ขอบตาของเวินเหลียงแดงก่ำขึ้นมาอีกแล้ว “หนูไม่เคยโทษคุณปู่เลยค่ะ...”เธอรู้ว่าคุณปู่ก็มีความยากลำบากของตัวเองในตอนแรกที่ฟู่เจิงเข้ารับตำแหน่งประธานบริหารของกรุ๊ป อายุยังน้อยเกินไป คณะกรรมการบริษัทหลายคนไม่ยอมรับเขา เกิดการปะทะกันขึ้นมาต่าง ๆ นานาประธานกรรมการบางคนเอะอะ ๆ ก็ไปร้องเรียนกับคุณท่านหลังคุณท่านสอดมือครั้งแรก ฟู่เจิงขยายการดำเนินงานในกรุ๊ปได้ยากลำบากเป็นอย่างมาก เผชิญกับอุปสรรคซ้ำแล้วซ้ำเล่าเมื่อเหล่าประธานกรรมการเห็นว่าการร้องเรียนได้ผล สองสามวันทีก็มาหาคุณท่านอีกแล้วนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาคุณท่านก็ไม่สอดมืออีกเขาเองก็เพิ่งได้รู้ในตอนนั้น ในตอนที่ฟู่เจิงเป็นประธานบริหารกรุ๊ปแล้ว ฟู่เจิงไม่ใช่หลานที่เขาจะถ่ายทอดคำสอนสุ่มสี่สุ่มห้าได้ฟู่เจิงต้องยืนหยัดอยู่ในบริษัทให้ได้ ต้องสร้างความน่าเกรงขามให้เพียงพอ เขาเองก็ต้องปกป้องฟู่เจิง สนับสนุนเขาอย่างแน่วแน่ และไม่ขัดขวางเขาเพราะฟังคำพูดของพวกประธานกรรมการ ไม่อย่างนั้นเหล่าประธานกรรมการและบรรดาพนักงานไม่เห็นฟู่เจิงที่อยู่ในตำแหน่งประธานบริหารอยู่ในสายตาแน่นอนและเมื่อเรื่องราวเป็นไปเช่นนี้ คุณท่านจึงทำได้เพียงตอบโต้เล
เวินเหลียงมองสองที สุดท้ายก็ยังอ้าปาก แล้วงับหมูสามชั้นเข้าไปในปากเชฟมีฝีมือ แม้จะเป็นหมูสามชั้นแต่ก็ไม่เลี่ยนเลยสักนิด เมื่อครู่เป็นเพราะความเสียใจเวินเหลียงจึงไม่รู้สึกอยากอาหาร แต่ก็เพื่อลูกจึงกินไปสองคำ ไม่นึกว่าพอกินแล้วก็จะกินไปเกินครึ่งเลยทั้ง ๆ ที่กินอิ่มแล้ว แต่ตอนนี้กลับอดไม่ได้ที่จะกินอาหารที่ฟู่เจิงคีบมาให้หลังตั้งท้อง นอกจากอาการแพ้ท้องในช่วงก่อนหน้านี้แล้วนั้น ช่วงนี้ความอยากอาหารเริ่มมีมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อฟู่เจิงเห็นว่าเวินเหลียงชอบ ก็คีบมาให้เธออีกสองชิ้นหลังเวินเหลียงกินไปสามชิ้น เห็นฟู่เจิงยังคีบมาอีก เธอก็รีบเอ่ยขึ้นว่า “ฉันกินอิ่มแล้วจริง ๆ คุณกินไปเถอะ”“ไม่กินแล้วเหรอ?”“ไม่กินแล้ว”ฟู่เจิงวางตะเกียบลง จากนั้นก็อุ้มเวินเหลียงขึ้นมาจากวีลแชร์ ก่อนจะวางเธอไปบนโซฟา แล้วหยิบผ้าห่มมาคลุมบนตัวเธอ “งั้นก็นอนสักเดี๋ยวสิ”เวินเหลียงยันตัวขึ้นอย่างจนใจ พลางมองฟู่เจิง “สองวันนี้คุณก็ไม่ได้นอนเลย คุณมานอนด้วยกันสิ”เมื่อได้ยินว่าเวินเหลียงเป็นห่วงตน นัยน์ตาของฟู่เจิงก็เปล่งประกาย เขาพยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “โอเค”หลังกินข้าวกล่องเสร็จ ฟู่เจิงก็โยนขยะทิ้งไป แล้วนอ
