“เดาว่า ตราบใดที่ไม่มีหลักฐาน เธอก็ไม่มีวันยอมรับ” ไมค์หัวเราะเยาะ “สุดท้ายแล้ว ยอมรับก็ไม่มีประโยชน์” โจวจื่ออี้ดูนาฬิกา “คุณไปพักผ่อนก่อนดีไหม?” “คุณคิดว่าผมจะหลับลงเหรอ” ไมค์มองเข้าไปห้องผู้ป่วย “เดี๋ยวเธอก็ตื่นแล้ว ถ้ายังไม่มีใครเจอหลี่เสี่ยวเถียน อาการเธอจะต้องทรุดแนนอน…หมอบอกว่าตอนนี้พยายามอย่าให้มีอะไรกระทบใจเธอ ไม่อย่างนั้นเธอจะคลอดก่อนกำหนด” “คลอก่อนกำหนด?” โจวจื่ออี้ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง “แค่เลือดออก หมอบอกว่านี่เป็นสัญญาณของการคลอดก่อนกำหนด” ไมค์วางมือบนสะโพกแล้วถามว่า “ฟู่สือถิงจะกลับมาเมื่อไหร่?” “พรุ่งนี้ตอนเจ็ดโมงเช้า” โจวจื่ออี้พูด “หวังว่าอันอันจะนอนหลับจนถึงเช้าพรุ่งนี้” “นอนจนถึงเช้าได้ยังไงล่ะ? ประเด็นสำคัญคือไม่รู้ที่อยู่ของหลีเสี่ยวเถียน ถ้าคนที่ลักพาตัวเธอทำอะไรเธอ ผลที่ตามมาจะเป็นหายนะ นายลองนึกถึงเสิ่นอวี๋ นึกถึงนั่วนั่ว... ทั้งหมดเป็นเพราะความโหดร้ายของถังเชี่ยน” ไมค์กัดฟัน “หลีเสี่ยวเทียนจะทนทรมานแบบนั้นได้ยังไง?” ดวงตาของโจวจื่ออี้เต็มไปด้วยความเย็นชา “ผมจะไปหาจุ่นจือ” ห้องกล้องวงจรปิดที่ห้างสรรพสินค้า เฮ่อจุ่นจือดูกล้องวงจรปิดตลอดทั้งคืน โด
ไมค์เดาไว้แล้วว่าเธอจะถามคำถามนี้เมื่อตื่นขึ้นมา ไม่มีทางที่เธอจะพักผ่อนได้อย่างสงบ ได้เว้นแต่เธอจะหลับไป “ฉันยังไม่ได้รับข่าวเลย แต่เธอไม่ต้องกังวลนะ ตำรวจกำลังตามหาอยู่ เช้านี้ต้องหาเจอแน่นอน” ไมค์ยืนยันกับเธอ เมื่อเธอได้ยินว่าไม่ได้รับข่าว ร่างกายของเธอก็เหมือนว่าวป่านขาด ไร้ทิศทางและสิ้นหวัง “อันอัน เธอไปนอนบนเตียงก่อน ถ้าเธอคลอดลูกก่อนกำหนดจะทำยังไง?” ไมค์อุ้มเธอขึ้นในแนวนอนแล้ววางเธอลงบนเตียงโรงพยาบาล “ลูกของเธออายุแค่แปดเดือนเท่านั้น ถ้าเธอคลอดลูกตอนนี้ แม้ว่าเขาจะรอดชีวิต แต่เขาจะต้องอยู่ในตู้อบ เธอก็ควรรู้ดีว่าเวลาแบบนี้เด็กมีแนวโน้มที่จะเจ็บป่วยได้ง่าย หรือเธออยากให้ลูกต้องทุกข์ทรมาน?” คำพูดของไมค์ทำให้ร่างกายของเธอแข็งทื่อ เธอต้องการตามหาหลีเสี่ยวเถียน แต่เธอก็ไม่สามารถเพิกเฉยต่อลูกในท้องของเธอได้ เธอต้องการควบคุมอารมณ์ของเธอ แต่เธอกลับทำไม่ได้ น้ำตาของเธอไหลลงมาไม่หยุด นิ้วมือของเธอกำผ้าห่มแน่น ไมค์ยืนอยู่ข้างเตียงเมื่อเห็นเธอเจ็บปวดเช่นนี้หัวใจของเขาก็ปวดร้าว เขาต้องการปลอบเธอ แต่ยังหาเสี่ยวเถียนไม่เจอ คำพูดปลอบใจใด ๆ ก็ไร้ประโยชน์ เขาทำได้เพียงนั่งข้
