"ข้าเองล้วนสนใจในหญิงงาม แค่ไม่ทราบว่าจะจ่ายไหวหรือไม่" มู่จิ่วซีก็พูดออกมา"คุณชายจิ่วหากสนใจ ข้ามอบสาวงามให้คุณชายจิ่วคนหนึ่งก็ได้" ฮั้วอวิ๋นเทียนหยอกล้อมู่จิ่วซี"หากพูดจริง งั้นน้องชายอย่างข้าก็ขอไม่เกรงล่ะนะ ซื้อสาวงามมาไว้ข้างกายสักคนสิ แค่เป็นอาหารตาอาหารใจก็ดีมากแล้ว ฮิๆ"คำพูดของมู่จิ่วซีทำให้ฮั้วอวิ๋นเทียนพ่ายแพ้ในทันทีผู้หญิงคนนี้ไม่ได้คิดว่าตัวนางเองเป็นผู้หญิงแล้วทันใดนั้น ด้านในก็มีเสียงปรบมือดังขึ้น จากนั้นชายในชุดคลุมยาวหรูหราพร้อมกับสวมมงกุฎหยกบนหัวก็ได้เดินออกมาใบหน้าหล่อเหลานั้นได้เผยรอยยิ้มและแววตาสีดำอันอบอุ่นทั้งสองข้าง ภายใต้แสงไฟสลัวๆ มองไปแล้วก็ดูเป็นมิตรและใจดีขณะเดียวก็เหมือนกับเกิดมาพร้อมกับบรรยากาศสูงศักดิ์ ล้วนมีท่วงท่าอิริยาบถดั่งผู้ดี"ถวายบังคมท่านอ๋องสี่" ทุกคนพอเห็นท่านอ๋องสี่โม่อี้ซิวออกมา ต่างก็ทยอยกันลุกขึ้นมาถวายบังคม"ทุกคนไม่ต้องเกรงใจ วันนี้เราจะคุยกันแต่เรื่องครื้นเครง ไม่คุยเรื่องอื่นกัน ข้ารู้ว่าทุกท่านชอบสาวงาม เลยอุตส่าห์เรียกคนให้ไปรวบรวมสาวงามจากทุกแคว้นมาให้ทุกท่านได้เชยชม สาวงามอายุน้อยสุดคือ 15 ปี มากสุดคือ 19 ปี ทั้งหมดล
สายตาของทุกคนหันไปมองทางเดินข้างๆ ท่านอ๋องสี่ ก็เห็นหญิงสาวสวมผ้าคลุมหน้าพร้อมกับสวมชุดกระโปรงสีกระเรียนเหลืองค่อยๆ เดินออกมาจากตรงพรมแดงรูปร่างเพรียวบางและละเอียดอ่อน แต่ทว่าตรงส่วนที่ควรใหญ่ก็ใหญ่จริงๆ เอวของนางเล็กบางอย่างมาก ดูไปแล้วเหมือนสาวงามนุ่มนวล"หญิงงามหมายเลขหนึ่งมีนามว่าลู่ลู่ เป็นหญิงงามของแคว้นตงเฉิน คุณชายท่านใหนชอบก็เสนอราคามาได้เลย" ด้านหลังท่านอ๋องสี่มีสาวสวยคนหนึ่งคล้ายแม่เล้าเดินออกมา มู่จิ่วซีหดสายตาเล็กลง นี่คือพี่หญิงหงของหอหล่านจวี๋ไม่ใช่เหรอ?ทำไมถึงได้มาเป็นผู้จัดประมูลได้? ความสามารถในสายอาชีพจัดได้ว่าไม่เลวเลยมู่จิ่วซีเห็นป้ายตรงเอวของลู่ลู่ ด้านบนเขียนว่าทองคำ 1,000 ตำลึงให้ตายเถอะ ที่นี่ขายสาวงามคนหนึ่งแพงขนาดนั้นเลยหรอ เทียบกับนายโลมนางโลมในหอนางโลมกับหอหล่านจวี๋แพงกว่าอย่างมากแต่ว่าสินค้าก็แพงตามความหายาก นางเป็นถึงสาวงามของแคว้นตงเฉิน เดินทางมาตั้งไกล ไหนจะค่าม้า ค่ากิน ค่าอยู่ก็ต้องคิดรวมเข้าไปที่แท้ท่านอ๋องสี่ก็มีฝีมือในการทำธุรกิจ"รีบถอดผ้าคลุมหน้าออกสิ ทองตั้ง 1,000 ตำลึงเลยนะ อย่างน้อยก็ต้องเห็นหน้าสักหน่อยว่าคุ้มไม่คุ้ม" มีคนตะโกนข
