“ฉันมาที่นี่เพื่อเสนอเงินให้คุณ” ฉินอันอันกล่าวต่อ “ฉันต้องการให้คุณทำอะไรบางอย่างให้ฉัน ตราบใดที่คุณทำ ฉันจะตกรางวัลให้คุณ และคุณจะเป็นคนกำหนดจำนวนด้วย” ฟู่เย่เฉินไม่คาดคิดว่าเขาจะมีประโยชน์กับเธอ “เงินเป็นเรื่องเล็ก จริง ๆ แล้วผมไม่มีส่วนเกี่ยวอะไรกับนั่วนั่วเลย ตอนนั้นผมคิดว่าเธอเป็นคุณ ก็เลยคุยกับเธอ...” แม้ว่าเขาจะยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะช่วยเธอหรือไม่ แต่น้ำเสียงของเขาก็ชัดเจนแล้ว “ปีที่แล้วบริษัทของคุณทำเงินได้เท่าไหร่?” ฉินอันอันถามอย่างสบาย ๆ ฟู่เย่เฉินเกาหัวด้วยความเขินอาย “สองสามล้าน! ผมรู้ว่าผมไม่มีความสามารถ เงินที่ผมทำได้ในหนึ่งปีนั้นไม่เทียบเท่าที่อาของผมหาได้ในหนึ่งวันหรอก” “ฟู่เย่เฉิน ฉันจะให้คุณสิบล้าน” ฉินอันอันพูดแทรก “ถ้าคุณยอมรับราคานี้ได้ เราก็คุยกันต่อได้” “อันอัน ด้วยมิตรภาพของเรา ถึงคุณจะไม่ให้เงินผม ผมก็จะช่วยคุณอยู่ดี!” ฟู่เย่เฉินดันแว่นตาบนสันจมูกของเขาเพื่อซ่อนความดีใจไว้ภายในใจ สิบล้าน ไม่รับไว้ก็น่าเสียดาย “ฉันไม่เคยลืมตอนที่คุณช่วยเสิ่นอวี๋ใส่ร้ายฉัน” ฉินอันอันเตือนเขาว่า “คราวนี้ถ้าคุณกล้าทรยศฉันละก็...” “อันอัน ผมก็ลำบากใจมากนะ! ตอนน
“คำถามนี้ให้ลุงซือเหนียนตอบแล้วกัน” รุ่ยลาพูดอย่างแสบซน “คำตอบของหนูไม่นับค่ะ” พนักงานของรายการระเบิดเสียงหัวเราะ บนใบหน้าใสของจิ้นซือเหนียนปรากฏริ้วแดงระเรื่อ “แม่ของรุ่ยลาสวยมากจริง ๆ ครับ...ผมเคยบอกว่าเธอเป็นเทพธิดาของผม” ความคิดเห็นปะทุขึ้นอีกครั้ง - เทพธิดา? ฉินอันอันเหรอ?! แม่ของรุ่ยลาคือฉินอันอันเหรอ?! - โธ่เอ๊ย! ฉินอันอันถึงเป็นใครกัน? เธอไม่สมควรเป็นแม่ของรุ่ยลาเลย! - พอฉันเห็นคำว่าฉินอันอันสามคำนี้ ฉันนึกถึงวิดีโอนั้นเลย [อาเจียน] [อาเจียน] [อาเจียน] - มีแค่ฉันนคนเดียวเหรอที่อยากรู้ว่า ทำไมตอนนี้ซือเหนียนยังมองเธอเป็นเทพธิดาอยู่อีก? พิธีกรไม่คิดว่าจู่ ๆ จิ้นซือเหนียนจะพูดถึงฉินอันอัน จึงตกใจและตระหนกทันที “ซือเหนียน คุณเจอเทพธิดาของคุณอีกแล้วเหรอ?” จิ้นซือเหนียนส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วพูดน้ำเสียงหนักแน่น “ผมมีเทพธิดาแค่คนเดียวเท่านั้น และเธอก็เป็นแม่ของรุ่ยลาครับ” เขาแทบจะพูดตรง ๆ ว่าแม่ของรุ่ยลาคือฉินอันอัน! หลังจากชื่อของฉินอันอันถูกหยิบยกขึ้นมา จิ้นซือเหนียนไม่ต้องการแอบซ่อน แต่เขากลับเริ่มพูดคุยเรื่องนี้กับทุกคน “แฟน ๆ หลายคนกังวลเกี่ยวกับความรู้สึกข
