Share

บทที่ 4

มู่จิ่วซีมองโม่จุนอย่างดูถูกและถอนหายใจปลงอารมณ์อย่างมาก : "เดิมทีข้าไม่กลัวหรอก แต่ใจคนมันน่ากลัวยิ่งกว่า ข้าแต่ก่อนช่างไร้เดียงสาเลยจริงๆ"

"ไม่มีความรู้ความสามารถ เอาแต่เที่ยวเล่นไร้ความก้าวหน้า!" โม่จุนพอกล่าวจบก็หันหลังเดินไปทันที "อานเย่ เจ้าอยู่นี่แหละ"

อานเย่เผยสีหน้าอันขมขื่นออกมา แต่ก็ทำได้เพียงกล่าวรับคำไป

"มู่จิ่วซี เจ้าอย่าคิดว่าท่านผู้สำเร็จราชการแทนช่วยเจ้าแล้วเจ้าจะไม่เป็นอะไร จะหยิ่งผยองก็ให้มันน้อย ๆ หน่อย!" ไป๋เฟิ่งหว่านพอเห็นโม่จุนเดินไปไกลแล้วก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงนาง

"ใครบอกว่าข้าไม่เป็นไร?" มู่จิ่วซีเผยรอยยิ้มอันชั่วร้ายออกมาและเดินเข้าไปใกล้ไป๋เฟิ่งหว่าน

ไป๋เฟิ่งหว่านถูกนางทำให้ตกใจจนสะดุ้งพร้อมกับรีบพูดขึ้นมา : "เจ้าจะทำอะไร? วันนี้ถือว่าพวกเจ้าดวงดีก็แล้วกัน พวกเรา กลับ!"

"คิดจะหนี?" มู่จิ่วซีจู่ๆ ก็หัวเราะเยาะเย้ย "ไป๋เฟิ่งหว่าน เจ้าเข้าใจอะไรข้าผิดไปหรือเปล่า พวกเจ้าอยากให้ข้าตายแล้วคิดจะหนีเนี่ยนะ?"

ขณะพูด นางก็คว้าข้อมือของไป๋เฟิ่งหว่านเอาไว้

ไป๋เฟิ่งหว่านกรีดร้องขึ้นมา ทันใดนั้นนางพยายามดิ้นรนและกรีดร้องเสียงดัง : "มู่จิ่วซี เจ้าจะทำอะไร ปล่อยข้า"

สาวใช้สองคนก็รีบเข้ามาช่วย

มู่จิ่วซีก็ยกขาทีบสาวใช้สองคนนั้นจนกระเด็นออกไป จากนั้นนางเพียงออกแรงก็สามารถกระชากไป๋เฟิ่งหว่านเข้ามาหาได้ทั้งตัว

วินาทีถัดมา นางก็ทีบไป๋เฟิ่งหว่านที่ยังยืนได้ไม่มั่นคงดีตกทะเลสาบไป

เสียง "ซ่า" ดังขึ้น น้ำกระจายออกไปโดยรอบ ทุกคนล้วนตกใจจนหน้าซีดเผือด

"ช่วย ช่วยด้วย ช่วยด้วย!" ไป๋เฟิ่งหว่านตะเกียกตะกายอยู่ในน้ำ นางสำลักน้ำและร้องเรียกให้คนช่วยไม่หยุด

เหล่าองครักษ์มองไปที่มู่จิ่วซี พวกเขาแต่ละคนมีสีหน้าแปลกประหลาด แต่ถึงกระนั้นก็ยังโดดลงน้ำไปเพื่อช่วยนาง

ส่วนมู่จิ่วซีก็กวาดสายตามองไปยังมู่เจินจู

"มู่จิ่วซี เจ้าอย่าเข้ามานะ ถ้าเจ้าบังอาจรังแกข้า ข้าจะไปบอกท่านพ่อ" มู่เจินจูตกใจจนอยากจะรีบหนี

"คิดจะหนี?" มู่จิ่วซีรีบกระโจนไปข้างหน้าจนมู่เจินจูล้มไปกองกับพื้นทั้งตัว ส่วนคนอื่นก็ตกใจจนแยกย้ายหนีกันไปหมด

มู่เจินจูถูกกระโจนล้มใส่จนเจ็บไปทั้งตัวพร้อมกับโกรธโมโหร้องไห้ออกมา

แต่มู่จิ่วซีกลับลุกยืนขึ้นมาแล้ว นางคว้าขามู่เจินจูข้างหนึ่งลากไปทางทะเลสาบ

"โอ๊ย! มู่จิ่วซี เจ้าปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ อย่า อย่า ช่วยด้วย!" มู่เจินจูรู้ว่ามู่จิ่วซีต้องการจะทำอะไร นางจึงตะโกนร้องลั่นอย่างตื่นตระหนก

