Share

บทที่ 13

“ยังไม่รีบขอบคุณรัชทายาทอีก!”

อู่จ้านเห็นหลัวเหิงยังอึ้งอยู่จึงรีบเตือน

“ขอบคุณพระคุณยิ่งใหญ่ของรัชทายาทมากขอรับ ข้าน้อยหลัวเหิงตัวแทนค่ายทานหลาง ขอสวามิภักดิ์แด่รัชทายาท จะจงรักภักดีจนตัวตาย!”

ครั้นหลัวเหิงได้สติกลับคืนมาก็คุกเข่าลงทันที คำนับฉินอวิ๋นฟานแรง ๆ!

ฉินอวิ๋นฟานประคองหลัวเหิงขึ้นมาและบอกว่า “คนที่ติดตามข้า ต่อไปก็คือพี่น้องบ้านเดียวกัน ขอเพียงข้าฉินอวิ๋นฟานยังมีหนึ่งเฮือกลมหายใจจะต้องไม่ให้เหล่าพี่น้องได้รับความอยุติธรรม ใครรังแกพวกเจ้าก็คือเป็นศัตรูกับข้าฉินอวิ๋นฟาน ข้าจะให้มันชดใช้อย่างแสนสาหัส”

หลัวเหิงในเวลานี้ถูกมนต์เสน่ห์ของฉินอวิ๋นฟานสยบโดยสิ้นเชิงแล้ว เวลานี้เขาเข้าใจสักที นานหลายปีอย่างนี้แล้วทำไมอู่จ้านยังคงจงรักภักดีต่อรัชทายาท

รัชทายาทเช่นนี้ คู่ควรให้เหล่าพี่น้องทุ่มเทเพื่อเขา!

“หานซิ่นเป็นทหารอัจฉริยะที่ข้ารับมาใหม่ ตอนนี้ข้าจะให้เขาเป็นกุนซือ พวกเจ้าร่วมมือกันดี ๆ พยายามทำให้ค่ายทานหลางแข็งแกร่ง เตรียมตัวทำงานใหญ่”

ฉินอวิ๋นฟานเอ่ย

“น้อมรับคำสั่งรัชทายาท!”

ตอนนี้หลัวเหิงเลื่อมใสฉินอวิ๋นฟานชนิดหมอบราบคาบแก้วแล้ว ย่อมทำตามคำสั่งเขาทุกอย่าง!

“รัชทายาท...ท่านเชื่อใจข้าขนาดนั้นเลยหรือ”

หานซิ่นในชุดซอมซ่อปุปะกรอบตาแดง โชคดีแค่ไหนที่ได้พบนายผู้ปราดเปรื่องเช่นนี้ ไม่มีการถามใด ๆ ไม่มีข้อสงสัย เชื่อเขาสนิทใจ รัชทายาทเช่นนี้ทำให้เขาประทับใจจากก้นบึ้งหัวใจ

“ข้าใช้คนไม่เคยระแวงมาก่อน หากระแวงจะไม่ใช้ หนึ่งทรยศไม่ใช่ชั่วชีวิต นี่คือการให้โอกาสเจ้าหนึ่งครั้ง และให้โอกาสข้าเองหนึ่งครั้งด้วย”

ฉินอวิ๋นฟานตบบ่าของหานซิ่นและพูดว่า “ข้ามอบเวทีให้เจ้าแล้ว แสดงความสามารถบันลือโลกของเจ้าให้ข้าได้เห็นหน่อยเถิด หากมีความลำบากอะไรก็มาหาข้าโดยตรงก็พอ!”

หานซิ่นคุกเข่าลงตุบอยู่หน้าฉินอวิ๋นฟาน กล่าวอย่างจริงจัง “หานซิ่นขอปฏิญาณว่าจะภักดีต่อรัชทายาท ชาตินี้ไม่เสียใจขอรับ!”

......

หลัวเหิงนำเงินแสนกว่าตำลึงกลับค่ายทานหลางพร้อมหานซิ่น ค่ายทานหลางดีใจลิงโลดกันยกใหญ่ ประทับใจกับการกระทำอันมีเมตตาละมีคุณธรรมของรัชทายาทอย่างยิ่ง!

ยามนี้ฉินอวิ๋นฟานกลับถึงตำหนักรัชทายาทแล้ว เขาเดินตรงไปถึงตำหนักปีก หลู่หนีกลับพาลูกศิษย์มารออยู่นานแล้ว เมื่อเห็นฉินอวิ๋นฟานก็รีบค้อมตัวต้อนรับ

“หลู่หนี ในเมื่อเจ้าเข้าร่วมกับข้าแล้ว ก็น่าจะรู้ว่าเรื่องที่เราทำสำคัญมาก ระหว่างเราสำเร็จร่วมกัน หากเล็ดลอดออกไปจะต้องจ่ายในราคามหาศาลแค่ไหนเจ้าน่าจะรู้ดี”

ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงเข้ม

“รัชทายาทโปรดวางใจ เกี่ยวพันกับส่วนรวม ข้าย่อมรู้จักพอดี”

หลู่หนีไม่หยิ่งผยองเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว แต่เอ่ยอย่างจริงจัง “ในเมื่อเลือกเข้าร่วมฝ่ายรัชทายาท ข้าขอรับประกันด้วยเกียรติและศักดิ์ศรี จะภักดีต่อรัชทายาท ร่วมกันสู่ความยิ่งใหญ่แน่นอน!”