“เจ้านายครับ หลังจากที่ผมดูวิดีโออีกรอบแล้วผมก็ขยายภาพแล้วพิมพ์รูปสะดือของผู้หญิงคนนั้นออกมา!” โจวจื่ออี้หยิบกระดาษพิมพ์สีแผ่นหนึ่งมอบให้ฟู่สือถิง “คุณต้องรู้ว่าสะดือของฉินอันอันเป็นอย่างไรใช่ไหมครับ? คุณลองเปรียบเทียบดูสิครับ” ตอนที่พวกเขาดูวดีโอก่อนหน้านี้ ก็เอาแต่สนใจหน้าตาและน้ำเสียง รวมถึงท้องที่บวมเป่งของหญิงสาวในวิดีโอเท่านั้น ไม่มีใครสนใจรูปทรงของสะดือเธอเลย พวกเขาละเลยจุดนี้ไป สะดือของแต่ละคนมีรูปทรงที่ต่างกัน ฟู่สือถิงดูกระดาษพิมพ์สีที่โจวจื่ออี้มอบให้ แล้ววางลง “เจ้านาย เป็นอย่างไรบ้างครับ?” โจวจื่ออี้คิดว่าในใจของเขาคงได้คำตอบแล้ว ทว่าคิ้วสวยของเขาขมวดแล้วถามว่า “ทำไมนายถึงคิดว่าฉันจะจำได้ว่าสะดือของเธอหน้าตาเป็นยังไงล่ะ?” ถึงแม้ว่าเขาจะเคยนอนกับฉินอันอัน แต่ใครจะไปให้ความสนใจสะดือของอีกฝ่ายเป็นพิเศษกันล่ะ? “เธอมีแผลเป็นจากการผ่าคลอดที่หน้าท้อง” หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งฟู่สือถิงก็พูดว่า “ฉันสนใจแผลนี้อยู่ตลอด ก็เลยไม่ได้ใส่ใจสะดือของเธอเลย” โจวจื่ออี้พยักหน้าเข้าใจ “น่าเสียดายที่สะดือของผู้หญิงในวิดีโอมีเงินสดบังไว้…แต่ว่า เจ้านายครับ คุณไปหาฉินอันอันแล้ว ดูด
“ผมขอโทษ” จิ้นซือเหนียนขอโทษอีกครั้ง “อันอัน ผมแค่อยากทำในสิ่งที่ผมสามารถทำได้ ด้วยชื่อเสียงของรุ่ยลาในตอนนี้ ผู้คนจะต้องขุดคุ้ยข้อมูลครอบครัวของเธอแน่นอน แทนที่จะปล่อยให้เธอรู้เรื่องนี้จากคนอื่นทีหลัง สู้ชี้แจงในตอนนี้เลยดีกว่า” ฉินอันอันรู้สึกเหมือนมีก้อนเนื้อติดอยู่ที่คอ เธอพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว “ไลฟ์สดใกล้จะจบแล้ว เดี๋ยวผมจะไปส่งเธอกลับบ้าน พวกเราเจอกันแล้วค่อยคุยนะครับ” จิ้นซือเหนียนพูดจบแล้วก็วางสายไปฉินอันอันถือโทรศัพท์ นั่งลงบนโซฟา สิ่งที่รุ่ยลาพูดในห้องถ่ายทอดสดดังก้องอยู่ในใจเธอ หลังจากที่ท้องของเธอบวมขึ้น รุ่ยลาก็ชอบนอนคว่ำฟังเสียงเคลื่อนไหวที่อยู่ด้านใน และยังชอบพูดคุยกับน้องชายในท้องของเธอด้วย ดังนั้นรุ่ยลาจึงคุ้นเคยกับรูปร่างสะดือของเธอเป็นอย่างมาก ตรงกันข้าม เธอไม่ได้สังเกตตัวเองเลย เธอเองย่อมไม่ได้สนใจสะดือของผู้หญิงในวิดีโออยู่แล้ว เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้ว รีบเดินกลับไปที่ห้องชั้นบน สองชั่วโมงต่อมา จิ้นซือเหนียนส่งรุ่ยลากลับถึงบ้าน ไมค์และหลีเสี่ยวเถียนก็อยู่ที่นั่นทั้งคู่ “ลุงไมค์ ทำไมคุณลุงไม่ไปทำงานล่ะคะ?” รุ่ยลาเอ่ยถามพร้อมกับยิ้มหวานให้