"ท่านพี่ ท่านพี่ใหญ่ ข้าผิดไปแล้ว เจ้าอย่าเอาข้าโยนลงทะเลสาบเลย ข้าว่ายน้ำไม่เป็น" มู่เจินจูตกใจจนแหกปากร้องไห้เสียงดัง

มู่จิ่วซีไม่มีทางเห็นใจ ถึงอย่างเจ้าของร่างเดิมก็ถูกทำให้จมน้ำตาย ให้พวกนางได้สำลักน้ำสักหน่อยก็เป็นเพียงแค่อาหารเรียกน้ำย่อยเท่านั้น

"ซ่า" เสียงน้ำกระจายขึ้นอีกครั้ง มู่เจินจูก็ถูกมู่จิ่วซีเหวี่ยงลงทะเลสาบไป เหล่าหญิงสาวโดยรอบถึงกับตะลึงในสายตาจนตกใจรีบวิ่งออกไปไกล

"มู่จิ่วซีบ้าไปแล้ว !"

"ให้ตายเถอะ นางกล้าทำได้อย่างไร?"

"นางมีอะไรที่ไม่กล้าบ้าง มู่จิ่วซีมีนิสัยอารมร์อย่างไร พวกเจ้าอย่าได้ลืม"

"นางต้องบ้าไปแล้ว รีบหนีรีบหนี อีกสักพักนางคว้าใครได้ก็ซวยคนนั้นไปแล้วกัน"

ขณะที่เหล่าหญิงสาวกำลังหนีอย่างกุลีกุจอ

เหล่าองครักษ์ก็ช่วยไป๋เฟิ่งหว่านและมู่เจินจูขึ้นมาแล้ว หญิงสาวทั้งสองทั้งร้องไห้และโวยวายเสียงดัง ส่วนมู่จิ่วซีก็เหมือนจะยังไม่จบแต่เพียงเท่านี้

มู่จิ่วซีกลับพูดขึ้นมา : "พวกเจ้าคิดว่าแค่นี้จะจบแล้วงั้นรึ? ใครเป็นคนทำร้ายข้า ใครเป็นคนฆ่าหมอหลวงเวินก็ยังสืบสวนไม่เจอ แต่ถ้าสืบสวนแล้วพบว่าเป็นพวกเจ้าทำล่ะก็ หึหึ..."

"มู่จิ่วซี เจ้าอย่ามาพูดจาซี้ซั้ว ต่อให้ข้าเกลียดเจ้าจนอยากให้ตาย ก็ไม่ถึงขนาดทีต้องฆ่าคนเพื่อใส่ร้ายเจ้า!" ไป๋เฟิ่งหว่านร้องไห้ไปพร้อมกับกล่าวอย่างโมโห จากนั้นนางก็หันไปมองมู่เจินจู

"ไม่ใช่ข้า ถึงแม้ที่ข้าจะเกลียดเจ้าที่ทำให้ชื่อเสียงของตระกูลมู่ต้องป่นปี้ เสื่อมเสียจนข้าแต่งงานไม่ได้ แต่ก็ไม่เคยจะเอาชีวิตเจ้า เจ้า เจ้าอย่างน้อยก็เป็นพี่สาวของข้า" มู่เจินจูพอพูดจบก็หลั่งน้ำตาออกมา

มู่จิ่วซีหัวเราะเยาะเย้ยอย่างดูถูก : "ด้วยสติปัญญาของพวกเจ้าทั้งสองคงไม่ใช่คนที่บงการจริงๆ พวกเจ้าก็คงเป็นแค่คนโง่ที่ถูกคนอื่นหลอกใช้เอาประโยชน์"

หญิงสาวทั้งสองคนถลึงตาจ้อบมองมู่จิ่วซีอย่างโกรธเคือง

"จ้องอะไร ข้ากับลู่เอ๋อร์มาจุดโคมไฟที่นี่ พวกเจ้ามาอยู่ที่นี่กันได้อย่างไร? อีกอย่างไม่นานนักก็มีคนโผล่มาตั้งมากมาย ใครใช้ให้พวกเจ้ามาที่นี่?"

หญิงสาวทั้งสาวตกตะลึง มู่เจินจูรีบพูดขึ้นมา : "ข้าถูกนางพามา" ขณะที่นางพูดก็หันมองไปทางไป๋เฟิ่งหว่าน

ไป๋เฟิ่งหว่านสีหน้าเปลี่ยนทันทีและรีบพูดขึ้นมา : "สนมเอกสามบอกว่าวันนี้จะมีการจุดโคมไฟที่นี่ ข้าก็เลยอยากเรียกทุกคนให้มาดู ใครจะรู้ว่าเจ้าจะมาอยู่ที่นี่"