“ไปเรียกหมอ!” เขาตะโกนสุดเสียงและเดินเข้าไปในห้องผู้ป่วยโดยมีฉินอันอันอยู่ในอ้อมแขนของเขา เขาวางเธอลงบนเตียงพยาบาลอย่างระมัดระวัง กางเกงของเธอเปียก เขามองที่ฝ่ามือตัวเอง...โชคดีที่ไม่ใช่เลือด! “น้ำคร่ำของฉันแตกหรือเปล่า…?” เธอหลั่งน้ำตา “สือถิง ฉันขอโทษ… ฉันรู้สึกแย่มาก ฉันควบคุมตัวเองไม่ได้...” น้ำคร่ำแตก แสดงว่าเด็กจะคลอดแล้ว ลูกของเธออายุเพียงแปดเดือน ถ้าคลอดตอนนี้ก็จะถือว่าคลอดก่อนกำหนด การคลอดก่อนกำหนดมักมาพร้อมกับภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ เมื่อรู้ว่าตัวเองอยู่ในช่วงไตรมาสที่สามของการตั้งครรภ์ เธอไม่ควรเศร้าเสียใจมากนัก เธอควรควบคุมอารมณ์และเป็นห่วงสุขภาพของลูก แต่เธอก็ไม่สามารถควบคุมมันได้ “อันอัน อย่าร้องไห้เลย มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แค่น้ำคร่ำแตก เราก็ปล่อยให้ลูกคลอดออกมา” เขาหยิบทิชชูเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของเธอ “เจอเสี่ยวเถียนแล้ว ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต รอจนกว่าคุณคลอดลูก ผมจะพาคุณไปหาเธอ” เธอสะอื้นตอบรับเสียงเบา ไม่นานหมอก็มาถึง หลังจากเช็คอาการแล้ว หมอก็เข็นเธอเข้าห้องผ่าตัดทันที ฟู่สือถิงมองประตูห้องผ่าตัดที่ปิดอยู่ หัวใจของเขาบีบแน่น “ประธานไม่ต้องกังวลนะคร
อารมณ์ของเธอดูมั่นคงกว่าก่อนหน้านี้มาก ในใจของเธอยังคงเป็นห่วงหลีเสี่ยวเถียน แต่เนื่องจากชีวิตเล็ก ๆ ที่เพิ่งเกิดใหม่ เธอจึงเปลี่ยนความคิด ตอนแรกทารกในท้องอยู่อย่างปลอดภัย แต่เนื่องจากเหตุการณ์ครั้งนี้ เธอจึงต้องคลอดลูกก่อนกำหนด ตอนที่พยาบาลอุ้มเด็กมาให้เธอดู เธออยากจะร้องไห้มาก แต่น้ำตาของเธอกลับไม่ไหลไม่ออก เมื่อเห็นเด็กน้อย เธอก็ได้แต่โทษตัวเอง ตอนที่เธอคลอดเสี่ยวหานกับรุ่ยลา เธอก็คลอดก่อนกำหนดเหมือนกัน เพราะโดยพื้นฐานแล้วฝาแฝดจะต้องเกิดก่อนกำหนด ดังนั้นทารกทั้งสองคนจึงมีขนาดเล็กกว่าทารกครบกำหนดที่เป็นลูกคนเดียว จื่อชิวตัวเล้กกว่ารุ่ยลาและเสี่ยวหานเสียอีก แม้ว่าเธอจะรู้ว่าเด็กสามารถมีชีวิตรอดได้ แต่ก็ยังรู้สึกเศร้าใจมาก “อันอัน เจ็บไหม?” ฟู่สือถิงเห็นว่าเธอใจลอยเล็กน้อย เขาจึงพูดเพื่อทำลายความเงียบ เธอส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนหน้ามีการฉีดยาชาก่อนผ่าตัด และยายังไม่หมดฤทธิ์ เธอจึงไม่รู้สึกเจ็บ “คุณเห็นลูกหรือยัง?” ขนตาของเธอสั่นเล็กน้อย เสียงของเธอแผ่วเบา “เห็นแล้ว ลูกเหมือนผมมาก” เขาจับมือเธอเบา ๆ และพูดด้วยเสียงแหบแห้ง “ขอบคุณที่ยอมเหนื่อยมาตลอดนะอันอัน” “ลูกยังต