ในใจของมู่จิ่วซีก็คิดว่าหากท่านอ๋องสี่เจตนาไม่ดีจริงๆ พวกผู้หญิงเหล่านี้พอเข้าไปยังเรือนในขององคมนตรีในราชสำนัก เขาก็เท่ากับได้เรือนในของทั้งแคว้นเกาอวิ๋นมาครอง เครือข่าวกรองที่แข็งแกร่งเช่นนี้น่ากลัวมากเสียจริงเพียงแต่ท่านอ๋องสี่จะทำแบบนั้นจริงๆ เหรอ? ผู้หญิงพวกนี้ล้วนฟังคำสั่งของท่านอ๋องสี่งั้นหรอ?นางต้องการหลักฐานความจริงแต่ต่อให้ไม่มี สัญชาตญาณของนางก็บอกว่าการซื้อขายนี้มีพิรุธอย่างมากท่านอ๋องสี่มีธุรกิจมากมายขนาดนี้ จำเป็นด้วยหรือที่ต้องมาดูแลคนพวกนี้ด้วยตัวเอง? เห็นได้ชัดว่ากำลังสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับข้าราชการชั้นสูงและเศรษฐีผู้สูงศักดิ์"จากนี้ไปจะเป็นคุณหนูเขอเข่อหมายเลขหก สาวงามจากแคว้นซีเย่ว์ มูลค่า 3,000 ตำลึงทอง" พี่หญิงหงยิ้มกล่าว "คุณชายจิ่ว คุณหนูเขอเข่อมีวรยุทธ สามารถหลอกล่อคุณชายจิ่วได้ด้วยนะ"ทุกคนทันใดนั้นก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมาและหันไปมองทางมู่จิ่วซี"จริงเหรอ? เร็วๆๆ รีบถอดผ้าคลุมหน้าให้เห็นหน่อย" มู่จิ่วซีพอเห็นคุณหนูเขอเข่อสวมชุดสีแดง รูปร่างผอมสูง ทรวดทรงดูร้อนแรงอย่างมาก อันที่จริงแค่เห็นก็เหมือนกับนางแบบประเภทนั้นแล้วพอผ้าคลุมหน้าค่อยเปิดออกจนใบหน้
มู่จิ่วซีในใจก็คิดว่าท่านอ๋องสี่ต้องการจะเอาเขอเข่อให้กับใต้เท้าอัครมหาเสนาบดีอย่างชัดเจน นี่เป็นไปได้ว่าอาจจะเตรียมการไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ แล้วอีกทั้งเขอเข่อคนนี้อันที่จริงก็ไม่เหมือนกับหญิงสาวปกติคนอื่น มู่จิ่วซีพูดไม่ออกว่าเพราะอะไร แต่ใบหน้าที่เหมือนกับของอาจื่อถึงหกส่วนทำให้สัญชาตญาณของนางตระหนักได้ว่าที่นี่มีพิรุธให้ตายเถอะ คงไม่ใช่ว่าอาจื่อกับท่านอ๋องสี่มีความเกี่ยวข้องกันหรอกนะ?ความคิดที่ผุดขึ้นมาอย่างกระทันหันทำให้มู่จิ่วซีเองรู้สึกหวั่นเกรง เป็นความรู้สึกที่พอคิดแล้วก็หวาดกลัวบรรยากาศรอบตัวของฮั้วอวิ๋นเทียนล้วนเป็นความหนาวเย็น เหมือนกับว่าอุณหภูมิจะลดลงไปในทันที ทันใดนั้นก็เขียนลงไปในกระดาษว่า 10,000 ตำลึงทอง ทำเอามู่จิ่วซีเกือบจะตกใจจนโดดตัวลอยขึ้นมา"คุณชายถัง เจ้าตั้งใจจริงใช่ไหม ให้ราคาแพงขนาดนั้นเลยเหรอ? นี่มันเอาไปซื้อได้หลายคนเลยนะ" มู่จิ่วซีเขย่าไหล่ของฮั้วอวิ๋นเทียน"คุณชายจิ่ว ถ้าหากท่านไม่ชอบ งั้นข้าก็ขอเอาไว้เอง ขอเพียงข้าชอบ นับประสาอะไรกับแค่ทองคำ" ฮั้วอวิ๋นเทียนพูดกล่าวอย่างยโสโอหัง แต่ความเย็นเยือกในน้ำเสียงกลับสามารถฟังออกได้อย่างชัดเจน"ได้ๆๆ เจ้าชอบก