“คุณผู้หญิง เรากลับไปกันเถอะค่ะ” ในตอนที่ป้าหวังหยิบผ้าขนหนูและกล่องเก็บอุณหภูมิออกมาจากด้านใน อู๋หลิงก็ออกไปแล้วเมื่อได้เห็นสีหน้าทั้งตกตะลึงและทั้งเจ็บปวดของเวินเหลียง อู๋หลิงก็เบิกบานใจเป็นอย่างมาก ครั้นบรรลุเป้าหมายแล้วเธอก็จากไปอย่างพอใจทว่าเวินเหลียงกลับกำหมัดแน่น นั่งอยู่ที่เดิมเงียบไม่พูดไม่จาเห็นเวินเหลียงไม่ตอบสนอง ป้าหวังก็ตะโกนเรียกเสียงหนึ่ง “คุณผู้หญิงคะ?”เวินเหลียงได้สติกลับมา เธอถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ถึงจะพยักหน้า “อืม กลับไปก่อน”ป้าหวังมองสีหน้าของเวินเหลียงทีหนึ่ง รู้สึกแค่ว่าคุณผู้หญิงราวกับจะแตกต่างไปจากเมื่อครู่เมื่อกลับมาถึงคฤหาสน์ ป้าหวังจะประคองเวินหลียงขึ้นไปข้างบน แต่เวินเหลียงปฏิเสธ เธอนั่งลงบนโซฟาแล้วเอ่ยว่า “ฉันจะรอฟู่เจิงกลับมา”ป้าหวังพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไรอีก แล้วรีบไปทำงานของตัวเองบ่ายสามกว่า ๆ รถยนต์สีดำก็แล่นเข้ามาในลานของคฤหาสน์ฟู่เจิงดับรถ พิงอยู่บนพนักพิงเบาะ พลางยกมือที่สวมนาฬิกาเหล็กขึ้นมาบีบหว่างคิ้ว ก่อนจะชักกุญแจรถออกแล้วเปิดประตูลงจากรถไปเมื่อเขาเยื้องย่างขายาว ๆ ทั้งสองเข้ามาในห้องรับแขกอย่างมั่นคง ก็เห็นเวินเหลียงนอนตะแคงอยู
เธอหลับตา สีหน้าเคร่งขรึม พลางเช็ดน้ำตาบนหน้าลวก ๆ พร้อมทั้งมองหน้าฟู่เจิงแล้วเอ่ยว่า “ฉันจะไปเจอฉู่ซืออี๋”“อย่าหาเรื่องสิ ตอนนี้เธอต้องพักผ่อนเยอะ ๆ นะ!”เวินเหลียงฟังหูซ้ายทะลุหูขวา เธอนั่งตัวตรง “ฉันจะไปเจอฉู่ซืออี๋ ฉันจะไปถามเธอให้กระจ่าง! ฉันจะไปแก้แค้นให้คุณปู่!”เห็นฟู่เจิงไม่สะทกสะท้าน เวินเหลียงจึงลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปข้างนอก “คุณไม่ให้ฉันเจอ ฉันก็จะไปเจอด้วยตัวเอง!”“อาเหลียง!”ฟู่เจิงเดินมาตรงหน้าเวินเหลียงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะยื่นแขนไปขวางเธอเอาไว้ “ตอนนี้ฉู่ซืออี๋ไม่ได้อยู่ที่โรงพยาบาล เธอหนีออกจากโรงพยาบาลตั้งแต่สองสามวันก่อน ไม่มีเบาะแสเลย ฉันส่งคนไปตามหาตัวเธอแล้ว เธอกลับขึ้นไปพักชั้นบนก่อนเถอะ รอหาตัวฉู่ซืออี๋เจอแล้ว ฉันจะบอกเธอทันที!”เวินเหลียงราวกับได้ยินเรื่องตลกอะไรบางอย่าง เธอขำอย่างเย็นชาเสียงหนึ่งพลางมองฟู่เจิง “คุณจะตัดใจยอมให้เธอไปจากคุณได้เหรอ? จนถึงตอนนี้คุณก็ยังปกป้องเธออยู่? ทำไม? กลัวว่าฉันจะฆ่าเธอหรือไง?”เดิมทีเวินเหลียงก็ไม่เชื่อคำพูดของฟู่เจิงอยู่แล้ว เธอจงใจเดินออกไปข้างนอกฟู่เจิงกอดเวินเหลียงเอาไว้ “เธอใจเย็นก่อนสิ!”เวินเหลียงพยายามดิ้น