ที่เมืองเอ วันนี้เป็นงานแต่งงานของหลญิงสาวที่มีชื่อเสียงโด่งดังอย่างฉินอันอัน ไม่มีเจ้าบ่าวในงานแต่งงานของเธอ เนื่องจากเจ้าบ่าวประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อหกเดือนที่แล้ว ฟู่ซื่อถิงอยู่ในสภาพราวกับผัก แพทย์จึงสรุปว่าเขาอาจอยู่ไม่รอดในสิ้นปีนี้ คุณนายใหญ่ฟู่ที่หมดหวัง เธอจึงตัดสินใจจัดการเรื่องการแต่งงานให้ลูกชายก่อนที่เขาจะเสียชีวิต ตระกูลฟู่เป็นหนึ่งในตระกูลที่ร่ำรวยอันดับต้น ๆ ในเมืองเอ แต่ไม่มีผู้หญิงมีชื่อเสียงหรือชาติตระกูลคนไหนยินดีจะแต่งงานกับชายที่กำลังจะตาย…หน้ากระจกแต่งตัว ฉินอันอันแต่งตัวเสร็จแล้ว ชุดแต่งงานสีขาวที่รับกับรูปร่างงดงามของเธอ ผิวกายที่ขาวราวกับหิมะ รวมกับการแต่งหน้าอย่างละเอียดอ่อนบนใบหน้าของเธอ ทำให้เธอดูสดใสและงดงามราวกับดอกกุหลาบแรกแย้มสีแดง แต่ในดวงตาเรียวรีนั้นดูมีความว้าวุ่นและไม่สบายใจปรากฏให้เห็นอยู่ เหลือเวลาอีกยี่สิบนาทีก่อนเริ่มพิธี เธอก็ปัดหน้าจอโทรศัพท์รอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ ก่อนที่เธอจะถูกบังคับให้แต่งงานกับฟู่ซื่อถิง เธอมีแฟนอยู่แล้ว แล้วบังเอิญแฟนของเธอคือฟู่เย่เฉิน เขาเป็นหลานชายของฟู่ซื่อถิง พวกเขาไม่ได้เปิดเผยความสัมพัน
ภายใต้โคมระย้าคริสตัล ดวงตาสีดำสนิทราวกับออบซิเดียนของฟู่ซื่อถิงที่เปล่งประกายลึกล้ำมีเสน่ห์และแฝงไปด้วยอันตราย ก็คงไม่ขยับนอนนิ่งเหมือนเดิมเป็นปกติ ฟู่เย่เฉินหวาดกลัวมากจนเขาถอยหลังไปสองสามก้าว “อันอัน...ไม่สิ...น้าสะใภ้ ดึกแล้ว ฉันไม่รบกวนคุณกับคุณอาล่ะ!” ฟู่เย่เฉินเหงื่อไหลเย็นและเดินโซเซออกจากห้องนอนใหญ่ ฉินอันอันดูเขาวิ่งหนีไป เธอก็เริ่มเครียดขึ้นมาทันที และตัวสั่นเล็กน้อยอย่างหยุดไม่ได้ ฟู่ซื่อถิงฟื้นแล้วเหรอ?! ไม่ใช่ว่าเขาจะใกล้ตายเหรอ? เธออยากจะคุยกับเขา แต่ไม่มีเสียงออกมา จึงอยากเข้าไปมองใกล้ ๆ แต่ดูเหมือนว่าเท้าของเธอกลับอยู่กับที่ไม่ขยับไปไหน ความกลัวที่ไม่รู้จักมันครอบงำเธอ เธอก็อดไม่ได้ที่จะถอยออกมา...และวิ่งลงไปชั้นล่าง! “ป้าจาง ฟู่ซื่อถิงฟื้นแล้ว! เขาลืมตาขึ้นมาแล้ว!” ป้าจางได้ยินเสียงจึงรีบขึ้นไปชั้นบน “คุณผู้หญิง นายท่านเขาลืมตาแบบนี้ทุกวัน แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาฟื้นขึ้นมาแล้ว ดูสิที่พวกเรากำลังพูดคุยกันอยู่ตอนนี้ เขาก็ไม่ตอบสนองเลย” พี่สะใภ้จางถอนหายใจ“ หมอบอกว่าความเป็นไปได้ของผู้ป่วยเจ้าชายนิทราแบบนี้ที่จะฟื้นขึ้นมาค่อนข้างต่ำมาก” ฉินอันอั
