หลีเสี่ยวเถียนหายตัวไป! เธอหายตัวไป หลังจากออกจากบ้านเวลาสิบเอ็ดนาฬิกา เฮ่อจุ่นจือดูกล้องวงจรปิดที่สำนักงานจราจรหลังจากที่เธอออกจากบ้าน ภาพจากกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นว่าเธอขับรถไปที่ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ใจกลางเมือง หลังจากที่เธอจอดรถในลานจอดรถชั้นล่าง เธอก็ไม่ได้ขับรถออกมาอีกเลย ดังนั้นเธอจะต้องเกิดเหตุในห้างสรรพสินค้า ในห้างสรรพสินค้ามีกล้องวงจรปิดนับไม่ถ้วน แต่ก็มีมุมอับมากมายเช่นกัน เฮ่อจุ่นจือรีบออกจากกองบังคับการตำรวจจราจรแล้วไปที่ดูกล้องวงจรปิดของห้างสรรพสินค้า สายของฉินอันอันดังขึ้น หลังจากสูดหายใจ เขาก็รับสาย “รถของเสี่ยวเถียนจอดอยู่ด้านนอกห้างสรรพสินค้า เธอหายตัวไปในห้างสรรพสินค้า” “อยู่ดี ๆ จะหายไปได้ยังไง?!” ฉินอันอันอ้าปากค้าง เธออยากพูดว่าเสี่ยวเถียนอาจจะถูกลักพาตัวไป แต่เธอไม่กล้าพูด เฮ่อจุ่นจือพูดน้ำเสียงอู้อี้ “เธอคงถูกลักพาตัวไปแล้ว! ก่อนหน้านี้ตอนที่คุณจ้างบอดี้การ์ด ผมคุยกับเธอแล้ว ผมบอกว่าจะจ้างบอดี้การ์ดมาคุ้มกันเธอด้วย เธอไม่ได้ทำงาน บางวันก็ไม่ออกจากบ้านเลย จึงไม่ต้องการบอดี้การ์ด ผมไม่น่าตามใจเธอเลย!” หลีเสี่ยวเถียนเป็นทายาทของห้างสรรพสินค้า
ถังเชี่ยนเป็นคนเลวทราม ใครที่ตกไปอยู่ในมือเธอไม่มีทางมีจุดจบที่ดีอย่างแน่นอน “...ฉันจะให้จื่ออี้ไปหาเซิ่งเป่ยi! ให้เซิ่งเป่ยไปตามหาถังเชี่ยน!” ไมค์ไม่มีทางปล่อยให้ฉินอันอันไปหาถังเชี่ยนได้ “ถังเชียนฝันอยากให้เธอเจอเรื่องไม่ดี ถ้าเธอไปหาหล่อนตอนนี้ ก็เท่ากับว่าสร้างปัญหาให้ตัวเองไม่ใช่เหรอ?” เสียงของไมค์ดังก้องไปทั่วทั้งคฤหาสน์ เสี่ยวหานและรุ่ยลารีบเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “แม่ อย่าออกไปนะ” เสี่ยวหานพูดด้วยน้ำเสียงเข้มขรึม “แม่ต้องเชื่อฟังลุงไมค์กับพี่นะคะ อยู่บ้านและทำตัวดี ๆ นะคะ!” รุ่ยลาคว้าแขนเธอแล้วขอร้องเบา ๆ การปรากฏตัวของเด็กทั้งสองทำให้สติของฉินอันอันกลับมาสู่ตัวเธอทีละน้อย “แม่ไม่ไปแล้ว” เธอยอมอ่อนข้อ ลุกขึ้นจากโซฟา “แม่จะไปอาบน้ำก่อน” เธอวิตกกังวลอย่างยิ่งราวกับไฟกำลังลุกไหม้ เธอต้องการทำอะไรบางอย่าง แต่ร่างกายของเธอกลับรู้สึกหนักมาก เมื่อครู่ตอนที่เธอกระวนกระวายใจจะออกไปข้างนอก เด็กในท้องของเธอดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง และเตะเธอตลอดเวลา เธอกลับไปที่ห้องนอน ปิดประตู เอนตัวพิงประตูอย่างอ่อนแรง และสูดหายใจลึก เธอทำอะไรไม่ได้เลยจริง ๆ เหรอ?