"สนมเอกสาม?" ในหัวของมู่จิ่วซีก็ปรากฎภาพหญงสาววัยเยาว์ที่สง่างามและสูงศักดิ์

"อานเย่ ท่านผู้สำเร็จราชการแทนมาที่นี่ได้อย่างไร?" มู่จิ่วซีหันไปมองอานเย่

อานเย่รีบตอบกลับมา : "เป็นพระพันปีหลวงทรงมีรับสั่งให้ท่านผู้สำเร็จราชการแทนมาพบคุณหนูใหญ่ขอรับ อันที่จริงงานจุดโคมไฟในเรือนรับรองของราชวงศ์ครั้งนี้ก็เป็นพระพันปีหลวงที่ทรงจัดการ พระพันปีหลวงทรงหวังท่านผู้สำเร็จราชการแทนและคุณหนูใหญ่จะมีความสัมพันธ์ที่แน้นแฟ้นขึ้นขอรับ"

พอมู่จิ่วซีนึกถึงเรื่องงานแต่งพระราชทานในครั้งนี้ ซึ่งท่านผู้สำเร็จราชการแทนไม่เต็มใจอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นชื่อเสียงของมู่จิ่วซีก็แย่มากอยู่แล้ว

แต่พระพันปีหลวงทรงรักโปรดปรานมู่จิ่วซี อีกทั้งยังทรงให้เกียรติท่านผู้สำเร็จราชการแทน จึงเลยคิดจับพวกเขาแต่งงานกัน

"ลู่เอ๋อร์ ตอนที่ข้าตกไปในทะเลสาบ เจ้าอยู่ที่ไหน?" มู่จิ่วซีจู่ๆ ก็หันไปมองลู่เอ๋อร์สาวใช้ของตนเอง

ลู่เอ๋อร์ปาดน้ำตาของนางและกล่าว : "คุณหนู ไม่ใช่ว่าท่านให้บ่าวไปหยิบโคมดอกบัวมาหรอกหรือเจ้าคะ? พอบ่าวกลับมาก็เห็นคุณหนูลอยอยู่ในน้ำแล้ว..."

"ลู่เอ๋อร์ไม่ได้โกหก ตรงพงหญ้ายังมีโคมดอกบัวอยู่สองอันด้วยขอรับ" อานเย่ชี้ไปยังโคมดอกบัวกระดาษที่ถูกเหยียบจนพัง

มู่จิ่วซีพยักหน้าและเอ่ยกล่าว : "ดังนั้นลู่เอ๋อร์จึงไม่ใช่ผู้ต้องสงสัย เรื่องนี้ขุนนางผู้บัญชาการศาลต้าหลี่จะต้องสืบให้กระจ่าง พวกเจ้าถ้าไม่อยากถูกคนอื่่นใช้ให้เป็นแพะรับบาป พวกเจ้าก็พูดสิ่งที่รู้ออกมาให้หมด ไม่อย่างงั้นข้าคงเกรงว่าคนที่จะตายเป็นรายต่อไปก็คือพวกเจ้า"

พอมู่จิ่วซีพูดจบก็พาลู่เอ๋อร์เดินจากไป แววตาของอานเย่มืดหม่นพร้อมกับรีบเดินตามไป

ไป๋เฟิ่งหว่านและมู่เจินจูมองหน้ากันครู่หนึ่ง พวกนางต่างมองเห็นความกลัวในสายตาของกันและกัน

มู่จิ่วซีเมื่อกลับมาถึงยังประตูข้างห้องโถงใหญ่ของเรือนรับรอง นางก็หันไปกล่าวกับอานเย่ : "อานเย่ เจ้ากลับไปบอกท่านผู้สำเร็จราชการแทนที ว่าถ้าหากเขาช่วยข้าจับคนร้ายตัวจริงเรื่องนี้ได้ ข้าจะยอมถอนหมั้น ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่อาจทูลต่อพระพันปีหลวงได้"

อานเย่ก็กล่าวอย่างตกใจ : "คุณหนูใหญ่ไม่อยากเป็นสนมเอกของท่านผู้สำเร็จราชการแทนหรือขอรับ?"

"ข้าถวิลหาท่านอ๋องหกผู้หล่อเหลามากกว่า" มู่จิ่วซียักไหล่พร้อมกับกล่าว "ท่านผู้สำเร็จราชการแทนชอบพูดจากเหน็บแนมแปลกๆ บรรยากาศรอบตัวก็เย็นชา เขามีตรงไหนดีบ้าง?"

ใบหน้าของอานเย่หมองหม่นพร้อมกับสีหน้าที่ยากจะทนดูได้ เขารีบหันหลังกลับและเดินจากไป

กลางดึกอันเงียบสงบ มู่จิ่วซีนอนแผ่บนเตียงและจัดการความคิดของเจ้าของร่างเดิมอยู่ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงนกกาเหว่าดังมาจากนอกหน้าต่าง

มู่จิ่วซีลุกขึ้นมาบนเตียงและไปจุดไปที่ตะเกียงน้ำมันพร้อมกับเปิดหน้าต่าง

เมื่อหน้าต่างเปิดออก ชายคนหนึ่งก็กระโดดเข้ามา

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status