เธอรู้สึกอึดอัดท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด “อันอัน ตอนนี้เธอยังเรียนอยู่ไม่ใช่เหรอ? หากเธอตั้งครรภ์ มันจะส่งผลกระทบต่อการเรียนของเธอแน่…” ภรรยาของฟู่ฮั่นกล่าว ฟู่ฮั่นรีบรับตาม "ใช่! อันอันยังเด็กมากนะตอนนี้ เกรงว่าเธอไม่อยากเลิกเรียน อยู่บ้านเพื่อมีลูกหรอก!" คุณนายใหญ่มีหรือจะไม่รู้ว่าลูกชายคนโตและลูกสะใภ้ของเธอกำลังคิดอะไรอยู่ ด้วยเหตุนี้คุณนายใหญ่จึงยืนกรานที่จะสืบทายาทของฟู่ซื่อถิงต่อไป “อันอัน เธอยินดีที่จะให้กำเนิดลูกของซื่อถิงไหม?” คุณนายใหญ่พูดอย่างตรงไปตรงมากับเธอ “เธอเองก็รู้ว่าลูกของเธอและซื่อถิงจะได้รับมรดกทรัพย์สมบัติของซื่อถิงในอนาคต แค่ทรัพย์สมบัติของซื่อถิงก็เพียงพอแล้ว ที่จะให้เธอและลูกมีชีวิตที่ดีได้” ฉินอันอันพูดอบ่างไม่ลังเล "ฉันยินดีค่ะ" ตราบใดที่เธอสามารถปกป้องไม่ให้ฟู่เย่เฉินยึดทรัพย์สินของฟู่ซื่อถิงไป เธอก็ยินดีที่จะลองดู ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าเธอจะไม่อยาก แต่ด้วยอำนาจและอิทธิพลอันแข็งแกร่งของตระกูลฟู่ ต้องบังคับให้เธอคลอดลูกอย่างแน่นอน หลังจากได้รับคำตอบ คุณนายใหญ่ก็ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ "ดีมาก ฉันรู้ว่าเธอแตกต่างจากพวกผู้หญิงโง่ข้างนอกนั้น พวกเขาคิดว่าซ
แพทย์หญิงเอ่ยว่า “พูดยากนะคะ ถ้าอย่างเร็วก็สามสี่เดือน ถ้าอย่างช้านั้นจะนานเท่าไหร่ก็ได้” หลังจากหยุดครู่หนึ่งเธอก็กล่าวเสริมว่า “คุณยังสาวอยู่ ดังนั้นทุกอย่างจะเป็นไปได้ด้วยดีอย่างแน่นอน" เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ฝนในฤดูใบไม้ร่วงก็นำเมืองเอเข้าฤดูใบไม้ร่วงอย่างเป็นทางการแล้ว ในตอนกลางคืน หลังจากอาบน้ำเสร็จฉินอันอันออกจากห้องน้ำ เธอเดินไปที่ด้านข้างเตียง เปิดฝาครีมมอยเจอร์ไรเซอร์ให้ความชุ่มชื้นตัวใหม่ที่เธอซื้อวันนี้ และทาให้ทั่วผิวของเธอ “ฟู่ซื่อถิง ฉันจะทาให้คุณด้วยนะ! ช่วงนี้อากาศแห้งเกินไปแล้ว” เธอพูดแล้วเดินไปข้าง ๆ ฟู่ซื่อถิง เธอนั่งอยู่ข้างเตียง ใช้นิ้วแต้มมอยเจอร์ไรเซอร์เล็กน้อยแล้วเกลี่ยให้ทั่วใบหน้าของเขา ดวงตาสีดำลึกราวกับอำพันราวกับอัญมณีของเขาลืมตาขึ้นทันที เธอตกใจมากซะจนหายใจลำบากกับประกายแสงดวงตาของเขา แม้ว่าจะเห็นเขาลืมตาทุกวัน แต่ก็ยังตกใจทุกครั้งที่เห็นเขาลืมตาขึ้นมา “ฉันออกแรงมากเกินไปเหรอ แต่ฉันไม่ได้ออกแรงเลยนะ!” นิ้วของเธอยังคงนวดแก้มของเขาต่อไปเบา ๆ ในเวลาเดียวกัน ก็ตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเอง… “ฟู่ซื่อถิง ฉันได้อ่านข่าวในอินเตอร์เน็ตว่าคุณ