สิ่งที่ตอบกลับเธอคือความเงียบสงัด คนที่ลักพาตัวหลีเสี่ยวเถียนดูเหมือนจะไม่ต้องการอะไรจากฉินอันอัน ไม่อย่างนั้นก็คงไม่เงียบขนาดนี้ ฉินอันอันมองผู้ชายที่ตื่นเต้นและกระวนกระวายใจในวิดีโอ และรีบวิ่งไปหาเสี่ยวเถียนเหมือนฝูงหมาป่า... หนังศีรษะของเธอชา เลือดของเธอเดือดพล่าน และร่างกายของเธอก็สั่นไม่หยุด! ความสิ้นหวังโอบล้อมเธอเหมือนเงามืด ราวกับว่ามีใครบางคนถือมีดทื่อ แทงเธอครั้งแล้วครั้งเล่า! เมื่อไมค์ได้ยินเสียงกรีดร้องแหบแห้งของเธอ เขาก็รีบวิ่งไปที่ห้องของเธอ! เขารีบเข้าไปในห้องของเธอและเห็นเธอก้มลงจับประตูห้องน้ำไว้ “ฉินอันอัน! เธอเป็นอะไร?!” ไมค์วิ่งเข้าไปช่วยประคองเธอลุกขึ้น เมื่อเห็นว่าใบหน้าของเธอซีดเซียว เขาก็เกิดลางสังหรณ์ในใจ “เธอจะคลอดเหรอ? ฉันจะพาเธอไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้!” เขาต้องการที่จะอุ้มเธอขึ้น แต่ร่างกายของเธอแข็งเกร็ง และเธอก็พูดคำพูดที่อ้างว้างสองสามคำ “เรียกรถพยาบาล...” “ฉินอันอัน อย่าทำให้ฉันกลัวสิ! ยืนนิ่ง ๆ นะ ฉันจะไปเรียกรถพยาบาล!” หลังจากที่ไมค์พูดจบ เขาก็รีบวิ่งไปหาโทรศัพท์มือถือของเขา ไม่นานรถพยาบาลก็มาถึง ฉินอันอันถูกนำตัวขึ้นรถพยาบาล และไมค์
“พวกเขาเข้านอนแล้ว แต่เสี่ยวหานยังไม่หลับ” โจวจื่ออี้พูด “ผมกลัวรบกวนเขา เลยไม่ได้คุยกับเขา” “อืม เขาแก่แดดและรู้มาก เขานอนไม่หลับแน่นอน” ขณะนี้ไมค์ยืนอยู่นอกห้องฉุกเฉิน หัวใจของเขาสับสน “ฉินอันอันเจ็บท้องคลอด บางทีคืนนี้อาจจะคลอดก็ได้” “อย่างนั้นก็คลอดก่อนกำหนดน่ะสิ?” โจวจื่ออี้ขมวดคิ้ว “จะมีอะไรเกิดขึ้นกับเด็กหรือเปล่า?” “ผมไม่สนว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเด็กไหม ผมสนใจแค่ฉินอันอันเท่านั้น... คุณไม่รู้ว่าสีหน้าของเธอแย่แค่ไหน แม้ว่าเธอจะเป็นแบบนี้ แต่เธอยังคงคิดถึงหลีเสี่ยวเถียนอยู่... ” ไมค์พูดตรงทางเดินพลางเดินไปมา “โทรหาเซิ่งเป่ย แล้วดูว่าเขากับถังเชี่ยนเจรจากันเป็นยังไงบ้าง” หากไม่สามารถช่วยหลีเสี่ยวเถียนได้ แม้ว่าฉินอันอันจะคลอดลูก ปมในใจก็จะไม่มีวันหาย “คงเป็นไปไม่ได้” โจวจื่ออี้รู้จักถังเชี่ยนดี “ถ้าถังเชี่ยนที่เป็นคนทำจริง ๆ เธอคงไม่มีทางยอมรับ เว้นแต่เราจะเอาหลักฐานมาแสดงต่อหน้าเธอ การอธิบายเหตุผลกับเธอคงไม่มีประโยชน์อะไร” “อันอันยืนยันว่าถังเชี่ยนเป็นคนทำ คุณคิดยังไง?” ไมค์ถาม “ผมเข้าใจความรู้สึกของอันอัน แต่ผมไม่กล้าฟันธง” โจวจื่ออี้พูดอย่างระมัดระวัง “คุณบอกว่าเด็ก