นี่คือสิ่งที่เธอตัดสินใจทำ หลังจากพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว หลีเสี่ยวเถียนยอมรับการตัดสินใจของเธออย่างรวดเร็ว “อันอัน ฉันสนับสนุนเธอ ถ้าเป็นฉัน ฉันก็คงอายที่จะเปิดเสื้อตัวเองให้คนแปลกหน้าดูแน่ เห็น ๆ กันอยู่ว่าเรื่องนี้เธอไม่ผิด แล้วทำไมเธอต้องพิสูจน์ด้วย?” หลีเสี่ยวเถียนกล่าว “แต่ว่าเธอสามารถแจ้งตำรวจได้ ให้ตำรวจช่วยชี้แจง” ฉินอันอันยอมรับคำแนะนำของเธอ ช่วงเย็น ตำรวจได้โพสต์รายงานคดีในเว่ยปั๋ว ระบุว่าหลังการสอบสวนของตำรวจ ผู้หญิงในวิดีโอที่กำลังเป็นประเด็นของฉินอันอันเมื่อไม่นานมานี้ ไม่ใช่ฉินอันอัน ขณะนี้คดีอยู่ในระหว่างสอบสวนเพิ่มเติม หลังจากที่ทางตำรวจโพสต์เว่ยปั๋ว จิ้นซือเหนียนรีบแชร์ต่อทันที : อินเทอร์เน็ตไม่ใช่สถานที่อันอยู่เหนือกฎหมาย ความจริงต้องได้รับการเผยแพร่! แฟน ๆ ของเขารีบแชร์โพสต์บนเว่ยปั๋วอย่างรวดเร็ว ทำให้ความจริงถูกเผยแพร่ออกไปกองภูเขาแห่งความคิดเห็นของประชาชนที่กดทับฉินอันอันไว้ พังทลายลงในพริบตาถังเชี่ยนเลื่อนดูเว่ยปั๋ว เมื่อเห็นคนบนอินเทอร์เน็ตจำนวนไม่น้อยที่เคยโพสต์ด่าฉินอันอันรีบโพสต์ขอโทษเธอ ในใจก็ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่! น่ารังเกียจ! แผนการที่เธอ
การมาเยือนของเซิ่งเป่ย ทำให้บรรยากาศที่อบอุ่นและมีความสุขภายในบ้านชะงักไปชั่วคราวก่อนหน้านี้หลีเสี่ยวเถียนโกรธเขาอยู่ พอตอนนี้เห็นเขาจึงโกรธยิ่งกว่าเดิม“พี่มาทำไม? มาฉลองกับพวกเราเหรอ?” หลีเสี่ยวเถียนพูดด้วยน้ำเสียงเหน็บแนม เมื่อเฮ่อจุ่นจือเห็นดังนั้น เขาก็ดึงเธอออกไปทันที “เสี่ยวเถียน พี่เป่ยต้องมาหาอันอันแน่ คุณอย่าอยู่ขวางเขาที่นี่เลย” เฮ่อจุ่นจือรีบพาเสี่ยวเถียนออกไปอย่างรวดเร็วเซิ่งเป่ยกระแอมอย่างกระอักกระอ่วนใจ จากนั้นเดินตรงไปหาฉินอันอัน “ฉินอันอัน ผมขอโทษ” เซิ่งเป่ยพูดด้วยสีหน้าอึดอัด ทว่าน้ำเสียงจริงใจมาก “ผมมีความรู้น้อยไป ในชีวิตจริงผมไม่เคยเจอคนที่เลียนเสียงคนอื่นได้เหมือนจริงขนาดนั้นมาก่อน ดังนั้นผมเลยมั่นใจว่าผู้หญิงคนนั้นคือคุณ ตัวผมอคติไปเองไม่พอ ยังบังคับให้สือถิงเลิกกับคุณอีก… คุณโทษผมคนเดียวเถอะ อย่าโทษเขาเลย” “เขาให้คุณมาเหรอ?” ฉินอันอันเลิกคิ้วเล็กน้อย “เขาไม่รู้ว่าผมมาหรอก” เซิ่งเป่ยหน้าแดงก่ำ “นี่มันค่อนข้างอึดอัดใจ ผมยังไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้าหน้าเขายังไง เลยมาขอโทษคุณก่อน” “ฉันไม่ต้องการคำขอโทษจากคุณ” ฉินอันอันมองเขา “เหมือนกับก่อนหน้านี้ที่คุณใจ