มีคำพูดนี้ของหลู่หนี ฉินอวิ๋นฟานวางใจได้แล้ว เขาล้วงภาพวาดหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อแล้ววางตรงหน้าหลู่หนี

“นี่ นี่คือ?”

หลู่หนีเมื่อเห็นภาพที่ละเอียดยิบ ชิ้นส่วนแต่ละชิ้นเล็กมาก ดูจะใหญ่เท่าฝ่ามือแล้วก็ทำเอามึนงงไปหมด

“ของสิ่งนี้เรียกว่าปืนสั้น เป็นสิ่งที่ไร้เทียมทานในการต่อสู้ระยะสั้น พลังการทำลายล้างสูงมาก เจ้าต้องตั้งใจให้ดี รักษาความลับให้ได้ อย่าให้ใครรู้เป็นอันขาด เข้าใจหรือไม่?”

ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก

“จริงหรือ?”

หลู่หนีตกตะลึงพรึงเพริด ของชิ้นเล็กอย่างนี้จะมีพลังทำลายล้างได้มากขนาดนั้นเชียวหรือ? แต่เห็นรัชทายาทให้ความสำคัญเช่นนี้ เขาย่อมไม่กล้าละเลย

“จริงหรือไม่เจ้าทำออกมาก็รู้เอง ต้องให้เรียบร้อยในสามวัน ทำเสร็จแล้วก็มาหาข้าทันที ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นด้วยตัวเอง!”

ฉินอวิ๋นฟานเอ่ย

“รับทราบ!”

หลู่หนีไม่กล้าชักช้า สำหรับเขานี่คือความท้าทายใหม่ กับคนที่มีหัวใจช่างฝีมือ การสร้างของใหม่และล้ำยุคชิ้นแล้วชิ้นเล่าคือเกียรติในชีวิตของพวกเขา

ฉินอวิ๋นฟานไว้เนื้อเชื่อใจมอบโอกาสให้เขา เขาต้องถนอมมันสุดกำลังอยู่แล้ว

ครั้นมอบหมายงานทั้งหมดเรียบร้อย ฟ้าก็เริ่มค่ำแล้ว ฉินอวิ๋นฟานที่ยุ่งมาทั้งวันเริ่มอ่อนล้า เพิ่งกลับถึงตำหนักนอนก็เห็นมู่หรงจิ่นกับเสี่ยวจวี๋นั่งซึมกะทือเหม่อลอยอยู่ในศาลาตรงลานบ้าน

ฉินอวิ๋นฟานยืนอยู่ตรงปากประตู มองสำรวจมู่หรงจิ่นบนล่าง เห็นเพียงนางสวมชุดกระโปรงยาวสีขาวหิมะ รัดเอวด้วยเข็มขัดหยด เผยทรวดทรงองค์เอวของนางออกมาอย่างสมบูรณ์ งดงามปานนางฟ้าบนสวรรค์ที่ลงมาจุติ

ดวงตาดอกท้อคู่นั้นของนางใสสะอาดไร้สิ่งเจือปน หนึ่งเศร้าหมองหนึ่งแย้มยิ้มชวนให้หัวใจคนหวั่นไหว กอปรกับกระดูกไหปลาร้าขาวเนียนดังหยกขาวและต้นขาเรียวยาว แทบจะงดงามหยาดเยิ้มถึงที่สุด

เมื่อคืนแสงเทียนขมุกขมัวทำให้เขามองเห็นไม่ค่อยชัด ครั้นได้ยลโฉมหน้าเป็นหนึ่งของมู่หรงจิ่นอีกที ฉินอวิ๋นฟานก็ร้องว่าเพอร์เฟกต์เลย แม้จะเป็นดารากระจ่างในยามนี้ก็เทียบหนึ่งในสามส่วนของนางไม่ติด

“น้องหญิง ทำไมถึงเหม่อเล่า? กำลังคิดถึงข้าอยู่หรือ? หรือกำลังหวนคิดความเร่าร้อนเมื่อคืน?”

ฉินอวิ๋นฟานเดินเข้าหาเงียบ ๆ น้ำเสียงแฝงอารมณ์หยอกล้อ

มู่หรงจิ่นสะดุ้งตกใจทันที ดวงหน้าหมดจดแดงระเรื่อด้วยความขวยเขิน รีบรักษาระยะห่างกับฉินอวิ๋นฟานและเอ่ยเสียงหวานด้วยความโกรธ “เจ้า เจ้ามันไร้ยางอาย!”

“ไร้ยางอายหรือ?”