แคว้นเกาอวิ๋นสมองของมู่จิ่วซีมึนงง รู้สึกเพียงแค่ร่างกายถูกคนกระชากไปมา โยนไปรอบๆ ในหูยังมีเสียงต่างๆ ลอดเข้ามาอีก“รีบเอากรงเข้ามา นังผู้หญิงไร้ยางอายคนนี้ กล้าแอบไปคบชู้สู่ชายภายนอก ต้องถูกขังกรงหมูแล้วถ่วงน้ำเสียให้ตาย”มู่จิ่วซีเบิกสองตาโพลงสิ่งที่สัมผัสกับสายตาคือแสงตะเกียงสลัวกับพื้นหญ้า รอบด้านมีคนยืนเต็มไปหมดบนตัวนางคือชุดกระโปรงยาวที่เปียกโชก มือเท้าถูกคนมัดไว้ นอนตัวงอราวกับกุ้งอยู่บนพื้นหญ้าห่างออกไปหนึ่งเมตรมีศพของผู้ชายคนหนึ่งอยู่ด้วยมุมปากของนางค่อยๆ ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็นชาประชดประชันนางเป็นถึงราชินีราตรีของกองทหารรับจ้างอันดับหนึ่งของโลก มีแต่นางที่คอยจับคนอื่นมัด เมื่อไรกันที่ต้องมาถูกคนพันธนาการไว้เช่นนี้?นั่นก็เพราะนางข้ามมิติมาแล้ว ดวงวิญญาณข้ามมาอยู่บนตัวของมู่จิ่วซีคุณหนูใหญ่ตระกูลมู่แห่งแคว้นเกาอวิ๋น“ท่านผู้สำเร็จราชการแทน โปรดปล่อยคุณหนูใหญ่ของตระกูลพวกเราเถิด คุณหนูใหญ่กับหมอหลวงเวินถูกใส่ร้าย” หญิงสาวคนหนึ่งกำลังโขกหัวลงพื้นร้องห่มร้องไห้อยู่ข้างนางมู่จิ่วซีเงยตาทันที ตั้งใจมองให้ชัดข้างหน้าห่างไปสามเมตรมีชายหนุ่มร่างสูงใหญ่คนหนึ่งยืนอยู่
ไป๋เฟิ่งหว่านหน้าแข็งไปในพริบตา ตระหนักถึงอะไรบางอย่างได้ทันที“พวกเจ้ามองข้าทำไมกัน ข้าไม่ใช่คนที่เห็นเสียหน่อย ชิงตงต่างหากที่เห็น”ชิวตงเป็นหนึ่งในคนใช้ของไป๋เฟิ่งหว่านชิวตงรีบคลานขึ้นหน้าออกมาพูดว่า “ตอนที่ข้าน้อยเห็น หมอหลวงเวินกับคุณหนูใหญ่มู่ก็อยู่ในทะเลสาบแล้ว”มู่จิ่วซีเลิกคิ้ว เหลือบมองโม่จุนแล้วพูดว่า “ท่านผู้สำเร็จราชการแทน ท่านได้ยินแล้วหรือไม่? ตอนที่นางเห็น ข้ากับหมอหลวงเวินก็อยู่ในทะเลสาบนั่นแล้ว นี่จะอธิบายว่าข้ากับเขาฆ่าตัวตายเพราะความรักได้อย่างไร?”“เช่นนั้นเจ้าลงไปอยู่ในน้ำได้อย่างไรกัน?” โม่จุนถามขึ้น“ข้าถูกคนผลักตกน้ำ ตอนที่กำลังมึนงงก็ได้ยินเสียงคนกระโดดน้ำลงมา ดังนั้นข้าเดาว่าหมอหลวงเวินคงจะลงน้ำมาช่วยข้า”“น่าขัน หมอหลวงเวินว่ายน้ำไม่เป็นด้วยซ้ำ แล้วจะลงน้ำไปช่วยเจ้าได้อย่างไร?” ไป๋เฟิ่งหวานยิ้มเย็นชาขึ้นมา“ดูท่าคุณหนูไป๋จะคุ้นเคยกับหมอหลวงเวินเสียเหลือเกิน” ประโยคนี้ของมู่จิ่วซีทำเอาทุกคนหน้าประหลาดกันหมด“เจ้าพูดจาเหลวไหล! มู่จิ่วซี มีคนยังเห็นเจ้ากับหมอหลวงเวินคุยกันกระหนุงกระหนิงที่สวนดอกไม้ด้านหลังก่อนหน้านี้ด้วย เจ้าจะอธิบายอย่างไร?” ไป๋เฟิ่ง