“นั่นเป็นรถฟู่สือถิงไม่ใช่เหรอ?” หลีเสี่ยวเถียนมองไปที่รถหรูตรงประตูแล้วบ่น “ไมค์ ข้อมูลคุณผิดพลาดแล้ว!”ไมค์อุทาน “ผู้ชายคนนี้เข้าใจยากจริง ๆ! คาดเดาอะไรไม่ได้เลย!” “อันอัน เธออย่าไปเจอเขานะ ปล่อยเขาไว้นั่นแหละ ให้เขาอึดอัดใจจนนอนไม่หลับ ให้เขาได้ลิ้มรสความเจ็บปวดเสียบ้าง!” หลีเสี่ยวเถียนพูดอย่างตื่นเต้น ไมค์เห็นด้วยกับเธออย่างที่สุด ดังนั้นจึงเดินไปที่ประตูทันทีและเตรียมปิดมันลง ฉินอันอันดึงแขนของเขาเอาไว้แล้วพูดว่า “ให้เขาเข้ามาเถอะ” อีกไม่นาน ลูกก็จะคลอดแล้ว เธอกับฟู่สือถิงยังมีเรื่องที่ต้องหารือกันให้เรียบร้อยต้องฉวยโอกาสครั้งนี้ พูดคุยทุกเรื่องกันให้จบ “ฉินอันอัน เธอลืมเรื่องที่เธอต้องรู้สึกคับข้องใจแล้วงั้นเหรอ?” ไมค์โกรธสุด ๆ “ถ้าเธอให้อภัยเขาง่าย ขนาดนี้ เขาไม่มีวันได้รับบทเรียน แล้วต่อไปจะยิ่งแย่ลงไปอีก!” “ไมค์ ฉันรู้ว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่” เธอมองไมค์ด้วยดวงตามั่นใจ “นายไม่ต้องกังวล ฉันไม่มีทางเสียเปรียบหรอก” เฮ่อจุ่นจือรีบเข้ามาไกล่เกลี่ยสถานการณ์ “ในเมื่ออันอันพูดแบบนี้แล้ว พวกเราก็ไม่ต้องกังวลไปหรอก! คนนอกไม่ควรเข้าไปยุ่งเรื่องความรู้สึกนะ” หลีเสี่ยวเถี
เขารู้อยู่แล้วว่าความสงบขนาดนี้จะต้องมีก่อนเกิดพายุลูกใหญ่กว่า! เธอมีลูกสองคนแล้ว ตอนนี้ยังต้องการสิทธิ์ในการเลี้ยงดูลูกคนที่สามอีก! เธอไม่ยอมมอบลูกให้เขาเลยสักคน! เธอใจร้ายจริง ๆ! “คุณจะไม่ยอมเหรอ?” เธอไม่อยากให้เวลาเขาคิดนานเกินไป “ฟู่สือถิง ถ้าคุณไม่ยอม งั้นคุณกลับไปเดี๋ยวนี้เลย จนกว่าจะถึงเวลาคลอด อย่าโผล่หน้ามาให้ฉันเห็นอีก” น้ำเสียงที่เด็ดขาดของเธอ ทิ่มแทงใจเขาอย่างรุนแรง ตอนที่เขาถามเธอว่าเธอต้องการอะไร ที่จริงแล้วยังมีอีกประโยคหนึ่ง ที่เขาเกือบจะโพล่งออกมา ประโยคนั้นคือ “ขอแค่ผมมี ผมให้คุณได้ทุกอย่าง” “คุณคิดว่าถ้าลูกอยู่กับผมจะต้องทุกข์ทรมานใช่ไหม?” เขาถามเธอด้วยดวงตาสีแดง “ฉันแค่อยากให้ลูกอยู่กับฉันค่ะ” อารมณ์ของเธอค่อนข้างสงบขึ้นกว่าเดิมมาก “ชีวิตคนเรายังไงก็ต้องเจอความทุกข์แน่นอน ความทุกข์ไม่น่ากลัว สิ่งที่น่ากลัวคือการปราศจากความรัก” “คุณมีสิทธิ์อะไรมาพูดว่าผมจะไม่มีทางให้ความรักกับลูกได้?” เขาโต้กลับ “ฉันไม่อยากเถียงกับคุณเรื่องนี้” เธอเค้นถามอีกครั้ง “คุณตอบฉันมาสิ ถ้าคุณตอบไม่ได้ ฉันจะถือว่าคุณไม่ยอม” “แน่นอนว่าผมไม่ยอม” ลมหายใจร้อนรดบนแก้มเธอ “