ไม่มีใครตอบเธอความเจ็บปวดที่ท้องเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เวินเหลียงปวดจนมีเหงื่อไหลออกมาบนหน้าผาก สั่นเทาไปหมดทั้งตัว เส้นเสียงก็สั่นไปหมด แม้แต่เรี่ยวแรงจะยกมือขึ้นยังไม่มี“ฟู่เจิง! เปิดประตู! ฉันปวดท้องมาก ๆ...ช่วย ช่วยฉัน ช่วย ช่วยลูกด้วย...”เธออยากใช้โทรศัพท์ขอความช่วยเหลือ แต่ดันพบว่าโทรศัพท์ของตัวเองอยู่ชั้นล่าง“รีบเปิดประตูเร็วเข้าสิ...”“...ใครก็ได้ช่วยฉันด้วย...”เวินเหลียงล้มลงไปกองกับพื้น เธอกัดฟันแน่น ขดตัวกลม เอามือกุมท้องไว้แน่น เกร็งไปหมดทั้งตัว ต่อสู้กับความเจ็บปวดที่ท้องในวินาทีนี้เอง ราวกับมีมือที่ไร้รูปลักษณ์ข้างหนึ่งหยิกไปที่ท้องน้อยของเธออย่างแรง จากนั้นก็ออกแรงบิดลงไป!“...เปิดประตู...”น้ำเสียงของเวินเหลียงแหบแห้ง เสียงเริ่มอ่อนแอลงเรื่อย ๆ เธอโน้มตัวลงไปบนพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง นัยน์ตาประกายความสิ้นหวังออกมาเธอรู้สึกว่ามีของเหลวไหลออกมาจากร่างกายท่อนล่างของเธอ...“ฟู่เจิง เปิดประตู...” เวินเหลียงพึมพำพลางหลับตาลง น้ำตาเอ่อออกมาจากเบ้าตาลูกของเธอ...ท้ายที่สุดเธอก็รักษาเขาเอาไว้ไม่ได้......“อาเหลียง ใจเย็นลงหรือยัง?” ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน
เวินเหลียงพูดผิดไม่โทษเธอคนที่ทำร้ายคุณปู่ก็คือเขา!ในวินาทีนี้ ค่อย ๆ มองย้อนกลับไป ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาเมื่อเร็ว ๆ นี้ การกระทำของตัวเขาทั้งหมด เดิมทีเขาไม่มีทางอภัยให้ตัวเองได้เลย!เขาผิดตั้งแต่แรกแล้วเขาตัดสินความรู้สึกที่เขามีต่อเวินเหลียงผิดไป ผิดที่เห็นความรู้สึกผิดที่มีต่อฉู่ซืออี๋ว่าเป็นความชอบ และขอหย่ากับเวินเหลียงถึงขนาดที่ว่าเวินเหลียงยังไม่กล้าบอกเขาเรื่องท้อง ตัวเธอเองเพียงลำพังไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับการตั้งครรภ์นัก มีความรู้งู ๆ ปลา ๆ และไม่ได้รับการปรนนิบัติที่ควรต้องมีในระหว่างตั้งครรภ์เขาครุ่นคิด ถ้าตอนแรก ตอนที่เวินเหลียงตั้งท้องดูแลเป็นอย่างดี คิดว่าตอนนี้เด็กคนนี้คงจะแข็งแรงอยู่ในท้องของเวินเหลียง และคงจะมีการดิ้นแล้ว...ถ้าเขาไม่พาฉู่ซืออี๋กลับประเทศ เวินเหลียงก็คงไม่อยากหย่ากับเขาคุณปู่ก็จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า และคงไม่ไปเจอฉู่ซืออี๋ดูเหมือนว่าคุณปู่จะทำเพื่อเวินเหลียง แต่ความจริงแล้วทำเพื่อเขาเพราะคุณปู่รู้ดี หากเขาหย่ากับเวินเหลียง คนที่จะนึกเสียใจต้องเป็นเขาแน่เขาต่างหากที่เป็นฆาตกรฆ่าคุณปู่!เพียงแต่เขากลัวว่าจะทำให้คุณ