นางเอื้อมสัมผัสไปที่ท้ายทอยหลังศีรษะของหมอหลวงเวินก่อนจะพูดกับโม่จุน "เจ้าเข้ามาดู"โม่จุนเดินเข้าไป พอเขาเห็นใบหน้าของคนตาย ลมหายใจก็เย็นวาบขึ้นมา"หมอหลวงเวินไม่ได้จมน้ำตายและก็ไม่ได้กระโดดลงมาช่วยข้าด้วย ที่ท้ายทอยหลังศีรษะเขามีบาดแผล ใบหน้าก็ไม่ได้บวม เขาถูกคนฆ่าก่อนแล้วถึงถูกผลักลงทะเลสาบไป ถ้ายังไม่เชื่อข้าอีก จะไปเรียนขุนนางฝ่ายชันสูตรมาชันสูตรศพนี้ก็ได้"มู่จิ่วซีพูดเสร็จก็ยืนขึ้นและจ้องมองไปยังใบหน้าของโม่จุนซึ่งหล่อเหลาจนขนาดทวยเทพยังอิจฉาชังน้ำหน้าชายคนนี้ทำไมถึงได้หล่อมากขนาดนั้น ช่างเป็นอาหารตาจริงๆ“อะไรนะ เขาจะถูกทุบตีจนตายและผลักลงทะเลสาบไปได้อย่างไร?” ไป๋เฟิ่งหว่านส่งเสียงอุทานขึ้นมาทันทีมู่จิ่วซีก็รู้สึกน่าขบขัน ทันใดนั้นนางก็ขยับเข้าหาโม่จุนและพูดกระซิบเบาๆ: "ข้าถูกผลักลงไปในน้ำจริงๆ หากเจ้ายังไม่เชื่อข้า ข้ายอมถอดเสื้อผ้าออกให้เจ้าดูแผ่นหลังข้าก็ได้ ตอนนี้ที่หลังข้ายังเจ็บอยู่เลย"โม่จุนแข็งทื่อไปทั้งตัว ดวงตาสีดำเข้มอันลึกล้ำก็ราวกับมีพายุก่อตัวขึ้นในดวงตาของเขา“ไร้ยางอาย!” โม่จุนพอพ่นวาจาออกมาสามคำก็ถอยห่างจากมู่จิ่วซีไปไกลเล็กน้อย“ใครก็ได้ เรียกเย่อู
มู่จิ่วซีมองโม่จุนอย่างดูถูกและถอนหายใจปลงอารมณ์อย่างมาก : "เดิมทีข้าไม่กลัวหรอก แต่ใจคนมันน่ากลัวยิ่งกว่า ข้าแต่ก่อนช่างไร้เดียงสาเลยจริงๆ""ไม่มีความรู้ความสามารถ เอาแต่เที่ยวเล่นไร้ความก้าวหน้า!" โม่จุนพอกล่าวจบก็หันหลังเดินไปทันที "อานเย่ เจ้าอยู่นี่แหละ"อานเย่เผยสีหน้าอันขมขื่นออกมา แต่ก็ทำได้เพียงกล่าวรับคำไป"มู่จิ่วซี เจ้าอย่าคิดว่าท่านผู้สำเร็จราชการแทนช่วยเจ้าแล้วเจ้าจะไม่เป็นอะไร จะหยิ่งผยองก็ให้มันน้อย ๆ หน่อย!" ไป๋เฟิ่งหว่านพอเห็นโม่จุนเดินไปไกลแล้วก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงนาง"ใครบอกว่าข้าไม่เป็นไร?" มู่จิ่วซีเผยรอยยิ้มอันชั่วร้ายออกมาและเดินเข้าไปใกล้ไป๋เฟิ่งหว่านไป๋เฟิ่งหว่านถูกนางทำให้ตกใจจนสะดุ้งพร้อมกับรีบพูดขึ้นมา : "เจ้าจะทำอะไร? วันนี้ถือว่าพวกเจ้าดวงดีก็แล้วกัน พวกเรา กลับ!""คิดจะหนี?" มู่จิ่วซีจู่ๆ ก็หัวเราะเยาะเย้ย "ไป๋เฟิ่งหว่าน เจ้าเข้าใจอะไรข้าผิดไปหรือเปล่า พวกเจ้าอยากให้ข้าตายแล้วคิดจะหนีเนี่ยนะ?"ขณะพูด นางก็คว้าข้อมือของไป๋เฟิ่งหว่านเอาไว้ไป๋เฟิ่งหว่านกรีดร้องขึ้นมา ทันใดนั้นนางพยายามดิ้นรนและกรีดร้องเสียงดัง : "มู่จิ่วซี เจ้าจะทำอะไร ปล่อยข้า"