คิดไม่ถึงว่ามู่หรงจิ่นที่ตะบึงตะบอนจะน่ารักปานนี้ ยั่วยวนปานนี้ ฉินอวิ๋นฟานจึงยิ้มร้ายพลางเอ่ย “พวกเราเป็นสามีภรรยากัน เรื่องอย่างว่ามันพูดลำบากจริง ๆ นั่นแหละ แต่ที่นี่ก็ไม่มีใครสักหน่อย พูดได้ไม่เป็นไรหรอก”

“แต่ไม่รู้ว่าใครนะ เมื่อวานดูจะดื่มด่ำมากทีเดียว ไม่อย่างนั้นเราก็ไปศึกษาเชิงลึกกันหน่อยเป็นไง?”

“เจ้า เจ้า ต่อให้เจ้าได้ร่างกายข้าก็อย่าคิดว่าจะได้ใจข้า ฉินอวิ๋นฟาน ชาตินี้เจ้าอย่าคิดจะให้ข้ามู่หรงจิ่นปรนนิบัติด้วยความสมัครใจเลย!”

มู่หรงจิ่นกำหมัดแน่น ดวงหน้าสวยจ้องด้วยความโกรธ ในดวงตามีแต่ความแค้นเต็มประดา นางเห็นพรหมจรรย์ดั่งชีวิต แต่กลับถูกรัชทายาทโง่งมชิงไปง่าย ๆ นี่ทำให้นางปวดใจยิ่งนัก

“ไม่ได้ใจเจ้างั้นหรือ? คำพูดนี้เกรงว่าจะเร็วไปหน่อยกระมัง?”

ฉินอวิ๋นฟานท้า “พวกเราเป็นสามีภรรยากัน นี่คือเรื่องที่เจ้าเปลี่ยนแปลงไม่ได้ตลอดชีวิต ข้าสามารถใช้สิทธิ์การเป็นสามีได้ทุกวัน แค่ข้าขยันพอ ทักษะและคุณภาพดีพอ ยังกลัวว่าจะไม่ได้ใจเจ้าหรือ?”

“เจ้า เจ้า เจ้าผีทะเล!”

มู่หรงจิ่นแพ้ให้กับความหน้าด้านของฉินอวิ๋นฟานโดยสิ้นเชิง นางทั้งอายทั้งโกรธอย่างหาที่เปรียบมิได้ก่อนจะพูดว่า “คิดไม่ถึง ข้ามู่หรงจิ่นจะต้องมาเสียตัวให้กับผีทะเลไร้ยางอายอย่างเจ้า ยังเป็นพี่จวิ้นที่ดี ถ้าเขาอยู่ จะต้องไม่หยาบคายเช่นนี้แน่ เทียบกับเขาแล้ว เจ้ามันไม่ใช่คน!”

ทันทีที่ได้ยินมู่หรงจิ่นพูดถึงเหลียงคังจวิ้นต่อหน้าเขา ฉินอวิ๋นฟานหน้าตึงเดี๋ยวนั้น เรื่องต้องห้ามสำหรับผู้ชายก็คือมีสวนหญ้าเขียวขจีอยู่บนหัว[footnoteRef:1] จะร่างกายหรือจิตวิญญาณก็ไม่ได้ทั้งนั้น นี่มู่หรงจิ่นกำลังท้าทายเขาอย่างเปิดเผย [1: ในที่นี้หมายถึงมีชู้]

“ขี้เหล้าที่วัน ๆ เอาแต่ขับกลอนให้ท่า คู่ควรเอามาพูดเปรียบเทียบกับข้าหรือ?”

ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงเย็น

มู่หรงจิ่นพูดดูถูก “เฮอะ แล้วจะยังไง? พี่จวิ้นมีความรู้การศึกษา ความสามารถเหนือคน เทียบกับพี่จวิ้นแล้วเจ้ามันไม่นับเป็นอะไรทั้งนั้น แม้แต่นิ้วเท้าเขานิ้วหนึ่งก็ยังเทียบไม่ติด นอกจะอิจฉา เจ้าก็ได้แต่อาละวาดแบบไม่มีปัญญาต่อหน้าข้า”

สำหรับการใช้วาจาถากถางของมู่หรงจิ่น ได้จุดชนวนไฟโทสะของฉินอวิ๋นฟานแล้ว

“ได้ เจ้าชอบแต่งกลอนมากไม่ใช่หรือ? วันนี้ข้าจะสอนเจ้าบนเตียงสักหน่อยว่าอะไรถึงจะเป็นกลอนที่แท้จริง ถ้าเจ้าฟังแล้วไม่ยอมรับ ข้าจะใช้แซ่ของเจ้าเลย!”

ฉินอวิ๋นฟานอุ้มร่างอ้อนแอ้นของมู่หรงจิ่นขึ้น ไม่ว่านางจะดิ้นอย่างไรก็ดิ้นไม่หลุด นางยิ่งดิ้นฉินอวิ๋นฟานก็ยิ่งคึก สาวเท้ายาวเข้าตำหนักนอน!

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status