลงน้ำมาช่วยข้า”“น่าขัน หมอหลวงเวินว่ายน้ำไม่เป็นด้วยซ้ำ แล้วจะลงน้ำไปช่วยเจ้าได้อย่างไร?” ไป๋เฟิ่งหวานยิ้มเย็นชาขึ้นมา“ดูท่าคุณหนูไป๋จะคุ้นเคยกับหมอหลวงเวินเสียเหลือเกิน” ประโยคนี้ของมู่จิ่วซีทำเอาทุกคนหน้าประหลาดกันหมด“เจ้าพูดจาเหลวไหล! มู่จิ่วซี มีคนยังเห็นเจ้ากับหมอหลวงเวินคุยกันกระหนุงกระหนิงที่สวนดอกไม้ด้านหลังก่อนหน้านี้ด้วย เจ้าจะอธิบายอย่างไร?” ไป๋เฟิ่ง