ฟู่เจิงทำเป็นฟังเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา แล้วพูดต่อว่า “ฉันจะให้ป้าหวังเอาของกินมาให้”“ฉันใช้ให้คุณออกไป ฟังที่ฉันพูดไม่รู้เรื่องเหรอ?”เวินเหลียงยังคงหลับตา น้ำเสียงราบเรียบเย็นชา “ก็จริง ไม่อย่างนั้นคุณคงไม่จับฉันขังเอาไว้ในห้องนอนหรอก”ฟู่เจิงชะงัก ยืนเงียบอยู่ที่เดิมนานสองนาน “ได้ ฉันจะออกไป พอป้าหวังมาเธอกินให้เยอะ ๆ หน่อยล่ะ”เขาค่อย ๆ เดินออกไปจากประตูห้องพักผู้ป่วย แล้วไปนั่งลงบนเก้าอี้หน้าห้อง ตาแดงก่ำเมื่อได้ยินเสียงประตูดังเอี๊ยดขึ้นมา เวินเหลียงก็ถอนลมหายใจเฮือกหนึ่ง ในตอนนี้เองถึงได้ลืมตาขึ้นมา ขอบตาแดงก่ำ นัยน์ตาคลอไปด้วยน้ำตา และไหลออกมาอย่างต่อเนื่องเผชิญหน้ากับฟู่เจิง เธอมีแต่ต้องกำผ้าปูเตียงแน่น ๆ ควบคุมตัวเองเอาไว้ ถึงจะไม่ทำให้ตัวเองสูญเสียการควบคุมเธอไม่เคยนึกเสียใจขนาดนี้มาก่อน นึกเสียใจที่ชอบฟู่เจิง นึกเสียใจที่แต่งงานกับฟู่เจิงเวินเหลียงรู้ดีว่า ตัวเองไม่มีดวงด้านครอบครัว ครอบครัวต้องมาจากไปทีละคน ๆ เหลือเพียงตัวเธอคนเดียวฉะนั้นเธอถึงต้องการลูกของตัวเองฉะนั้น แม้ว่าเธอจะหย่ากับฟู่เจิง ก็คิดจะคลอดเด็กคนนี้ออกมานี่คือลูกของเธอ!เพียงแต่คามหวังนี้ ท้
เธอชอบโจวอวี่ขนาดนั้น โจวอวี่มาเธอคงอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อยละมั้ง?เมื่อได้ยินดังนั้น ปลายสายก็เงียบไปครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็มีเสียงสอบถามแฝงไปด้วยการตำหนิแว่วดังขึ้นมา “ฟู่เจิง! คุณเป็นคนทำให้เธอแท้งใช่ไหม?! ทำไมคุณถึงไม่ยอมปล่อยเธอไป?”โจวอวี่ถามต่ออีก “โรงพยาบาลไหน? ห้องผู้ป่วยอะไร?”ฟู่เจิงรายงานที่อยู่กับเขาไป“ผมจะไปเดี๋ยวนี้” โจวอวี่พูดจบก็วางสายไปผ่านไปครึ่งชั่วโมง โจวอวี่ก็มาถึงหน้าห้องผู้ป่วย เขาเห็นฟู่เจิงเขาไม่คิดว่าความเหี่ยวเฉาของฟู่เจิงในตอนนี้จะมีสาเหตุมาจากเวินเหลียง ส่วนใหญ่แล้วคงเป็นเพราะประธานกรรมการใหญ่ฟู่คุณปู่ของเขาจากไปเขาแค่นเสียงฮึกับฟู่เจิงทีหนึ่ง ก่อนจะผลักประตูเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยเวินเหลียงคิดว่าเป็นฟู่เจิง เธอหลับตาปี๋ไม่ยอมพูดจาโจวอวี่เดินเข้าไป แล้วนั่งลงตรงข้างเตียง ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “อาเหลียง ฉันเอง”เมื่อได้ยินเสียง เวินเหลียงถึงค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมามองโจวอวี่ “นายมาได้ยังไง?”“ฉันมาเยี่ยมเธอ” โจวอวี่เห็นอาหารเช้าที่วางอยู่บนโต๊ะ เขาถามขึ้นว่า “กินข้าวเช้าหรือยัง? ให้ฉันป้อนเธอไหม?”“ตอนนี้ฉันไม่อยากกินอะไรทั้งนั้น” เวิน