ที่เมืองเอ วันนี้เป็นงานแต่งงานของหลญิงสาวที่มีชื่อเสียงโด่งดังอย่างฉินอันอัน ไม่มีเจ้าบ่าวในงานแต่งงานของเธอ เนื่องจากเจ้าบ่าวประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อหกเดือนที่แล้ว ฟู่ซื่อถิงอยู่ในสภาพราวกับผัก แพทย์จึงสรุปว่าเขาอาจอยู่ไม่รอดในสิ้นปีนี้ คุณนายใหญ่ฟู่ที่หมดหวัง เธอจึงตัดสินใจจัดการเรื่องการแต่งงานให้ลูกชายก่อนที่เขาจะเสียชีวิต ตระกูลฟู่เป็นหนึ่งในตระกูลที่ร่ำรวยอันดับต้น ๆ ในเมืองเอ แต่ไม่มีผู้หญิงมีชื่อเสียงหรือชาติตระกูลคนไหนยินดีจะแต่งงานกับชายที่กำลังจะตาย…หน้ากระจกแต่งตัว ฉินอันอันแต่งตัวเสร็จแล้ว ชุดแต่งงานสีขาวที่รับกับรูปร่างงดงามของเธอ ผิวกายที่ขาวราวกับหิมะ รวมกับการแต่งหน้าอย่างละเอียดอ่อนบนใบหน้าของเธอ ทำให้เธอดูสดใสและงดงามราวกับดอกกุหลาบแรกแย้มสีแดง แต่ในดวงตาเรียวรีนั้นดูมีความว้าวุ่นและไม่สบายใจปรากฏให้เห็นอยู่ เหลือเวลาอีกยี่สิบนาทีก่อนเริ่มพิธี เธอก็ปัดหน้าจอโทรศัพท์รอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ ก่อนที่เธอจะถูกบังคับให้แต่งงานกับฟู่ซื่อถิง เธอมีแฟนอยู่แล้ว แล้วบังเอิญแฟนของเธอคือฟู่เย่เฉิน เขาเป็นหลานชายของฟู่ซื่อถิง พวกเขาไม่ได้เปิดเผยความสัมพัน
ภายใต้โคมระย้าคริสตัล ดวงตาสีดำสนิทราวกับออบซิเดียนของฟู่ซื่อถิงที่เปล่งประกายลึกล้ำมีเสน่ห์และแฝงไปด้วยอันตราย ก็คงไม่ขยับนอนนิ่งเหมือนเดิมเป็นปกติ ฟู่เย่เฉินหวาดกลัวมากจนเขาถอยหลังไปสองสามก้าว “อันอัน...ไม่สิ...น้าสะใภ้ ดึกแล้ว ฉันไม่รบกวนคุณกับคุณอาล่ะ!” ฟู่เย่เฉินเหงื่อไหลเย็นและเดินโซเซออกจากห้องนอนใหญ่ ฉินอันอันดูเขาวิ่งหนีไป เธอก็เริ่มเครียดขึ้นมาทันที และตัวสั่นเล็กน้อยอย่างหยุดไม่ได้ ฟู่ซื่อถิงฟื้นแล้วเหรอ?! ไม่ใช่ว่าเขาจะใกล้ตายเหรอ? เธออยากจะคุยกับเขา แต่ไม่มีเสียงออกมา จึงอยากเข้าไปมองใกล้ ๆ แต่ดูเหมือนว่าเท้าของเธอกลับอยู่กับที่ไม่ขยับไปไหน ความกลัวที่ไม่รู้จักมันครอบงำเธอ เธอก็อดไม่ได้ที่จะถอยออกมา...และวิ่งลงไปชั้นล่าง! “ป้าจาง ฟู่ซื่อถิงฟื้นแล้ว! เขาลืมตาขึ้นมาแล้ว!” ป้าจางได้ยินเสียงจึงรีบขึ้นไปชั้นบน “คุณผู้หญิง นายท่านเขาลืมตาแบบนี้ทุกวัน แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาฟื้นขึ้นมาแล้ว ดูสิที่พวกเรากำลังพูดคุยกันอยู่ตอนนี้ เขาก็ไม่ตอบสนองเลย” พี่สะใภ้จางถอนหายใจ“ หมอบอกว่าความเป็นไปได้ของผู้ป่วยเจ้าชายนิทราแบบนี้ที่จะฟื้นขึ้นมาค่อนข้างต่ำมาก” ฉินอันอั
เธอรู้สึกอึดอัดท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด “อันอัน ตอนนี้เธอยังเรียนอยู่ไม่ใช่เหรอ? หากเธอตั้งครรภ์ มันจะส่งผลกระทบต่อการเรียนของเธอแน่…” ภรรยาของฟู่ฮั่นกล่าว ฟู่ฮั่นรีบรับตาม "ใช่! อันอันยังเด็กมากนะตอนนี้ เกรงว่าเธอไม่อยากเลิกเรียน อยู่บ้านเพื่อมีลูกหรอก!" คุณนายใหญ่มีหรือจะไม่รู้ว่าลูกชายคนโตและลูกสะใภ้ของเธอกำลังคิดอะไรอยู่ ด้วยเหตุนี้คุณนายใหญ่จึงยืนกรานที่จะสืบทายาทของฟู่ซื่อถิงต่อไป “อันอัน เธอยินดีที่จะให้กำเนิดลูกของซื่อถิงไหม?” คุณนายใหญ่พูดอย่างตรงไปตรงมากับเธอ “เธอเองก็รู้ว่าลูกของเธอและซื่อถิงจะได้รับมรดกทรัพย์สมบัติของซื่อถิงในอนาคต แค่ทรัพย์สมบัติของซื่อถิงก็เพียงพอแล้ว ที่จะให้เธอและลูกมีชีวิตที่ดีได้” ฉินอันอันพูดอบ่างไม่ลังเล "ฉันยินดีค่ะ" ตราบใดที่เธอสามารถปกป้องไม่ให้ฟู่เย่เฉินยึดทรัพย์สินของฟู่ซื่อถิงไป เธอก็ยินดีที่จะลองดู ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าเธอจะไม่อยาก แต่ด้วยอำนาจและอิทธิพลอันแข็งแกร่งของตระกูลฟู่ ต้องบังคับให้เธอคลอดลูกอย่างแน่นอน หลังจากได้รับคำตอบ คุณนายใหญ่ก็ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ "ดีมาก ฉันรู้ว่าเธอแตกต่างจากพวกผู้หญิงโง่ข้างนอกนั้น พวกเขาคิดว่าซ
แพทย์หญิงเอ่ยว่า “พูดยากนะคะ ถ้าอย่างเร็วก็สามสี่เดือน ถ้าอย่างช้านั้นจะนานเท่าไหร่ก็ได้” หลังจากหยุดครู่หนึ่งเธอก็กล่าวเสริมว่า “คุณยังสาวอยู่ ดังนั้นทุกอย่างจะเป็นไปได้ด้วยดีอย่างแน่นอน" เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ฝนในฤดูใบไม้ร่วงก็นำเมืองเอเข้าฤดูใบไม้ร่วงอย่างเป็นทางการแล้ว ในตอนกลางคืน หลังจากอาบน้ำเสร็จฉินอันอันออกจากห้องน้ำ เธอเดินไปที่ด้านข้างเตียง เปิดฝาครีมมอยเจอร์ไรเซอร์ให้ความชุ่มชื้นตัวใหม่ที่เธอซื้อวันนี้ และทาให้ทั่วผิวของเธอ “ฟู่ซื่อถิง ฉันจะทาให้คุณด้วยนะ! ช่วงนี้อากาศแห้งเกินไปแล้ว” เธอพูดแล้วเดินไปข้าง ๆ ฟู่ซื่อถิง เธอนั่งอยู่ข้างเตียง ใช้นิ้วแต้มมอยเจอร์ไรเซอร์เล็กน้อยแล้วเกลี่ยให้ทั่วใบหน้าของเขา ดวงตาสีดำลึกราวกับอำพันราวกับอัญมณีของเขาลืมตาขึ้นทันที เธอตกใจมากซะจนหายใจลำบากกับประกายแสงดวงตาของเขา แม้ว่าจะเห็นเขาลืมตาทุกวัน แต่ก็ยังตกใจทุกครั้งที่เห็นเขาลืมตาขึ้นมา “ฉันออกแรงมากเกินไปเหรอ แต่ฉันไม่ได้ออกแรงเลยนะ!” นิ้วของเธอยังคงนวดแก้มของเขาต่อไปเบา ๆ ในเวลาเดียวกัน ก็ตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเอง… “ฟู่ซื่อถิง ฉันได้อ่านข่าวในอินเตอร์เน็ตว่าคุณ